คงจะเชยถ้าใช้ชื่อบทความนี้ว่า โอทอป - คงจะเชยถ้าใช้ชื่อบทความนี้ว่า โอทอป นิยาย คงจะเชยถ้าใช้ชื่อบทความนี้ว่า โอทอป : Dek-D.com - Writer

    คงจะเชยถ้าใช้ชื่อบทความนี้ว่า โอทอป

    ดีไซน์กู้ชาติ: ลองเข้ามาอ่านดูนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    474

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    474

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.ค. 50 / 01:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      คงจะเชยถ้าใช้ชื่อบทความนี้ว่า โอทอป

      .....one tambol one product มองไปทางไหนก็ดาดดื่นตา้ด้วยสินค้าโอทอป นับเป็นแนวคิดที่แยบยลของรัฐบาล ที่มีแนวคิดในการส่งเสริมการเพิ่มรายได้ โดยนำภูมิปัญญาประชาชนชาวไทย มาสร้างผลิตภัณฑ์มากมาย จากตลาดข้างบ้าน ขยายโด่งดังไกลไปยังต่างแดน จุดเริ่มต้นของโครงการฯ การสร้างกระแสในยุคแรกของ"โอทอป" ต้องร้องอุทานดังๆ ว่า โอ๊วววว พระเจ้าจ๊อดมันยอดมาก !!!! ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทของกิน กินจุ๊บ กินจิ๊บ อร่อยแซบ ทุกหยุด จนไปถึงสินค้าสมุนไพร เป็นที่มาของผลิตภัณฑ์สปา โด่งดังไปหลายยี่ห้อ ไม่ลดละความตื่นตาแม้กระทั่งสิินค้าอัญมณี ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก กระแซะเข้ามาถึงพัตราภรณ์อันล้ำค่าด้วยภูมิปัญญาไทยโบราณ ถึงผลิตภัณฑ์ของใช้ทั่วไป เช่น ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ อู๊ย คุณขา ดิฉันบรรยายไม่หมด สำหรับของดีโอทอป

      .....อุเหม่..เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก โอทอปย่างเข้าวัยรุ่นเสียแล้ว แต่ทำไมความใสมันน้อยลง? คุณเคยสงสัยกันรึเปล่าคะ ว่าดาวที่ติดข้างโอทอป เค้ามีแนวคิดการตัดสินคะแนนกันอย่างไร ด้วยในปี พ.ศ. 2547 ดิฉันมีโอกาสเข้าไปคลุกคลีกับวงการโอทอปนี้พอสมควร ( แต่ไม่ใช่มือใหม่นะคะ อายุอานามถึงจะน้อยอยู่ แต่หัวใจไทยโอทอปแท้มานานแล้ว ) ได้รับเกียรติในปีนั้นเป็นอย่างยิ่ง ถูกชักจูงเข้าสู่วงการประกวดนางงาม เอ๊ย..ไม่ใช่ เข้าไปเป็นกรรมการผู้สอยดาว เอ๊ย..ไม่ใช่อีกละคะ อย่าเพิ่งเข้าใจเช่นนั้น เนื่องจากพื้นฐานเดิมของดิฉันเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นคุณครูที่ฝักใฝ่ และใส่ใจในเรื่องของภูมิปัญญาอันน่าเลื่อมใสของคนไทย จนบางครั้งนักศึกษาพากันเรียกคุณครูโอทอป

      .....ในครั้งนั้น ดิฉันได้รับเชิญเพื่อทำการให้คะแนนในสินค้าโอทอปประเภทเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกซ์ ทางคณะกรรมการ ท่านผู้ทรงเกียรติจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมา ณ กระทรวงพานิชย์เพื่อทำการซักซ้อมกันในการให้คะแนนอย่างดีและยุติธรรม วางแผนกันว่าเราจะดำเนินการให้คะแนนไม่เกินสามวันทำการ แต่เมื่อถึงวันตัดสิน ดิฉันเอามือตบอกดังผาง อุทานพร้อมกับท่านผู้หญิงฯที่ยืนอยู่ข้างๆว่า อุ๊แม่เจ้า ช่างเยอะเสียจริง (เกือบสองพันรายการ) นี่เฉพาะในกลุ่มสินค้าโอทอปเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกซ์นะคะ ยังไม่ได้รวมสินค้าประเภทอื่นอีก 5 HALL อิมแพคเมืองทองธานี วันแรกของการให้คะแนน เราทำกันอย่างระมัดระวัง และถ้วนถี่ ทั้งความงาม ความปลอดภัย บรรจุภัณฑ์ และกระบวนการทางการตลาด ผ่านไปครึ่งวันเช้า ด้วยความตื่นตาและประทับัใจในความสามารถของคนไทย ครึ่งวันบ่าย เราเริ่มเห็นความผิดปกติของผลิตภัณฑ์ที่ส่งเข้ามา ชิ้นแล้วชิ้นเล่า จนดิฉันเริ่มได้ข้อสรุปเล็กๆ เหมือนกำลังบ่นกับนักศึกษาว่า " มันลอกกันมาส่งนี่หว่า"(ขออภัย หากข้อเขียนของดิฉันเป็นคำพูดแบบคำไทยตรงๆ นะคะ) จากทำงานครั้งนี้ทำให้ดิฉันเริ่มเข้าใจปัญหาของกลุ่มโอทอปในเรื่องของการคิดสร้างสรรค์ ความละเอียดนการทำงานรวมถึงการวงแผนทางการตลาด ทั้งหมดมันเป็นข้อพึงปฏิบัติอันสำคัญยิ่งยวดต่อการพัฒนาสินค้าโอทอป และหลังจากการดำเนินการสอยดาวอย่างหนักเป็นเวลาห้าวันเต็มตั้งแต่เช้าถึงทุ่มกว่าๆ ทุกวัน ทำเอาไข้หวัดใหญ่รุ่มเร้า ภาระการสอยดาวของดิฉันก็หมดลง วันสุด้ายก่อนหน้าที่อันยิ่งใหญ่ครั้งนั้นจะหมดลง ดิฉันได้เข้าฟังการอธิบายจากสำนักงานพัฒนาที่ให้การสนับสนุนโอทอปถึงการจัดส่งผลงาน และการสนับสนุนการสร้างรายได้ ดิฉันแทบจะเป็นลม (ไม่รู้เพราะเหนื่อยหรือหิว) ท่านๆ ทั้งหลายมิได้มีความรู้ในศาสตร์การออกแบบ หรือแม้แต่ทางด้านการตลาดเลย ท่านมีแค่จริงใจที่ต้องการจะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนเท่านั้น เพียงแค่ขอให้ได้หยิบขยะมาประติดประต่อ ให้เหมือนจะมีราคา แต่ไม่ได้ทราบเลยว่า ราคานั้นจะได้มาจากไหน ทำมาแล้วจะขายใคร จากการพูดคุยในครั้งนั้น จะทำให้ดิฉันเกิดแนวคิดหลายอย่างที่จะเอาความรู้ในเชิงการสร้างนวัตกรรมการผนวกกับภูมิปัญญา ความงามของวัฒนธรรม สร้้างสินค้าที่พอจะเป็นต้นแบบแก่ชุมชนในหลายชุมชน เพื่อสร้างความเป็นสากลที่ผสมผสานความเป็นไทย มิใช่นำไทยทั้งดุ้นไปขาย

      .....ประเด็นก็คือ ทำอย่างไรให้ไทยเป็นสากล ในเรื่องของโอทอป โดยไม่ละลืม ทิ้งร้างวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า จากแนวคิดนำสู่การสอนอันเป็นรูปธรรมเพื่อการทำวิจัยเล็กๆ (แต่ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า) ซึ่งเริ่มต้นระหว่างนักศึกษาและอาจารย์ภายในโปรแกรมออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยการสนับสนุนของคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ตอนนี้พวกเราคงรอเพียงเวลา โอกาส เพื่อเผยแพร่สู่ชุมชน และในไม่ช้านั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาคงจะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำปัญญาชนกลับสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง

      .....ขอขอบพระคุณที่อ่านอย่างเพลิดเพลิน

      www.pikanesri.com

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×