ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก - อันตราย

    ลำดับตอนที่ #9 : บุก

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 48


    เวลาเช้ามืด ณ โกดังที่มีตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงกันสูงและกว้างขวางราวกับเป็นกำแพงโลหะ

    สูงเท่าตึก 4 ชั้น  อากาศที่เย็นและหมอกที่หนาจัดบดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่ออกมา  

    ทั่วทั้งบริเวณยังคงมืดมิด



    ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเงียบสงบ ... สงบจนกระทั้ง ... รถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำมันปราบคันหนึ่งและ

    รถตู้อีกคันหนึ่งแล่นเข้ามา  รถทั้ง 2 คันแล่นเข้ากันมาตามซอกซอยที่ถูกกั้นด้วยตู้คอนเทนเนอร์

    จนมาถึงลานกว้างที่อยู่ตรงกลางของพื้นที่ที่มีโกดังหนึ่งหลังใหญ่ตั้งอยู่ด้านหนึ่ง  ส่วนด้านที่

    เหลือก็มีแต่ตั้งของตู้คอนเทนเนอร์  



    เมื่อรถจอดสนิทชายที่นั่งในตอนหน้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็เปิดประตูรถออกมา  แล้วก้าวมา

    เปิดประตูให้ผู้ที่นั่งอยู่ตอนหลัง  เขาปิดประตูกลับเข้าไปเมื่อชายร่างใหญ่ก้าวลงมาและจากนั้น

    เขาก็ก้าวตามมาขนาบที่ด้านข้างกับชายอีกคนหนึ่งที่เดินอ้อมรถมาจากประตูอีกด้านหนึ่ง  

    แล้วรถคันนั้นก็แล่นไปจอดที่ข้างตึก  ขณะที่เมื่อรถตู้ที่ตามหยุดตามรถคันหน้า  ประตูด้านข้าง

    คนขับและประตูด้านท้ายก็เปิดขึ้นแล้วชายฉกรรจ์ราว 10 คน ก็เร่งรีบก้าวลงมาจากรถจากนั้น

    ก็กระจายตัวกันออกไป  บางส่วนก็ยืนหลบตามข้างตู้  บางส่วนก็วิ่งเข้าไปในโกดัง



    ดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆเคลื่อนกายขึ้นมาจากพื้นดิน  แสงของมันสาดส่งไปทั่ว  เมฆหมอกที่เคยหนา

    ทึบก็ค่อยๆ บางลงทีละน้อย  ช่วยให้มองเห็นสิ่งๆ ดีขึ้นบ้าง



    ชายร่างใหญ่ผู้นั้นกำลังยืนอยู่กับชายที่อายุอ่อนกว่า 2 คนที่หน้าโกดังเหมือนกำลังรอใครอยู่  

    ชายผู้นั้นสวมเสื้อสูทและกางเกงขายาวสีน้ำตาลลายทางตั้งทับเสื้อเชิ้ตสีดำและเนคไทสีทอง

    แดง  ขณะที่ชายอีก 2 คนใส่เสื้อสูทสีดำเรียบๆทับเสื้อเชิตสีขาวกับเนคไทสีดำและสวมแว่นตา

    ดำยืนประกบอยู่ด้านหลัง  ชายผู้แต่งกายแปลกกว่าก็ยกแขนขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาสีทองฝัง

    เพชรมีพิมพ์ลายยี่ห้อไซโกของเขา  แล้วพวกเขาทั้งหมดก็ได้ยินเสียงรถกำลังแล่นเข้ามาใกล้



    รถเบ็นซ์สีน้ำเงินเข้มติดฟิล์มสีดำสนิทแล่นเข้ามาจอดเพียงคันเดียว  ประตูตอนหลังเปิดออก

    โดยนายทหารนายหนึ่งซึ่งไม่มีเครื่องหมายแสดงยศอะไรเลยก้าวออกมาแล้วหมุนตัวแล้วถอย

    หลังไปก้าวหนึ่ง  เพื่อรอผู้ที่กำลังออกมาจากรถ  ชายผู้ที่ก้าวออกมาใหม่นี้ต่างออกไป  ถึงแม้ว่า

    เขาจะตัดผมทรงทหาร  แต่งชุดทหารที่ไม่ติดยศ  แต่ท่าทางที่หยิ่งยโส  ใจร้อน  และเจ้าเล่ห์ที่

    แสดงออกมาทำให้เขาดูไม่เหมือนทหารชั้นผู้น้อยหรือนายทหารที่เพิ่งจบจากโรงเรียนฝึกเหมือน

    อย่างใบหน้าที่ยังดูหนุ่มของเขาเป็น



    “ อรุณสวัสดิ์ครับ  ท่านนายพลแองกัส ”  ชายผู้ใส่สูทสีน้ำตาลลายตั้งก้าวออกมาถึงที่ๆ ผู้มา

    ใหม่ยืนอยู่อย่างนอบน้อม











    ในหมอกหนานอกบริเวณที่เก็บตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นที่ดินรกร้างห่างไปไม่กี่หลา  มีเงาตะคุมๆ

    ของกลุ่มคนราวๆ 20 เศษ  เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ  พวกเขากระจายตัวกันออกไปเป็นกลุ่มๆ

    กลุ่มละ 4 คน  ออกไปตามจุดที่วางแผนกันเอาไว้ตามแผนผังที่ได้รับมา  พวกเขาค่อยๆ ล้อมจาก

    จุดนอกสุดเข้ามาเรื่อยๆ โดยพยายามจัดการกับยามที่เฝ้าอยู่เป็นระยะๆ ให้หลับไปในครั้งเดียว  

    จากนั้นก็มัดและลากตัวเข้าไปกองรวมกันอยู่ตามซอกระหว่างตู้คอนเทนเนอร์  ในที่สุดพวกเขา

    ก็ล้อมเข้ามาจนถึงชั้นใน  











    “ สวัสดี  เดวิด  ของล่ะ ” นายพลแองกัสยืนปักหลักอยู่ใกล้ๆกับรถราวกับไม่ไว้วางใจ

    สถานการณ์



    “ อยู่ที่นี่ครับ ” เดวิลหันไปกระดิกนิ้วเรียกคนของเขา “ เอามา ”



    ชายในชุดสูทสีดำคนหนึ่งหยิบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่อย่างดี 5 ใบมาวางไว้ที่พื้นแล้วเปิด

    ออกทีละใบให้อีกฝ่ายได้ตรวจสอบสินค้า  นายพลแองกัสจึงสั่งให้ลูกน้องคนสนิทตรวจมัน



    “ ครบครับผม ” นายทหารคนนั้นรายงานหลังจากที่ตรวจครบทั้ง 5 ใบ



    นายพลแองกัสพยักหน้าให้คนของเขาขนกระเปาไปเก็บท้ายรถ



    “ เดี๊ยว ก่อนซะครับ  ทางผมยังไม่ได้เห็นเงินเลย ” เดวิดท้วงขึ้นมาก่อนที่นายทหารทั้ง 2 นาย

    จะยกกระเป๋าไป



    “ ไม่ต้องเป็นห่วง ” นายพลแองกัสแบมือไปที่ลูกน้องคนหนึ่งให้เข้าไปเอากระเป๋าหนังสีดำออก

    มาจากรถ  แล้วเปิดให้เดวิดดูจำนวนเงินที่อยู่ภายใน  หากแล้วก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้า

    มาในระหว่างการเจรจา



    “ สายลับรัฐบาล  ฉันขอจับกุมแก  ข้อหาค้ายาเสพติด ” แครกจ์ปรากฏกายออกมาพร้อมกับชาย

    อีก 3 คนอย่างทันทีทันใดแล้วตะโกนเข้าไปกลางวง  ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา  เสียงปืนจากทาง

    ฝ่ายของเดวิดก็ดังขึ้นๆ พร้อมๆกับที่แครกจ์และคนอื่นๆ กระโดดกลับเข้าไปหลบอยู่หลังตู้

    คอนเทนเนอร์ใกล้ๆ











    อีกด้านหนึ่งของพื้นที่ๆ ใกล้กับด้านที่แครกจ์ออกไปประกาศตัว ... ซึ่งพวกผู้หญิงไม่เห็นด้วยกับ

    การกระทำที่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวถึงการบุก  แต่แครกจ์บอกว่ามันเป็นกฎในการเข้าจับกุมและ

    พวกเธอก็ทำอะไรไม่ได้



    “ พร้อมแล้ว  ขึ้นเลยไหม ” เสียงแม๊กกี้ดังออกมาจากวิทยุเคลื่อนที่ๆ ติดอยู่หลังใบหูของ

    อเล็กซานดร้า



    “ รอก่อน ” แล้วอเล็กซานดร้าก็ฟาดยามคนที่ตรงรี่เข้ามาหาเธอด้วยด้ามปืนแรงเสียจนชายผู้นั้น

    ล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้น  เธอจึงพูดกับแม็กกี้ใหม่



    “ โอเค พร้อมแล้ว ไปเลย ” แล้วทั้งแม็กกี้  อเล็กซานดร้าและคนอื่นๆ ในกลุ่มของพวกเธอจึง

    ค่อยๆ บุกเข้าไป  แต่จากคนละด้าน



    ทั้ง 2 กลุ่มกระจายกำลังกันเข้าตรวจตราในโกดัง  แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก  เพื่อความ

    ไม่ประมาทเธอจึงทิ้งคนในกลุ่มเธอ 2 คนให้อยู่ช่วยแม็กกี้  ส่วนเธอและอีก 3 คนที่เหลือพยายาม

    ที่จะลอบขึ้นชั้น 2



    กลุ่มของอเล็กซานดร้าค่อย เดินเรียงกันเป็นแถวเดียวโดยหันเอาหลังติดกำแพงแล้วค่อยๆ ก้าว

    ขึ้นบันไดเหล็กทีละขึ้นๆ อย่าเงียบกริบที่สุดเท่าที่จะทำได้  พร้อมๆ กับแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน

    ด้วยความระมัดระวังว่าจะมีใครดักซุ่มอยู่  โดยที่มีผู้คุ้มกันของเธอเป็นคนเดินนำหน้า  อีก 2 คน

    เดินตามหลังเธอ  และทุกคนถือปืนไว้ในมือ



    บนชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นใต้หลังคาที่มีความสูงแค่ 2 เมตรครึ่ง  มีกล่องไม้และกล่องกระดาษอย่างดี

    วางอยู่เป็นตั้งเรียงกันอยู่เป็นกองๆ แยกพื้นที่ว่างพอเป็นทางเดินได้ 2 แถว  และมุมด้านใกล้ๆ

    กับบันไดมีเก้าอี้และโต๊ะที่มีแก้วใส่ของเหลวสีเหลืองอำพันอยู่ 4 ใบ  แต่ทั้งในและใกล้ๆ บริเวณ

    นั้นไม่มีใครอยู่เลย  นอกจากพวกเธอที่เพิ่งขึ้นมาใหม่



    ทุกคนรีบก้าวไปหลบข้างกองกล่องที่อยู่ใกล้ที่สุด  คนที่อยู่ข้างหน้าสุดก็โผล่หน้าออกไปดูเส้นทาง

    แล้วโบกมือให้คนข้างหลังกระจายตัวกันไปหลบข้างกองกล่องอีกกองหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า  ส่วนตัว

    อเล็กซานดร้ายังยืนอยู่ที่เดิมกับชายคนให้สัญญาณซึ่งหันหน้ากลับมาบอกบอกจำนวนฝ่ายตรง

    ข้ามที่เขาเห็นว่ามี 2 คนและทั้ง 2 คนนั้นก็กำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างและระดมยิงลงไปเบื้องล่าง

    และ 2 คนที่เดินไปหลบข้างกองถัดไปก็หันกลับมาบอกว่าพวกเขาเห็นฝ่ายตรงข้ามอีก 2 คน

    เช่นกัน  พวกเขาจึงตัดสินใจบุกเข้าไปให้ใกล้กว่านี้เพราะที่ๆ พวกเขากำลังยืนอยู่มันอยู่นอกวิถี

    กระสุนถ้ายิงไปอาจจะไม่โดนก็ได้  เพราะคงจะไม่มีใครหันมาสนใจในขณะที่ข้างล่างยังวุ่นวาย

    อยู่อย่างนี้



    พวกเขาวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปหลบหลังกองกล่องถัดไป  แต่ทันใดนั้นเองเสียงปืนนัดหนึ่งก็ดัง

    ขึ้นมาจากข้างล่างแล้วอีก 2 – 3 นัดก็ดังตามมาก่อนจะเงียบเสียงไป  ทำให้พวกที่ยืนอยู่ข้างหน้า

    ต่างหันกลับมาด้านหลังด้วยความตกใจและทันเห็นพวกเธอวิ่งไปหลบหลังกองกล่องหลังไวๆ  

    แล้วการยิงต่อสู่บนชั้น 2 ก็เริ่มขึ้น  แต่ทุกคนหลบหลังกองข้าวของนี่ทันทีที่พวกนั้นยิงกลับมา



    ผู้คุ้มกันของเธอหันหน้ามาและเลิกคิ้วเป็นเชิงถามถึงความปลอดภัยของเธอ  ซึ่งเธอก็ยกนิ้ว

    โป้งขึ้นมาบอกว่าไม่เป็นอะไร  แต่ที่เธอห่วงมากกว่าคือแม็กกี้ที่อยู่ข้างล่าง  เธอเชื่อว่าเพื่อน

    สนิทของเธอจะสามารถทำอะไรได้อย่างรวดเร็วและเงียบกริบเพื่อที่จะเข้าไปจัดการกับพวก

    มัน  แต่ขณะเดียวกันแม๊กกี้ก็ใจร้อนเกินไปด้วย  นั่นอาจจะทำให้เธอบาดเจ็บ ...











    หลังจากที่แม็กกี้ได้ยินคำสั่งบุกของอเล็กซานดร้า  เธอและพรรคพวกก็เดินเข้าไปในโกดัง

    ตามเส้นทางที่มีเงามืดทอดตัว  พวกเธอค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ ตามซอกซอยอันเกิดจากการ

    จัดวางลังของขนาดใหญ่ที่สูงท่วมหัว  คนที่เดินนำหน้าแอบมองตามทางเดินเหล่านั้น  แต่

    เขาก็ไม่เห็นใครคอยยืนระวังอยู่เลย  เช่นเดียวกับซอยอื่นๆ  จะมีก็แต่คนของกลุ่มอเล็ก

    ซานดร้าที่มาช่วยเธอตรวจตราชั้นนี้  ซึ่งอเล็กซานดร้าวิทยุมาบอกเธอแล้ว



    ‘ สงสัยจะออกไปช่วยกันอยู่ข้างนอก ’ แม็กกี้คิดขณะยืนมองอยู่ตรงกลางซอยอย่างไม่ระมัด

    ระวังตัว



    เสียงปืนลั่นขึ้นภายในโกดังและก่อนที่แม็กกี้จะหลบได้พ้นลูกกระสุนก็พุ่งเข้าชนแขนซ้าย  

    ข้างที่เธอถือปืนอยู่และทะลุออกไป  เลือดสีแดงเข้มกระจายและร่างของเธอก็ล้มลงตามความ

    แรงของลูกกระสุน



    เธอรู้สึกว่าร่างกายหยาวเย็น  อ่อนแรง  เวียนหัวเหมือนจะเป็นลม  และรู้สึกตัวเพียงเล็กน้อย ...

    เธอกำลังช็อคจากความเจ็บปวดของบาดแผลและการเสียเลือด  ถึงดวงตาของเธอจะปิดอยู่

    และมองเห็นทุกอย่าง  แต่เธอมีอาการเหม่อลอย  เธอเห็นและได้ยินเสียงปืนที่พรรคพวกของ

    เธอยิงใส่เจ้าคนที่ยิงเธอจากหลังลังและรู้สึกได้ถึงมือที่ดึงร่างเธอให้พ้นจากที่โล่งแล้วไปพิงไว้

    กับลังไม้ได้อย่างเลื่อนลอย



    เธอรู้สึกเหมือนได้ยินใครถามถึงอาการของ  แต่เธอไม่มีแรงจะตอบ  เธอเหมือนจะเห็นคน 3

    คนที่นั่งล้อมรอบตัวเธอสบถเบาๆ พลางเขย่าตัวเธอ



    ‘ อะไรกันนักหนา  อย่ามายุ่งได้ไหม  ชั้นง่วงนอน ’ เธอคิดอย่างสะลึมสะลือและพออ้าปากจะ

    ไล่  เสียงของเธอก็ไม่หลุดออกมา  แล้วทำท่าจะหลับลงไปตรงนั้น  ใครใน 3 คนนั้นตีที่หน้าเธอ

    แรงๆ และพร้อมๆ กับเรียกชื่อเธอ  พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้เธอตื่น



    “ แม็กกี้ๆ อย่าหลับนะ ไม่อย่างนั้นได้ตายแน่ ตื่นเดี๊ยวนี้ ” คาเรน ฝ่ายรักษาความปลอดภัยหญิง

    ที่สนิทกับแม็กกี้พูดเบาๆ แต่หนักแนน



    ‘ เกิดอะไรขึ้น ... ’ เธอพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ ‘ ชั้น ... ถูกยิง ... ใช่ไหม ’



    เธอพยายามไล่ความง่วงนี้ออกไปจากหัว  เธอกระพริบตาถี่ๆ พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น  แต่

    เจ้าร่างกายของเธอมันไม่ยอมทำตามคำสั่งของเธอเลย  ทำให้คนอื่นๆ ต้องช่วยกันพยุงเธอให้ลุก

    ขึ้นยืน



    “ นั่งอยู่ตรงนี้นะ  อย่าเพิ่งลุก  อาการเป็นยังไงบ้าง ” คาเรนนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งข้างๆ เธอและพัน

    แถบผ้า 2 ผืนที่วางซ้อนกันซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแขนเสื้อข้างขวาของแม็กกี้และข้างซ้ายของเธอให้

    แม็กกี้อย่างแน่นที่สุด



    “ ดีขึ้นหน่อยแล้วละ ก็มันชาไปแล้วนี่ ” แม็กกี้ตอบทั้งๆ ที่ยังหน้าซีดอยู่



    “ อดทนหน่อย  ตอนนี้เราไม่มีอะไรเลยที่พอจะรักษาเธอได้  นอกจากแขนเสื้อชาวบ้านชาวช่อง

    ที่เต็มใจสละให้คนที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง ” คาเรนกระตุกหัวแม่มือข้ามไหลไปยัง ‘ ชาวบ้านชาว

    ช่อง ’ ที่ตอนนี้ยึดพื้นที่ชั้น 1 ได้หมดแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×