ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] TaoKacha ::〖My Status's เมียแต่ง〗

    ลำดับตอนที่ #1 : [Fic] TaoKacha ::〖My Status's เมียแต่ง〗► INTRO ◄

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 55



    ► INTRO ◄

     

    เสียงเปียโนทำนองแสนเศร้าดังขับกล่อมไปทั่วบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่ในช่วงรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่  ท่วงทำนองไพเราะจับใจดังก้องไปทั่วบริเวณที่เงียบสงบ   มือหนาพรมนิ้วลงบนเปียโนสีขาวครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดบทเพลงนี้ลงได้   บนใบหน้าขาวจัดที่บ่งชัดว่าไม่อยู่ในช่วงที่ใครจะเข้ามายุ่งวุ่นวาย   หนวดเคราขึ้นประปรายจากการที่ขาดการดูแลเอาใจใส่   ไม่ใช่ไม่มีเวลา  แต่ความรู้สึกของร่างสูงในตอนนี้ไม่อยู่ในช่วงที่จะเอาใจใส่ตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

    ตึง!!

    เสียงเปียโนที่ดังขึ้นแตกต่างจากทำนองแสนเศร้าก่อนหน้านี้   กำปั้นขาวจัดทุบแรงๆลงบนคีย์บอร์ดอย่างใส่อารมณ์   น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินลงบนใบหน้าที่ขาดการดูแลเอาใจใส่

    “อึก .... ขอโทษ ..... ฉันขอโทษ ..... กลับมานะ .... ฉันขอโทษ ....”พร่ำพูดเรียกหาใครบางคนอยู่เนิ่นนานแต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา   เขาเป็นบุคคลเดียวที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกใสที่หม่นหมองนี้เพียงลำพัง .....

    ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว .... ที่ตรงนี้  เคยมีร่างเล็กๆแสนบอบบางนั่งอยู่เคียงข้าง   มือเรียวสวยพรมนิ้วบรรเลงจังหวะแสนไพเราะด้วยใบหน้าที่สุดแสนจะคิดถึง   แต่คนๆนั้นจากไปแล้ว .... และมันเป็นความผิดของเขาเอง   ทั้งที่มีของมีค่าอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่เก็บรักษาไว้ให้ดีๆพยายามแต่จะผลักไสมันออกไป   และตอนนี้ ..... แม้แต่คำพูดขอโทษก็ไม่มีแม้แต่โอกาสได้เอ่ยออกไปให้เจ้าตัวได้ฟังเลยด้วยซ้ำ

    “ฉันขอโทษ ........”คำพูดที่เป็นดังลมแผ่วเบา   ในเมื่อไม่มีผู้ใดรับฟัง  ไม่มีคนตอบรับคำลอยๆนี้  คำๆนี้ก็ไม่ต่างจากลมแผ่วเบาที่พัดผ่านมาแล้วเลยผ่านไป .... ไร้ค่าและไร้ซึ่งคนรับฟัง
     


     

    “วันนี้แกจะไม่ไปทำงานหรอเจ้าเต๋า   มานั่งอุดอู้ทำไมในห้องนี้ ....”เสียงหนึ่งดังขึ้นตรงประตูทางเข้า   ใบหน้าขาวจัดที่กำลังก้มมองกระดาษในมืออยู่จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น   ชายมีอายุที่ผมขึ้นสีดอกเลาตามกาลเวลากำลังเดินตรงมาหาเด็กหนุ่มที่เป็นลูกชายคนเดียวของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็น   แต่มันเป็นอย่างนี้มาร่วมปีแล้วจะให้ทำอย่างไรได้

    “พ่อ ..... ผมมันแย่มากเลยหรอ   ไม่น่าให้อภัยเลยใช่ไหม  เมียผมถึงทิ้งผมไปไม่กลับมาแบบนี้ ...”นั่งหมดสภาพอยู่ที่มุมห้องแล้วเงยหน้าถามบิดาที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า

    “....................”เงียบแล้วมองสำรวจลูกชายที่เคยหล่อเหลาและครั้งหนึ่งยังเคยได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอยอันดับต้นๆของเมืองไทย“ลุกไปบริษัทได้แล้ว  แยกแยะเรื่องงานให้ได้หน่อยสิวะไอ้เต๋า   แล้วใบหย่านั่น .... เซ็นมันสักที แกเคยต้องการให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรอ”

    “................ ผมไม่ต้องการมันแล้ว  ผมอยากได้เมียผมคืน ..... ผมอยากขอโทษ ..... พ่อ ... ช่วยผมอีกครั้งนะ อึก .... ผมรักเขา .....”

    “................ ฉันอยากจะช่วย .... แต่แกก็รู้ว่าช่วยแกกี่ครั้งแล้วผลมันก็เหมือนเดิม  แกไปหาเขาถึงที่แล้วได้เจอเขาสักครั้งไหม ..... ตัดใจเถอะเจ้าเต๋า   เขาไม่ได้รักแกหรอก”

    “.............. ผมเชื่อว่าเขารักผม ........ ผม ....... ผมเชื่ออย่างนั้น”ก้มหน้าลงมองแผ่นกระดาษในมือที่มันยับยู่ยี่   ยิ่งมองก็ยิ่งเจ็บปวด   ครั้งหนึ่งเอกสารในมือนี้เขาเรียกร้องให้อีกฝ่ายเซ็นแทบตายแต่พอคนๆนั้นเซ็นขึ้นมาจริงๆกลับเป็นตัวเขาเองที่ตีโพยตีพายและทำใจเซ็นรับและปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายไม่ได้ ..... เอกสารการจดทะเบียนหย่า .... เขาขยำและอยากจะฉีกให้ขาดไปหลายครั้ง   แต่ไม่รู้ทำไม ..... ยังเก็บไว้ในสภาพที่ยับยู่ยี่อยู่อย่างนั้น  ราวกับจะเตือนความจำว่าเขาเคยมีใครอีกคนอยู่เคียงข้าง

     “คิดยังไงก็เรื่องของแกเถอะ  ทำกับเขาไว้เยอะไม่ใช่หรอ  เอาเถอะๆพ่อขี้เกียจพูดกับแกเรื่องนี้แล้ว .... สรุปวันนี้แกจะไม่เข้าบริษัทอีกตามเคยใช่ไหม?”เอ่ยถามด้วยสีหน้าหน่ายๆ

    “ไปก็ได้ ..... แต่รอผมหน่อย”พยายามยันกายลุกจากพื้นที่เย็นเฉียบ   มือขาวจัดยังคงกำกระดาษในมือไว้แน่น   ผู้เป็นพ่อมองตามแผ่นหลังของลูกชายด้วยแววตาเวทนา  อยากช่วยเหลือ  แต่จะทำอย่างไรได้ ..... ตอนเขาอยู่ก็ไม่เคยเห็นจะค่า  ทั้งแกล้งและทำตัวร้ายใส่เมียตัวเองสารพัด   แต่พอเขาไปจริงๆทั้งยังไม่ยอมเปิดโอกาสให้แก้ตัวอะไรเลย  คนที่จะเป็นจะตายกลับเป็นลูกชายตัวดีคนนี้เสียเอง

    ภายในรถยนต์คันหรูที่กำลังมุ่งหน้าไปยังบริษัท TK กรุ๊ปมีร่างของบิดาที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและร่างสูงที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารหนุ่มนั่งอยู่   ร่างสูงเหม่อมองออกไปยังท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ในกรุงเทพมหานคร  แดนศิวิไลที่ดึงดูดคนมากมายให้เขามาลงทุนลงแรงในเมืองแห่งนี้   แต่ถ้าเลือกได้ .... เขาขอย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังมีร่างเล็กๆของใครอีกคนนั่งอยู่บนเบาะข้างๆในเมืองที่วุ่นวายนี้เสียดีกว่า

    เลื่อนสายตามองไปยังตำแหน่งที่บิดานั่งอยู่ในตอนนี้ ..... ภาพของคนร่างเล็กที่กำลังคิดถึงทับซ้อนขึ้นมาให้เห็น   ใบหน้าเรียวเล็กที่แรกๆมักไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ...... เจ้าคนหน้าเดียว ......  นึกถึงใบหน้านั้นก็ปรากฏรอยยิ้มละมุนขึ้นที่มุมปากของร่างสูง ...... ไม่นึกว่าร่างเล็กๆนี้จะมีอิทธิพลมากมายต่อเขาถึงเพียงนี้ ......

    เสียงเพลงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของเมืองหลวงในยามเช้า   เป็นเพลงที่ทำให้คนฟังถึงกับกระพริบตาถี่รัวอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าเขากำลังจะร้องไห้   ทั้งๆที่เป็นผู้ชายอกสามศอกและไม่ใช่คนขี้แงแท้ๆแต่ทำไมแค่เพลงๆเดียวที่มันตรงกับความรู้สึกในตอนนี้ถึงได้กระตุ้นไอ้น้ำใสๆให้เอ่อขึ้นที่ดวงตาได้ ........

     

    เพิ่งจะรู้ ว่าฉันเอง รักเธอเท่าไหร่

    ในวันที่เธอบอกฉันให้ทำใจ

    ว่าจากนี้ เธอจะต้องไป

    รักของเราคงเป็นไปไม่ได้

    โลกช่างดูเงียบงัน วันเหล่านั้นไม่อาจย้อนมา

    วันนี้ไม่เหลือใคร มีแต่ตัวฉันและน้ำตา

    จะต้องทำยังไง ให้เธอคืนกลับมาหา

    ตอนนี้รู้แล้วว่ารักเธอมีค่า ...เหลือเกิน

     

    กลับมาได้รึเปล่า

    กลับมาหาฉันทีได้ไหมคนดี

    หากว่าใจของเธอ ไม่ได้เปลี่ยนไป

    ก็ให้โอกาสฉันอีกจะได้ไหม

    ได้โปรด อย่าทิ้งรักไปเลย

     

    อาจจะจริง ที่ฉันเอง ยังไม่เข้าใจ

    ที่ทำให้เธอผิดหวังและร้องไห้

    อยากจะขอ เธออย่าเพิ่งไป

    อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวฉันได้หรือเปล่า

    เมื่อก่อนนี้เคยมีเธอ

    คอยปลอบฉันเมื่อเจ็บช้ำมา

     

    กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้ไหมคนดี

    ต่อจากวันนี้ไป จะไม่ให้เธอผิดหวัง

    ให้โอกาสฉันอีก ..อีกสักครั้ง

    ได้โปรด อย่าทิ้งรักไปเลย

     

    เพลงจบไปแล้ว .... เกิดความเงียบขึ้นภายในรถ   ใบหน้าของบิดาหันมองลูกชายอย่างเป็นกังวล แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากจะถามไถ่อะไรร่างสูงก็ชิงยกมือห้ามแล้วล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการด้วยน้ำเสียงไร้ความลังเล .....

    “คุณนุ่น .... จองตั๋วไปอเมริกาให้ผมด่วนที่สุดนะ  ถ้าได้เย็นนี้ยิ่งดี .... ส่วนประชุมบอร์ดตอนเย็นก็เลื่อนมาเช้านี้  ถ้าคนไม่ครบไว้คราวหน้าแล้วให้ท่านประธานเข้าแทนผม  แล้วคิวงานในช่วง 1 สัปดาห์นี้คุณเคลียร์ให้ว่างให้หมด .... ผมขอลาพักร้อนตั้งแต่เย็นนี้เป็นต้นไป”กรอกสายสั่งงานเป็นชุดแล้วกดตัดสายไปอย่างไม่สนใจใยดี

    “ยังจะไปอีกหรอเจ้าเต๋า!!?”บิดาถามอย่างแปลกใจ

    “ไปสิครับ  เมียผมอยู่นั่นผมก็ต้องไปตามเมียผมกลับ”ตอบกลับมาอย่างนั้นด้วยรอยยิ้มคาดหวัง   เห็นอย่างนั้นผู้เป็นพ่อก็ได้แต่มองอย่างเอือมระอา  นี่บินไปมาครึ่งซีกโลกเป็นรอบที่จะร้อยได้แล้วมั้ง(เว่อไป)  จนสายการบินเขาจะยกให้เป็นผู้โดยสารขั้น MVP เข้าให้แล้วด้วย(ยังเว่ออยู่)  แต่ทำไงได้ ..... คนเรามันต้องอยู่อย่างมีความหวัง   ตอนนี้เจ้าเต๋าคงค้นพบความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันแล้ว 

    ก็ได้แต่หวังว่าไปครั้งนี้จะโชคดีได้เจอตัวเมีย(แต่ง)ของมัน   หลังจากคชาปฏิเสธการเจอหน้าหรือการให้อภัยมาตลอดเกือบ 1 ปีเต็ม .....


     

      

    TBC.

      

    Me หลังจากห่างหายจากงานเขียนไปนานจนสนิมเกาะ (ก๊องๆ) แฮ่~ ก็ได้ฤกษ์แต่งเรื่องใหม่เสียที  แต่ขอออกตัวก่อนว่าตอนนี้ชีวิตยุ่งมากแล้วก็ว่างมากบางวัน ดังนั้นเลยขี้เกียจมาก ฮ่าๆๆ แต่จะพยายามมาอัพฟิคให้ทุกอาทิตย์นะคะ อาจจะอาทิตย์ละแชป 2 แชปเน้อ  อ่า ... แล้วในที่สุดไรท์ก็คลอดเรื่องที่ 3 ของเต๋าคชาได้แล้วเนอะ ว้าว!! เลขสวย >< ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องนี้ด้วยนะ ถือโอกาสทักทายสวัสดี ณ ที่นี้เลยละกัน (^人^) 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×