คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4
บทที่ 4
ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆ เปิดขึ้นอีกครั้งอย่างอ่อนล้า...
นี่หัวขโมยสาวปากดีกำลังอยู่บนเกวียนหรอ...ไม่สิ มันกว้าง เบาะก็นิ่ม
ยังแถมมีกล่นหอมอ่อนๆ อีกแน่ะ ถ้าไม่รู้สึกว่ามันเคลื่อนที่ได้
เขาคงคิดว่าที่ๆ เขาอยู่คงเป็นห้องของเจ้าหญิงในวังรวยๆ แน่ๆ เลย
เฟรินชันกายขึ้นช้าๆ รวบรวมสติ แต่อาการปวดหัวยังคงแทรกแซงอยู่ทุกอณู
'เรามาที่นี่ได้ยังไง'
'นี่เราอยู่ที่ไหน'
'เรา...เราเป็นใคร' เฟรินพยามยามที่จะนึกคำตอบข้อสุดท้ายให้ได้
แต่
ทำไมล่ะ...
นึกเท่าไหร่ก็ไม่ออก เราเป็นใครกันนะ...
"เฟริน..." ร่างสูงของเจ้าชายหนุ่มแห่งคาโนวาลร้องเรียกคนรักอย่างตกใจ
เมื่อคนรักของเขา นั่งก้มหน้ากุมขมับและทำท่าเหมือนเจ็บปวดกับอะไรบางอย่างเสียเต็มประดา ไหล่บางไหวสั่นอย่างน่ากลัว
เมื่อมีความรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาร่างบางก็ตวัดตามองอย่างตกใจ
"ใครน่ะ เข้ามาทำไม!!!" ดวงหน้าหวานเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยว
"เฟรินนี่ฉันเอง คาโล" เจ้าชายน้ำแข็งเอ่ยเบาๆ พลางหรี่ตามองคนตัวเล็ก
"คาโลไหน ฉันไม่รู้จักนาย ออกไปนะ ไปให้พ้น"
เมื่อมั่นใจว่าไม่รู้จัก ขโมยสาวก็ตวาดไล่เสียงดัง
ทำเอาคาโลอึ้ง เมื่อถูกคนตัวเล็กไล่ด้วยอารมณ์รุนแรง
'มันอาจจะเครียด' ร่างสูงคิดแล้วเดินเลี่ยงออกมา
"เฟรินมันเป็นไงมั่ง แบบว่าฉันได้ยินเสียง..." ว่าแล้วคิลก็บุ้ยใบ้ไปทางประตู
"ฟื้นแล้ว แต่นายอย่างพึ่งเข้าไปเลย เฟรินยังต้องฟักผ่อน" กล่าวจบคาโลก็จากไป
นักฆ่าหนุ่มยักไหล่ แอบย่องเข้าไปในห้องที่เฟรินพักผ่อนอยู่
ก็คนมันเป็นห่วง ได้แค่ดูมันหลับก็ยังดี...
แต่สิ่งที่คิลเห็นกลับไม่ใช่อย่างที่คิด
สาวน้อยที่น่าจะนอนอยู่กลับปีนป่ายขอบหน้าต่างเตรียมพร้อมจะกระโดดทุกเมื่อ
"เฮ้ย เฟริน!!!" คิลร้องอย่างตกใจ พลางถลาเข้ามาดึงเจ้าตัวยุ่งเข้ามาข้างใน
"นายทำบ้าอะไรเฟริน เดี๋ยวก็ตกลงไปคอหักตายหรอก" นักฆ่าด่าขโมยอย่างเป็นห่วง
"นายเป็นใครอีกเนี่ย เมื่อกี้ก็มีผู้ชายผมสีเงินๆ เข้ามาหา โอ๊ย ฉันไม่รู้จักพวกนายซะหน่อย แล้วนายเข้ามาขวางฉันทำไมกัน อยากมีเรื่องเรอะ" หัวขโมยสาวร่ายยาว แถมประโยคหลังยังไม่วายหาเรื่องชาวบ้านตามนิสัย
"นายจะบ้าหรอ ฉันคิลไง ทำไมเราจะไม่รู้จักกัน นายเป็นเพื่อนฉันกะ X คาโลนี่" คิลแย้งงงๆ
"คิลไหน คาลงคาโลอาร๊าย ฉันไม่รู้จักฉันน่ะรู้จักแต่พ่อมาดัส ลินะแล้วก็...อืมเพื่อนอีกไม่กี่คนเอง นายเนี่ยบ้าเปล่า จู่ๆ ก็มาขี้ตู่ ว่าแต่ X รถบ้าๆ เนี่ยมันจะพาฉันไปไหนเนี่ย" เฟรินถามอย่างหงุดหงิด
"คาโนวาลไง นายนี่ท่าจะเพี้ยน" นักฆ่าที่เริ่มงงขึ้นทุกทีตอบ
"คาโนวาล? ไปทำไมคาโนวาล"
"อ้าว ก็แกกะพ่อปีศาจทะเลาะ..."
พูดยังไม่จบนักฆ่าหนุ่มก็โดนเท้างามๆ ยันเข้าเต็มรัก
"วะ X หัวตั้ง แกบังอาจเรียกพ่อมาดัสของฉันว่าปีศาจเลยเรอะ วอนแล้ว X นี่"
นักฆ่าที่ลงไปวัดพื้นกุมแก้มป้อย นี่ตูโดนมันต่อยได้ไงฟะ งงวุ๊ย!!!
"ตกลงพวกแกจะลักพาตัวเรียกค่าไถ่ฉันใช่มั๊ย ถ้าจะรอพ่อฉันมาไถ่ตัวก็โน่นชาติหน้า แต่เดี๋ยวพวกแกก็ไม่ได้เจอฉันแล้วล่ะ เพราะฉันน่ะหนีเก่ง" พูดจบก็กอดอกทำเหมือนเก่ง จนคิลหัวเราะขำ
จับตัวเรียกค่าไถ่งั้นหรอ หึๆ นักฆ่ากับเจ้าชายร่วมมือจับตัวหัวขโมยเรียกค่าไถ่เนี่ยนะ ฮะๆๆ มันคิดได้ไงเนี่ย
"เลิกเล่นเป็นความจำเสื่อมซะทีเฟริน" นักฆ่าหนุ่มปรามกลั้วหัวเราะ
ให้ตายสิ มุกกระบือมันนี่ ฮาจริงๆ
"แกอยากโดนแบบเมื่อกี้อีกใช่มะ ถอยไปถ้าไม่อยากเจ็บตัว"
ก๊าก~ ~มันขู่จะทำร้ายนักฆ่าอย่างเขาหรือนี่
"หึๆ แล้วนะนายจะไปไหน" ในที่สุด คิลก็ยอมเล่นด้วย(ทั้งๆ ที่ X ตัวยุ่งมันไม่ได้แกล้งทำซะหน่อย)
"ถามได้กลับบารามอสอ่ะดิ ป่านเนี้ยลินะรอแย่แล้ว"
"ลินะไหน" คิลถามงงๆ นี่มันไปรู้จักกับคนชื่อลินะอะไรนั่นตอนไหนฟะ
"นายไม่รู้จักหรอก เธอน่ารัก งดงามเหมือนนางฟ้า แต่โหดจิ๊บ" ประโยคหลังเฟริน
ลดเสียงเหลือเพียงกระซิบราวกับกลัวเจ้าของชื่อจะมาได้ยิน
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ นายแต่งเรื่องได้เนียนมากๆ เลยเฟริน" คิลหัวเราะร่วน
นึกทึ่งในความสามารถเพื่อน ทั้งๆ ที่เมื่อสามวันที่แล้วมันยังร้องไห้กับการแต่งงานใหม่ของเดวิเดสอยู่เลย...ไม่นักว่ายังจะมีอารมณ์ขันขนาดนี้
มือบางๆ ลอยมาหวดที่กระบาลนักฆ่าอย่างไม่ปราณีทำเอาคิลน้ำตาเล็ดโวยวายลั่น
"ใครบ้าแต่งเรื่องอะไรกัน แล้วนี่แกไปบอก X คนขับรถนี่บอกให้มันหยุดซะที ฉันจะลง" ร่างบางประกาศกร้าวกอดอกอีกครั้ง
แต่...
เฮ้ย...
อะไรนิ่มๆ หยุ่นๆO-o
เฮ้ย...
ทำไมแขนมันเล็กๆ เนียนๆo-O
เฮ้ย...
ทำไมเอวมันคอดเหมือนผู้หญิงชอบกลO_O
สุดท้ายมันคลำเป้าตัวเอง
"จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกน้องหนูฉัน เฟรินน้อยหายไปหนายยยยยยยยยยย"
เอ่อ ดูเหมือนมันจะสติแตก ทำเอาคิลขำกลิ้ง( X นี่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย><)
"ฮ่าๆ ก็แกเป็นผู้ คิก..ผู้หญิงนี่หว่า แกจะมีเฟรินน้อยได้งายก๊ากกกกกกก"
ผลัวะ!!!
เฟรินปล่อยทั้งหมัดและบาทาใส่นักฆ่าไม่ยั้ง
"อ๊าก เอาเฟรินน้อยฉันคืนมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอาวคืนม๊า~ ~ ~ ~ ~"
"อ่อก ฉานม่ายด้ายอาวป๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย"
X ตัวยุ่งโวยวายทั้งลงมอลงไม้ชนิดไม่ยั้งจนเพื่อนซี้แทบหมดสภาพ จนเจ้าชายมาดมากต้องเข้ามาห้ามทัพก่อนที่จะมีคนตาย
"เฟรินนายจะทำตัวให้เงียบๆ ก่อนได้ไหมฉันไม่รู้ว่านายแกล้งหรือเป็นอะไรไปแต่ช่วยสงบใจก่อนได้ไหม" คาโลกล่าวด้วยสีหน้าเรียบอันเป็นปกติของเจ้าชายมาดมาก
"โอยนึกว่าจะตายซะแล้วผู้หญิงอะไรหมัดหนักแรงยังกะช้าง" นักฆ่าขี้อายบ่นเสียงขรมร้องโอด
เฟรินสำรวงจตัวเองอีกรอบอย่างคนที่ไม่ยอมรับความจริง "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกะชั้นพวกนายทำอะไรกับร่างชั้น แบบนี้ลินะเห็นคงหาว่าฉันเป็นพวกแอบจิตพอดี" คนที่ไม่ยอมรับความจริงก็ยังคงพล่ามไปเรื่อยทำให้ 2 ชายหนุ่มต้องกังวลว่าเกิดอะรกับเจ้าหัวขโมยตัวแสบ
"นายเป็นอะไรไปเฟริน มีอะไรก็พูดกับฉันสิ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงมากไปกว่านี้เลย" คาโลกล่าวอย่างเสียงเศร้าๆ แต่ยังคงอ่อนโยน
"ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใครทำไมชั้นต้องบอกนายด้วย นายตอบคำถามฉันมาว่าฉันเป็นแบบนี้ได้ยังไง" เฟรินกล่าวอย่างหัวเสียว่าทำไม 2 คนนี้ถึงได้มายุ่งกะเธอแล้วทำไมร่างกายถึงเป็นอย่างนี้
"คาโล ฉันว่ามาคุยกันข้างนอกแปปสิแนมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย อ้ออย่าได้คิดหนีไปไหรหล่ะชั้นจะให้คาโลร่ายมนต์ล็อกประตูไว้อย่าได้แม้แต่จะคิดหล่ะ" คิลที่นานาทีปีหนจะจริงจังกับตัวเองเริ่มพูดอย่างใจเย็น
"คาโลนายว่านี่เป็นผลจากที่เฟรินมันพยายามปิดกั้นความทรงจำรึเปล่า" คิลพูดขึ้นหลังจากออกมาข้างนอกรถได้ซักพัก
"ฉันก็ยังไม่แน่ใจแต่มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นไปได้ เฟรินเสียใจขนาดนั้นอาจจะพยายามปิดกั้นหรือไม่ก็หนีจากความรู้สึกนั้นจนความทรงจำอจย้อนไหปตอนที่ยังเป็นหัวขโมย" คาโลเริ่มพูดอย่างครุ่นคิด วิตกว่าคนรักจะลืมเขาไปแล้วหรือนี่
"นายอย่าเพิ่งไปคิดมากน่าอาจเป็นซักระยะคงเป็นไม่นาน ถ้ายังไงถึงคาโนวาลเมื่อไรค่อยไปปรึกษาพ่อนายอีกที่ว่าจะทำยังไงต่อไป" คิลก็วิตกไม่แพ้กันแต่ก็เข้าใจว่าเป็นเหตุจากอะไรเพราะเฟรินก็เป็นเพื่อนเขาและคาโลก็เป็นเพื่อนเขาทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ้าชายน้ำแข็งรู้สึกยังไง
ในขณะที่สองชายหนุ่มกำลังปรึกษากันอยู่ เจ้าตัวยุ่งก็ยังไม่ยอมอยู่เฉยๆ ตามวิสัยขโมยพยายามจะแงะประตูออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล "นี่ถ้าลินะมาเห็นฉันเป็นแบบนี้จะทำไงนี่ เฮ้อ สงสัยต้องทิ้งฉันไปแน่เลย โอ้ยมันเกิดอะไรกะชั้นกันแน่ว่ะ" เฟรินบ่นอย่างหงุดหงิดก่อนจะนั่งอย่างหมดแรง ก่อนทีชายหนุ่มทั้งสองจะเข้ามา
"เอาหล่ะฉันจะบอกอีกทีว่านายชื่อเฟริน และชั้น 2 คนก็เป็นเพื่อนนาย ชั้นชือ คิล ฟีลมัส ส่วนอีกคนก็ชื่อคาโล วาเนบบลีและก็ป็นคู้หมั้นนายด้วย" คิลพูดขึ้นหวังว่าให้หัวขโมยฟังแล้วจะยอมเชื่อ
"อะไรน่ะ ! นายโกหกผู้ชายอย่างชั้นนี่นะจะมีคู่หมั้นเป็นผู้ชายนายอย่ามาโกหกดีกว่า จะแต่งเรื่องก็ให้มันแนบเนีบยนกว่านี้หน่อย ว่าแต่จะปล่อยชั้นไปได้รึเปล่า" เฟรินกล่าวอย่างไม่ยอมเชื่อใจทั้ง 2 คน แต่ก็ลดความโกรธเกลี้ยวลงมาก
"ฉันไม่ได้โกหก นี่คือความจริงที่นายต้องรับที่นายเป็นแบบนี้เพราะนายกำลังพยายามหนีจากความเจ็บปวดที่นายเจอพยายามหนีจากที่นายไม่ยอมรับว่าพ่อปีศาจของนายจะแต่งงานใหม่" คิลยังคงพยายามหว่านล้อมให้เจ้าตัวยุ่งยอมรับเรื่องที่เล่า
"เฟริน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะยังอยู่ข้างนายแต่ตอนนี้ขอให้ฟังคิลก่อนว่านี่คือความจริงที่นายต้องยอมรับ" คาโลพยายามช่วยกล่าวให้เฟรินฟังหวังว่าเจ้าตัวจะยอมฟัง ด้วยคำพูดที่แฝงความห่วงฝยอย่างที่เคยให้เสมอกับเฟริน
"ฉันจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน ว่าแต่พวกนายเป็นเพื่อนฉันจริงน่ะ" เฟรินเริ่มที่จะยอมฟังที่คิลพูดแต่ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็รู้สึกถึงความห่วงใยที่คาโลส่งมาให้เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยแต่ก็นึกไม่ออก
เกวียนแล่นไปได้ซักพักก็แวะจอดพักที่กลางทางก่อนถึงชายแดนคาโนวาลได้ไม่ไกลเพื่อที่จะหยุดพักรับประทานอาหารกัน
ทางด้านเจ้าปีศาจเอวิเดสยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดคุยกับใครพระองค์เฝ้าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์กันแน่
บรรยากาศภายในท้องพระโรงของวังเดมอสเต็มไปด้วยความเงียบเหงาไม่มีแม้แต่เสนาบดีหรือนางกำนัลมาให้เห็นเจ้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ในกาลก่อนตอนนี้กลับจมอยู่ในห้วงทุกข์
"เรากำลังทำอะไรอยู่นี่ ไม่เหลืออะไรเลยเป็นถึงเจ้าปีศาจผู้ยิ่งยงแต่กลับไม่สามารถคว้าสิ่งที่มีอยู่ไว้ได้" เจ้าปีศาจเอวิเดสนั่งรำพึงอยู่บนบัลลังค์ที่เย็นเฉียบเเพยงผู้เดียวโดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครแอบมองพระองค์อยู่
"เราทำถูกหรือเปล่านี่ที่มาทำให้ครอบครัวต้องแตกร้าวแบบนี้ พี่ชาร์ลีท่านทำถูกหรือเปล่า" โลร่ารำพึงอย่างแผ่วเบาดวงตาผลุบลงอย่างคนกำลังไตร่ตรอง
ชายแดนคาโนวาล
"เฟรินแกจะทำตัวอยู่นิ่งๆ เป็นกะเขาบ้างไหมนี่ลุกลี้ลุกลนอยู่ได้ พวกเราไม่ได้เอาแกไปขายซะหน่อยทำเป็นตื่นตูมไปได้"
"ถึงจะพูดแบบนั้นตามทีแต่ชั้นก็ยังไม่ค่อยไว้ใจพวกนายอยู่ดี แล้วยิ่ง................." พูดไปเฟรินก็หน้าแดงแบบไม่ทราบสาเหตุพร้อมกับทำหน้าเหยเกเป็นที่ขัดกัน คิลจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออกกับการทำหน้าประหลาดของเพื่อนซี้ที่ดันมาความจำเสื่อมซะนี่
"นี่ก็ใกล้จะถึงคาโนวาลแล้วอีกไม่ไกลหรอกยังรีบเดินทางหน่อยก็ดีพอค่ำจะยิ่งเดินทางลำบาก" คาโลกล่าวขึ้นมาเพื่อที่จะเร่งการเดินทางและจะได้หาหนทางแก้ไขอาการของเฟรินก่อนเดินขึ้นเกวียนไป
"ขึ้นเกวียนได้แล้วเฟริน" คิลหันมาเรียกเพื่อนซี้ที่ยังคงนั่งกันขนมปังอย่าเอาเป็นเอาตาย "นี่มันตายอดตายอยากมาจากไหนว่ะนี่ เมื่อกี๊ยังคิดจะหนีรับไม่ทันจริงๆ " คิลรำพึงกับตัวเองอย่างไม่เชื่อว่านี่หรือคนที่เคยทุกข์แทบเป็นแทบตาย
เกวียนแล่นจากที่พักเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองคาโนวาล ประตูเมืองแห่งคาโนวาลอันใหญ่โตมีรูปสลักนักรบอยูสองข้างประตูดูสง่างามและน่ากลัวไปในคาเดียวบนยอดกำแพงเมืองก็มีทหารคอยคุ้มครองฝั่งกำแพงอย่างเข้มแข้งชนิดว่ามดซักตัวก็ไม่อาจเข้ามาได้
"ถวายบังคมฝ่าบาท หม่อมฉันได้รับจดหมายด่วนของพระองค์แล้วเชิญเสด็จเข้าวังเถอะกระหม่อม" เนาบดีของคาโนวาล อลามัส ธีน๊อต บิดาของ เรนอน มารอรับเสด็จเจ้าชายคนสำคัญของคาโนวาล
"ขอบใจท่านมาก รีบไปกันเถอะย่าชักช้าเลย" เจ้าชายคนสำคัญกล่าวอย่างรวบรัดเพื่อจะเร่งไปเข้าเฝ้าคิงแห่งคาโนวาล
"พะยะค่ะฝ่าบาท" เสนาบดี อลามัส รับคำสั่งก่อนนำไปสู่วังหลวง
"โหเมืองของนายนี่สุดยอด สงสัยในวังคงจะรวยแบบนี้ถ้าจิ๊กไปซักอย่างสองอย่างคงขนหน้าแข้งคาโนวาลคงไม่ร่วง จิงป๊ะ" คนที่ไม่ยอมทิ้งสัญชาตณาณขโมยพูดแบบไม่เกรงใจเจ้าบ้านที่หน้าเรียบขึ้นทุกที 'นี่ถ้าไม่ความจำเสื่อมกะมีเรื่องหนักใจอยู่ละก็โดนแน่ เฟรินเอ๋ย' คิลมองหน้าเพื่อนอย่างปลงอนิจจัง
เมื่อเคลื่อนตัวมาถึงหน้าประตูวังคณะเดินทางได้มุ่งตรงไปยังห้องโถงกลางเพื่อพบคิงแห่งคาโนวาล
คิงแห่งคาโนวาลประทับอยู่บนบรรลังค์รอรับการมาของทั้ง 3 คน "หม่อมฉันนำเจ้าชายคาโลและสหายมาเข้าเฝ้าแล้วพะยะค่ะ" เสนาบดีอลามัสทูลถวายแก่เจ้าเหนือหัวของเขา
"ขอบใจมาก อลามัส ไม่มีอะไรแล้วเจ้าออกไปก่อนข้ามีเรื่องคุยกับลูกของข้า" คิงบาโร เอ่ยออกคำสั่งให้เสนาบดีคู่พระทัยให้ออกไปก่อนเป็นเชิงว่าเราต้องการคุยเป็นการส่วนตัว
"จริงหรือที่ เอวิเดสจะแต่งงานใหม่" คิงบาโรกล่าวกับลูกชาย
"พะยะค่ะ เป็นความจริง" เจ้าชายคาโลกล่าวตอบแก่ผู้เป็นบิดา
"เอวิเดส นี่เหลือสิ่งที่เจ้าตอบรับความรักที่อลิเซียมีให้เจ้า" คิงบาโรกล่าวอย่างสกดกั้นอารมณ์ไม่ให้มีมากไปกว่านี้
"ลำบากพวกเจ้าจริงๆ" พลันเหลือบพระเนตรไปทางคิล และ ไปหยุดที่ เฟริน พระเนตรก็ผลุบลงต่ำอย่างเศร้าพระทัย
"คิล ฟีลมัส เป็นความจริงหรือที่ เฟลิโอน่า ความจำเสื่อม " คิงบาโรตรัสถามนักฆ่า แห่งซาเรส
"เป็นความจริงกระหม่อม" คิลตอบแก่คิงบาโร
นี่หรือเป็นเคราะห์กรรมของเจ้า เฟลิโอน่า คิงบาโรได้แต่รำพึงในใจ
"ยังพวกเจ้าก็ไปพักก่อนละกัน ส่วคาโลเจ้าอยู่คุยกับข้าก่อน" คิงบาโรกล่าวเสร็จก็เรียกนางกำนัลมาพาพวกคิลกะเฟรินไปทางห้องพักที่จัดไว้ให้
"เจ้าคิดจะทำยังต่อไป คาโล" คิงบาโรตรัสกับผู้เป็นลูกชาย
"หม่อมอยากให้เฟรินได้พักก่อนไปซักระยะเผื่อบางทีความจำอาจจะกลับมาก็ได้ แต่บางที่แบบนี้อจจะดีกว่าก็ได้" คาโลกล่าวตอบกับผู้เป็นบิดาด้วยเสียงที่ไม่มั่นใจ
"เจ้าอยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือคาโล" คิงบาโรตรัสขึ้นแม้รู้ว่าลูกชายของพระองค์อยากให้เฟรินกลับมาเป็นคนเดิมมากซักเพียงใดแต่พระองค์ก็คิดแบบเดียวกับผู้เป็นลูกชายว่าเป็นแบบนี้อาจจะเป็นผลดีกับคู่หมั้นของลูกชายพระองค์
ทางด้านสองหน่อก็เริ่มสงครามปาหมอนโดยไม่รู้กับสภาวะที่อึมครึมในท้องพระโรงของสองคิงและเจ้าชายแห่งคาโนวาล
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
***************************************************************
โดย ลิตเติลมิคุจัง , wakure
******************************************************
ลินะ เซมาทรีย์ เดอะ ทีฟ ออฟ บารามอส
เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆ อายุพอๆ กับเฟรินและหลงรักเฟรินอีกด้วย
แม่คุณขี้หวง ขี้หึง ขี้เหนียว ขี้สงสัย ขี้งอน ขี้โมโห (ทำไมขี้เยอะจังหว่า=_=)
ผมสีม่วงยาวประบ่า ตาสีเขียว ที่สำคัญแม่คุณสวย!!!
เฟรินรักลินะแบบพี่น้อง
*แก้ไขผมกับสีตางับ พอดีดันซ้ำกับโรซี่
++++++++++++++++++++
ปล. พอดีอ่านแล้วคิดว่า เอามาลงอีกบทหนึ่งจะดีกว่า เพราะว่าอารมณ์มันคนละเรื่องกันเลย ขอบคุณนะฮับที่มาช่วยต่อฟิค เข้ามาต่อฟิคกันเยอะ นะฮับ
ความคิดเห็น