ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ทบทวนแผนการ
‘ ท่าทางเขาแปลก ’ อเล็กซานดร้าคิดขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปสู่ชุดลำลอง  ชุดของเธอประกอบด้วยเสื้อคอกลมไม่มีแขนสีนวลพอดีตัวทำจากผ้าฝ้ายกับกางเกงขา 3 ส่วนทำจากผ้าฝ้ายสีเดียวกับเสื้อ
‘ มันต้องมีอะไร  ไม่งั้นคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีจะแสดงออกทางตาได้มากขนาดนี้เชียวหรือ ’
เมื่อกี้นี้ตอนที่เธอประกาศชื่อวูลฟกัง  เธอบังเอิญเห็นภาษาตาที่แครกจ์แสดงออกมา  ดวงตาที่บอกถึงความเจ็บปวด  โกรธแค้น และมุ่งมั่น  สิ่งเหล่านี้จะทำให้แผนการเสียหรือเปล่านะ พรุ่งนี้คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด  งานนี้อาจจะมีคนตายก็ได้ ... เธอคิดออกแต่เรื่องร้ายๆ
เมื่อเธอมองใบหน้าของเธอที่อยู่ในกระจกหลังจากสางผมเสร็จแล้ว  เธอก็อยู่คิดทันที  ทั้งสีหน้าและดวงตาของเธอแสดงออกได้ชัดเจนยิ่งกว่า ... กังวล  เป็นห่วง ... แล้วเธอก้อถอนหายใจยาว
‘ เอาเถอะ  ต้องหาเวลาพูดกันให้ได้ก่อนถึงเวลาบุก ’
เมื่อเธอเดินกลับลงมา  ทุกคนก็มาอยู่ในห้องนั่งเล่นกันพร้อมหน้า  บรรยากาศในห้องอึมครึมไปด้วยความตื่นเต้นและความตึงเครียดยิ่งกว่าการซักซ้อมแผนการในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา  ต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนเป็นเช่นนี้เกิดจากคนๆ เดียว ... เดวิล วูลฟกัง
“ ขอโทษที่มาสายค่ะ ” เธอพูดเสียงสดใสเผื่อว่ามันจะช่วยลดความตึงเครียดลงได้บ้าง  แล้วเธอก็เดินผ่านพวกเขาเข้าไปในครัว  ก่อนจะเดินออกมาพร้อมตะกร้าผลไม้และถุงขนมขบเคี้ยว  และวางมันลงบนที่ว่างเล็กๆ บนโต๊ะที่เหลือจากการกางแผนที่และแผนผังอาคาร
“ สงสัยคืนนี้จะต้องเปลี่ยนแผน  วางแผนกันใหม่เลยหยิบขนมกับผลไม้มาด้วยเผื่อใครจะหิว ” แล้วเธอก็ยิ้มให้
“ โดยเฉพาะเธอใช่ไหม ” แม็กกี้ถาม
“ ใช่จ๊ะ  สมกับเป็นเพื่อนกันมานานจริงๆ ” พอพูดจบอเล็กซานดร้าก็คว้าแอปเปิ้ลลูกหนึ่งจากตะกร้าไปนั่งแทะ  ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนในวงสนทนา 
เธอรู้ดี ... ยิ่งมีความเครียดก่อนวันปฏิบัติการมากเท่าไร  พวกเขาก็จะยิ่งล้ามากขึ้นเท่านั้น  ในระหว่างการวางแผนณ์ครั้งนี้เธอจึงหยอดมุขลงไปบ้าง  และในขณะเดียวกันก็ลอบมองท่าทีของแครกจ์ไปด้วย
พวกเขาคุยถึงแผนการที่ที่รัดกุมกว่าเดิม  และตกลงเรื่องการเพิ่มคนประจำแต่ละตำแหน่ง  ลดจุดที่แต่ละกลุ่มต้องประจำและการขยายขอบเขตการจู่โจม  แผนทั้งหมดถูกสรุปอีกครั้งอย่างรวดเร็วก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปนอน ... พรุ่งนี้แผนการจะเริ่มตั้งแต่เช้า
“ แครกจ์  ขอโทษนะขอคุยด้วยสักเดี๊ยวได้ไหม ”  อเล็กซานดร้าซึ่งกำลังยืนรอที่ประตูกระจกบานใหญ่ของทางออกไประเบียงหน้ามุกชั้น 2  ถามคนที่เพิ่งจะเดินขึ้นมา
“ ได้  มีอะไรหรือ ”
“ คุณมีปัญหาอะไรกับเจ้าวูลฟกังหรือเปล่า ” อเล็กซานดร้าถามเข้าประเด็นทันที
“ ไม่มีอะไร ” แครกจ์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบออกมา
อเล็กซานดร้าจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาเหมือนจะค้นหาสิ่งผิดปรกติ ... คำตอบ ... หรืออะไรก็ตามที่เขากำลังปกปิด  แต่ก็ไม่มี ... ไม่มีอะไรจากดวงตาที่มองตรงมาเหมือนเช่นคนที่กำลังสนใจการพูดคุยอย่างธรรมดา  มันทำให้เธอต้องถอนใจออกมาอีกเฮือก
“ ก็ได้เมื่อคุณไม่คิดจะบอกฉัน ... ก็ตามใจ  แต่คุณคงรู้ดีอยู่กับตัว  ถ้าคุณทำให้แผนการผิดพลาด  เราอาจจะตายกันหมด ” เมื่อเห็นเขาทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรออกมา  เธอก็ยกมือห้าม
“ ถึงคุณจะเป็นเจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องโดยตรง  แต่อำนาจในการสั่งการไม่ได้เป็นของคุณคนเดียว  ถ้ามีการยิงกันหนักหรือคนของฉันบาดเจ็บสาหัส  ฉันคงจะต้องสั่งให้ถอนกำลังกลับ  คิดดูให้ดี  คุณคนเดียวจะทำอะไรได้  ชีวิตคุณแค่ชีวิตเดียวไม่มีค่าพอที่จะแลกกับชีวิตของคนของฉัน ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังที่ค่อนไปทางเย็นชาเล็กน้อย
“ ขอโทษที่รั้งตัวไว้นาน  หวังว่าคุณคงคิดได้  เชิญกลับไปพักผ่อนตามสบาย ” เธอผายมือไปทางห้องนอนของเขาซึ่งพักอยู่กับเจฟและผู้ติดตามของเธอคนหนึ่งที่อยู่ปีกซ้ายของบ้าน  เขายืนอึ้งกับคำพูดของเธออยู่ครู่หนึ่งจึงพึมพำออกมา
“ ไม่เป็นไร ” ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้องที่อยู่ห่างจากจุดที่ยืนคุยกันไม่ถึง 2 เมตร  และเคาะประคูห้องก่อนจะเปิดเข้าไป
เมื่อประตูห้องเขาปิดลง  อเล็กซานดร้าที่ยืนส่งด้วยสายตาก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่คนละปีกกับด้านของพวกผู้ชาย  เธอเดินไปจนถึงห้องที่อยู่ลึกที่สุด  หยุดที่หน้าห้องและเคาะประตู  เมื่อประตูเปิดออก  เธอก็เดินเข้าไปข้างใน
ณ ห้องชุดที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมในเมือง
เดวิด  วูลฟกังกำลังมองออกไปนอกอาคาร  ความอึกทึกเมื่อตอนค้ำๆ หายไปหมดสิ้น  ขณะนี้ข้างนอกแทบไม่มีรถราหรือผู้คนเลยบนถนน  แสงไฟจากหลอดนีออนสว่างจ้า 
‘ บ้านนอกจริงๆ ’ เขาคิดอย่างเบื่อหน่ายป่นเย้ยหยัน ทันใดเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ ว่าไง ” เขารับแล้วพูดลงไป
“ ขอโทษที่รับกวนเวลาดึกดื่นเช่นนี้  แต่ว่าท่านแองกัสต้องการจะเรียนสายกับท่าน ”  เสียงของผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม  เขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง  แล้วพูดอีกครั้งเสียงและวิธีการพูดจาก็เปลี่ยนไปเป็นหยิ่งยโสและเย็นชา
“ ไงเดวิด  ของมาถึงแล้วใช่ไหม ”
“ มาถึงแล้วครับ ” วิธีการพูดของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ... นายพลแองกัสลูกค้าคนสำคัญ
“ ได้ข่าวว่าทางคุณมีปัญหานิดหน่อยใช่ไหม ”
“ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ  กระผมจัดการได้เรียบร้อยหมดแล้ว ” เสียงของเขายังคงความเรียบไว้แม้ภายในใจจะร้อนรนก็ตาม
‘ มันรู้ได้ยังไง  หรือว่ามันมีสายอยู่กับข้า  บ้าชิบ ’
“ ก็ดี  พรุ่งนี้เจอกันตามนัด ”
“ ครับ ” แล้วเขาก็ปิดมือถือก่อนจะขว้างทิ้งด้วยความโมโห
เขาโกหกไปทั้งๆ ที่ยังหาตัวปัญหาไม่พบ  เขาได้แต่สั่งเพิ่มการคุ้มกันสินค้า  เขารับรู้ถึงสัญญาณอันตรายที่เตือนเขา ... เขามาทั้งๆ ที่ไม่อยากมา  แต่การค้าขายต้องดำเนินไป  นายพลแองกัสเป็นลูกค้าที่มีอิทธิพลมาก  ถ้าการค้าครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี  ตลาดของเขาก็จะกว้างขึ้นและยังได้อาศัยอิทธิพลของนายพลด้วย  เขาคิดแผนในอนาคตว่ามันจะรุ่งเรืองขนาดไหน  จะติดก็เพียงแต่ไอ้พวกเวรพวกนั้น  เขาไม่รู้กระทั้งพวกมันเป็นใคร
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น  -ขณะที่ฟ้ายังไม่สว่างและอากาศภายนอกมืดครึ้ม  อเล็กซานดร้า  แครกจ์  เจฟ  แม็กกี้และพรรคพวกกำลังเตรียมตัวอยู่ในห้องนั่งเล่น พวกเขาแต่งกายด้วยชุดที่ทะมัดทะแมง  และบนพื้นกล่องพัสดุพร้อมด้วยพลาสติกกันกระแทกอย่างดีหลายใบ  1 ในพวกเขาเปิดฝามันออกโดยใช้มีดพับสวิสที่เหน็บไง้กับกางเกงด้านหลัง  เมื่อเปิดฝาออกเขาก็หยิบของที่ต้องการออกมา 2-3 ชิ้นแล้วเดินหลบออกมาให้คนอื่นๆ ได้เข้าไปเลือกของที่ต้องการ
“ ดีนะที่ตอนขนมาไม่มีด่านตรวจ ” แม็กกี้พูดขึ้นมาอย่างขันๆ
“ ถึงตรวจก็ไม่เป็นอะไรจ๊ะ  ปืนทุกกระบอกมีเอกสารรับรอง ... ว่าปลอม ... แต่ทุกอย่างตรวจสอบได้  หรือถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา  เราก็มีแพะ เอ๊ย! คนที่จะอธิบายกับตำรวจได้  ”  อเล็กซานดร้าใช้คำผิดอย่างจงใจเพื่อเรียกเสียงฮาพร้อมทั้งเหลือบตาไปทางแครกจ์  แล้วเธอก็หยิบปืนเก็บเสียงออกมาจากกล่อง  ตรวจเช็คไกปืนแล้วเสียบไว้กับขอบกางเกงยีนส์ด้านหลัง  แล้วหันไปเลือกกล่องลูกกระสุนจากกล่องพัสดุขั้นมาอีก 2 กล่องแล้วจึงยัดไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อโค้ดสีดำยาวถึงหัวเข่า
“ พอแล้วหรือครับ ” เจฟถามอเล็กซานดร้าเมื่อเห็นเธอหยิบแค่ปืน 1 กระบอกกับลูกปืนอีก 2 กล่อง  เชาจึงยื่นปืนอีกกระบอกให้เธอ
“ ไม่เป็นไรจ๊ะ  แค่นี้ก็พอ ” เธอยิ้มให้เขา แล้วพูดต่อ “ ไปถามแม็กกี้ไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ ”
คำแนะนำของเธอทำให้เจฟได้แต่หัวเราะแห้งๆ และเก้อเขินเล็กน้อย  ในหลายวันมานี้ท่าทางของเขาออกชัดเจนว่ารักแม็กกี้  ถึงแม้จะมีการทะเลาะกันบ้างก็ตาม  แต่มันก็แค่เกิดจากความใจร้อนของแม็กกี้เท่านั้น  เมื่อมีโอกาสเหมาะๆ เธอก็จะปล่อยให้แม็กกี้กับเจฟอยู่ลำพังกัน 2 คน ... หรือที่พูดให้ถูกคือ  ออกไปจับตามองอยู่ห่างๆ โดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว  จากสายตาที่เธอมอง  เธอคิดว่าพวกเขาจะสามารถไปกันได้ดี  แต่ยังมีคนหัวดื้อที่มัวแต่ระแวดระวังภัยที่อาจจะมากล้ำกรายคนที่เขารักและไม่ยอมแม้จะเชื่อใจลูกสาวของตัวเอง ... อาแซ็ค ... เธอหัวเราะอยู่ในใจเมื่อนึกถึง ... จะว่าอะไรบ้างหนอถ้าเห็น 2 คนนี้เข้าคบกัน
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ได้พูดออกมา  บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบเดียวกับอาแซ็คที่ไม่ยอมไว้ใจใคร  เธอตอบคำถามนั้นของเจฟเหมือนจะเลี่ยง ... แค่เรื่องปืนกระบอกเดียว ...
จริงๆ แล้วเธอมีมากกว่านั้น  ปืนหนึ่งกระบอกกับมีดพับที่เสียบไว้กับที่เสียบที่พันไว้กับข้อเท้า  ปืนกระบอกเล็กที่เธอใช้ประจำอีก 1 กระบอกที่เสียบไว้กับที่ดีดใต้แขนเสื้อที่เมื่อสะบัดแขนมันจะดีดออกมา  ในเสื้อโค้ดของเธอยังมีระเบิดเวลาอิเล็กโทรนิค 2-3 ลูกไว้ใช้ในยาวจำเป็น  และที่หัวของเธอที่ติดกิ๊ปไว้ไม่ให้รุงรังสามารถเอามาใช้เป็นกุญแจผีได้
เธอรู้สึกถึงกำแพงที่มองไม่เห็นปรากฏอยู่ ... ถึงแม้จะไม่ตลอดเวลาก็ตาม ... กำแพงที่ก่อตัวมาตั้งแต่เธอรู้ความ  เธอเคยคิดว่าเธอคงจะผ่ากำแพงนี้ออกไปไม่ได้  เธอสร้างมันขึ้นมาเอง ... เกราะป้องกันที่ดีเยี่ยม  ถึงแม้บางครั้งมันจะปิดกั้นเธอจากมิตรภาพที่ดีก็ตาม 
‘ ช่างมันก่อน  ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ ’
เธอเดินตามทุกคนที่ทยอยกันออกไปที่หน้าบ้านที่มีรถตู้ปิดฟิล์มดำมืดจอดคอยอยู่ 3 คัน  ทุกคนกรูกันขึ้นรถอย่างรวดเร็วเธอจึงเดินไปขึ้นรถคันที่มีแครกจ์นั่งอยู่ ... ต้องประกบ ... เมื่อประตูปิดลง  รถก็เคลื่อนออกไป
‘ มันต้องมีอะไร  ไม่งั้นคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีจะแสดงออกทางตาได้มากขนาดนี้เชียวหรือ ’
เมื่อกี้นี้ตอนที่เธอประกาศชื่อวูลฟกัง  เธอบังเอิญเห็นภาษาตาที่แครกจ์แสดงออกมา  ดวงตาที่บอกถึงความเจ็บปวด  โกรธแค้น และมุ่งมั่น  สิ่งเหล่านี้จะทำให้แผนการเสียหรือเปล่านะ พรุ่งนี้คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด  งานนี้อาจจะมีคนตายก็ได้ ... เธอคิดออกแต่เรื่องร้ายๆ
เมื่อเธอมองใบหน้าของเธอที่อยู่ในกระจกหลังจากสางผมเสร็จแล้ว  เธอก็อยู่คิดทันที  ทั้งสีหน้าและดวงตาของเธอแสดงออกได้ชัดเจนยิ่งกว่า ... กังวล  เป็นห่วง ... แล้วเธอก้อถอนหายใจยาว
‘ เอาเถอะ  ต้องหาเวลาพูดกันให้ได้ก่อนถึงเวลาบุก ’
เมื่อเธอเดินกลับลงมา  ทุกคนก็มาอยู่ในห้องนั่งเล่นกันพร้อมหน้า  บรรยากาศในห้องอึมครึมไปด้วยความตื่นเต้นและความตึงเครียดยิ่งกว่าการซักซ้อมแผนการในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา  ต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนเป็นเช่นนี้เกิดจากคนๆ เดียว ... เดวิล วูลฟกัง
“ ขอโทษที่มาสายค่ะ ” เธอพูดเสียงสดใสเผื่อว่ามันจะช่วยลดความตึงเครียดลงได้บ้าง  แล้วเธอก็เดินผ่านพวกเขาเข้าไปในครัว  ก่อนจะเดินออกมาพร้อมตะกร้าผลไม้และถุงขนมขบเคี้ยว  และวางมันลงบนที่ว่างเล็กๆ บนโต๊ะที่เหลือจากการกางแผนที่และแผนผังอาคาร
“ สงสัยคืนนี้จะต้องเปลี่ยนแผน  วางแผนกันใหม่เลยหยิบขนมกับผลไม้มาด้วยเผื่อใครจะหิว ” แล้วเธอก็ยิ้มให้
“ โดยเฉพาะเธอใช่ไหม ” แม็กกี้ถาม
“ ใช่จ๊ะ  สมกับเป็นเพื่อนกันมานานจริงๆ ” พอพูดจบอเล็กซานดร้าก็คว้าแอปเปิ้ลลูกหนึ่งจากตะกร้าไปนั่งแทะ  ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนในวงสนทนา 
เธอรู้ดี ... ยิ่งมีความเครียดก่อนวันปฏิบัติการมากเท่าไร  พวกเขาก็จะยิ่งล้ามากขึ้นเท่านั้น  ในระหว่างการวางแผนณ์ครั้งนี้เธอจึงหยอดมุขลงไปบ้าง  และในขณะเดียวกันก็ลอบมองท่าทีของแครกจ์ไปด้วย
พวกเขาคุยถึงแผนการที่ที่รัดกุมกว่าเดิม  และตกลงเรื่องการเพิ่มคนประจำแต่ละตำแหน่ง  ลดจุดที่แต่ละกลุ่มต้องประจำและการขยายขอบเขตการจู่โจม  แผนทั้งหมดถูกสรุปอีกครั้งอย่างรวดเร็วก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปนอน ... พรุ่งนี้แผนการจะเริ่มตั้งแต่เช้า
“ แครกจ์  ขอโทษนะขอคุยด้วยสักเดี๊ยวได้ไหม ”  อเล็กซานดร้าซึ่งกำลังยืนรอที่ประตูกระจกบานใหญ่ของทางออกไประเบียงหน้ามุกชั้น 2  ถามคนที่เพิ่งจะเดินขึ้นมา
“ ได้  มีอะไรหรือ ”
“ คุณมีปัญหาอะไรกับเจ้าวูลฟกังหรือเปล่า ” อเล็กซานดร้าถามเข้าประเด็นทันที
“ ไม่มีอะไร ” แครกจ์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบออกมา
อเล็กซานดร้าจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาเหมือนจะค้นหาสิ่งผิดปรกติ ... คำตอบ ... หรืออะไรก็ตามที่เขากำลังปกปิด  แต่ก็ไม่มี ... ไม่มีอะไรจากดวงตาที่มองตรงมาเหมือนเช่นคนที่กำลังสนใจการพูดคุยอย่างธรรมดา  มันทำให้เธอต้องถอนใจออกมาอีกเฮือก
“ ก็ได้เมื่อคุณไม่คิดจะบอกฉัน ... ก็ตามใจ  แต่คุณคงรู้ดีอยู่กับตัว  ถ้าคุณทำให้แผนการผิดพลาด  เราอาจจะตายกันหมด ” เมื่อเห็นเขาทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรออกมา  เธอก็ยกมือห้าม
“ ถึงคุณจะเป็นเจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องโดยตรง  แต่อำนาจในการสั่งการไม่ได้เป็นของคุณคนเดียว  ถ้ามีการยิงกันหนักหรือคนของฉันบาดเจ็บสาหัส  ฉันคงจะต้องสั่งให้ถอนกำลังกลับ  คิดดูให้ดี  คุณคนเดียวจะทำอะไรได้  ชีวิตคุณแค่ชีวิตเดียวไม่มีค่าพอที่จะแลกกับชีวิตของคนของฉัน ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังที่ค่อนไปทางเย็นชาเล็กน้อย
“ ขอโทษที่รั้งตัวไว้นาน  หวังว่าคุณคงคิดได้  เชิญกลับไปพักผ่อนตามสบาย ” เธอผายมือไปทางห้องนอนของเขาซึ่งพักอยู่กับเจฟและผู้ติดตามของเธอคนหนึ่งที่อยู่ปีกซ้ายของบ้าน  เขายืนอึ้งกับคำพูดของเธออยู่ครู่หนึ่งจึงพึมพำออกมา
“ ไม่เป็นไร ” ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้องที่อยู่ห่างจากจุดที่ยืนคุยกันไม่ถึง 2 เมตร  และเคาะประคูห้องก่อนจะเปิดเข้าไป
เมื่อประตูห้องเขาปิดลง  อเล็กซานดร้าที่ยืนส่งด้วยสายตาก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่คนละปีกกับด้านของพวกผู้ชาย  เธอเดินไปจนถึงห้องที่อยู่ลึกที่สุด  หยุดที่หน้าห้องและเคาะประตู  เมื่อประตูเปิดออก  เธอก็เดินเข้าไปข้างใน
ณ ห้องชุดที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมในเมือง
เดวิด  วูลฟกังกำลังมองออกไปนอกอาคาร  ความอึกทึกเมื่อตอนค้ำๆ หายไปหมดสิ้น  ขณะนี้ข้างนอกแทบไม่มีรถราหรือผู้คนเลยบนถนน  แสงไฟจากหลอดนีออนสว่างจ้า 
‘ บ้านนอกจริงๆ ’ เขาคิดอย่างเบื่อหน่ายป่นเย้ยหยัน ทันใดเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ ว่าไง ” เขารับแล้วพูดลงไป
“ ขอโทษที่รับกวนเวลาดึกดื่นเช่นนี้  แต่ว่าท่านแองกัสต้องการจะเรียนสายกับท่าน ”  เสียงของผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม  เขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง  แล้วพูดอีกครั้งเสียงและวิธีการพูดจาก็เปลี่ยนไปเป็นหยิ่งยโสและเย็นชา
“ ไงเดวิด  ของมาถึงแล้วใช่ไหม ”
“ มาถึงแล้วครับ ” วิธีการพูดของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ... นายพลแองกัสลูกค้าคนสำคัญ
“ ได้ข่าวว่าทางคุณมีปัญหานิดหน่อยใช่ไหม ”
“ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ  กระผมจัดการได้เรียบร้อยหมดแล้ว ” เสียงของเขายังคงความเรียบไว้แม้ภายในใจจะร้อนรนก็ตาม
‘ มันรู้ได้ยังไง  หรือว่ามันมีสายอยู่กับข้า  บ้าชิบ ’
“ ก็ดี  พรุ่งนี้เจอกันตามนัด ”
“ ครับ ” แล้วเขาก็ปิดมือถือก่อนจะขว้างทิ้งด้วยความโมโห
เขาโกหกไปทั้งๆ ที่ยังหาตัวปัญหาไม่พบ  เขาได้แต่สั่งเพิ่มการคุ้มกันสินค้า  เขารับรู้ถึงสัญญาณอันตรายที่เตือนเขา ... เขามาทั้งๆ ที่ไม่อยากมา  แต่การค้าขายต้องดำเนินไป  นายพลแองกัสเป็นลูกค้าที่มีอิทธิพลมาก  ถ้าการค้าครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี  ตลาดของเขาก็จะกว้างขึ้นและยังได้อาศัยอิทธิพลของนายพลด้วย  เขาคิดแผนในอนาคตว่ามันจะรุ่งเรืองขนาดไหน  จะติดก็เพียงแต่ไอ้พวกเวรพวกนั้น  เขาไม่รู้กระทั้งพวกมันเป็นใคร
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น  -ขณะที่ฟ้ายังไม่สว่างและอากาศภายนอกมืดครึ้ม  อเล็กซานดร้า  แครกจ์  เจฟ  แม็กกี้และพรรคพวกกำลังเตรียมตัวอยู่ในห้องนั่งเล่น พวกเขาแต่งกายด้วยชุดที่ทะมัดทะแมง  และบนพื้นกล่องพัสดุพร้อมด้วยพลาสติกกันกระแทกอย่างดีหลายใบ  1 ในพวกเขาเปิดฝามันออกโดยใช้มีดพับสวิสที่เหน็บไง้กับกางเกงด้านหลัง  เมื่อเปิดฝาออกเขาก็หยิบของที่ต้องการออกมา 2-3 ชิ้นแล้วเดินหลบออกมาให้คนอื่นๆ ได้เข้าไปเลือกของที่ต้องการ
“ ดีนะที่ตอนขนมาไม่มีด่านตรวจ ” แม็กกี้พูดขึ้นมาอย่างขันๆ
“ ถึงตรวจก็ไม่เป็นอะไรจ๊ะ  ปืนทุกกระบอกมีเอกสารรับรอง ... ว่าปลอม ... แต่ทุกอย่างตรวจสอบได้  หรือถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา  เราก็มีแพะ เอ๊ย! คนที่จะอธิบายกับตำรวจได้  ”  อเล็กซานดร้าใช้คำผิดอย่างจงใจเพื่อเรียกเสียงฮาพร้อมทั้งเหลือบตาไปทางแครกจ์  แล้วเธอก็หยิบปืนเก็บเสียงออกมาจากกล่อง  ตรวจเช็คไกปืนแล้วเสียบไว้กับขอบกางเกงยีนส์ด้านหลัง  แล้วหันไปเลือกกล่องลูกกระสุนจากกล่องพัสดุขั้นมาอีก 2 กล่องแล้วจึงยัดไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อโค้ดสีดำยาวถึงหัวเข่า
“ พอแล้วหรือครับ ” เจฟถามอเล็กซานดร้าเมื่อเห็นเธอหยิบแค่ปืน 1 กระบอกกับลูกปืนอีก 2 กล่อง  เชาจึงยื่นปืนอีกกระบอกให้เธอ
“ ไม่เป็นไรจ๊ะ  แค่นี้ก็พอ ” เธอยิ้มให้เขา แล้วพูดต่อ “ ไปถามแม็กกี้ไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ ”
คำแนะนำของเธอทำให้เจฟได้แต่หัวเราะแห้งๆ และเก้อเขินเล็กน้อย  ในหลายวันมานี้ท่าทางของเขาออกชัดเจนว่ารักแม็กกี้  ถึงแม้จะมีการทะเลาะกันบ้างก็ตาม  แต่มันก็แค่เกิดจากความใจร้อนของแม็กกี้เท่านั้น  เมื่อมีโอกาสเหมาะๆ เธอก็จะปล่อยให้แม็กกี้กับเจฟอยู่ลำพังกัน 2 คน ... หรือที่พูดให้ถูกคือ  ออกไปจับตามองอยู่ห่างๆ โดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว  จากสายตาที่เธอมอง  เธอคิดว่าพวกเขาจะสามารถไปกันได้ดี  แต่ยังมีคนหัวดื้อที่มัวแต่ระแวดระวังภัยที่อาจจะมากล้ำกรายคนที่เขารักและไม่ยอมแม้จะเชื่อใจลูกสาวของตัวเอง ... อาแซ็ค ... เธอหัวเราะอยู่ในใจเมื่อนึกถึง ... จะว่าอะไรบ้างหนอถ้าเห็น 2 คนนี้เข้าคบกัน
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ได้พูดออกมา  บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบเดียวกับอาแซ็คที่ไม่ยอมไว้ใจใคร  เธอตอบคำถามนั้นของเจฟเหมือนจะเลี่ยง ... แค่เรื่องปืนกระบอกเดียว ...
จริงๆ แล้วเธอมีมากกว่านั้น  ปืนหนึ่งกระบอกกับมีดพับที่เสียบไว้กับที่เสียบที่พันไว้กับข้อเท้า  ปืนกระบอกเล็กที่เธอใช้ประจำอีก 1 กระบอกที่เสียบไว้กับที่ดีดใต้แขนเสื้อที่เมื่อสะบัดแขนมันจะดีดออกมา  ในเสื้อโค้ดของเธอยังมีระเบิดเวลาอิเล็กโทรนิค 2-3 ลูกไว้ใช้ในยาวจำเป็น  และที่หัวของเธอที่ติดกิ๊ปไว้ไม่ให้รุงรังสามารถเอามาใช้เป็นกุญแจผีได้
เธอรู้สึกถึงกำแพงที่มองไม่เห็นปรากฏอยู่ ... ถึงแม้จะไม่ตลอดเวลาก็ตาม ... กำแพงที่ก่อตัวมาตั้งแต่เธอรู้ความ  เธอเคยคิดว่าเธอคงจะผ่ากำแพงนี้ออกไปไม่ได้  เธอสร้างมันขึ้นมาเอง ... เกราะป้องกันที่ดีเยี่ยม  ถึงแม้บางครั้งมันจะปิดกั้นเธอจากมิตรภาพที่ดีก็ตาม 
‘ ช่างมันก่อน  ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ ’
เธอเดินตามทุกคนที่ทยอยกันออกไปที่หน้าบ้านที่มีรถตู้ปิดฟิล์มดำมืดจอดคอยอยู่ 3 คัน  ทุกคนกรูกันขึ้นรถอย่างรวดเร็วเธอจึงเดินไปขึ้นรถคันที่มีแครกจ์นั่งอยู่ ... ต้องประกบ ... เมื่อประตูปิดลง  รถก็เคลื่อนออกไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น