ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] 2U :: ม่านทราย

    ลำดับตอนที่ #3 : ม่านทราย :: Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 54


    Part 2

     

    “เจ้าชื่ออะไร .....”เสียงทรงอำนาจเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินทางมาได้ไม่นาน

    “..................”ไม่มีเสียงตอบกลับมา  ร่างสูงใหญ่จึงกระชับเอวบางให้พิงลงมาพร้อมกับเอื้อมใบหน้ามาดูว่าคนตรงหน้าทำไมไม่ตอบ

    “ก็ไม่ได้หลับนี่   แล้วทำไมเจ้าไม่ตอบที่ข้าถาม”

    “อย่ามาจับตัวข้านะ   ปล่อยมือจากตัวข้าเดี๋ยวนี้เลย!!!”ขึ้นเสียงสูงอย่างออกคำสั่งทันทีเมื่อถูกกอดจากด้านหลังด้วยมือเดียวซึ่งอีกมือก็คอยบังคับม้าไว้

    “ลืมไปแล้วหรือไงว่าเจ้าอยู่ในฐานะอะไร ......  ข้าถามว่าเจ้าชื่ออะไรไม่ได้ให้เจ้ามาออกคำสั่งกับข้าแบบนี้”ใบหน้าที่มีผ้าคลุมปิดไว้เอ่ยถามขึ้นในขณะที่หน้าก็อยู่ใกล้กับใบหน้ามอมแมมมากขึ้น

    “เอาหน้าเจ้าออกไปไกลๆก่อนข้าถึงจะตอบ”ต่อรองอีกครั้งพร้อมกับเอี้ยวหน้าหลบให้ห่างจากใบหน้าที่ถูกคลุมไว้

    “ข้าจะไม่ถามย้ำอีก .....”น้ำเสียงดูกดดันจนเชลยตัวน้อยอยู่ไม่สุขพยายามคิดหาวิธีเนื่องจากไม่อยากเอื้อนเอ่ยชื่อไป  เพราะกลัวอะไรบางอย่าง .....

    “เอ่อ.....  ข้า ....  ข้าชื่อ .....”

    “อย่าแม้แต่จะคิดโกหกข้า   เพราะบทเรียนของคนโกหกเจ้าคงไม่คิดอยากเห็นหรอก”

    “หึ .....  ทำไมข้าต้องโกหก  ก็ได้ในเมื่อเจ้าอยากรู้ข้าก็จะบอก  ชิ!!!   ข้าชื่อยูชอน ....  เลิกถามข้าได้แล้ว”เชลยตัวบางเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด

    “เจ้าไม่ได้เป็นคนทะเลทรายรึ .....(หมายถึงคนที่เกิดที่ซาอุฯน่ะ)”ถูกถามขึ้นอีกครั้ง

    “เอ้ะ!!  ก็บอกว่าอย่าถามๆ  ยังจะถาม อ่ะ ...ทำอะไรน่ะ”เสียงหวานยังพูดไม่ทันจบมือหนาที่เคยกอดหลวมๆอยู่ดีๆก็กอดกระชับแน่นขึ้นจนแผ่นหลังของเชลยเลื่อนไปติดกับแผ่นอกหนา

    “อย่าลืมว่าเจ้าเป็นเชลยไม่มีสิทธิออกคำสั่งหรือโต้แย้งอะไร   ตอบที่ข้าถามเร็วๆ .....”น้ำเสียงบังคับพร้อมกับกอดกระชับมากขึ้นจนเชลยแทบหายใจไม่ออก

    “ก็ได้ ....  แต่อย่ากอด เอ๊ย!!!  อย่ารัดข้าแรงสิข้าหายใจไม่ออก  อ่ะ ....  อย่านะเจ้าบ้า!!!”เมื่อยิ่งร้องห้ามมือหนาก็ยิ่งอยู่ไม่สุขกอดกระชับเชลยร่างเพรียวไม่พอยังจะมาจับๆแถวนมของเชลยอีก

    “เจ้าเหมือนผู้หญิงนะ   ถ้ากลับไปแล้วอาบน้ำทำความสะอาดเสียหน่อยคงดูดีขึ้นเยอะเลยทีเดียว ฮึฮึ”

    “ไอ้บ้า  ไอ้โรคจิต!!!  ข้าเป็นผู้ชาย  ผู้ชายทั้งแท่งเลยอย่ามาตู่ว่าข้าเป็นหญิงนะ!!ร้องบอกอย่างอารมณ์ไม่ดีแล้วจับมือหนามาสัมผัสกลางลำตัวอย่างโมโห

    “อือหึ .....  ผู้ชายจริงๆด้วยแหะ  ฮ่าฮ่า  แค่จับหน้าอกเจ้าข้าก็รู้แล้วไม่เห็นต้องให้ข้าจับลงไปขนาดนั้นเลย  เดี๋ยวเจ้าก็รู้สึกหรอก”มือหนาที่ถูกกดอยู่กลางลำตัวแทนที่จะผละออกกลับกดมือลงไปที่ตรงนั้นมากขึ้นพร้อมกับบีบกระตุ้นลงไปเพียงเบาๆก็ทำให้ร่างตรงหน้าขยับกายไปมาไม่หยุด  มือเรียวที่ถูกมัดไว้พยายามปัดป้องมือหนาไปมาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้   มือหนาที่ดูซุกซนสัมผัสจับต้องส่วนอ่อนไหวของเขาผ่านทางผ้าเนื้อดี

    “อื้อ ....  อย่านะเจ้าบ้า”ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อมือหนาขยับรูดแก่นกายที่มีอารมณ์ขึ้นมาง่ายๆนั้นอย่างช่ำชอง

    “เงียบๆไปน่าถ้าไม่อยากให้คนอื่นๆรู้ว่าข้ากำลังทำอะไรเจ้า”เสียงทรงอำนาจเตือนเพราะว่าตอนนี้เขากำลังเดินทางอยู่กับกองโจรเหยี่ยวทะเลทราย

    “แล้วทำบ้าอะไรกับข้าเนี่ย  เจ้าวิปริตหรือไง!!!  ปล่อยมือนะ  อ่ะ .... อื้อ ... อย่าสิ”เชลยตัวบางขยับตัวไปมาอย่างอดกลั้น  ไอ้โจรบ้าห้าร้อยทำไมมันเก่งอย่างนี้เนี่ย .....  ฮึ่ย .... จะถึงแล้วนะไอ้บ้า ....แถม....  แถมยังทำตอนนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างงี้อีก

    “เจ้านี่รู้สึกไวดีแหะ   เสร็จเร็วเป็นบ้าเลย  ฮึฮึ  ดูสิข้ายังไม่ได้สัมผัสเจ้าตรงๆเลยนะยูชอน”ใบหน้าที่คลุมผ้าสีดำอยู่เอ่ยออกมาพร้อมกับกระชับเอวคนที่อ่อนแรงให้พิงหน้าอกตนมากขึ้น   เสียงหอบน้อยๆหลังจากถึงสวรรค์เรียกให้เจ้าแห่งทะเลทรายหัวเราะเบาๆอย่างถูกใจ

    “ไอ้วิปริต .....”แต่ถึงอย่างนั้นเชลยตัวแสบของเขาก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ลงง่ายๆ

    .

    .

    .

    “เห้ย!!!  จะทำบ้าอะไรเอาชุดข้ามา   พวกเจ้าออกไปเลยนะ  ออกไป  อย่าแตะตัวข้าสิ  อ้าก!!!”เสียงร้องโวยวายดังออกมาจากกระโจมที่เพิ่งปล่อยตัวเชลยเข้าไป

    เสียงโครมครามของข้าวของมากมายที่ตกกระทบพื้นยังดังไม่หยุด   ไม่นานคนที่ถูกสั่งให้เข้าไปรับใช้เชลยก็ถูกเนรเทศออกมาจากกระโจมจนเหลือเชลยอยู่เพียงคนเดียว    ผู้คนที่อยู่นอกกระโจมต่างชะเง้อคอมองเข้าไปอย่างสนอกสนใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดต่อไป    อยู่ๆก็เกิดความเงียบขึ้นเนื่องจากร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวอยู่หน้ากระโจมของเชลย  จากการถามไถ่ถึงเรื่องราวก็ทำให้ร่างกำยำพยักหน้าเรียบๆอย่างเข้าใจก่อนจะโบกมือไล่ให้ข้ารับใช้ไปทำงานอย่างอื่นแทน

    “การิม .....  เตรียมที่อาบน้ำไว้ด้วยแล้วอย่าให้ใครเข้าไปยุ่มย่าม”เสียงทรงอำนาจของเจ้าแห่งทะเลทรายสั่งก่อนผลุบหายเข้าไปในกระโจม

    “บอกว่าอย่าเข้ามาไง!!!”เสียงใสตะโกนลั่นแล้วปาข้าวของไปมั่วๆโดยไม่ดูสักนิดว่าใครเข้ามา

    “.........”หมอนหนุนใบใหญ่ถูกปัดไปอย่างง่ายดายก่อนที่เจ้าของร่างกำยำจะย่างสามขุมเข้ามากระชากข้อมือเชลยที่กำลังอาละวาท

    “อ่ะ!!!  ปล่อยนะ  อย่ามาแตะตัวข้า ....  เจ้านายแกอยู่ไหน  เห้ยๆ!!  บอกให้ปล่อยไง” 

    “หยุดอาละวาดสักทีเจ้าไม่รู้รึว่าอยู่ในฐานะเชลย   ไม่มีสิทธิแม้แต่จะอาละวาทหรือทำร้ายคนของข้าด้วยซ้ำ   หรือว่าอยากเป็นเชลยที่ถูกจับมาทรมานอย่างอดๆอยากๆ   อย่างนั้นข้าก็จัดให้เจ้าได้นะ .....”เสียงทรงอำนาจที่คุ้นเคยทำให้ร่างเพรียวสมส่วนหันขวับไปมองใบหน้าเข้มคร้ามแดดที่สายตาดุดันราวกับเหยี่ยวทะเล   แต่gครื่องหน้ากลับหล่อเข้มคมสัน

    “เจ้า ..... เจ้าๆๆ  เจ้า!!  เจ้าเองรึ  เจ้า .....”ใบหน้าที่ยังมอมแมมอ้าปากกว้างอย่างตกใจ    ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าเจ้าโจรห้าร้อยที่ทำให้เขาอับอายขายขี้หน้าตอนอยู่บนหลังม้า   ไอ้ .... ไอ้ .....

    “ฮึ .... ใช่ข้าเอง  นึกว่าเจ้าจะจำเสียงข้าไม่ได้ซะอีก   อย่างนี้เจ้าก็ความจำดีนะ”

    “ไอ้เจ้าคนวิปริต  ไอ้บ้า  ไอ้คนเถื่อน!!!”ว่าอย่างสาดเสียเทเสียเป็นชุดจนหน้าดำหน้าแดง  ไม่รู้ว่าแดงเพราะโกรธจัดหรืออายเรื่องที่โดนหยามเกียรติกันแน่

    “ด่าพอแล้วก็ไปอาบน้ำ   ข้าไม่อยากไต่สวนเชลยด้วยสภาพหน้ามอมเป็นลูกหมาอย่างนี้หรอก” มือหนายื่นผ้าสะอาดผืนใหญ่ให้เชลย

    “ข้า - ไม่ - อาบ !!!”กอดอกอย่างที่แสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ทำตามที่สั่ง

    “อย่าดื้อกับข้านะ   ข้าบอกให้ทำก็ต้องทำ”เสียงเริ่มเหี้ยมขึ้นจนคนที่เชิดคางอย่างโอหังเหล่สายตามองก่อนจะทำปากขมุบขมิบแล้วคว้าผ้าผืนนั้นมาถือไว้

    “อาบก็อาบสิ   แล้วจะให้ไปอาบที่ไหนเล่า!!!”ร่างเพรียวว่าอย่างฉุนเฉียวถึงดื้อดึงเพียงใดแต่ก็กลัวเป็นเหมือนกันล่ะ   กิตติศัพท์ความโหดของกองโจรทะเลทรายเขารู้ดีและไม่อยากลองของด้วย

    “ตามข้ามา.....”ร่างสูงกำยำเดินนำออกไปจากกระโจม   เชลยช่างใจคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามออกไป   นอกกระโจมนั้นมีชาวทะเลทรายหรือที่เรียกว่าเบดูอินตั้งหลักแหล่งอาศัยอยู่   กระโจมขนาดเล็กใหญ่มากมายตั้งอยู่กระจัดกระจายไม่ห่างไป   ใบหน้ามอมแมมมองสถานที่อย่างสำรวจและจดจำรายละเอียดเพื่อคิดหาทางหนีทีไล่  ดวงตากลมใสมองโน้นมองนี่อย่างสนใจจนลืมดูไปว่าคนที่เดินนำหน้าไปนั้นหยุดฝีเท้าแล้วยืนรออยู่

    “โอ๊ะ!!!  นี่เจ้าหยุดทำไมเนี่ย ....”ใบหน้ามอมชนเข้ากับแผ่นหลังกว้าง

    “อย่าแม้แต่จะคิดที่จะหนีหรือทำอะไรให้คนที่อยู่ที่นี่เดือดร้อน”น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยเตือน  แววตาที่ดุอยู่แล้วก็ดุขึ้นไปอีก   เชลยร่างเพรียวจึงหดคอลงอย่างลืมตัว

    “เจ้านี่ท่าจะประสาท   ก็ข้าเป็นเชลยอยู่นี่ถ้าข้าหนีได้ก็แปลว่าพวกของเจ้าน่ะไม่ได้เรื่อง  ดันโง่ปล่อยให้เชลยหนีไปได้เอง”เชลยที่ดื้อรั้นยังต่อปากต่อคำไปเรื่อย  ร่างสูงใหญ่หยุดชะงักขาก่อนจะก้าวอาดๆเดินมาคว้าแขนเรียวพร้อมกับเพิ่มแรงบีบลงไปแรงๆ

    “เชลยอย่างเจ้านี่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเอาซะเลยนะ .....  เป็นเชลยสูงศักดิ์ดีๆไม่ชอบใช่ไหม  ถึงได้อยากลดตัวลงไปเป็นเชลยเยี่ยงทาสน่ะ  หึ!!” แรงบีบที่ข้อมือทวีแรงมากขึ้นจนใบหน้ามอมแมมบิดเหยเก  มือเรียวพยายามบิดออกแต่ก็ไร้ผล

    “ปล่อยมือข้านะ    เจ้าวิปริต!!

    “เจ้านี่มัน .....  ถ้าไม่ได้บทเรียนก็คงไม่หลาบจำใช่ไหม”ใบหน้าหล่อเข้มยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้ามอมแมม   ตากลมใสเบิกกว้างก่อนจะอ้าปากไล่อย่างที่เคยทำ

    “ออกไปนะ  ... อ่ะ .... อุ้บ .....”อ้าปากเตรียมไล่แต่ก็ถูกปิดปากอิ่มด้วยจูบจาบจ้วงที่รุนแรงและโหดเอาเรื่อง   เนิ่นนานกว่าจะรู้สึกตัวเมื่อมือเรียวทุบตีอกแกร่งเพื่อบอกว่าตนกำลังขาดอากาศหายใจ

    “สงบปากสงบคำเจ้าไปได้แล้ว”ร่างสูงกำยำผละออกไปทิ้งไว้แต่ร่างเพรียวของเชลยที่กำลังยืนอึ้งกิมอี่จากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป

    “อะ ...ไอ้บ้า  ไอ้วิปริต   ง่า ....  ทุเรศที่สุดเลย  ไอ้โรคจิต”หลังจากที่โดนจูบไปจากที่ชอบโวยวายตะโกนลั่นร่างเพรียวสมส่วนก็เปลี่ยนมาเป็นบ่นงึมงำแล้วเดินตามร่างสูงนั้นไปตลอดทาง

    “ถึงแล้ว ......  ที่อาบน้ำของเจ้า”มือหนาชี้ไปที่สระน้ำโอเอซิสขนาดปานกลาง   น้ำสีใสสะท้อนแสงแดดยามเย็นจนเป็นสีส้มอมแดงน่าลงไปแหวกว่ายให้ชื่นใจ   แต่เชลยที่ถูกจับมาอ้าปากค้าง .....

    “บ้าหรอ!!  จะให้ข้าเนี่ยนะอาบน้ำในที่แบบนี้  เจ้าบ้ารึไง   นี่มันที่โล่งชัดๆเดี๋ยวมีคนมาแอบดูข้าอาบน้ำจะทำไงห้ะ!!”ขึ้นเสียงสูงอย่างลืมตัวก่อนจะสบเข้ากับสายตาอำมหิต

    “แล้วไง .... เจ้ามีสิทธิเลือกที่อาบน้ำได้ด้วยหรือ  เชลยที่ไหนจะสุขสบายชี้มือสั่งให้คนทำอย่างใจได้  เจ้าอยู่ที่นี่ไม่มีสิทธิเรื่องมากจำไว้ด้วย   ข้าให้โอกาสเจ้าจะอาบหรือไม่อาบ  ถ้าไม่อยากอาบก็กลับ  เสียเวลาข้าจริงๆ”ร่างสูงเตรียมท่าจะหมุนตัวกลับแต่เชลยมากเรื่องก็ร้องห้ามขึ้นเสียก่อน

    “ก็ได้ๆข้าจะอาบ   แต่ว่าเจ้าจะไปไหนก็ไป ไป๊!!

    “ข้า - ไม่ - ไป”เอ่ยออกมาหน้าตาเฉยแถมยังนั่งแหมะลงบนโขดหินพร้อมหันหน้าเข้าสู่บ่อโอเอซิส

    “จะบ้าหรอไอ้วิปริต   ข้าเพิ่งโดนเจ้าทำเรื่องน่าอายมานะ  ไม่มีทางที่ข้าจะอาบน้ำโดยมีเจ้ามองอยู่ทนโท่อย่างนี้หรอก”

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องอาบกลับกระโจมพร้อมด้วยกลิ่นตัวที่เหม็นหึ่งอย่างนี้นี่แหละ”ทำท่าจะลุกขึ้นแต่เชลยเรื่องมากก็เอ่ยขัดไว้

    “ก็ได้ๆ  อาบก็อาบ ชิ!!”ยอมจำนนในที่สุด   ด้วยที่ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันเนื่องจากการเดินทางทำให้เห็นบ่อน้ำนี่แล้วก็เกิดอาการคันๆอยากล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อย  เหอะ .....  ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายต่อให้ก่อนหน้านี้โดนเจ้าวิปริตนี่ลวนลามก็เถอะ   ก็เท่านั้นล่ะน่า   ถ้าเห็นหุ่นผู้ชายด้วยกันอาบน้ำคงไม่เกิดอารมณ์ลงมาไล่ปล้ำเขาหรอกนะ  เอ้ะ!!!  หรือมันจะลงมา 0..0  มองกลับไปที่ร่างสูงใหญ่อย่างหวาดระแวง .....  ไม่หรอกๆๆ   ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ใส่กางเกงลงไปด้วยเลยแล้วกัน  หุหุ

    “..................”ร่างเพรียวสมส่วนก้าวขาที่ยังใส่กางเกงลงไปในน้ำเย็นช้าๆโดยมีร่างสูงใหญ่มองอยู่ทุกการกระทำ    รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากเมื่อเห็นว่าเชลยไม่ไว้ใจที่เขามาคุม   เออเนอะ ....  เชลยคนนี้ช่างแปลกจริงๆ

    ใบหน้ามอมแมมดำลงไปในน้ำใสก่อนจะโผล่ขึ้นมาพร้อมกับขยี้ใบหน้าที่มอมแมมให้น้ำสะอาดชะล้างออกให้หมด   ใบหน้าขาวใสที่ต่างจากชาวทะเลทรายปรากฏชัดขึ้นทันทีทำให้คนที่มองดูอยู่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย   ผิวขาวๆที่คล้ำไปบ้างเล็กน้อยจากที่โดนแดดแรงๆมาหลายวันไม่ได้หมองลงจนทำให้กลืนไปกับชาวทะเลทรายที่นี่   ร่างสูงกำยำขมวดคิ้วลงอย่างแปลกใจมากขึ้นแต่จากที่ลองคิดให้ดีๆ  เชลยที่จับมาได้นี่อาจไม่ใช่ชาวทะเลทรายก็เป็นได้  จากชื่อที่ถามมาก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี

    “ยูชอน .....  ชื่อนี้ทำไมเหมือน .....  หรือว่าจะใช่!!!”ร่างสูงใหญ่พึมพำบ่นกับตัวเองเบาๆก่อนจะเพ่งพิจารณาคนตรงหน้ามากขึ้น   เชลยตรงหน้าช่างมีเสน่ห์ถึงแม้จะปากคอเราะร้าย   แต่หลังจากจับมาได้แล้วก็รู้สึกว่าตัวเขาเองแสดงอารมณ์ได้หลากหลายมากขึ้นทีเดียว  อย่างน้อยเชลยคนนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะสืบจนรู้ว่าเดินทางมาที่หุบเขาคาโรว์ด้วยจุดประสงอะไร

    “ขึ้นมาได้แล้วเจ้าเชลย”ร่างสูงใหญ่ตะโกนขัดความสุขของร่างเพรียวที่กำลังแหวกว่ายอย่างลืมฐานะเชลยของตนเองไป

    “รู้แล้ว!!!”ตะโกนตอบมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับร่างขาวๆเดินขึ้นมาจากบ่อโอเอซิส   ร่างสูงถึงกับต้องเบือนหน้าหนีความขาวเนียนเปล่งประกายของคนตรงหน้า

    “นี่จะไปได้รึยังข้าหนาวจะแย่ ....”เชลยจอมเรื่องมากพูดพร้อมกระชับผ้าสะอาดเข้าแนบกาย  ร่างสูงใหญ่มองเรือนร่างเพรียวอย่างพิจารณา ......  กางเกงที่ใส่ลงไปอาบน้ำตอนนี้กำลังแนบไปตามร่างกายช่วงล่างยิ่งเผยให้เห็นสัดส่วนเพรียวออกไปทางบางๆของเชลย   ส่วนที่โผล่พ้นออกมาจากเนื้อผ้าก็ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะจนคนมองต้องกลืนน้ำลาย   ผู้ชายอะไรมีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันจริงๆ   เดี๋ยวพ่อก็จับทำเมียซะหรอก  เอือก

    “ไอ้วิปริตหยุดความคิดบ้าๆของแกเลยนะ!!!  หยุดมองแล้วพาเดินกลับไปได้แล้ว”เชลยที่ถูกจับมาออกคำสั่งอีกครั้งอย่างลืมตัว

    “เจ้านี่ลืมกฎของการเป็นเชลยอีกแล้วนะ  สอนไม่เคยจำจริงๆอย่างนี้คงต้องสั่งสอนซะบ้างแล้ว”ว่าจบร่างสูงใหญ่ก็เข้าประชิดร่างเพรียวสมส่วนทันที  มือหนากระชากผ้าสะอาดที่ห่อหุ้มร่างขาวผ่องนี้ออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับเชยคางเรียวขึ้นให้รับจูบจาบจ้วงที่กำลังจะมอบให้

    “ปล่อยนะไอ้วิปริต   โรคจิต ....  คิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าจูบข้าอีกงั้นหรอ  ฝันไปเถอะ!!!”ดิ้นขัดขืนอย่างสุดแรงเกิดแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เมื่อแขนแกร่งนั้นกอดเขาไว้อย่างกับครีมเหล็ก   ใบหน้าขาวสะบัดไปมาอย่างขัดขืนจูบนั้นทำให้ร่างสูงใหญ่หงุดหงิดใจก่อนเปลี่ยนตำแหน่งจากปากอวบอิ่มลงมาที่ซอกคอขาวผ่องแทน

    “เห้ย!!  อย่านะ  ตรงนั้นมัน ....  อื้อ ...  อย่าสิ”ตรงนั้นมันเป็นจุดอ่อนและไวต่อสัมผัสของร่างสมส่วนเลยเชียวล่ะ  ฟันขาวที่เรียวเป็นระเบียบของร่างสูงขบกัดทำรอยแดงไปทั่วลำคอขาว    ร่างกายที่ตอนแรกออกแรงสู้อย่างสุดฤทธิ์ตอนนี้อ่อนปวกเปียกไม่เหลือคราบเชลยแสนดื้อดึง

    “อื้อ ...  อย่า .... ปล่อยนะ”เชลยดื้อก็ยังเป็นเชลยแสนดื้ออยู่ดี  ถึงจะไร้เรี่ยวแรงเพราะกำลังเสียวๆอยู่แต่ปากก็ยังไม่ยอมแพ้ยังไงก็ไม่ยอมง่ายๆหรอก

    “จุดอ่อนเจ้าหรอเนี่ย  หืม .....”เงยหน้าหล่อเข้มขึ้นมองใบหน้าขาวที่กำลังขึ้นสีแดงเป็นริ้วๆอย่างขบขัน   อารมณ์ถูกปลุกง่ายจริงๆเลยเชลยคนนี้

    ร่างสูงจัดการร่างเพรียวให้ไปนั่งที่โขดหินแล้วเลื่อนใบหน้าขึ้นไปคลอเคลียจูบปากอิ่มเบาๆ  มือหนาสัมผัสจับต้องเรือนร่างขาวผ่องไปมาไม่หยุด   ผิวกายเชลยคนนี้ช่างลื่นมือและนุ่มนิ่มราวกับจับต้องผิวกายสาวแรกแย้มเลยทีเดียว มือหนาเลื่อนลงต่ำไปหยอกล้อหน้าท้องแบนไร้ไขมันก่อนจะหยุดอยู่ที่กางเกงเตรียมจะล้วงเข้าไปภายในหากสายตาไม่พลันไปเห็นพุ่มไม่ที่ขยับไปมา

    “ใคร!!!  ข้าถามว่าใคร!!?”ร่างสูงหยุดมือพร้อมกับตะโกนถามเสียงดัง     ร่างเพรียวที่กำลังเคลิ้มก็ได้สติรีบลุกขึ้นยืนแล้วหันซ้ายหันขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก  กะ ... เกือบเสียตัวแล้วตรู

    “เอ่อ .... การิมเองครับจ้าว  เห็นจ้าวหายไปนานก็เลยมาดูไม่คิดว่าจะ  เอ่อ .... รบกวนจ้าว”

    “ขอบใจ ...... ไปเถอะ  ข้ากำลังจะไปแล้ว”ร่างสูงออกคำสั่งให้ลูกน้องเดินไปก่อน   สายตาดุดันราวกับเหยี่ยวกำลังมองเรือนร่างขาวผ่องอย่างสำรวจก่อนจะเดินนำหน้าเชลยไป

    “ทำไม ....  เจ้าคนนั้นถึงเรียกเจ้าว่า จ้าวล่ะ   ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์เสียหน่อยหรือเจ้าสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเอง”

    “เงียบแล้วเดินตามมา”

    .

    .

    .

    หงุดหงิดๆๆๆ  เชลยร่างเพรียวก้าวเดินไปมาอยู่ในกระโจมเป็นรอบที่เกือบร้อย    ทั้งลุกทั้งนั่งจนจะชักตายอยู่แล้วก็ไม่มีใครเข้ามาสนใจ  ไอ้คนวิปริตชอบฉวยโอกาสนั่นก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้าตอนนี้ก็เย็นค่ำลงไปแล้วยังไม่โผล่มาให้เห็น   ไม่ได้คิดถึงหรือพิศวาสอะไรหรอกนะถ้าไอ้เจ้าบ้านั่นไม่สั่งให้คนมายืนเฝ้าหน้ากระโจมพร้อมออกคำสั่งไม่ให้เชลยคนนี้ออกไปไหน   กรีดร้องโหยหวนได้ไหมเนี่ย  ฮือๆๆ

    เมื่อเห็นว่าเดินไปมากี่รอบก็คงไม่สามารถทำอะไรได้   ร่างสมส่วนก็นั่งแหมะลงที่พื้นพรหมก่อนจะมองไปที่หน้ากระโจมอีกครั้งเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเข้ามา    มือเรียวล้วงเข้าไปในผ้าตรงตำแหน่งหน้าอกก่อนจะหยิบห่อผ้ากำมะหยี่ที่ได้รับภารกิจออกมา   ใบหน้าหวานมองสิ่งที่ถืออยู่ในมืออย่างครุ่นคิด .....

    “เอาไว้กับตัวเราจะปลอดภัยไหมเนี่ย ....  ไอ้เจ้าคนวิปริตนั่นวันดีคืนดีเข้ามาล้วงควักตัวเราจะทำยังไงล่ะเนี่ย  เห้อ ...  ให้ตายเถอะน่า  ท่าน ไม่น่าหาเรื่องเจาะจงให้เราต้องเก็บสิ่งนี้ไว้เลย  เห้อ....”บ่นพึมพำๆอยู่คนเดียวพร้อมกับสอดส่ายสายตาหาที่ซ่อนก่อนจะสบสายตาเข้ากับกล่องไม้บนหัวเตียง  ร่างสมส่วนรีบลุกขึ้นแล้วเปิดออกดูทันที

    “กล่องเปล่าเสียด้วยสิ ....  ฝาก ของ นี้ไว้ในนี้แล้วกัน”มือเรียวถือกล่องไว้แล้วกวาดสายตาหาที่ซ่อนกล่องไม้นี้อีกครั้ง   เท้าเรียวเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบก็ยังไม่นึกไม่ออกจนกระทั่งนึกได้ว่าพื้นพรหมที่เหยียบไม่เรียบราวเท่าไรน่าจะมีช่องโหว่เชลยแสนดื้อจึงจัดการเลิกพรหมขึ้นก็เห็นเป็นช่องขนาดพอดีใต้พื้นพรหม

    “ฮึฮึ  ฉลาดจริงๆเลยเรา”หัวเราะชอบใจแล้วซ่อนกล่องไว้ในที่ๆคิดว่าน่าจะปลอดภัย

    .

    .

    .

    ดึกๆทีเดียวที่เชลยในกระโจมหลับใหลไปแล้วจึงปรากฏร่างสูงใหญ่ของใครบางคนขึ้นภายในกระโจม   ใบหน้าหวานมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้แขกผู้มาเยือนเผลอยืนมองอยู่นานก่อนจะเดินออกไปนอกกระโจม

    “พรุ่งนี้ให้ออกมาเดินเล่นได้แต่ต้องดูอย่าให้คลาดสายตา   ถ้าเชลยอยากทำอะไรก็ปล่อยให้ทำไป   แต่ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ให้กลับเข้ามาในกระโจม    เรื่องที่นี่เราฝากเจ้าด้วยเราคงต้องใช้เวลาอยู่ในเมืองสักพัก”

    “ครับจ้าว”

    .

    .

    .

    หาว .....  เชลยร่างเพรียวบิดกายไปมาบนที่นอนแสนนิ่มที่ทำจากขนแกะฝีมือดี  ใบหน้าขาวหวานของเชลยมองการเคลื่อนไหวของสาวรับใช้ที่นำอาหารมากมายเข้ามาให้   ตากลมสวยมองสาวใช้ทีละคนก่อนจะประเมินว่าคนไหนน่าจะเป็นมิตรและหลอกถามง่ายที่สุด

    “เอ่อ ....  เจ้าน่ะชื่ออะไรรึ”เสียงนุ่มนวลจากเชลยเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร   สาวรับใช้ที่ถูกถามง้างปากเตรียมจะบอกหากแต่ถูกสาวรับใช้อีกคนที่ท่าทางเอาเรื่องพูดขัดไว้ก่อน

    “จ้าวบอกให้เอาแค่อาหารมาให้เชลยกินเท่านั้น   ไม่ได้สั่งให้พูดคุยกับเชลย  ไปเถอะราฟาล!!!”ว่าจบสาวรับใช้ก็เดินออกไปทั้งขบวน   เชลยมองตามสาวรับใช้พวกนั้นออกจนหมดทุกคนก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะใสๆออกมา

    “ฮ่าฮ่าฮ่า   เออนะ   จงรักภักดีกับเจ้าคนวิปริตต่อไปเถอะ  ฮึฮึ  ราฟาลหรอ....  เด็กคนนี้ท่าทางจะเชื่อคนง่ายอยู่หรอก”

    เมื่อกินอาหารที่ถูกเตรียมมาให้จนอิ่มแล้วร่างเพรียวก็เดินไปมาในกระโจมอย่างใช้ความคิด   วันนี้ต้องทนอยู่ในกระโจมนี่ทั้งวันอีกหรอเนี่ย   น่าเบื่อ ....  อยากออกไปดูทางหนีทีไล่  น่าหงุดหงิดอะไรอย่างนี้เนี่ย!!!   ขาเพรียวก้าวอาดๆออกจากกระโจมกะว่าจะอาละวาทเจ้าคนเฝ้ายามให้หายเครียดแล้วก็คงถูกส่งเข้ามาในกระโจมอีกหน   แต่เอ้ะ ....  พอออกมายืนประจัญหน้ากับคนเฝ้ายามก็ไม่เห็นจะว่าอะไรที่เชลยออกมาอย่างนี้

    “ทำไม!!  หรือวันนี้ออกมาได้แล้วหรอ ....”เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจคนเฝ้าหน้าประตูก็ไม่พูดอะไร  เชลยหน้าหวานจึงก้าวถอยหลังทีละก้าวเมื่อเห็นคนเฝ้าหน้าประตูไม่ว่าอะไรก็ยิ้มเผล่

    “อะไรจะง่ายปานปอกกล้วยอย่างนี้  ฮึฮึ”หันหลังให้กระโจมทันทีพร้อมก้าวเดินไปรอบๆอย่างสนอกสนใจ  หากแต่รู้สึกได้ว่าทุกฝีก้าวที่เดินมีใครบางคนกำลังจับตามองอยู่   เมื่อร่างเพรียวหันกลับไปก็พบกับคนเฝ้าประตูที่เดินตามเชลยแสนดื้อคนนี้ออกมา

    “นี่เจ้า!!! ......”เชลยหน้าหวานทำท่าจะต่อว่าหากก็ครุ่นคิดก่อนจะจิ๊ปากแล้วหันหลังก้าวเดินต่อ

    “เจ้าวิปริตนั่นไม่ได้ใจดีอะไรสักหน่อย  ชิ!!!

    .

    .

    .

    ล่วงเข้ามาวันที่ห้าแล้วกับการเป็นเชลยอยู่กลางทะเลทรายอย่างนี้   วันนี้เชลยตัวบางไม่ยอมออกมาจากกระโจม  ไม่ยอมแตะข้าวปลาอาหารตั้งแต่มื้อเช้าจนถึงมื้อเย็น   ข้ารับใช้ที่เข้ามาก็ถูกอาละวาทจนต้องถอยร่นออกไป  ใบหน้าดื้อรั้นดูหงุดหงิดไม่น้อยพร่ำแต่จะอาละวาทและบอกว่าจะพบเจ้าแห่งทะเลทรายที่เป็นหัวหน้ากองโจรนี้อย่างเดียว

    “จ้าวครับเชลยของจ้าวไม่ยอมกินอาหาร  ไม่ยอมออกมาจากกระโจม  แถมอาละวาทจนญารีลได้แผลและยังพูดแต่ว่าจะเจรจากับจ้าวอย่างเดียวเลยครับ   เอายังไงดีครับจ้าว”การีมคนสนิทที่ได้รับหน้าที่เฝ้ากระโจมของเชลยรีบมารายงายเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายกลับมาแล้วหลังจากหายไปหลายวัน

    “แผลงฤทธิ์ขนาดนั้นเชียว .....  หึหึ    เอาเถอะถ้าอยากเจอเจ้าแห่งทะเลทรายมากนัก   ข้าก็จะไปเจอให้”เสียงทรงอำนาจที่ดูสบายอารมณ์นั้นทำให้คนสนิทถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ  ก่อนจะคิดในใจว่าสงสัยจ้าวจะทำงานหนักมากเกินไปถึงได้ดูสบายอารมณ์ขนาดนี้ทั้งๆที่ปกติคงตีหน้าโหดใส่แล้ว

    “ว่าแต่ญารีลไม่เป็นไรมากใช่ไหม”

    “ไม่ครับ  แค่แผลฟกช้ำนิดหน่อย”

    “บอกนางว่าไม่ต้องทำงาน  ให้นางไปพักผ่อนเถอะ”

    “ครับจ้าว”การีมคนสนิทรับคำก่อนจะจุดยิ้มภูมิใจขึ้นที่มุมปาก   จ้าว ..... ก็เป็นอย่างนี้แหละภายใต้น้ำเสียงและท่าทางที่ดูป่าเถื่อนโหดร้ายก็มักจะใส่ใจและดูแลคนในปกครองอย่างดีเสมอมา

    .

    .

    .

    “เชลยอย่างเจ้านี่น่าฆ่าหมกทะเลทรายนัก”เสียงทรงอำนาจดังขึ้นทำให้ร่างเพรียวหันกลับมามอง  ใบหน้าดื้อดึงชื้นเหงื่อไม่รู้ว่าด้วยอุณหภูมิหรือเหนื่อยจากอาละวาท

    “เจ้า!!!   ดีเลยมาก็ดีแล้วคนที่นี่ไม่มีปากมีเสียงหรือไง  ข้าถามใครก็ไม่มีใครตอบที่ข้าถามหรือว่าจะเป็นใบ้กันหมด ....  เอาเถอะๆ  หัวหน้าของพวกเจ้าน่ะข้าอยากเจอ  ข้ามีเรื่องจะเจรจากับเขา”ร่างเพรียวยืนกอดอกใบหน้าดื้อดึงดูไม่สบอารมณ์

    “แล้วเจ้ามีอะไรที่จะเจรจาล่ะ ......”ร่างกำยำมองเชลยแสนดื้อดึงด้วยสายตาคมกริบ

    “เอ้ะ!!!  ก็ข้าบอกว่าจะเจรจากับหัวหน้าของพวกเจ้า  โอ้ย ....  บ้าไปแล้ว  ฟังกันไม่เข้าใจรึไงห้ะ!!”มือที่กอดอกปล่อยลงข้างตัวพร้อมเอ่ยขึ้นเสียงด้วยความเคยชิน

    “เจ้าเป็นเชลยและข้าก็ย้ำบ่อยๆว่าเจ้าเป็นเชลย   นิยามคำว่าเชลยไม่เป็นรึไง .....  รึที่ข้าปล่อยให้เจ้าเดินเผ่นผ่านสำรวจทางหนีทีไล่มันทำให้เจ้าลืมตัว   หรือว่าเจ้าหงุดหงิดที่ข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระขนาดนี้แต่ยังหาทางหนีออกไปไม่ได้  หือ ....”ใบหน้าหล่อเข้มยักคิ้วกวนประสาทเชลยพร้อมด้วยคำพูดแทงใจ

    “ข้ายังไม่ได้หนีนะเจ้าเอาอะไรมาพูด   ที่ ....  ที่ข้าเดินไปทั่วก็เพราะข้าเบื่อ  มันน่าเบื่อยังไม่ได้คิดหนีสักหน่อย!!!”เถียงกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำอยากจะเข้าใจว่าโกรธแต่อีกใจก็มั่นใจว่าอายที่โดนอ่านท่าทีได้ทะลุปุโปร่ง

    “อือหึ ..... แล้วมีธุระอะไรกับเจ้าแห่งทะเลทราย”กวนอารมณ์เชลยจนพอใจจึงวกกลับเข้าเรื่อง

    “มันเป็นธุระของข้ากับเจ้านายของเจ้าแค่สองคนเท่านั้น  คนอื่นข้าไม่เจรจาด้วย”

    “อืม .....  เรื่องคงใหญ่โตมากสินะถึงต้องเจรจากับเจ้าแห่งทะเลทรายเนี่ย”น้ำเสียงดูล้อเลียนจนเชลยต้องค้อนขวับอย่างไม่พอใจ

    “ใหญ่สิ  ใหญ่มาก  ใหญ่มากๆ  ใหญ่มากด้วย”

    “เจ้าแห่งทะเลทรายคงไม่ว่างคุยกับเจ้าหรอก   ช่วงนี้ธุระเยอะน่ะ”

    “หัวหน้ากองโจรอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะจะมีธุระเยอะแยะขนาดนั้น  วันๆพวกเจ้าไม่ได้คิดแต่แผนจะปล้นอย่างเดียวรึไง   ปล้นเอาของมีค่าคนอื่นไปขายมาเสวยสุขน่ะ”เชลยแสนดื้อว่าอย่างถากถางพร้อมส่งสายตาดูแคลนมาให้

    “อืม ....  ที่เจ้าพูดมามันก็ถูกน่ะนะ   ก็ตอนนี้ข้ากำลังวางแผนจะปล้นคนของรัฐซาฮาร์ลที่กำลังเดินทางผ่านหุบเขาแห่งนี้อยู่   ไม่รู้ว่าไม่เข็ดหรือไรถึงยังได้ส่งพวกมาตายอีก”คำพูดดูเย้าแหย่แต่เชลยร่างเพรียวได้ฟังแล้วกลับไม่รื่นหูเอาเสียเลย   ใบหน้าดื้อดึงดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    “หมายความว่าไง!!!   ซาฮาร์ลจะส่งคนมาที่นี่อีกหรอ ......  แล้วพวกเจ้าน่ะ  เจ้าแห่งทะเลทรายกำลังวางแผนจะฆ่าพวกเขาหรือ  ไม่นะ!!  พาข้าไปหาเจ้าแห่งทะเลทรายเดี๋ยวนี้เลย  เร็วสิ!!”เชลยพูดอย่างร้อนรนแต่ร่างสูงใหญ่กลับอยู่นิ่งไม่ขยับกายไปไหน

    “ก่อนอื่น .....  เจ้าตอบคำถามข้ามาก่อนข้าถึงจะพาเจ้าไปหาคนที่อยากเจอ”ร่างสูงดึงแขนเรียวให้ไปนั่งที่เตียงนิ่มอย่างไม่เบามือนัก

    “จะถามอะไร!!”เมื่อถูกลากมานั่งราวกับจะถูกสอบสวนเช่นนี้สัญชาตญาณป้องกันตัวทำให้สองมือน้อยๆยกขึ้นกอดอกระวังภัย

    “คณะเดินทางของเจ้าเดินทางผ่านเส้นทางนี้ทำไม  มีจุดประสงค์อะไร  บอกมา ......”น้ำเสียงไม่ได้กระโชกโฮกฮากหากแต่มันทรงอำนาจและกดดันจนเชลยแสนดื้อต้องเสสายตาหลบไปทางอื่น

    “เอ่อ ....  คือ .....”

    “อย่าโกหกข้ายูชอน  มองตาข้า”เป็นไม่กี่ครั้งที่ถูกเรียกชื่อ   มือหนาเชยคางเรียวให้หันกลับมาสบสายตาดุดันราวกับเหยี่ยวทะเลทราย  ดวงตากลมใสกำลังครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั่นคือสิ่งที่ดวงตาดุดันเห็นและทราบดีว่าคาดคั้นไปเชลยแสนดื้อคนนี้คงไม่บอกความจริง

    “เจ้าเลือกที่จะโกหกและยอมตายเสียดีกว่าจะตอบความจริงงั้นหรือ ......  ไม่เป็นไรตอนนี้เจ้ายังไม่บอกข้าแต่สักวันข้าเชื่อว่าเจ้าจะยอมบอกข้าแต่โดยดี  ยูชอน.....”

    “แล้ว .....  ข้าอยากจะพบเจ้าแห่งทะเลทราย  หัวหน้าของเจ้า ....  เดี๋ยวนี้  ตอนนี้เลย”

    “หึ ......  เจ้านี่น้า .....  เจ้าก็กำลังพบแล้วก็ยังได้พูดคุย โต้เถียง .......  ตอนนี้  เดี๋ยวนี้ไง”รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากใบหน้าคมเข้มชั่วแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไปราวกับตาฝาด   แต่นาทีนี้ร่างเพรียวไม่ได้ใส่ใจเท่ากับอารมณ์ตาโตอ้าปากค้างที่แสดงให้เจ้าแห่งทะเลทรายเห็นเต็มสองตา

    “เจ้า ....  เจ้าเป็น งั้นหรือ ....”

    “หยุดทำท่าอย่างนั้นเสียที ..... ข้าไม่ว่างพอมาดูเจ้าทำหน้าทำตาอย่างนั้นหรอกนะเดี๋ยวมันจะเสียเวลาข้าไปปล้นฆ่าหมด”เอ่ยกวนด้วยอารมณ์ขบขันแต่ใบหน้าก็ยังฉายแววเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆชวนให้คนฟังเข้าใจไปตามที่พูดจริงๆ

    “เดี๋ยวๆ!!!  มะ .... มาเข้าเรื่องดีกว่า”เมื่อได้สติก็รีบพูดทันที

    “เรื่องที่ข้าอยากเจรจาก็คือ ........”


    TBC




    Me :   Happay New Year~~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×