คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ค.ต่างของเขาและเธอ
บ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ ถูกโอบล้อมด้วยรั้วสแตนเลตสีเงินสูงเลยศีรษะ ได้เปิดต้อนรับการมาถึงของหญิงสาวร่างบาง ในชุดเสื้อคอวีสีชมพูอ่อนแขนกุดเข้ากับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินอมม่วงแบบสมัยนิยม ผมซอยสั้นสีน้ำตาลแดงถูกคาดไว้ด้วยแว่นตาสีชาขอบสีขาวอันใหญ่ ส่งผลให้ใบหน้าขาวนวลออกไปทางลูกครึ่งซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ นั้นดูเก๋มากขึ้น ตากลมสีน้ำตาลอ่อนแต่แลดูแข็งกร้าวจนน่ากลัวนั้น ผิดกลับไปหน้าที่หวานละมุมชวนฝัน
“คุณป้า คุณลุง สวัสดีค่ะ” เธอยกมือขึ้นทำความเคารพคุณเปรมสินี และผู้พันส่องเกียรติ์ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกอันโอ่โถของบ้านใหญ่หลังนี้ ด้วยท่าทางที่มองแล้วขัดตาเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าตัวของพุ่มมือขึ้นมาพนมไว้อย่างลวก ๆ แต่ดูเหมือนคุณเปรมสินีจะไม่คิดอย่างนั้น แต่ถึงจะคิดก็คงจะมองข้ามไป เพราะอาการที่แสดงกลับไร้วี่แววความไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“สวัสดีจ๊ะ หนูแนน มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ มาถึงนี่เชียว” คุณเปรมสินีเอ่ยปากถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสนิทสนม พร้อมทั้งวางนิตยสารที่กำลังอ่านอยู่ลงบนโต๊ะตัวเตี้ย ๆ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ก่อนจะเดินมายืนเคียงข้างหญิงสาวผู้มาเยียน ในขณะที่ผู้พันส่องเกียรติ์ลดหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือลง พร้อมทั้งเอื้อมมือไปหยิบรีโมทที่วางอยู่ใกล้ ๆ มาปิดทีวีแล้วหันหน้ามาทางหญิงสาวที่ยืนเคียงคู่อยู่กับคุณเปรมสินี
“แนนมาหากรีนนะค่ะ วันนี้นัดกันไว้ว่าจะไปบ้านบอย” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าแนนตอบคุณเปรมสินีด้วยท่าทางเบื่อ ๆ ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาสรมุข
“แล้วนี่กรีนไม่อยู่หรอค่ะ เงียบเชียว” แนน หรือวริยา หันไปถามผู้พันส่องเกียรติ์โดยไม่สนใจคุณเปรมสินีที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากไม่เห็นคนที่ตนถามหาอยู่ในบริเวณนั้น ทั้ง ๆ ที่ปกติเวลานี้เพื่อนชายของเธอมักจะกำลังนั่งดูเคเบิลทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นซึ่งเธอเพิ่งเดินผ่านมาก่อนจะเข้ามาทักทายเจ้าของบ้านทั้งสอง
“อยู่จ๊ะ เดี๋ยวป้าเรียกให้นะจ๊ะ” คุณเปรมสินีกล่าวกับวริยาด้วยท่าทีเอาใจ โดยไม่สนใจกิริยาที่ไม่น่ารักของวริยาที่แสดงตอบกลับมาแม้แต่น้อย
“ใครมาครับแม่” เสียงสรมุขดังแทรกขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาในห้องรับแขก
“เสียงคุยดังไปถึงข้างบนแน่ะ” สรมุขเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงวอร์มขาสั้นสีน้ำเงินที่สรมุขสวมอยู่ทำให้ผิวสีแทนเข้มที่มีกล้ามเนื้อแบบคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอของเขาออกมาอวดโฉมแก่ผู้พบเห็น
เมื่อสรมุขเห็นคนที่ยืนอยู่ในห้องรับแขกข้างมารดาของเขา เขาก็มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากถามออกไป
“อ้าว แนน มาไงเนี่ย”
“เดินมา” วริยาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นข้อง และผละจากคุณเปรมสินีทันทีเมื่อเห็นสรมุขเดินเข้ามา เธอเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนม โดยไม่สนใจสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ส่วนตัวสรมุขเองก็เคยชินกับอากัปกิริยานี้ของวริยาเป็นอย่างดีจึงไม่รู้สึกแปลกประหลาดแต่อย่างใด
“ไหนว่าจะไปบ้านบอยกันไง” วริยาเอ่ยปากถามต่อทันที ด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด และน้ำเสียงที่ยังคงไม่ดีขึ้น
“เออจริงด้วย เราลืมสนิทเลย งั้นเดี๋ยวเราไปเปลี่ยนชุดแปปนะ” สรมุขกล่าวกับเพื่อนสาวด้วยท่าทีขอโทษขอโพย ก่อนจะส่งยิ้มมหาเสน่ห์ที่ทำเอาสาวที่ได้เห็นใจอ่อนยวบไปให้ เพราะเขาไม่ใช่คนที่ยิ้มบ่อย ๆ และทุกครั้งที่เขายิ้มให้ใคร คนเห็นเป็นใจอ่อนทุกที
“อืม” วริยารับคำในลำคอ พร้อมทั้งส่งยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะปล่อยแขนสรมุข
แต่ก่อนที่สรมุขจะเดินออกไปจากห้อง ผู้พันส่องเกียรติ์ก็เรียกเขาไว้
“กรีน แล้วไม่อ่านหนังสือแล้วหรอ” เสียงเข้มที่เอ่ยออกมามีแววเตือนสติกลาย ๆ แต่คงไม่สะกิดใจสรมุข เพราะเจ้าตัวหันไปส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกับมารดาทันที ซึ่งคุณเปรมสินีก็ให้ความช่วยเหลือลูกชายสุดที่รักทันทีเช่นกัน
“โธ่คุณค่ะ กรีนนะอ่านหนังสือมาทั้งวันแล้วนะค่ะ ให้แกไปพักบ้างเถอะค่ะ” คุณเปรมสินีเอ่ยขัดสามีขึ้นมาด้วยท่าทีเหนือกว่า ในขณะที่ผู้พันส่องเกียรติ์ได้แต่มองโดยไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
“ไปเถอะลูกไป” คุณเปรมสินีหันมาพูดกับสรมุข
ทันทีที่สรมุขได้รับอนุญาตจากผู้เป็นมารดา เขาก็ไม่สนใจกับคำทัดทานของบิดาอีก เขาก็เดินออกจากห้องรับแขกไปทันที
สักพักต่อมาสรมุขก็กลับเข้ามาในห้องรับแขก ที่มีวริยานั่งรออยู่พร้อมบิดาและมารดาของเขา ด้วย ‘ชุดหล่อ’ สำหรับไปเที่ยว
“ไปแนน” สรมุขเอ่ยเรียกเพื่อนสาว ก่อนจะหันไปพูดกับบิดา
“ผมยืมรถหน่อยนะครับพ่อ” โดยไม่รอฟังคำตอบ สรมุขคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะวางโทรศัพท์ใกล้กับประตูห้องวิ่งออกไปทันที โดยที่วริยาเดินตามหลังเขาไปติด ๆ
“เฮ้อ แล้วมันจะสอบได้ไหมล่ะเนี่ย” ผู้พันส่องเกียรติ์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย หลังจากได้ยินเสียงรถแล่นออกจากบ้านไป
ในขณะที่คุณเปรมสินีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งได้ยินสิ่งที่สามีพูด ก็รู้สึกรำคาญ เพราะได้ยินคำนี้บ่อยเหลือเกินช่วงนี้ ท่านหันมาทิ้งค้อนส่งให้ก่อนจะส่งเสียงเรียกคนขับรถให้ลั่นบ้าน
“บุญ ไอ้บุญอยู่ไหน ออกรถสิ ฉันจะไปบ้านคุณวาริณี”
“ไม่แคล้วไปเล่นไพ่” ผู้พันส่องเกียรติ์เอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เพราะจุดหมายปลายทางที่ภรรยาของเขาจะไปนั้นคือบ้านมารดาของวริยา ซึ่งถือว่าเป็นบ่อนไพ่ที่เหล่าบรรดาภรรยาข้าราชการทั้งหลายชอบมารวมตัวกัน เนื่องจากปลอดภัยเพราะมีแบ็คอัพดีเป็นถึงอดีตนายตำรวจที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไปอย่าง พ. ต. ต. กษิณะ บิดาของวริยานั่นเอง คอยคุมอยู่
ส่วนสรมุขลูกชายคนเดียวก็ไม่เอาถ่าน วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่น จนเขารู้สึกหนักใจกลัวว่าวันข้างหน้าสรมุขจะลำบากเพราะ ความเจ้าสำราญของตัวสรมุขเอง
“แม่ขา....พี่แพทกลับมาแล้ว” เสียงตะโกนโวกแหวกโวยวายดังขึ้นหลังจากรถยนต์ฮอนด้า CRV สีเขียวขี้ม้าของผู้เป็นบิดาแล่นเข้ามาจอดในบ้านได้ไม่นาน เนื่องจากพิมพ์วรีย์ซึ่งเดินออกไปรับผู้เป็นบิดาที่รถตามปกติ กลับไม่ได้เจอแต่บิดาเพียงผู้เดียวเหมือนทุกวัน แต่กลับมีชายหนุ่มผิวสีแทนในชุดเครื่องแบบปล่อยของนักเรียนโรงเรียนนายเรือ ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้าง ๆ รถด้วย
“ไหนลูก” คุณจริณลดารีบเดินออกมาจากหลังบ้านด้วยความรีบร้อน โดยที่ยังไม่ทันถอดผ้ากันเปลื้องที่ใส่อยู่ และทันทีเมื่อเห็นหน้าลูกชายเธอก็สวมกอดเขาทันที
“โอ๊ยแม่ ผมเหม็นจะตาย แม่กอดไปได้ไงเนี่ย” พัทสรเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกนับตั้งแต่มาถึงบ้าน ด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง เขาไม่เคยเคอะเขินกับการแสดงความรักของมารดา กลับกันเขากับโหยหาอ้อมกอดของมารดาทุกครั้งที่จากไกล
“แหม ก็แม่คิดถึงนี่นา ไปลูก ไปอาบน้ำเดี๋ยวลงมาทานข้าวกัน” คุณจริณลดาคลายอ้อมกอดที่รัดลูกชายอยู่ออก ก่อนจะหอมแก้มลูกชายด้วยความรักใคร่
“เอ้าคุณไหนว่าให้ลูกเข้าบ้านไง” เสธ.พาพลเอ่ยปากหยอกเหย้าภรรยาที่ยังคงไม่ปล่อยลูกชายให้เดินเข้าบ้านอย่างที่พูดเสียที คุณจริณลดาหันมาค้อนสามีก่อนจะหันไปลูบศีรษะลูกชายด้วยความรัก
“ไปลูกไปเข้าบ้าน แม่ไม่รั้งแล้ว” ประโยคสุดท้ายคุณจริณลดาหันมาพูดกับสามี ซึ่งพอเสธ.พาพลได้ยินก็ถึงกับอมยิ้มด้วยความขำขัน
“ครับแม่” พัทสรรับคำมารดาพร้อมกับหันไปมองหน้าบิดาที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะถือกระเป๋าเดินเข้าบ้านไปโดยมีพิมพ์วรีย์เดินตามไปติด ๆ
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง พัทสรก็หันมามองหน้าน้องสาวที่ยังคงเดินตามเขาด้วยความสงสัย
“เดินตามพี่มาทำไมยัยตัวแสบ” พัทสรเอ่ยปากทักน้องสาวด้วยความหมันไส้ เนื่องจากเดาได้ทันทีว่าที่พิมพ์วรีย์เดินตามเขาต้อย ๆ อย่างนี้ต้องมีเรื่องให้เขาช่วยเหลืออย่างแน่นอน
“โห พี่แพท ก็พิมพ์เดินมาส่งไง” พิมพ์วรีย์ตอบพี่ชายกลับด้วยท่าทางเก้งก้าง
“พิมพ์เอ๊ย ถ้าพี่เชื่อเราก็แปลกแล้ว” ไม่พูดเปล่า มือเรียวยาวของพัทสรก็ยื่นออกมาโยกศีรษะของผู้เป็นน้องสาวเล่นอย่างหมันเขี้ยว
“โอ๊ยพี่แพท ผมยุ่งหมด” พิมพ์วรีย์พยามดึงมาของพี่ชายออกจากศีรษะอย่างทุลักทุเล
“โอ๊ย” พัทสรเลียนเสียงของพิมพ์วรีย์กลับ ด้วยท่าทางล้อเลียน
“เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเดี๋ยวนี้น้องพี่รักสวยรักงามด้วย” พัทสรส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานหลังจากพูดจบประโยค เพราะเขาจำได้ดีว่าพิมพ์วรีย์เป็นผู้หญิงที่ไม่รักสวยรักงามเลย ยามเป็นเด็กเธอมักจะไปเล่นซนกับเขาเสมอ ๆ จนมอมแหมมกลับบ้านทุกวัน เพราะตอนนั้นบิดาของเรา เสธ.พาพลยังมียศเป็นแค่พันเอกประจำอยู่ที่ต่างจังหวัด บ้านพักซึ่งมีบริเวณกว้างเป็นที่ที่เขาและน้องสาวจะไปวิ่งเล่นด้วยกันเสมอ ซึ่งเมื่อนึกถึงความหลังในวัยเยาว์เขาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“เปล่าสักหน่อย ยิ้มไรล่ะนั่น พี่แพทๆๆๆๆๆ” พิมพ์มองพี่ชายที่เหม่อลอย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวด้วยความมึนงง ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อพี่ชายด้วยเสียงอันดังแบบประชิดติดริมหู
“อะไรยัยพิมพ์ ตะโกนทำไม อยู่ใกล้กันแค่เนี่ยเอง” พัทสรปิดหูไปพูดไป
“แล้วตกลงมีอะไรล่ะเนี่ย ไม่พูดพี่ไปนอนแล้วนะ เหนื่อยจะตาย” พัทสรทิ้งไม้เด็ด ก่อนจะทำท่าเปิดประตูเพื่อเข้าห้อง พิมพ์วรีย์เห็นพี่ชายจะเข้าห้องไปจริง ๆ จึงรีบรั้งแขนไว้
“มีดิ มี เพื่อนพิมพ์จะสอบเตรียมทหารนะ” พิมพ์วรีย์พูดเรื่องที่คาใจอยู่ทันทีโดยไม่ลีลาให้มากความ
“อืม แล้วทำไมหรอ” พัทสรยังไม่ Get ในสิ่งที่น้องสาวพูด
“ก็เพื่อนพิมพ์นะ เขาอยากคุยกับพี่แพท” พิมพ์วรีย์ตอบกลับทันที เพราะกลัวว่าพี่ชายจะฉวยโอกาสนี้เดินเข้าห้องไป
“อืม เอาดิ แต่จะคุยทำไมหว่า” พัทสรตอบตกลงทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ ไม่เข้าใจ
“จะถามแนวข้อสอบไรเงี่ยมั้ง พิมพ์ก็ไม่รู้” พิมพ์วรีย์ตอบพี่ชายกลับด้วยความไม่แน่ใจ
“แนวข้อสอบหรอ พี่ว่าไม่ทันแล้วมั้งพิมพ์ จะสอบอยู่ 3-4 วันนี้แล้วหนิ” พัทสรทำท่าคุ่นคิดก่อนจะตอบน้องสาว
“หรอ งั้นเดี๋ยวพิมพ์คุยกับเพื่อนก่อนอ่ะกันนะ” พิมพ์วรีย์ตอบพี่ชาย ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวของเธอ ซึ่งอยู่ตรงข้ามห้องของพี่ชาย พัทสรมองตามหลังน้องสาวไปด้วยท่าทางงงงวง
“อะไรของมันฟ่ะ” ไม่พูดเปล่า พัทสรยังเกาหัวตัวเองไปด้วย แก้งง
“เอ่อไอ้พิมพ์ ของฝากเอาพรุ่งนี่เช้าล่ะกันนะ ขี้เกียจรื้อ” พัทสรตะโกนตามหลังน้องสาวไป เพราะกลัวว่ายัยน้องสาวจอมจุ้นจะมารบเร้าให้เขาหยิบของฝากให้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เขาอยากอาบน้ำ กินข้าว และพักผ่อนเต็มทน พูดถึงอาบน้ำ เดี๋ยวจะอาบให้สะใจไปเลย หลังจากต้องประหยัดน้ำระหว่างอยู่บนเรือฝึกภาคนานแรมเดือน
ฝ่ายพิมพ์วรีย์หลังจากแยกจากพี่ชายเข้ามาในห้องส่วนตัวของเธอแล้ว เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะทำการบ้านขึ้นมาโทรหาสรมุขทันที
เสียงริงโทนดังขึ้นขัดจังหวะปาร์ตี้ที่กำลังมันส์ได้ที่ ทำให้สรมุขหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ที่โทรเข้าด้วยท่าทางหงุดหงิด เมื่อเห็นชื่อที่แสดงหน้าจอสรมุขก็ถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
“มีอะไรครับพ่อ” เสียงของสรมุขเจือแววหงุดหงิดที่เจ้าตัวพยายามซ่อนเร้น
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในเวลานี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ” เสียงสัญญาณบอกว่าสายไม่ว่างที่ดังขึ้น ทำให้พิมพ์วรีย์อดบ่นกับตัวเองไม่ได้
“เฮ้อ พอมีเรื่องจะคุยด้วย ก็โทรไม่ได้ซะงั้นอ่ะนะ เฮ้อ!!!” พิมพ์วรีย์กดวางสาย ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบทโต๊ะเหมือนเดิม แล้วเดินออกจากห้องไป
ความคิดเห็น