ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❤HONEY - shinee fic _______ {yaoi}*

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 2 : FIRST IMPRESSION - 100 percent updated }

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 55


    CHAPTER 2



    FIRST IMPRESSION







                คนตัวเล็กเดินก้าวขาฉับๆหนีกลุ่มคนที่พยายามเดินตาม กระเป๋าสะพายใบเล็กๆขนาดพอดีใส่หนังสือเรียนดูเหมือนจะขยายขนาดเต็มที่ในตอนนี้เนื่องจากเต็มไปด้วยช็อกโกแลตและขนมมากมายที่โดนนำมายัดใส่ไว้ที่ล็อกเกอร์และโต๊ะเรียนนั่งประจำของร่างบาง รวมถึงจดหมายสารภาพความรู้สึกนั่นนี่ทั้งที่เขาเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนแท้ๆเชียว

                มือเล็กยกขึ้นโบกตอบคนที่ร้องทักทายและยิ้มให้ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ แทมินพองลมจนแก้มป่อง คิดถึง โน มินวู เพื่อนสนิทสมัยเด็กที่คบกันมานาน เป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่แทมกล้าทำอะไรร่วมกันหลายๆอย่างด้วย ซึ่งตอนนี้ย้ายไปเรียนตามครอบครัวที่ไปทำธุรกิจที่อเมริกา เขาเคยขอคุณพ่อย้ายตามไปหลายครั้งต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับอนุญาตเลย ประธานลีซูมานไม่เคยคิดว่าลูกชายของเขาตอนนี้โตแล้ว ในใจของผู้เป็นพ่อยังคงเป็นห่วงและคอยดูแลเหมือนแทมินเป็นลูกทารกแรกเกิดของเขา ซึ่งนั่นทำให้แทมไม่เคยได้ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เขาไม่เคยคบเพื่อนคนอื่นเพราะแต่ละคนที่เข้าหาเหมือนจะอยากสนิทกับแทมเพียงเพราะสภาพความเป็นอยู่และชื่อเสียงของคุณพ่อ

                เด็กน้อยหยิบเอาตุ๊กตารูปเต่าตัวเท่าฝ่ามือขึ้นมาดู เพราะก่อนที่มินวูจะย้ายไปอเมริกาได้ให้สิ่งนี้กับเขาไว้ โดยบอกว่าแทมินเป็นเหมือนเต่า มีกระดองคอยปกป้องติดตัวอยู่เสมอ และเป็นคนที่ตามใครไม่ค่อยจะทันเพราะใสซื่อ ไร้เดียงสามากจนเกินไป ตอนนี้เขาต้องการหาที่นั่งสงบๆเพียงเท่านั้น ยิ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง มันยิ่งทำให้เขาต้องพบปะผู้คนมากมาย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเขาเองก็ไม่ใช่คนชอบเข้าสังคมซะด้วยสิ

                ร่างบางเดินสำรวจทั่วโรงเรียน พยายามเดินไปในทางที่เห็นว่าไม่ค่อยมีคนมากที่สุด ถึงจะรู้สึกหิวข้าวแต่ก็ไม่คิดจะไปซื้อมากินแต่อย่างใด ในใจแอบเผลอนึกถึงพี่รหัสที่เพิ่งได้เจอกันเมื่อวันก่อน ซึ่งตั้งแต่แทมินได้เข้ามาเรียนที่นี่จินกิจะเป็นคนมารับแทมินถึงที่ห้องและพาไปทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ซึ่งนั่นทำให้มีการซุบซิบนินทาเกิดขึ้นว่าแทมินกับประธานนักเรียนได้กุ๊กกิ๊กกัน และนั่นทำให้เขาไม่กล้ายุ่งกับจินกิมากนัก เพราะแค่เป็นลูกชายสุดรักสุดหวงของท่านผู้อำนวยการนี่ก็ทำให้เด่นมากพอแล้ว วันนี้เลยหนีออกมาจากห้องเรียนก่อนที่ออดจะดัง

               

                “เหที่นี่” หน้าใสเบิกตากว้าง มองสถานที่ใหม่ซึ่งตนเองบังเอิญเดินมาเจอซึ่งเป็นบริเวณหลังโรงเรียนที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆนอกจากสนามหญ้าและต้นไม้ต้นใหญ่ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนเดินตรงไปที่ใต้ต้นไม้นั้นหมายจะนั่งฟังเพลงเงียบๆให้ความผ่อนคลายดับความหิวที่ได้ก่อตัวขึ้น

     

                “ดีจังเลยนะ ที่นี่น่ะ~” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนตกใจจนสะดุ้ง เมื่อพบกับเงาทะมึนที่กำลังนั่งพิงต้นไม้อยู่อีกฝั่ง ซึ่งเงานั้นค่อยๆขยับตัวลุกยืนขึ้น ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังร่างสูงอย่างแปลกใจ

     

                “ใช่แล้ว ที่นี่ดีมากเลย” ชเว มินโฮ ตอบกลับคำรำพึงอย่างถือวิสาสะ

     

                “อ่ะขอโทษฮะ ผมคิดว่าไม่มีคนอยู่” ก้มหน้าหลบสายตาเย็นชาคู่นั้น

     

                “ก็เห็นแล้วนี่ว่ามี ?” มินโฮพยักเพยิดใบหน้าไปทางที่แทมินวิ่งมาเป็นเชิงไล่

     

                “อื้อ” เม้มริมฝีปากอย่างขัดใจที่ไม่สามารถอยู่ในที่ซึ่งตนประทับใจได้ แต่ก็ยังยืนแข็งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหนเพราะไม่เคยยอมใครมาก่อน

     

                “นายชื่อลี แทมินสินะ ?”

     

                “อื้อ”

     

                “พูดกับรุ่นพี่ที่เพิ่งรู้จัก มาอื้อๆได้ยังไงกัน ?”

     

                “ขอโทษ” เงยหน้าขึ้นมองค้อนๆที่โดนดุ

     

                “นี่เจ้าเด็กเกรดสิบ พี่เป็นรุ่นพี่นะ”

     

                “รุ่นพี่แล้วทำไมล่ะฮะขนาดพี่จินกิเป็นตั้งประธานนักเรียนยังไม่ดุแทมินเลยนะ” จ้องด้วยสายตาไม่พอใจจนมินโฮนึกขำกับความรั้นแบบไร้เดียงสาของคนตรงหน้า

     

                “เอาเถอะ พูดไปยังไงเด็กอย่างนายก็คงไม่รู้เรื่อง ไปล่ะ” ทิ้งท้ายก่อนเดินผ่านออกมา

     

                “แทมินไม่ใช่เด็กนะ!” ตะโกนว่ากลับไปถึงจะไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสนใจเลยซักนิดก็ตามที่ ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าบนพื้นหญ้าอย่างโมโหที่โดนคนไม่รู้จักมาดุเอา แถมยังหาว่าเขาเป็นเด็กซึ่งเป็นคำที่เขาไม่ชอบอีกต่างหาก เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่โดนคุณพ่อขัดใจก็มักจะอ้างด้วยเหตุผลว่าเขาเด็กอยู่เสมอ แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่คนตัวสูงนิสัยแย่คนนั้นไม่ไล่เขาออกไปจากสถานที่ลับเหมือนอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

     

                แต่มันช่างเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ไม่น่าประทับใจเอาซะเลย

     

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

                “อ้าวเฮ้ย ทำไมวันนี้ขึ้นมาเร็วจังเลยมินโฮ” จงฮยอนเอ่ยทักเพื่อนที่เพิ่งเดินขึ้นบนห้อง เพราะปกติหลังจากกินข้าวเสร็จมินโฮก็จะแยกตัวออกไปนอนที่ใต้ต้นไม้นั่นจนกว่าจะพอใจแล้วค่อยกลับขึ้นมา ซึ่งปกติก็ต้องเป็นเกือบเลิกเรียนเชียวล่ะ

     

                “อากาศมันร้อน” ยักไหล่นิดๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้

     

                “เออดีแล้วที่มึงขึ้นมา วันนี้กูไปเดินตามหาน้องแทมแม่งไม่เจอเลยว่ะ รู้สึกไอ้ประธานตี๋นั่นก็คงคิดเหมือนกู เห็นเดินตามหาใครซักคนว่อนโรงเรียนเลย ตลกดี มึงว่าป่ะ?” ถามเพื่อนด้วยท่าทีสนุก

     

                “ไม่รู้สิ แต่ก็ยังดีที่มึงเอาเวลานั่งดูดยาไปทำเรื่องไร้สาระอย่างนั้น”

     

                “ไม่ไร้สาระนะครับ! พี่ชเวไม่รับรู้ถึงกลิ่นไอความสนุกที่มันใกล้เข้ามาเหรอ” บาโรพุ่งตัวเข้ามาหาแล้วทำเสียงทะเล้น แต่ก็ต้องเจอขาเรียวยาวเตะออกอย่างไร้เยื่อใย

     

                “ระวังความสนุกของพวกมึงจะกลายเป็นหายนะไว้เถอะ ไอ้การสร้างความเดือดร้อนนี่มันเป็นเรื่องสนุกเหรอไง”

     

                “อย่าไปกวนเจ้าชายมินโฮของเราเลย แผนการนี้พวกเรามาจัดการกันสามคนก็ได้” จงฮยอนดึงคอเสื้อบาโรกลับมาสังสรรค์กันต่อ มินโฮเหลือบหันไปมองด้วยสายตาเอือมระอา มือใหญ่หยิบเอาเฮดโฟนมาครอบหูก่อนก้มหน้าลงฟุบลงบนโต๊ะเข้าสู่นิทราอย่างเคยชิน

               

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

                ออดหมดเวลาเลิกเรียนเปรียบสเมือนนาฬิกาปลุกชั้นเยี่ยมของเด็กสายเอลส์ให้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากนิทรา มินโฮลุกขึ้นมาบิดกายไปมาอย่างเมื่อยล้า แต่สายตาที่กำลังสะลึมสะลือก็ต้องเบิกกว้างเมื่อพบกับคนตัวเล็กที่กำลังนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล โดยมีบรรดาเพื่อนในกลุ่มของเขารุมล้อมอยู่

     

                “เฮ้ยพวกมึง!” มินโฮหยัดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปที่หมาย ดวงตากลมโตหันมามองสบสายตากับอีกคนแล้วทำท่าครุ่นคิดว่าเคยเจอคนตัวสูงนี่ที่ไหน มินโฮหันไปมองเพื่อนแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับอะไร

     

                “ตกลงวันนี้มีนัดประชุมเด็กเกรดสิบกับรุ่นพี่จริงเหรอฮะ ทำไมพี่จินกิไม่เห็นบอกอะไรแทมินเลยล่ะ” คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ย ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือหนังยี่ห้อดังที่บอกเวลากลับบ้านแล้ว เขาโดนจงฮยอนที่ไปดักรออยู่หน้าห้องเรียนหลอกว่าเย็นนี้ต้องอยู่ประชุมสร้างความสัมพันธ์กับเด็กสายเอลส์ ซึ่งไม่ได้เป็นความจริงเลยซักนิด

     

                “จริงสิ หน้าตาพี่เหมือนคนไม่น่าเชื่อเหรอ” จงยื่นหน้าเข้าไปมองตาหวานใกล้ๆ จนแทมินต้องผละตัวหนี เด็กน้อยตัวเล็กทำท่าคิดก่อนส่ายหน้ารัว

     

                “อื้อ ไม่น่าเชื่อเลย” คำตอบจากใบหน้าใสซื่อเรียกเสียงหัวเราจากคนรอบข้างได้อย่างดี

     

                “ถ้าไม่น่าเชื่อแล้วตามพี่มาทำไมล่ะครับ ?”

     

                “ก็ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน” แทมินเบ้ปาก

     

                “เฮ้ยออกไปจากที่นี่กันเถอะ เขาจะปิดอาคารเรียนแล้วนะเว้ย” มินโฮหาเรื่องมาชักนำเพื่อน

     

                “เออใช่ งั้นเราไปหาที่อื่นคุยกันดีกว่าเนอะแทมิน” จงฮยอนยิ้มกว้าง ดึงแขนเล็กให้ลุกขึ้นยืน

     

                “ตกลงแทมินต้องประชุมจริงรึเปล่า ถ้าหลอกกันแทมินจะโทรฟ้องป่ะป๊า” มือเล็กหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่ก็โดนจงฮยอนแย่งมือถือไปซะได้

     

                “อ้ะ! เอาของแทมินคืนมานะ”

     

                “อยากได้ก็ต้องทำตามพี่ก่อน บอกให้ไปด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิครับ”

     

                “ไม่เอาแล้ว จะกลับบ้าน” พูดเสียงแข็ง

     

                “บาโร ไปเอารถกูออกมาจอดหน้าอาคารให้หน่อย พวกมึงก็ไปเอารถมาด้วย” จงฮยอนโยนกุญแจรถไปให้เพื่อนที่รีบทำตามคำสั่งทันที ก่อนหันหลับมายิ้มกวนให้คนโดนแกล้งที่กำลังจะร้องไห้

     

                “คุณพ่อช่วยไม่ได้หรอกครับแทมินอารู้มั้ยว่าพ่อพี่น่ะเป็นมาเฟียนะ” พูดขู่

     

                “มาเฟีย ?” เบิกตากว้างทวนคำอย่างแปลกใจ

     

                “ใช่แล้ว เป็นมาเฟียที่โหดมากเลย พ่อแทมินยังกลัวเลยล่ะ ไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อนใช่มั้ย ?”

     

                “ป่ะป๊าไม่กลัวหรอกป๊าเคยบอกว่าจะไม่มีใครมาทำอะไรแทมได้นะ ใครมาทำจะเอาให้ตายเลย” ขู่กลับ

     

                “เอาให้ตายเลยเหรอ~” ทำเสียงเล็กล้อเลียน

     

                “นี่! หยุดนะ ป๊าแทมินน่ากลัวจริงๆนะ” กำมือแน่นรู้สึกโกรธที่โดนล้อ

     

                “แต่พ่อพี่น่ากลัวกว่าหลายเท่าเลย ไม่เชื่อจะลองดูมั้ยล่ะ”

     

                “ฮึก! ไม่จริง ป๊าแทมเก่งกว่า” สะอื้นเสียงดังอย่างกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มินโฮทำท่าจะเดินเข้ามาห้ามแต่ก็โดนจงฮยอนดันตัวไว้

     

                “พ่อที่เก่งน่ะไม่มีทางสอนให้ลูกร้องไห้ง่ายแบบนี้หรอกนะ แสดงว่าพ่อแทมินต้องอ่อนแอแล้วก็ขี้แยมากแน่เลย”

     

                “ฮื้อ! ไม่ใช่นะ บอกว่าไม่ใช่ไง อย่ามาว่าป่ะป๊านะ” ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองออก พยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้แพ้ตามที่อีกคนกล่าวหา

     

                “พอได้แล้วคิมจงฮยอน” มินโฮหยิบเสื้อโค้ทตัวใหญ่ไปคลุมหัวหัวแทมินเอาไว้ มันตัวใหญ่มากจนปิดร่างเล็กไปถึงครึ่งตัวเลยทีเดียว

     

                “ไม่ใช่เรื่องของมึงนะมินโฮ มึงไม่ต้องมาทำเป็นพระเอกตอนนี้”

     

                “กูเปล่า กูแค่ไม่อยากโดนขังอยู่บนนี้ แล้วอีกอย่างไอ้สามตัวนั้นก็คงไปเอารถมารอแล้วล่ะ ออกไปก่อน แล้วมึงจะเล่นเหี้ยอะไรก็เรื่องของมึง”

     

                “เออ!” จงฮยอนกระแทกเสียงก่อนคว้าเอาข้อมือเล็กให้เดินตามตัวเองออกมา โดยที่มือร่างสูงเดินตามอยู่ด้านหลัง ในใจคิดถึงเหตุร้ายที่กำลังจะตามมา อีกไม่นานต้องมีเรื่องเดือดร้อนมาแน่ๆ

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

                มินโฮฮัมเพลงที่เปิดในรถอย่างผ่อนคลาย เอื้อมมือไปปรับอุณหภูมิแอร์ให้ลดต่ำลงเมื่อรู้สึกร้อนอึดอัดขึ้นมา ในหัวพยายามคิดถึงแผนการของเพื่อนรักจงฮยอนที่เอาตัวลูกชายคนเดียวของท่านประธานลีซูมานไปเที่ยวกันสองคน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะทำเด็กตัวเล็กขี้แยนั่นร้องไห้อยู่รึเปล่า บางทีตอนเช้าพรุ่งนี้เขาและเพื่อนๆอาจโดนเรียกเข้าไปในห้องผู้อำนวยการก็เป็นได้ หากเย็นนี้แทมินนำเรื่องที่โดนแกล้งไปฟ้อง

    มือหนาที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถยนต์คันหรูของตนเหยียบเบรกเสียงดังลั่นเมื่อมีสุนัขตัวเล็กวิ่งตัดหน้ารถขณะที่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆ ร่างบางเรียวเจ้าของสุนัขตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปอุ้มสัตว์เลี้ยงของตนออกมา แล้วผงกหัวให้มินโฮเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนเดินกลับไปยืนบนริมฟุตบาทดวงตาเรียวคมนั่นกวาดมองหารถประจำทางเพื่อที่จะนั่งกลับบ้าน  มินโฮเคลื่อนรถไปเทียบริมฟุตบาทที่ร่างบางยืนอยู่ ก่อนกดเลื่อนกระจกรถลงมา

     

    “ให้ผมไปส่งมั้ย ?”

               

    “มะมินโฮ” คีย์บอมตกใจจนสะดุ้ง เมื่อเจ้าชายที่ช่วยชีวิตน้องหมาของเขากับเจ้าชายในชีวิตจองตัวเองดันเป็นคนเดียวกันซะนี่

     

    “ขึ้นมาสิ รถผมหอมกว่ารถเมล์เยอะเลยนะ” เอื้อมตัวกดปลดล๊อกประตูฝั่งข้างคนขับให้เปิดออก คีย์ก้มหน้าลงมองน้องหมาอย่างลังเล ก่อนตัดสินใจเดินขึ้นรถตามคำเชิญชวน มือบางกุมเข้าหากันแล้วกำแน่น ลำตัวเกร็งเหยียดตรงด้วยอาการเขินสุดขีดจนทำอะไรไม่ถูก

     

    ก็แหมได้มานั่งรถสองต่อสองกับคนที่ตัวเองแอบรักนี่นา

     

    “หนาวเหรอ” มินโฮถามหลังสังเกตอาการ ก่อนกดเพิ่มอุณหภูมิแอร์รถให้อุ่นขึ้น

     

    “นิดหน่อยครับ เอ่อบ้านผมอยู่อีกสิบสองซอยข้างหน้านะ”

     

    “โอเค” มินโฮหยิบแว่นดำกันแดดขึ้นมาสวมเมื่อแสงแดดของทางทิศตะวันตกเกิดส่องตา คีย์แอบเหลือบหันไปมองร่างสูงด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งได้มาอยู่ใกล้แบบนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามินโฮเท่ห์เข้าไปใหญ่ แอร์ในรถจากที่ว่าจะทำให้ร่างกายเย็นขึ้น กลับกลายเป็นว่ายิ่งเพิ่มอุณหภูมิให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวราวกับพิษไข้

     

    “แล้วเย็นนี้ไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนเหรอ” คีย์หาเรื่องชวนคุย โดยยังก้มหน้าจ้องน้องหมาต่อไป

     

    “จงฮยอนมันไปเดทกับเด็กเกรดสิบน่ะ ส่วนไอ้พวกที่เหลือมันไปเล่นบาสที่ยิมกัน วันนี้ผมรู้สึกง่วงๆเลยไม่อยากไป”

     

    “อ๋อคิม จงฮยอนเขามีแฟนแล้วเหรอ”

     

    “หึ ไม่หรอก คนที่ไปด้วยไม่ใช่แฟนหรอก แต่เป็นตัวปัญหามากกว่า” มินโฮกระตุกยิ้มอย่างนึกขำ คีย์พยักหน้ากับคำตอบ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตามทีเถอะ

     

    “แล้ว” ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างกดดันกับคำถามที่อยากถามออกไป

     

     

    “นายล่ะ มินโฮ

     

    “หืม? ผมทำไมเหรอ”

     

    ” มือกำแน่นจิกเข้าหากัน หายใจเข้าออกลึกๆรวบรวมความกล้า

     

    “นายมีแฟนรึยัง”

     

    “ไม่มีหรอก”

     

    คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาคีย์บอมยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนกอดน้องหมาในอ้อมแขนแน่น

     

    “ทำไมเหรอ”

     

    “เปล่าน่ะ ก็แค่เห็นว่าคนในกลุ่มนายมีแฟนกันตลอดเลยไง” คีย์ยิ้มร่าเริง ผิดกับใบหน้าตอนขึ้นมาบนรถใหม่ๆอย่างชัดเจน

     

    “แล้วนี่ชอบสุนัขเหรอ”

     

    “อ๋อ เจ้าตัวนี้เป็นของคุณอาที่ช่วงนี้มาพักด้วยน่ะ พอดีคุณอาให้พามันมาตัดขน จริงๆผมไม่ค่อยชอบเลี้ยงสัตว์เท่าไหร่ มันดูแลยากน่ะ แล้วก็นะ” คีย์ยังคงพล่ามถึงเรื่องราวของตัวเองไปเรื่อยเปื่อยอย่างมีความสุข ในใจแอบภาวนาให้บ้านของเขาย้ายห่างออกไปอีกซักร้อยซอยพันซอยเผื่อว่าเขาจะสามารถอยู่คุยกับมินโฮได้นานกว่านี้

     

    มันช่างเหมือนเป็นฝันที่ดีที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยแฮะ

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

              คิม จงฮยอน มองหน้าเด็กน้อยที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ยถามอะไร ชวนคุยยังไง ก็ไม่ปริปากพูดด้วยกับเขาซักคำเดียว มือเล็กเกาะเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่มินโฮเอามาคลุมหัวตัวเองไว้แน่นก่อนดึงมันลงมาปิดหน้าโผล่ออกมาแค่ตามองไปรอบๆสถานที่สีเขียวซึ่งจงฮยอนพามาถึง มันเป็นเหมือนสวนสาธารณะของโรงเรียนอนุบาลที่ไหนซักที่เพราะของเล่นล้วนแต่เป็นสิ่งเล็กๆทั้งนั้น ถึงจะไม่รู้ว่าจงฮยอนจะพาเขามาที่นี่ทำไม แต่ในใจคนตัวเล็กก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

     

                “แทมินมานั่งนี่สิครับ” จงฮยอนเดินไปยืนอยู่ข้างหลังชิงช้าตัวเล็กซึ่งเขาไม่สามารถนั่งได้ แต่คิดว่าถ้าเป็นแทมินก็คงจะพอดี จริงๆเขาไม่ได้ตั้งใจจะพาแทมินมาที่นี่หรอก แต่เป็นเพราะคาดว่านิสัยที่ดูเหมือนเด็กๆของคนตรงหน้าอาจจะชอบอะไรแบบนี้ก็ได้ และดูเหมือนจะได้ผล

     

                “เมื่อไหร่ลูกมาเฟียจะปล่อยแทมินกลับบ้านซักที แทมไม่ได้พกเงินออกมาเยอะให้รีดไถหรอกนะ” บ่นพึมพำแต่ก็เดินไปนั่งลงบนชิงช้าตัวเล็กตามคำชวน จงฮยอนหัวเราะเบาๆก่อนแกว่งชิงช้าให้อีกคนไปมา

     

                “แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมพี่ถึงบังคับแทมินออกมาแบบนี้”

     

                “ทำไมล่ะ”

     

                “เพราะพี่ชอบน้องแทมไงครับ” เดินอ้อมมาข้างหน้าแล้วนั่งลงบนพื้นทรายตรงหน้าคนที่กำลังอยู่บนชิงช้า ดวงตากลมโตเบิกมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

     

                “ชอบยังไง ?”

     

                “พี่น่ะแอบมองแทมินตั้งแต่เข้ามาโรงเรียนวันแรกแล้วไม่รู้เหรอ อยากเข้าไปคุยด้วยแต่ก็ไม่กล้าซักที จนมันทนไม่ไหวอยากสนิทกับแทมินมาก เลยต้องใช้วิธีนี้ ขอโทษที่ล้อคุณพ่อของแทมินนะครับ” มือปัดเม็ดทรายที่เกาะบนขาเนียนให้อย่างเบามือ เงยหน้าขึ้นมองหน้าใสที่ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ดี

     

                “พี่ลูกมาเฟียไม่ได้เป็นคนแรกที่มาบอกชอบแทมินแบบนี้หรอกนะ แต่คนอื่นเขาไม่ล้อป่ะป๊าแทมินกันซักหน่อย” พองลมเต็มแก้มแล้วหันหน้าหนี จงฮยอนเหยียดตัวลุกขึ้นก่อนเดินหนีคนตัวเล็กออกไปทางสนามเด็กเล่นอีกฝั่ง ไม่นานนักก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอศกรีมโคนวนิลาในมือ ก่อนยื่นให้คนตรงหน้า

     

                “อ่ะ ของไถ่โทษ”

     

                “” แทมินมองไอศกรีมน่ากินอย่างลังเล แล้วเอื้อมมือไปหยิบมาโดยหันหน้าไปอีกทางอย่างกลัวเสียฟอร์ม ลิ้นเล็กเลียชิมรสหวานหอมของไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อย จงฮยอนวางมือลงบนหัวเล็กก่อนโยกไปมาเบาๆ

     

                “หายโกรธลูกมาเฟียแล้วใช่มั้ย ?”

     

                “อือ” ตอบโดยไม่ได้หันกลับมามองเหมือนเดิม จงฮยอนยิ้มอย่างได้ชัยแล้วเดินอ้อมกลับไปด้านหลังชิงช้า แกว่งไปมาเบาๆเหมือนเดิมในตอนแรก สายตาก้มลงมองคนที่กำลังเพลิดเพลินกับไอศกรีมและชิงช้าอย่างมีความหวังจะคว้าชัยชนะในการเดิมพันครั้งนี้

     

     
    ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

     

                    เสียงฮือฮาดังตลอดรอบทิศทางตั้งแต่เดินเข้ามาในโรงเรียน เมื่อข่าวเรื่องที่ว่าลูกชายท่านอธิบการบอดีและลูกสุดรักสุดหวงของท่านปรธธานลีซูมานกำลังแอบคบหากัน หลังมีคนแอบไปถ่ายภาพโรแมนติกที่สรมเด็กเล่นนอกตัวเมืองเอาไว้ได้หลายชอต โดยหารู้ไม่ว่าผู้จ้างวานตากล้องชั้นดีนั่นก็คือตัวคิมจงฮยอนผู้ต้องการสร้างกระแสนั่นเอง

     

                ใบหน้าขึงขังเดินก้าวขาเข้ามาที่ชั้นเรียนของสายเอลส์ยิ่งเป็นที่จับตามองเพราะร้อยวันพันปีประธานนักเรียนลีจินกิไม่เห็นเคยโผล่หน้ามาเหยียบหรือเข้าใกล้บริเวณนี้เลยซักครั้ง ประตูเอลส์ห้องซีถูกเลื่อนออกก่อนจินกิจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมรองปรธธานนักเรียนทั้งสองคนที่เดินขนาบสองข้างซ้ายขวาอย่างคิม ดงฮยอน และ โจ ยองมิน สายตาคมกวาดมองหาเป้าหมายที่ยังคงนั่งยกขาพาดโต๊ะฟังเพลงอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่คนอื่นในห้องต่างพากันตกใจกันหมด

     

                “คิม จงฮยอน” ประธานหน้าเรียนใบหน้าซีเรียสเรียกอีกฝ่ายเสียงเข้ม จงฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย ก่อนก้มหน้าลงให้ความสนใจกับพีเอสพีในมือต่อ ริมฝีปากฮัมเพลงคลอไปมาเบาๆ

     

                “จงฮยอน ประธานนักเรียนมีเรื่องจะคุยด้วย” ดงฮยอนเดินเข้ามาสะกิดโต๊ะ จงฮยอนส่งสายตาหงุดหงิดไปให้ แล้ววางเกมส์ลงบนโต๊ะก่อนถอดเฮดโฟนออก

     

                “ว่ามาครับ อีกสองนาทีคุณครูจะเข้าแล้ว คงไม่อยากให้พวกผมเด็กสายเอลส์ผู้ต้อยต่ำต้องเสียการเรียนหรอกใช่มั้ย” ถามด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท

     

                “แน่นอน ผมไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกคุณหรอก” จินกิกวาดสายตามองไปรอบห้องที่รกเกลื่อนกลาดทั้งที่เพิ่งตอนเช้าแท้ๆเชียว รวมถึงบรรดาเด็กแต่ละคนที่มัวแต่ทำตัวไร้สาระกันไปทั่ว จนเขารู้สึกขำ

     

                “ว่ามาสิ”

     

                “นายรู้ใช่มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่เรื่องลูกชายของท่านลีซูมาน” จินกิเริ่มเข้าประเด็นด้วยท่าทีจริงจัง จนทำเอาอีกฝ่ายถึงกับหัวเราะลั่นออกมา เขาว่าแล้วเชียวว่าเขาต้องสามารถปั่นหัวจินกิกับเรื่องนี้ได้แน่ๆ

     

                “ทำไมเหรอครับ? จะบอกว่าลูกชายอธิบการบอดีอย่างผมไม่เหมาะสมกับลูกของผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมเหรอไง” ยักคิ้ว

     

                “ผมไม่ได้หมายถึงฐานะหรือชื่อเสียง แต่ผมหมายถึง” ก้มลงมองอีกคนหัวจรดเท้าด้วยสายตานิ่งๆ จนทำเอาจงฮยอนลุกพรวดขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว บาโรกับแอลโจรีบเข้ามาจับตัวไว้ทันที

     

                “อย่ามาทำวางมาดกับกูแบบนี้นะ!” จงฮยอนชี้หน้าจินกิพลางกัดฟันกรอดอย่างเหลืออด แต่ฝ่ายเด็กเอ็นคลาสยังคงทำสีหน้าไร้ซึ่งความหวาดกลัวหรือตกใจใดๆ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้จงฮยอนรู้สึกร้อนเข้าไปใหญ่

     

                “ผมรู้ได้เลยว่ากาลเวลากับฐานะไม่สามารถทำให้สัญชาตญาณของคนเราสูงขึ้นได้เลย” จินกิยิ้มมุมปาก

     

                “แก

     

                “เอาเถอะครับผมยึดคติว่าสุนัขมันเห่าหรือขู่นั้นแค่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น จริงๆจิตใจก็คงไม่ได้เลวร้ายหรือคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้น ผมไม่ถือสาหรอกครับ อ่อหรือว่านายคิดจะทำร้ายผมจริงๆ แบบนั้นก็หนักกว่าพวกสุนัขอีกนะ”

     

                “หึเห่าได้เห่าไป ระวังซักวันจะโดนสอยฟันจนเห่าไม่ได้” อิไลย้อนกลับ เมื่อเห็นเพื่อนโดนโต้ตอบแบบนี้ แต่ถ้าหากมีเรื่องตอนนี้ล่ะก็มีหวังได้โดนเนรเทศออกจากโรงเรียนชื่อดังที่สุดในประเทศแห่งนี้เป็นได้

     

                “ผมพูดมามากพอแล้ว หวังว่าพวกคุณคงจะเข้าใจว่าที่ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่อจะมาห้ามไม่ให้พวกคุณทำอะไร ห้ามไม่ให้พวกคุณยุ่งกับใคร อย่าหาว่าผมไม่เตือนหากคุณทำเด็กคนนี้เสียคนล่ะก็ ผมคงจะไม่สุภาพแบบนี้แล้วนะครับ”

     

                “ถุย!” จงฮยอนพ่นน้ำลายลงพื้นก่อนทำหน้าสมเพชกับคำพูดโอหัง จินกิและพรรคพวกยิ้มกลับอย่างไม่รู้สึกอะไรอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้องไป ท่ามกลางผู้คนที่มามุงดูมากมาย จงฮยอนหอบหายใจเสียงดังอย่างพยายามระงับอารมณ์ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยปล่อยให้ใครมาพูดจาเหมเกริมใส่แล้วปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ มันช่างน่าโมโหจริงๆ

     

                แต่จินกิจะรู้บ้างรึเปล่าว่าเรื่องการท้าทายแบบนี้สำหรับคิมจงฮยอนแล้ว

               

                ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

     

     ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     

                สายลมเย็นๆพัดผ่านร่างสูงซึ่งกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นหญ้าอ่อนนุ่มสีเขียวขจีอย่างสบายอารมณ์กับแสงแดดและบรรยากาศยามเช้าแบบนี้ แต่ดวงตาที่กำลังหลับพริ้มก็ต้องเปิดขึ้นมาพร้อมกับมองไปหาผู้ที่ทำเสียงกุกกักๆอยู่กับกระเป๋าสะพายข้างของเขาที่วางพิงไว้ข้างต้นไม้ มินโฮลุกขึ้นมามองร่างบางที่กำลังพยายามยัดเสื้อโค้ทคุ้นตาลงในกระเป๋าของเขา เหมือนกับยังไม่รู้ว่าการทำหลบๆซ่อนๆของตนเองนั้นทำให้มินโฮได้ตื่นเสียแล้ว

     

                “ทำอะไรน่ะ”

     

                “เหวอ!” แทมินร้องเสียงหลงลำตัวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ หันหน้ากลับมามองอีกคน

     

                “ตื่นได้ยังไงกันน่ะ”

     

                “ลืมตา”

     

                “ไม่ใช่ซักหน่อย” คนตัวเล็กมุ่ยหน้าให้คนตอบกวน

     

                “ถ้าไม่ตื่นก็คงไม่เห็นหัวขโมยน่ะสิ” มินโฮเลิกคิ้ว

     

                “อ๊ะ! แทมินไม่ได้ขโมยนะแค่จะเอาเสื้อมาคืนเอง” หยิบเสื้อโค้ทที่พยายามยัดเข้ากระเป๋าเมื่อกี้ขึ้นมากอดเอาไว้

     

                “แล้วทำไมต้องแอบคืนด้วยล่ะ คืนตรงๆพร้อมกับคำว่าขอบคุณสิ”

     

                “แทมไม่ได้เป็นคนขอยืมนี่นา ทำไมต้องขอบคุณด้วยล่ะ” ก้มหน้าบ่นพึมพำเบาๆ จริงแทมินแค่ลำบากใจไม่รู้ว่าต้องเอาไปคืนยังไง เพราะกลัวเจอจงฮยอนหลังจากพี่รหัสคนสนิทออกคำสั่งเมื่อเช้านี้ว่าห้ามติดต่อ ห้ามเข้าใกล้ เลยคิดว่าบางทีมินโฮอาจจะนอนอยู่ที่นี่ แต่พอเห็นร่างสูงกำลังนอนหลับก็ไม่กล้าปลุกขึ้นมา

     

                “นายนี่มันนิสัยเด็กจริงๆเลย”

     

                “ไม่ใช่เด็กนะ!” แทมินเถียงเสียงแข็ง สายตาไม่ยอมแพ้นั่นทำให้มินโฮรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆก่อนมองเสื้อโค้ทของตัวเองที่ร่างบางนั่งกอดอยู่

     

                “เอามาคืนตอนนี้พอดีเลย จะได้มีอะไรหนุนนอน”

     

                “อื้อ เอาไปสิ อ๊ะ!” ก้มลงมองคนถือวิสาสะอย่างตกใจเมื่อโดนร่างสูงทิ้งหัวลงมานอนทับเสื้อโค้ทที่วางอยู่บนตักตัวเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับว่าตอนนี้มินโฮกำลังหนุนตักตัวเองอยู่ แทมินพยายามผลักตัวอีกคนออกไปแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ข้อมือที่ใช้ผลักโดนดึงไปรวบไว้ด้วยกันในกำมือใหญ่เพียงข้างเดียว

     

                “งื้ออออออ~ คนนิสัยไม่ดี ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ข้อมือเล็กพยายามขืนดึงกลับออกมาแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่ออีกคนแกล้งนอนหลับสนิททำเป็นไม่ได้ยินเสียงโวยวายใดๆทั้งสิ้น

     

                “ปล่อยสิ! มันหนัก” ขาเล็กที่โดนทับแข็งทื่อด้วยความรู้สึกหนักชาจนไม่สามารถขยับดิ้นได้

     

                “แทมต้องขึ้นเรียนแล้วนะ ถ้ามีใครมาเห็นเดี๋ยวก็คิดว่าโดดเรียนหรอก” เบ้ปาก

     

                “

     

                “อย่าทำแบบนี้สิ คนใจร้ายยยยยยย” ลากเสียงยาวพยายามโวยวายเต็มที่ จนมินโฮแอบขำในใจ

     

                “

     

                “ปล่อยนะ แล้วอยากให้ทำอะไรแทมจะทำให้หมดเลย”

     

                “หมดเลยจริงเหรอ” มินโฮถามโดยยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมา

     

                “ว่าแล้วเชียวต้องยังไม่หลับ” แทมินมองกลับด้วยใบหน้าไม่พอใจ       

               

                “พี่ถามว่าขออะไรจะทำให้หมดเลยจริงรึเปล่า”

     

                “อื้อ! จริงสิ ปล่อยก่อนนะ”

     

                “โอเคงั้นพี่ขอให้นั่งให้หนุนตักอยู่แบบนี้ไปจนถึงเลิกเรียนแล้วกัน” พูดก่อนกระชับมือที่รวบข้อมือเล็กไว้แน่นขึ้น แทมินส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจที่โดนแกล้ง ก่อนเงียบคิดหาแผนการอื่นเพื่อใช้หนี เมื่อคิดได้ดังนั้นก็โน้มหน้าต่ำลงมาก่อนอ้าปากงับมือหนาที่กอบกุมข้อมือตัวเองไว้อย่างแรง

     

                “โอ๊ย!” มินโฮตกใจร้องเสียงดัง แทมินได้จังหวะก็รีบดึงข้อมือตนออกมาแล้วผลักตัวอีกคนออกเต็มแรงแล้ววิ่งหนีออกไป มินโฮก้มมองมือตัวเองที่เป็นรอยฟันจมลึกก่อนตะโกนไล่หลังคนที่วิ่งหนีไปได้ไกลแล้ว

     

                “ไอ้ตัวแสบ ฝากไว้ก่อนเถอะ!

     

               

     


    TO BE CONTINUED




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×