ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❤HONEY - shinee fic _______ {yaoi}*

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 3 : FIRST IMPRESSION 2nd - 100% updated }

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 55




    CHAPTER 3




    FIRST IMPRESSION 2

     



     

                เสียงบรรเลงดนตรีเปียโนคลาสสิกอันน่าหลงใหลราวกับเป็นผลงานของนักดนตรีชื่อดังระดับโลกทำเอาห้องซ้อมดนตรีเหมือนจะเป็นจุดสนใจขึ้นมาอีกครั้ง เหล่านักเรียนที่กำลังจะเดินผ่านต่างพากันหยุดแนบหูติดกับบานกระจกและประตูเพื่อฟังเสียงดนตรีอันไพเราะจากห้องเก็บเสียง นิ้วเรียวเล็กของผู้ถ่ายทอดท่วงทำนองอันน่าตราตรึงพริ้วไหวไปตามจังหวะ ขนตางอนยาวเห็นได้ชัดเมื่อยามหลับตาพริ้มซึมซาบรสชาติดนตรีซึ่งตนเองเป็นคนเล่น จากประสบการณ์เรียนเปียโนมาตลอดแปดปี

                เสียงเปียโนจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือจากครูผู้สอน ซึ่งได้รับหน้าที่สอนวันแรกเท่านั้น แต่ก็พบว่านักเรียนของตนเองอย่าง ลี แทมิน มีความสามารถมากกว่าตัวเองเสียงอีก แทมินยิ้มรับคำชมเบาๆ ก่อนเปิดประตูออกมาจากห้องซ้อมแล้วก็ต้องผงะเมื่อพบเจอผู้คนที่มาแอบฟังตนเองเล่นอยู่นอกห้อง ขาเรียวเล็กรีบก้าวฉับๆหนีก่อนที่คนเหล่านั้นจะเดินเข้ามาทักตัวเอง ซึ่งจะเป็นสาเหตุทำให้ล๊อกเกอร์เก็บของของแทมินล้นไปด้วยของขวัญจนเขาหอบกลับไม่ไหวเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา สถานที่แรกซึ่งแทมินคิดออกยามต้องการความสงบที่แรกก็คือใต้ต้นไม้ใหญ่ทางหลังโรงเรียน แต่พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาโดนคนตัวสูงนิสัยไม่ดีแกล้ง ความตั้งใจที่จะไปที่นั่นก็เริ่มหายไปทีละนิด

                ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ พิงหลังตนเองกับผนังกำแพงระหว่างซอกตึกของสองอาคารเรียน บางทีเขาน่าจะหาเพื่อนซักคนแล้วสินะ

     

                ตึก ตึก

     

                เสียงฝีเท้าของใครซักคนที่เหมือนเดินตามเขามาหยุดชะงักเมื่อพบว่าแทมินหยุดเดินแล้ว ใบหน้าหวานหันไปมองตามต้นเสียงที่ว่างเปล่า เห็นเพียงแค่ชายเสื้อที่โผล่ออกมานิดหน่อยเหมือนเจ้าตัวกำลังพิงกำแพงอีกฝั่งหลบเขาอยู่ แทมินเดินก้าวเข้าไปช้าๆอย่างระมัดระวัง ต้องการทราบว่าใครคือคนที่ตามเขามาจนถึงที่นี่

     

                “อะ!” เด็กหนุ่มส่งเสียงตกใจเมื่อพบว่าคนที่เขาเดินสะกดรอบตามมาโผล่หน้าออกไปหาเขาซึ่งกำลังยืนซ่อนอยู่ ร่างสูงกำยำสะดุ้งเล็กน้อยก่อนถอยออกห่าง มือขยับแว่นหนาสไตล์เด็กเรียนที่ไม่สนใจเรื่องราวภายนอกอย่างเก้ๆกังๆ

     

                “ตามผมมาเหรอ” เสียงใสเอ่ยถามอย่างแปลกใจ จริงอยู่ที่เขามีคนเข้ามาชอบมากมายภายในโรงเรียนนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครที่ชื่นชอบในตัวเขาเองจนกระทั่งกลายมาเป็นสโตกเกอร์

     

                “ผมผมขอโทษครับ ยะอย่าถือสาผมเลยนะ” ใบหน้าหล่อในคราบเด็กเนิร์ดก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัว

     

                “แทมินไม่ได้จะว่าอะไรซักหน่อย” เลิกคิ้วมองอย่างผิดสังเกตกับท่าทีราวกับว่าแทมินเป็นมาเฟียที่น่าเกรงขาม

     

                “คือว่าพี่แค่เห็นว่านาย เอ่อนายเล่นเพลง เพลงนั้นเมื่อกี้นี้น่ะ” พูดเสียงสั่น

     

                “อ๋อRiver’s Flow in You

     

                “ครับใช่ คือพี่ชอบชอบมาก”

     

                “ขอบคุณฮะ แทมินก็ชอบมากเหมือนกัน” คนตัวเล็กยิ้มกว้างให้อีกคน จนรุ่นพี่ตรงหน้าหัวใจเต้นตึกตัก เขาพยักหน้ารัวเร็วก่อนรีบวิ่งหนีไป ทิ้งให้แทมินยืนงงกับคนแปลกหน้าที่นิสัยประหลาดอย่างนี้

     

     

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

     

     

                “แทมบอกแล้วไง ว่าแทมไม่ได้คุยกับพี่ลูกมาเฟียนานแล้วววว” คนตัวเล็กลากเสียงยาวใส่ประธานนักเรียนจอมตื๊อที่เอาแต่เดินตามตัวเองต้อยๆ พูดวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิม

     

                “แค่นั้นไม่พอหรอก พี่ขอห้ามไม่ให้แทมินไปรู้จักกับคนพวกนั้น” จินกิดึงข้อมือเล็กที่กำลังพยายามเดินหนีตัวเองเอาไว้

     

                “ก็มันได้รู้จักไปแล้วนี่ แทมินไม่ใช่ปลาทองนะจะได้ลืมง่ายขนาดนั้นน่ะ” เบ้ปาก

     

                “ก็แค่ทำท่าเป็นว่าไม่รู้จักไงครับ ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยอะไรทั้งนั้น” พูดเสียงเข้ม

     

                “ก็บอกว่าไม่คุยแล้วไง” มือเล็กพยายามแกะมือใหญ่ที่รั้งข้อมือตัวเองเอาไว้ออก

     

                “พี่อยากได้คำที่ชัดเจนกว่านี้ ไม่รู้เหรอว่าพี่เป็นห่วงขนาดไหนน่ะ”

     

                “อื้อออ! ไม่ยุ่งแล้วไง ปล่อยแทมินนะ”

     

                “เดี๋ยวนี้ประธานนักเรียนเค้าว่างมาก จนมีเวลามาข่มเหงเด็กในโรงเรียนเหรอครับ” วาจากวนประสาทดังขึ้นจากทางด้านหลัง พร้อมกับกลุ่มนักเรียนชายโฉดทั้งห้าที่เดินตรงมายังเขาทั้งคู่ แทมินมองด้วยสีหน้ารับรู้ถึงเหตุการณ์ต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น ข้อมือเล็กรีบชักออกจากแรงกอบกุมแล้วก้มหน้างุด

     

                “อย่างน้อยผมก็ใช้เวลาว่างได้มีประโยชน์กว่าพวกนาย” จินกิเลิกคิ้ว ตอบกลับกวนไม่แพ้กัน

     

                “หึ” จงฮยอนสบถเบาๆในลำคอ สายตาเหลือบไปมองคนที่กำลังก้มหน้าหนีตัวเองอยู่

     

                “สวัสดีครับ แทมิน” ส่งยิ้มหวานไปให้คนที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับตัวเอง ร่างเล็กรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อจินกิจ้องคอยดูปฏิกริยาตอบสนองของตัวเอง เป็นหลักฐานว่าเขาจะไม่พูดกับคนๆนี้ตามคำสั่ง

     

                “ก็เห็นนะครับว่าเขาไม่อยากคุยด้วย เพราะอย่างนั้นถ้ายังคิดได้ก็ควรเลิกพยายามได้แล้ว” จินกิทิ้งท้ายก่อนจะดึงตัวน้องรหัสสุดรักสุดหวงหนี ขณะเดียวกันกับที่เพื่อนร่วมชั้นซึ่งเป็นคนในฝ่ายกิจการนักเรียนเช่นเดียวกับตนวิ่งมาขวางทางไว้พอดี พร้อมกับสีหน้าเหนื่อยหอบ

     

                “ยะแย่แล้ว”

     

                “เกิดอะไรขึ้น ?” ผู้เป็นประธานถามกลับอย่างแปลกใจ

     

                “มีนักเรียนกำลังจะโดดตึก”

     

               

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

     

     

     

                เสียงฮือฮาดังก้องทั่วทิศทาง ผู้คนมากมายที่เกินครึ่งโรงเรียนต่างพากันมายืนมุงเงยหน้าขึ้นไปมองยังดาดฟ้าของอาคารเรียนซึ่งสูงที่สุดในเจนเทิล ซึ่งตอนนี้มีเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีกำลังยืนอยู่บนขอบดาดฟ้า เพียงแค่ก้าวมาอีกแค่ก้าวเดียวก็จะตกลงมาอยู่แล้ว

                ชายดังกล่าวที่กำลังคิดสั้นมีนามว่า เชว ซึงฮยอน เด็กสายเอลส์ที่ไม่ค่อยมาโรงเรียนเท่าไหร่นัก ชอบเก็บตัวเงียบๆอยู่คนเดียว ใครเข้าใกล้ก็พยายามตีตัวออกห่าง ไม่พูดไม่จากับใครตั้งแต่เข้าเรียนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกใคร ครอบครัวเป็นยังไง มาจากที่ไหน ถึงมันจะเป็นประเด็นที่น่าสงสัยของใครหลายๆคน แต่ซึงฮยอนก็ไม่ใช่คนที่เป็นจุดสนใจจนขนาดต้องไปสืบหาข้อมูลขนาดนั้น

     

                แต่เหตุการณ์นี้คงทำให้เขากลายเป็นคนดังในโรงเรียนเลยล่ะ

     

                ปัง! ปัง!

     

                เสียงเตะประตูเพื่อจะบุกเข้ามาบนดาดฟ้าดังขึ้นหลังจากที่มีคนนำเรื่องไปแจ้งให้กับประธานนักเรียน แต่ซึงฮยอนก็ได้ปิดประตูล๊อกไม่ให้ใครเข้ามาก้าวก่ายวินาทีชีวิตของตัวเองไว้อย่างแน่นหนา ซึงฮยอนยังคงเดินไต่ไปตามขอบดาดฟ้าด้วยใบหน้านิ่งๆราวกับไม่ได้คิดอะไรอีกแล้ว สายตาว่างเปล่าทอดมองลงไปยังเบื้องล่างอย่างใจจดใจจ่อถึงเวลาอันสมควรที่เขาน่าที่จะโดดลงไป

     

                “ซึงฮยอน! อย่านะเว้ย” ลีจินกิ ตะโกนดังสุดเสียงเพื่อเตือนสติคนที่กำลังจะทำเรื่องผิดมหันต์ ยังคงพยายามใช้แรงถีบเตะประตูที่โดนล๊อกจากภายนอกให้เปิดต่อไป ในใจกระวนกระวายกลัวว่าถ้าหากผู้กรณีกระโดดลงไปล่ะก็ชื่อเสียงของโรงเรียนในรุ่นปีที่เขาได้รับตำแหน่งประธานนักเรียนจะต้องเสียหายขนาดไหน

     

                โครม!

     

              ในที่สุดความพยายามของเหล่ากิจการนักเรียนก็ได้บรรลุผล ประตูที่ใช้ปิดกั้นล้มลงนอนกับพื้นอย่างกับเป็นเพียงซากแผ่นโลหะธรรมดาๆเท่านั้น ซึงฮยอนหันหลังไปมองกลุ่มผู้มาเยือนอย่างตกใจ

     

                “ยะ อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาผมโดดนะ!” พูดด้วยลำตัวที่สั่นระริก น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาเหม่อลอยภายใต้แว่นสีดำกรอบหนา

     

                “มีอะไรก็ค่อยๆพูดกันสิวะเป็นอะไร ไม่พอใจอะไร อึดอัดตรงไหน” จินกิพูดด้วยน้ำเสียงเล้าโลม

     

                “” สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบงันจากผู้กรณี ดวงตาเศร้าหมองนั่นยังคงเบิกกว้างกวาดสายตามองไปทั่วอย่างเลิ่กลั่ก

     

                “ซึงฮยอนมีอะไรที่นายต้องการมากกว่าการตายมั้ย”

     

                “สิ่งที่ผมต้องการเหรอ” ชายหนุ่มทวนคำ สีหน้าเริ่มใช้ความคิด ก่อนขาที่กำลังสั่นอยู่นั้นจะค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ฝั่งพื้นดาดฟ้ามากยิ่งขึ้น เงยหน้ามองประธานนักเรียนใจดีที่ต้องการจะช่วยเหลือ แสดงสีหน้าสับสน ไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้จริงๆหรือไม่

     

                “บอกมาสิ นายต้องการอะไร” จินกิก้าวเท้าเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าซึงฮยอนเริ่มใจเย็นลง

     

                “

     

                “

     

                “ผม

     

                “

     

                “ผมต้องการสิ่งที่ผมต้องการ” พึมพำไปมาเบาๆ

     

                “ว่ามาสิ ได้ทุกอย่างขอแค่นายอย่าคิดสั้นแบบนี้” จินกิยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ซึงฮยอนต้องการและกำลังจะพูดออกมานั้นคือสิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนพูดไม่ออก

     

                “ลี แทมิน”

     

             

     

                “เด็กเกรดสิบคนนั้นแทมิน คือสิ่งที่ผมต้องการ”

     

     

    ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~




            ดวงตากลมโตจดจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ หลังจากที่เขาโดนเรียกให้เข้ามาหาผู้ชายนิสัยแปลกประหลาดที่เมื่อกี้เกือบฆ่าตัวตายซึ่งเป็นคนเดียวกันกับคนที่เดินตามเขาออกมาจากห้องดนตรีเมื่อวานนี้ ภายในห้องซ้อมเปียโนเงียบสงัดเนื่องจากยังไม่มีใครเป็นฝ่ายเริ่มปริปากพูดก่อน แทมินชำเลืองมองไปยังเงาทะมึนซึ่งลอดเข้ามาข้างในห้อง เขาพอจะเดาได้ว่าตอนนี้พี่รหัสคนสนิทกับสหายต้องกำลังยืนมุงกันอยู่หน้าประตูเป็นแน่ คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนตัดสินใจเป็นผู้เปิดบทสนทนา

     

                “พี่อยากเจอแทมินทำไมเหรอ”

     

                “เอ่อ” ฝ่ายโดนถามอ้ำอึ้ง ขยับแว่นกรอบหนาให้เข้าที่

     

                “

     

                “แค่คิดว่าบางทีถ้าฟังเสียงเปียโนที่นายเล่นอาจทำให้ใจเย็นขึ้นน่ะ” ซึงฮยอนตอบกลับโดยยังไม่มองหน้าคนที่กำลังจ้องตัวเองอยู่

     

                “โล่งอกไปทีนึกว่าจะสารภาพรักกับแทมซะอีก รู้มั้ยว่าคนในโรงเรียนนี้แปลกมากเลย ตั้งแต่แทมเข้ามาเรียนที่นี่ก็ทำอย่างกับแทมเป็นตัวประหลาด ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ชอบแทมินต้องเอาของมาให้มากมายขนาดนั้น ทั้งๆที่แทมินก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ ทำไมเขาไม่ไปหาผู้หญิงสวยๆชอบกันล่ะ” ร่างเล็กบ่นระบายความรู้สึกหมายจะให้คนข้างนอกได้ยินสิ่งที่เขาพูดด้วย ถึงแม้ว่าภายในห้องนี้จะเป็นห้องเก็บเสียงก็ตามที ก่อนจะเดินตรงไปยังเปียโนตัวใหญ่ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เบาะนุ่ม

     

                “” ซึงฮยอนมองแทมินอย่างไม่ละสายตา ทุกวินาทีที่แทมินเคลื่อนไหว มันช่างเป็นสิ่งที่น่าจับตามองยิ่งนัก

     

                “แทมินดีใจนะ ที่ได้เป็นคนช่วยชีวิตพี่น่ะ” ยิ้มกลับมาให้อย่างน่ารัก ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงบทเพลงทำนองคลาสสิกที่ตัวเองหลงใหล ซึงฮยอนเดินก้าวเข้าไปหาผู้สร้างท่วงทำนองที่ทำให้ผ่อนคลายช้าๆ ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน โดยยังไม่เงยหน้าขึ้นสบตาอีกคนอยู่ดี

     

                แต่สิ่งที่แทมินทำมันทำให้คนอย่างเขารู้สึกใจเย็นลงได้มากจริงๆ

     

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

     

                หน้าห้องซ้อมดนตรีไม่เคยมีครั้งไหนที่มีคนมายืนมุงกันเยอะขนาดนี้ แต่คนที่หัวเสียและอยากรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างในมากที่สุดคงเป็นใครไม่ได้นอกจากลี จินกิ ซึ่งเอาแต่เดินวนเวียนไปมาหน้าประตู เขารู้ว่าน้องรหัสของเขามีคนชอบในโรงเรียนมากมายขนาดไหน แต่ยังไงเขาก็ยอมรับไม่ได้ถ้าหากแทมินต้องไปชอบใครที่ไม่ใช่เขา หรือคุยกับใครที่ไม่ใช่เขา รวมถึงอยู่ในห้องดนตรีสองต่อสองกับใครที่ไม่ใช่เขาด้วย! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กนักเรียนที่ดูสติไม่สมประกอบคนนั้น ครั้งแรกเขาค้านหัวชนฝาเรื่องที่จะยอมให้แทมินมาเจรจากับซึงฮยอน แต่เมื่อมันเป็นทางเลือกเดียวที่จะช่วยชีวิตนักเรียนภายใต้การดูแลของเขาได้

               

                ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหนแต่ก็ต้องทำ

     

                “ตกลงหมอนั่นมันเป็นใคร” ยองมินเดินเข้ามาถามเพื่อนซึ่งสีหน้าไม่สู้ดีนัก จินกิส่ายหัวตอบกลับไปอย่างไร้ทางออก หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องทะเบียนและค้นหาเอกสารของ ชเว ซึงฮยอน สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือประวัติที่ไม่ละเอียดเอาซะเลย ราวกับผู้ชายคนนี้ไม่มีตัวตนบนโลก ย้ายมาจากโรงเรียนไร้นามที่อังกฤษด้วยเกรดเอ ครอบครัวไม่ระบุอาชีพ แต่จำนวนเงินที่เป็นค่าระดมทรัพยากรซึ่งจ่ายเข้ามานั้นมันมากจนน่าตกใจทีเดียว แสดงว่าซึงฮยอนต้องเป็นคนที่มีฐานะไม่น้อย ประวัติส่วนตัวพักอยู่คนเดียวที่คอนโดส่วนตัวที่เมืองปูซาน ซึ่งเขาขับรถยนต์ไป-กลับเองทุกวันที่มาโรงเรียน ซึ่งยิ่งถือเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่หากจะตามสืบข้อมูลจากคนที่อยู่ต่างเมืองเช่นนั้น

     

                เสียงซุบซิบสงบลงเมื่อประตูห้องซ้อมดนตรีถูกเปิดออก คนแรกที่เดินออกมาก็คือผู้กรณีอย่าง เชว ซึงฮยอน ที่มีสีหน้าดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว เขาก้าวขาเดินผ่านสายตาผู้คนที่เอาแต่จับจ้องตัวเองไปโดยไม่หันกลับมองใครทั้งนั้น เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้คงจะทำให้ซึงฮยอนกลายเป็นคนนอกสังคมมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม จินกิรีบเดินเข้าไปคว้าตัวคนตัวเล็กที่เดินตามออกมาทีหลัง

     

                “หมอนั่นมันพูดอะไรบ้าง แล้วได้จับตัวแทมินรึเปล่า” พี่รหัสมองสำรวจร่างเล็กไปทั่วร่าง

     

                “ไม่ซักหน่อย พี่ซึงฮยอนออกจะดูเป็นคนดีนะ”

     

                “แทมิน

     

                “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ก็แค่เป็นเพื่อนกันปกติ”

     

                “หา! เพื่อนเหรอ? ไม่ได้นะครับ” จินกิโวยวายเสียงดังลั่น

     

                “อะไรกันเล่า! ก็แทมินกับพี่ซึงฮยอนตกลงเป็นเพื่อนกันไปแล้วนี่” ทำหน้ามุ่ย

     

                “ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ห้ามไปคบกับหมอนั่น”

     

                “พี่จินกิ! พี่จะห้ามแทมินคบกับคนทั้งโรงเรียนเลยเหรอไง พี่ลูกมาเฟียก็ห้ามคบ เพื่อนพวกพี่เขาก็ห้ามยุ่ง แล้วยังจะมาเรื่องพี่ซึงฮยอนอีก พี่จินกิจะไม่ให้แทมมีเพื่อนเลยเหรอไงฮะ” แทมินเถียงกลับอย่างอดไม่ไหวกับการแสดงตัวเป็นเจ้าของมากเกินไปของจินกิ เขาก็แค่ต้องการมีเพื่อนที่ดูจริงใจกับเขาแค่นั้น

     

                “คนอื่นพี่ไม่ห้าม แต่คนนี้พี่ขอ”

     

                “เชื่อสิ พอแทมินไปคบกับคนอื่นพี่ก็ต้องหาข้อเสียของเขามาโวยวายแบบนี้อีกจนได้”

     

                “ลี แทมิน!!!” จินกิตะคอกเสียงดังจนคนตรงหน้าสะดุ้งตัวอย่างตกใจ ใบหน้าเกรี้ยวกราดแสดงถึงความโมโหที่โดนคนตัวเล็กปฏิเสธรับความห่วงใยของตัวเอง ทำเอาแทมินรู้สึกกลัวจนร้อนชื้นที่ขอบตา ใบหน้าหวานก้มลงมือกุมกันแน่นซ่อนไว้ข้างหลังอย่างหวาดกลัว

     

                พรึบ!

     

              เสื้อโค้ทตัวใหญ่ถูกวางคลุมหัวคนตัวเล็ก พร้อมกับลำแขนแข็งแรงที่โอบไหล่เอาไว้ แทมินเงยหน้ามองคนตัวสูงที่เข้ามาช่วยตัวเองในเวลาที่กำลังจะร้องไห้แบบนี้ครั้งที่สองแล้ว มือเล็กจับเกาะเสื้อโค้ทตัวนุ่มที่มีกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆของผู้ชายเอาไว้แน่น

     

                “ไปกันเถอะ” มินโฮพาแทมินเดินไปอีกทาง แต่ก็ต้องหยุดเมื่อจินกิคว้าแขนเล็กห้ามเอาไว้

     

                “จะไปไหน” สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบ แทมินไม่หันหน้ากลับไปสบตาอีกฝ่าย แต่ใช้มือของตัวเองแกะมือใหญ่ที่จับแขนตัวเองไว้ออก ก่อนเดินจากไปอีกทางกับมินโฮ ในความรู้สึกของแทมินตอนนี้ คือทุกคนที่อยู่รอบข้างเขาช่างน่ากลัว ไม่มีใครที่น่าวางใจว่าจะไม่ทำร้ายหรือรังแกเขาได้ซักคน มีเพียงแต่คนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้เท่านั้นแหละ ที่เหมือนเป็น เจ้าชายขี่ม้าขาว ?


     

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

                           

                แอร์เย็นฉ่ำภายในห้องสวีทสุดหรูในโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาว ไม่ได้ทำให้อุณหภูมิของสองร่างบนเตียงระดับคิงไซส์นั้นลดต่ำลงได้แต่อย่างใด ใบหน้าเรียวหวานเริดขึ้นเล็กน้อยรับสัมผัสจากผู้ที่คร่อมร่างตนเบื้องบนซึ่งกำลังทิ้งรอยรักตามรำคอระหงส์ ลิ้นสากร้อนลากไล้ลงมาคลอเคลียงบริเวณหน้าอก

     

                “อ๊ะ” เสียงหวานร้องแผ่วเบาเมื่อโดนมือใหญ่สัมผัสโดนส่วนอ่อนไหว คนรีบตั้งสติก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ก่อนดันตัวตนเองให้ผละออกจากร่างสูงใหญ่ซึ่งเพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

     

                แต่เนื่องจากคนตรงหน้า เป็นผู้ชายในอุดมคติ ตัวสูงล่ำได้รูปเหมือนนักกีฬา ผิวขาวใส ดวงตาคมเรียวนั่นยามมองมาที่เขามันทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างบอกไม่ถูก มันช่างเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธคำเชิญชวนมาพักที่โรงแรมเช่นนี้

     

                “เอ่อ.. ผมว่าพอเถอะฮะ” โน มินวู ติดกระดุมเสื้อตนเองที่ถูกปลดออกไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้หลังจากที่โดนดวงตาสีนิลนั่นจ้องมองอย่างสงสัยที่เขาปฏิเสธสัมผัสที่ได้รับ มินวูก้มหน้านิ่งซ่อนความเขินอายบวกกับความโกรธตนเองที่ดันใจง่ายขนาดนี้

     

                หลังจากที่มินวูได้ย้ายไปเรียนที่อเมริกา เขายอมรับว่าเขาปรับตัวเข้ากับที่นั่นไม่ได้ เขาไม่มีเพื่อนเอเชียเลยในโรงเรียนที่ไปอยู่ ใช่ว่ามินวูจะเป็นเด็กไร้การฝึกฝนทางด้านภาษาสากล เขาสามารถพูดจาภาษากลางได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นภาษาบ้านเกิดตนเอง แต่มินวูไม่ชอบสังคมที่นั่น เขาเลยเลือกที่จะกลับมาอยู่ที่เกาหลี โดยที่คุณพ่อซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่อเมริกาได้ติดต่อกับคุณอาของมินวูให้จัดการดูแลเรื่องที่พักให้ แต่หลังจากลงเครื่องมาเพียงไม่กี่นาที มินวูก็โดนบุคคลแปลกหน้าแต่ดูน่าไว้ใจเดินเข้ามาทัก พร้อมกับขออนุญาตเลี้ยงโกโก้ร้อนดับความหนาวเหน็บ จนกระทั่งได้มาลงเอยกันบนเตียงแบบนี้

     

                “มะไม่ใช่ว่าผมรังเกียจคุณนะ แต่ผมยังไม่พร้อม” มินวูรีบตอบขยายความ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงจ้องตนเองด้วยใบหน้าฉงนไม่เลิก แต่ความกังวลจะโดนโกรธก็เริ่มเบาบางลงเมื่อได้รับรอยยิ้มที่อ่อนโยนตอบกลับมา ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นยีผมนุ่ม

     

                “ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอโทษที่ใจร้อนมากเกินไป”

     

                “อ่ะ อื้อ” มินวูอมยิ้มอย่างดีใจ รู้สึกชอบผู้ชายสุภาพบุรุษตรงหน้ามากเข้าไปใหญ่

     

                “นี่เชื่อในรักแรกพบรึเปล่าครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนเข้ามาใกล้คนตัวเล็กที่ยังคงก้มหน้าซ่อนความเขินเอาไว้ ก่อนชิงหอมแก้มไปอย่างรวดเร็ว

     

                “อ๊ะ คุณ” มินวูยกมือขึ้นปิดร่องรอยที่โดนฉวยโอกาสเอาไว้ รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งรอยยิ้มกวนๆของเขามันช่างยากที่จะถอนตัวจากรักแรกพบครั้งนี้เหลือเกิน

     

                “อย่าเรียกคุณสิ” มือหนาดึงมือเล็กที่ยกขึ้นปิดหน้าตัวเองออก ก่อนเลื่อนหน้ากระซิบข้างใบหูเล็กแผ่วเบา

     

                “

     

                “เรียกชื่อผมเชว ซึงฮยอน

     

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~




                 ความตึงเครียดก่อตัวขึ้น ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ของกรมส่งเสริมการปกครอง เมื่อเกิดมีคดีคอรัปชั่นครั้งรุนแรงเกิดขึ้นจากบุคคลไร้นามภายในกลุ่ม ผลตัดสินที่ได้ออกมาคือการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งนั่นเป็นประเด็นน่าหนักหัวทั้งผู้ที่ต้องการรักษาตำแหน่ง และคนที่ต้องการฉวยชิงอำนาจ

                อธิบการบอดีคิม เดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับผู้อารักขาที่เดินตามมาติดๆ เมื่อเขาถูกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในการคอรัปชั่นครั้งนี้ ซึ่งนั่นอาจเป็นผลทำให้เขาอาจโดนโจมตีในการโหวตเลือกตั้งในครั้งหน้า เสียงเครื่องมือสื่อสารจากเลขาส่วนตัวดังขึ้นเพื่อแจ้งให้ทราบว่าลูกชายคนเดียวของท่านคิมกำลังรอพบอยู่ที่ห้องพักทำงาน

     

                “คุณพ่อ” คิม จงฮยอนเอ่ยเรียกชื่อพ่อตนเองทันทีที่เขาเดินเข้าห้อง ท่านคิมหันไปโบกมือให้ลูกน้องที่เดินตามมาเป็นเชิงให้ออกไปข้างนอกเสียก่อน

     

                “มีเรื่องอะไรถึงบุกมาหาพ่อถึงที่นี่ จงฮยอน” ท่านคิมถอดเสื้อสูทตัวหรูของตนออกแขวนไว้แล้วเดินไปยังเก้าอี้นวมตัวใหญ่ สายตาทะเล้นของจงฮยอนบ่งบอกอย่างดีว่ากำลังต้องขอเขาให้ทำอะไรตอบรับความสนุกสนานอย่างเป็นแน่

     

                “ผมอยากขอบอดี้การ์ดของคุณพ่อซักสี่ห้าคนวันนี้ได้มั้ยครับ ผมจะไปผับหาไอ้คนที่มันขับรถปาดหน้าผมเมื่อตอนเย็นนี้ ผมให้คนไปสืบดูแล้ว มันทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่นั่น ตอนเย็นแม่งทำเอาผมเกือบเสียหลักรถตายแน่ะ” จงฮยอนบรรยาย

     

                “เลิกมีเรื่องซักทีเถอะ รอยหมัดที่โดนครั้งก่อนยังไม่หายสนิทดีเลยไม่ใช่เหรอ” ท่านคิมกุมขมับอย่างเหนื่อยอ่อน กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมานั่งคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องที่ลูกชายตัวดีไปก่อ

     

                “พ่อ! มันเกือบทำลูกพ่อคนนี้ตายนะ มันอวดดีแบบนั้นกับผม ผมไม่ยอมเด็ดขาด!

     

                “ปล่อยวางซะบ้างคิมจงฮยอน เราไม่ใช่เจ้าของถนนซักหน่อย”

     

                “พ่อเป็นอะไรของพ่อ! พ่อไม่ห่วงผมบ้างเลยเหรอไง” จงฮยอนเริ่มขึ้นเสียงอย่างขัดใจ

     

                “เพราะพ่อห่วงไง พ่อถึงไม่ยอมให้แกไปหาเรื่องเขาเหมือนที่ทำผ่านๆมา”

     

                “โธ่เว้ย! ถ้าพ่อไม่อนุญาตผมก็จะบุกไปหามันคนเดียวแบบนี้แหละ ผมจะไปกระทืบมัน ดี! ไปคนเดียวแบบนี้ก็ดี ถ้าโดนมันยกพวกมาซ้อมกลับจะได้ตายๆไปเลย!

     

                “หุบปากเดี๋ยวนี้คิมจงฮยอน!” ท่านคิมตะคอกเสียงหนัก ลุกขึ้นยืนมองหน้าลูกชายปากดีอย่างโมโห

     

                “” คิมจงฮยอนเงียบนิ่ง ตั้งแต่เกิดมาพ่อไม่เคยโต้ตอบเขาแบบนี้มาก่อน

     

                “เพราะแกนั่นแหละถึงทำชื่อเสียงฉันย่อยยับ อาชีพการงานของฉันอาจจะหายไปเพราะการกระทำโง่ๆของแกเพียงไม่กี่นาที หัดทำตัวเหมือนคนบ้างได้มั้ย หมาเวลามันโกรธมันยังระงับอารมณ์ได้ แล้วนี่แกเป็นใคร ใช้สมองคิดซะบ้าง!

     

                “แล้วพ่อขึ้นเสียงใส่ผมแบบนี้มันต่างจากผมนักเหรอไง!

     

                “คิมจงฮยอน!!!” ท่านคิมเงื้อมฝ่ามือขึ้นเตรียมลงโทษลูกชายตัวแสบ แต่ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน นั่นคือรองอธิการบดีอิมเซวอน ซึ่งเดินมาพร้อมกับเอกสารในมือ ท่านอิมมองสองพ่อลูกด้วยท่าทางแปลกใจ จงฮยอนกัดฟันกรอดระงับอารมณ์โกรธก่อนเดินหนีออกจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกอยากซัดหน้าใครซักคนที่ปะทุอย่างดุเดือด

     




    ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~



     

     

                รถปอร์เช่สีแดงแสบขับเฟี้ยวฟ้าวปาดหน้ารถคันอื่นบนถนนอย่างไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้เขาต้องการหาที่ระบายอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นคนหรือแอลกอฮอล์ก็ตาม จงฮยอนยกแขนขึ้นมองนาฬิกาก่อนส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจเมื่อนี่มันเพิ่งทุ่มกว่าๆเองเท่านั้น บาร์เหล้าส่วนใหญ่ที่เขาไปมันเปิดสี่ทุ่ม ถ้าจะไปผับก็ไกลัวว่าจะไปเจอคู่อริอีก เขามาเดี่ยวแบบนี้อาจโดนเล่นงานเป็นได้ แค่ตอนนี้เขาก็สร้างศัตรูไว้ทั่วทุกผับในกรุงโซลแล้วด้วยซ้ำ มือใหญ่หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเลื่อนจะกดหาเพื่อนในกลุ่ม แต่ก็ขว้างโทรศัพท์ลงพื้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากชวนพวกนั้นมาเขาจะต้องรู้สึกอายแน่ที่ต้องบอกเรื่องที่พ่อขัดใจจนทำให้อารมณ์เสียเช่นนี้ เพราะตลอดชีวิตท่านคิมตามใจเขามาตลอด

                จงฮยอนขับรถเข้าไปในซอยแปลกใหม่ที่ไม่เคยเข้ามาเผื่อจะเจอบาร์เล็กๆก็ยังดี พลันสายตาก็หันไปเห็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ก่อนขับรถไปจอดเทียบหน้าร้านนั้น

     

              กริ๊ง

     

              เสียงออดเปิดประตูร้านดังขึ้น พนักงานร้านหน้าสวยในชุดสีขาวซึ่งยืนอยู่หลังบาร์หันไปมองลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ เมื่อนั่นคือนักเรียนชายผู้โด่งดังภายในโรงเรียนของเขา คนอย่างจงฮยอน ทำไมถึงเลือกมาเข้าร้านเล็กๆแบบนี้นะ

     

                “เมนูครับ” คิม คีย์บอมเดินไปยื่นสมุดหนังขนาดสองฝ่ามือให้คนซึ่งกำลังนั่งวางเข้าพาดโต๊ะอย่างไร้มารยาท

     

                “ที่นี่เหล้าอะไรแรงที่สุด มีเท่าไหร่เอาออกมา” เขาสั่งโดยที่ไม่หันหน้ามามองผู้รอรับออเดอร์ด้วยซ้ำ คีย์แอบหันหน้าไปถอนหายใจอีกทางอย่างหงุดหงิด นี่เป็นวันแรกที่เขามาเริ่มทำงานพิเศษที่นี่ ก็ต้องมารับมือกับลูกค้าเฮงซวยแล้วเหรอ

     

                “ร้านเราไม่ขายเครื่องดื่มให้คนอายุต่ำกว่าสิบแปดครับ”

     

                “นายรู้ได้ไงว่าฉันยังไม่ถึง” จงฮยอนปลายตามามองหน้า เขารู้สึกคุ้นๆหน้าคีย์เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเด็กในโรงเรียน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

     

                “ไว้ซักปีหน้าคุณค่อยกลับมาซื้อใหม่นะครับ แล้วก็หลังสี่ทุ่มด้วย” คีย์ชักมือเก็บสมุดเมนูเอาไว้เหมือนเช่นเคย ก่อนหันหลังเตรียมเดินหนีไปดูแลแขกซึ่งเพิ่งมาใหม่อีกโต๊ะ

     

                “ฉันให้นายเลือกสองทางว่าจะเอาเหล้ามาให้ฉันกิน หรือจะให้ฉันสั่งลูกน้องมาเล่นงานร้านนี้”

     

                “นี่นาย!” คีย์เหลือบหันมามองอีกคนอย่างเหลืออด นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นแขกเขาคงเอาสมุดเมนูฟาดหน้าไปแล้ว

     

                “ไปหาร้านอื่นเถอะครับ ผมว่าอ้ะ” คีย์เบิกตากว้างมองแบงค์พันวอนหลายใบซึ่งอีกคนปามาใส่เขาตอนนี้กำลังกระจายลงตามพื้นและบนโต๊ะอย่างดูไร้ค่า

     

                “เอาเงินไป เอาเหล้ามา และหุบปากซะ”

           
               “
    ” คีย์กัดฟันกลั้นความโกรธเอาไว้ ก่อนค่อยๆก้มหน้าลงเก็บเงินของคนนิสัยแย่แล้ววางลงตรงหน้าเขาเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าถึงพูดให้ตายยังไง จงฮยอนก็คงไม่ยอมเดินออกจากร้านนี้ไปง่ายๆแน่นอนหากเขาไม่ได้กินเหล้า

     

                “งั้นรบกวนช่วยตามผมไปหลังร้านด้วยครับ เอามาวางไว้ตรงนี้ลุกค้าคนอื่นหรือคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเกรงว่าจะไม่เหมาะ” คีย์สงบอารมณ์พูดเสียงอ่อน

     

                “นายเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน” จงฮยอนเลิกคิ้วมองอย่างยียวน

     

                “ผมไม่ได้สั่งผมขอร้อง ถ้าคุณไม่ทำตามที่ผมบอก ต่อให้คุณเอาเงินมาฟาดหัวผมซักร้อยล้านวอน หรือให้ลูกน้องมาระเบิดร้าน ผมก็ไม่ขายเหล้าให้คุณแน่ๆ” คีย์ยื่นคำขาด จงฮยอนหัวเราะหึกับความเด็ดเดี่ยวของอีกคน ก่อนยอมเดินตามอีกคนมาที่หลังร้านผ่านห้องครัวและห้องเก็บของออกมาทางประตูซึ่งเป็นสวนหย่อมเล็กๆติดกับรั้วสีขาวขนาดสูง ซึ่งมองออกไปเห็นรถเขาจอดพอดี

                คีย์เช็ดโต๊ะไม้ปาเก้เคลือบเงาสีสวยอย่างลวกๆแสดงความไม่อยากบริการเต็มที่ ก่อนเลื่อนเก้าอี้ให้คนที่ยืนมองนั่งลง

     

                “นั่งตรงนี้ฉันก็ไม่เห็นใครเลยน่ะสิ”

     

                “ก็นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการไม่ให้ใครเห็นคุณไงล่ะ” คีย์ทิ้งท้ายก่อนเดินฉับๆเข้าไปในร้านเพื่อนำเมนูไปให้ลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานในร้านอีกคนเข้ามาช่วยงานเขาพอดี

     

                “พี่เยซองช่วยเอาเหล้าในตู้เย็นไปให้ลูกค้าพิเศษที่โต๊ะหลังร้านหน่อยสิครับ” คีย์พูดกับพี่พนักงานอีกคน

     

                “ลูกค้าพิเศษเหรอ”

     

                “ใช่ครับ เอาพวกว๊อทก้าไปให้เลย เยอะๆยิ่งดี ให้เมาจนขับรถตกฟุตบาทก์ตายไปเลย!” คีย์พูดเสียงดังๆอย่างโมโห เยซองมองคนหน้าสวยอย่างงงๆว่าไปอารมณ์เสียมาจากไหน แต่ก็คว้าขวดเหล้ามากมายพร้อมกับแก้วเดินไปที่หลังร้านตามคำขอ คีย์ส่ายหัวเบาๆให้กับความรั้นของจงฮยอนก่อนเริ่มทำงานตามปกติ

     

                เวลาผ่านไปจนถึงสี่ทุ่มซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของคีย์แล้ว เขาบิดตัวไปมาอย่างเมื่อยล้าเนื่องจากมาทำงานที่นี่ตั้งแต่หกโมง กลับบ้านไปยังต้องทำการบ้านที่ค้างเอาไว้เพื่อไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ เขายังต้องตื่นเช้าไปรอรถเมล์เพื่อไปรถไฟฟ้าและนั่งต่อไปโรงเรียนอีกรอบ ช่างเป็นชีวิตประจำวันที่เหนื่อยจริงๆ

     

                “คีย์ ก่อนไปฝากเก็บซากหลังร้านหน่อยสิ เดี๋ยวเลิกร้านผู้จัดการมาเห็นเราจะโดนว่าได้นะ” เยซองกล่าวขณะที่กำลังจะทำเหล้าปั่นไปเสิร์ฟให้แขก

     

                “เขายังไม่กลับอีกเหรอครับ” คีย์เบิกตากว้าง

     

                “ใช่ เมื่อกี้พี่ไปเปิดไฟให้ ดูสภาพแย่มากทีเดียว นี่ก็เหมือนหิมะจะเริ่มตกแล้วด้วยนะ ไล่กลับบ้านเถอะ”

     

                “พี่เยซองพี่ไปไล่ให้คีย์ไม่ได้เหรอ คีย์ไม่อยากยุ่งกับหมอนั่น”

     

                “แขกมากันเยอะแล้วนะคีย์ ไอ่เรียววุคก็ยังไม่เข้ามา ช่วยหน่อยแล้วกันนะ” เยซองพดก่อนถึงพนักงานร้านรอบกลางคืนที่จะเข้ามาผลัดเวรกับคีย์ก่อนกดทำงานเครื่องปั่น คีย์บอมเลยจำเป็นต้องยอมจำนนเดินออกไปที่หลังร้าน พบกับคนที่กำลังนอนฟุบหน้าแดงก่ำลงบนโต๊ะ โดยมือยังไม่ปล่อยจากขวดเหล้า ข้างโต๊ะที่พื้นมีเศษแก้วแตกบ่งบอกว่าเขาอาละวาดแค่ไหน นี่ขนาดนั่งกินคนเดียวยังเละเทะได้ขนาดนี้

     

                “นี่นาย กลับบ้านได้แล้ว” จิ้มๆ

     

                “อืมมมมมม” คนเมาดึงมือเล็กที่จิ้มเขาไปกุมเอาไว้ข้างแก้มที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

     

                “เฮ้ย! ปล่อยยยย”

     

                “ไปเอาเหล้ามา~! เอาผู้หญิงมาด้วยยยย”

     

                “ไอ่โรคจิต” คีย์เตะเก้าอี้ที่จงฮยอนนั่งอย่างแรงจนอีกคนล้มลงไปกับพื้น จงฮยอนลืมตามองอีกคนอย่างสะลึมสะลือ ก่อนเผยอปากยิ้ม

     

                “มาแล้วเหรอน้องสาว~

     

                “มีพี่ชายแบบนายฉันขอกัดลิ้นตายตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ดีกว่า!

     

                “รถพี่อยู่นั่นงายย~” จงฮยอนชี้ไปยังรถตัวเองพร้อมกับยกแขนขึ้นทั้งสองข้างหาคีย์เป็นเชิงให้พยุงตัว คีย์มองอีกคนด้วยสายตาอนาถใจ แต่จะปล่อยเอาไว้อย่างนี้คงโดนกองหิมะทับตัวตายแน่ ร่างบางเดินเข้าไปใกล้ก่อนจับแขนใหญ่ขึ้นพาดบ่าแล้วเดินไปที่ประตูรั้วอย่างยากลำบาก อย่างน้อยให้ไปนอนเมาต่อในรถจนก็ยังดีกว่าปล่อยเอาไว้แบบนี้

     

                “ถึงรถนายแล้ว เปิดสิวะ หนัก!” คีย์เตะขาคนข้างตัวแรงๆ

     

                “งืมมมมมม” จงฮยอนหยิบกุญแจรถในกระเป๋าออกมาก่อนกดปลดล๊อก คีย์รีบเปิดประตูข้างหลังออก แล้วโยนทิ้งคนตัวหนักเข้าไปอย่างแรง ไม่ลืมปากุญแจรถใส่จนอีกคนต้องร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บอีกด้วย แต่ทันใดนั้นที่คีย์กำลังจะชันตัวออกมาจากรถเพื่อปิดประตู ก็โดนฝ่ามือใหญ่ดึงให้ลงไปนอนลงบนเบาะพร้อมกับเขาก่อนเปลี่ยนตำแหน่งเป็นขึ้นคร่อมแล้วปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว คีย์มองจงฮยอนอย่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก หมอนี่ช่างเร็วเหลือเกินนี่ขนาดเมานะเนี่ย

     

                “ปล่อยนะ!” คนใต้ร่างพยายามดิ้นสุดกำลัง ข้อมือเล็กทั้งสองข้างโดนรวบขึ้นเอาไว้เหนือหัว จงฮยอนยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนซุกหน้าลงไซร้ลำคอขาวโดยไม่สนใจเสียงร้องโวยวายแต่อย่างใด

     

                “เป็นของผมเถอะ

     

     





    -TO BE CONTINUED






     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×