ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : พรรคพวก
แต่คนที่ร่วงลงไปไม่ใช่เจฟ!!  ลูกกระสุนที่ออกจากปากกระบอกปืนทีแกรี่ถือแฉลบออกไปข้างๆ เพราะปืนหลุดจากมือ  แกรี่กอดแขนข้างซ้ายที่ถูกยิง  เขาขดตัวอยู่กับพื้นและส่งเสียงด่าสลับกับเสียงครวญคราง
ที่ปากประตูมีชายผู้หนึ่งยืนอยู่มือข้างหนึ่งของเขามีปืนซึ่งเขาคนนี้เป็นคนยิงแกรี่นั่นเอง
เจฟไม่รู้จักผู้มาใหม่นี้  เขาจึงกระโจนเข้าไปตะคลุบปืนที่เขาโยนให้แกรี่มาถือไว้ด้วยมือข้างเดียวและเล็งตรงไป
“ ผมเป็นพวกเดียวกับคุณ ” ชายคนนั้นบอกเจฟและยกมือทั้ง 2 ข้างของเขาขึ้นเหนือไหล่  แต่เขาก้อลดมือลงอย่างรวดเร็วเพราะลิซ่าตรงเข้ามาทำร้ายเขา  เขาจึงต้องรีบจัดการให้เธอสลบอย่างรวดเร็ว
“ แครกจ์  ฉันได้เอกสารบางอย่างน่าสนใจมาจากชั้นบน  คุณช่วยดูหน่อยซิมันใช่ไหม ... อ้าว ” หน้าของแม็กกี้โผล่ออกมาจากหลังประตูแล้วเห็นเจฟกำลังเล็งปืนมาที่แครกจ์พร้อมแววตาที่ไม่ไว้ใจ
“ คุณช่วยทำอะไรสักอย่างกับเขาได้ไหม  เราจะได้รีบๆ ไปก่อนที่ใครๆ จะแห่กันมา ” แครกจ์เหล่ตามาทางแม็กกี้
“ ไหน  เค้าว่ากันว่าพวกสายลับทำได้ทุกอย่างไง ”  แม็กกี้พูดพลางหัวเราะคิกคัก  เธอก้าวเข้ามายืนเต็มตัว  “ เจฟคะ  นี่คือแครกจ์สายลับรัฐบาลคนที่แซนดี้ช่วยทำภารกิจนี้ค่ะ ... คุณบาดเจ็บนี่!! ”
เธอเห็นรอยเลือดไหเป็นทางยาวจากๆไหล่ของเจฟลงสู่พื้นห้อง  เธอเรีบก้าวเข้าไปหาเขาแล้วฉีกแขเสื้อของตัวเองพันแผลให้เขา  ขณะเดียวกันแครกจ์ก็เข้าไปดูที่ตู้เซฟ 
“ ผมเก็บแผ่นดิสไว้แผ่นหนึ่งอยู่นี่ ”  เจฟพูดกับแครกจ์แล้วใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บคีบแผ่นดิสออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ โอเค  แม็กกี้ข้างบนไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ”
“ ค่ะ ”
“ งั้นไปกันเถอะ  เจฟ  คุณกับผมต้องช่วยกันแบกไอ้พวกนี้ขึ้นรถนะ  แม็กกี้ถือเอกสารพวกนี้ที ”
“ คุณจะพาพวกมันไปไหน ” เจฟถาม
“ เรามีฐานลับอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้เท่าไร ”
“ พวกคุณเอารถอะไรมากัน ”  เจฟเข้าไปดึงร่างชายคนที่นนสลบอยู่ให้ยืนขึ้นแล้วพาตัวลาลงไปตามบันไดออกไปสู่ประตูหน้า
“ รถขนของจอดอยู่หน้าตึกค่ะ ”  แม็กกี้ตะโกนบอกตามหลัง  แล้วเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้  เธอเดินตามเขาไปที่ท้ายรถและล้วงเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง  วางเอกสารและแผ่นดิสไว้บนพื้นข้างตัว  และไขเปิดประตูท้ายให้เจฟสามารถวางชายคนนั้นไว้ท้ายรถ
เขายัดชายคนนั้นเข้าไปอย่างทุลักทุเล  และแครกจ์ก็เดิมตามเค้ามาพร้อมกับแกรี่ที่ถูกมัดปากและมัดมือไขว้หลังไว้กับลิซ่าที่ถูกมัดแบกพาดไว้บนบ่า
แครกจ์สั่งให้แกรี่เข้าไปข้างในและวางลิซ่าไว้ที่หลังรถแล้วจึงปิดประตู  เขาฝากเอกสารไว้ที่แม็กกี้แล้วจึงแยกตัวไป  ขึ้นรถขับออกไปยังฐานลับ ‘ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ’ ตามที่เขาพูดกับเจฟ
“ เอากุญแจรถของคุณมาซิคะ  ฉันจะขับกลับให้ ”  แม็กกี้ที่เดินตามเจฟไปที่รถของเขาทวงถาม
เจฟยื่กุญแจรถให้  แม็กกี้รับมาและเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ  ติดเครื่อง  รอให้เขาขึ้นมานั่งให้เรียบร้อยจึงออกรถไป  ทั้ง 2 เงียบกันไปครู่หนึ่ง  เจฟจึงถามขึ้นมาว่า
“ คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่ไหน ”  แม็กกี้ละสายตาจากถนนมามองหน้าเขานิดหนึ่ง
“ ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะ  เรื่องนี้มันเป็นความผิดของคุณที่ไม่ให้ฉันมาด้วยตั้งแต่แรก  ฉันโทรหาแซนดี้แล้วฉันถึงได้เครื่องหาสัญญาณติดตามตัวมา ”
“ สัญญาณติดตามตัว!? ”
“ เราไม่ได้ตั้งใจจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ  แต่เพราะคุณมีแนวโน้มว่าจะทำอะไรคนเดียว  เราเลยต้องติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณที่รถคุณ ...  และห้ามเอาออกด้วยล่ะ ... แต่ถึงเอาออกเราก็จะติดเข้าไปใหม่อยู่ดี ... แซนดี้ฝากมาบอกน่ะ ”  แม็กกี้เลียนเสียงเอล็กซานดร้า
“ เฮ้อออ ..... ”  แครกจ์ถอนหายใจ
“ กว่าฉันจะกลับไปที่สำนักงานเพื่อเอาเครื่องค้นหาสัญญาณ  แล้วกว่าจะไปหาแครกจ์แล้วมาด้วยกันก็ใช้เวลาเป็นชม.ๆ แล้ว  ถ้าแครกจ์ไม่ช่วยคุณเอาไว้  ป่านนี้คุณก็กลายเป็นเหยื่อฉลามอนู่ปากแม่น้ำแล้ว ” ยิ่งพูดแม็กกี้นิ่งโมโห
“ โอเคๆ ผมยอมแพ้  มันเป็นความผิดของผมเอง  แล้วนี่เรากำลังจะไปที่ไหนกัน ” เจฟรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ โรงพยาบาล  เจ็บขนาดนี้ทนอยู่ได้ไง ” แม็กกี้ยอมเปลี่ยนเรื่องแต่น้ำเสียงยังโมโหอยู่
แครกจ์เคาะแล้วเปิดประตูห้องทำงานที่กั้นห้องด้วยกระจกเข้าไปข้างใน  ห้องซึ่งประตูมีสติ๊กเกอร์สีดำตัดเป็นตัวอักษรเขียนว่า ‘ ห้องผู้อำนวยการ FBI ’
“ ครับผม  เรียกผมหรือครับ ” แครกจ์เดินตรงไปยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของมิเชลซึ่งกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่กับเอกสารในแฟ้ม
มิเชลเงยหน้าขึ้นและผายมือให้อีหฝ่ายนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเขา
“ ทำไมถึงมีผลเรือนเข้ามาในงานของคุณ ”  มิเชลพูดเข้าประเด็นทันที
“ ... ”  แครกจ์อึ้งไปเล็กน้อย  แต่ก็ตอบตามความเป็นจริงไปเพราะถึงจะโกหกหรือบอกไม่หมดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา  หรือถ้ามารู้ที่หลังก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาก็ได้  และเขาก็จบประโยคลงที่ว่า 
“ เท่าที่ผมทราบมาหัวหน้าหน่วยผมรุ่นก่อนๆ ก็เคยดึงพลเรือนเข้ามาช่วยเหลือในภารกิจต่างๆ  และประสบความสำเร็จด้วยดีและรวดเร็วไม่ใช่หรือครับ  ... เขาชื่อฮาเก็นใช่ไหมครับ  หัวหน้าคนนั้น ”
“ คุณคิดจะเป็นฮาเก็น 2 งั้นรึ ”
มีหรือที่มิเชลจะไม่รู้จักฮาเก็น  ในเมื่อบางครั้งเขาก็เคยทำงานให้กับฮาเก็น  ทั้งๆ ที่เขาอยู่คนละหน่วยกัน  ก่อนที่ฮาเก็นจะลาออกจากงาน
“ มิได้ครับ  ผมแค่คิดว่าพวกเขาจะช่วยในส่วนที่เราเข้าไปไม่ถึง ”
“ คุณทำผิดกฏ  ผมสามารถสั่งย้ายคุณออกจากภารกิจนี้ได้ ”  มิเชลจ้องตาแครกจ์ตรงๆ
“ แต่ว่าเรามากันถึงขนาดนี้แล้ว  ส่วนที่ทำในสัปดาห์นี้เร็วกว่าที่ไปค่อยดักซุ่มอยู่เป็นเดือนๆ อีกนะครับ  ผมได้ข้อมูลหลายอย่างมากจาลูกน้องที่ผมได้ตัวมา ” แครกจ์พยายามหาเหตุผลให้เขาได้อยู่ในภารกิจนี้ต่อ  เขาทุ่มเทให้กับงานนี้มาก
“ เพราะเรื่องนั้นใช่ไหม  เรื่องพ่อแม่ของคุณ ”
คนที่มาทำงานแบบนี้มักมีทั้งแบบที่ศัตรูมาก่อนและมีศัตรูเพราะงาน  แครกจ์ก็เป็น 1 ในพวกแรก 
เมื่อ 10 ปีก่อน  พ่อแม่ของเขาถูกฆ่าตายโดยรถที่นั่งอยู่เกิดระเบิดขึ้น  เพราะพวกเขาบังเอิญเห็นการขายยาเสพติดจำนวนมากโดยที่มีเดวิว  วูลฟกังอยู่ที่นั่นด้วย  ขณะทีเขาไปเที่ยวฉลองจบม.ปลายกับเพื่อน  หลงจากที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย  เขาก็มาเข้าทำงานที่นี่ทันที
“ ... ครับ ” เขาหวังอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะจับวูลฟกังด้วยตัวเข้าเอง
มิเชลเงียบไป  ดวงตาของเขาเท่านั้นที่บอกว่าเขากำลังพิจารณาเหตุผลทั้งหมด  ห้องเงียบเสียจนแครกจ์อึดอัดและรู้สึกเหมือนว่าเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง  จนที่สุดมิเชลก็เอยปาก
“ ก็ได้  ผมให้คุณทำงานนี้ต่อ ... แต่ถ้ามีพลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือมีอันตราย  ผทจะย้ายคุณเข้ามาทำงานในกรมทันที  ... และอย่าทำอะไรหุนหัน  เข้าใจไหม ... เอาล่ะไปได้ ”
“ เข้าใจครับ  ขอบคุณครับ  ผมขอตัวนะครับ ” แครกจ์ทำความเคารพด้วยสีหน้าที่ชื่นบาน  และเดินออกไปทันที  แต่ ... ดีนะที่เขาไม่ได้รายงานเหตุการณ์เมื่อวาน  ไม่อย่างนั้น  เขาคงจะทำให้โอกาสที่จะได้ทำภารกิจนี้หลุดลอยไป
มิเชลมองตามหลังแครกจ์ไปและครุ่นคิดอะไรต่อไปอยู่คนเดียว
ที่ปากประตูมีชายผู้หนึ่งยืนอยู่มือข้างหนึ่งของเขามีปืนซึ่งเขาคนนี้เป็นคนยิงแกรี่นั่นเอง
เจฟไม่รู้จักผู้มาใหม่นี้  เขาจึงกระโจนเข้าไปตะคลุบปืนที่เขาโยนให้แกรี่มาถือไว้ด้วยมือข้างเดียวและเล็งตรงไป
“ ผมเป็นพวกเดียวกับคุณ ” ชายคนนั้นบอกเจฟและยกมือทั้ง 2 ข้างของเขาขึ้นเหนือไหล่  แต่เขาก้อลดมือลงอย่างรวดเร็วเพราะลิซ่าตรงเข้ามาทำร้ายเขา  เขาจึงต้องรีบจัดการให้เธอสลบอย่างรวดเร็ว
“ แครกจ์  ฉันได้เอกสารบางอย่างน่าสนใจมาจากชั้นบน  คุณช่วยดูหน่อยซิมันใช่ไหม ... อ้าว ” หน้าของแม็กกี้โผล่ออกมาจากหลังประตูแล้วเห็นเจฟกำลังเล็งปืนมาที่แครกจ์พร้อมแววตาที่ไม่ไว้ใจ
“ คุณช่วยทำอะไรสักอย่างกับเขาได้ไหม  เราจะได้รีบๆ ไปก่อนที่ใครๆ จะแห่กันมา ” แครกจ์เหล่ตามาทางแม็กกี้
“ ไหน  เค้าว่ากันว่าพวกสายลับทำได้ทุกอย่างไง ”  แม็กกี้พูดพลางหัวเราะคิกคัก  เธอก้าวเข้ามายืนเต็มตัว  “ เจฟคะ  นี่คือแครกจ์สายลับรัฐบาลคนที่แซนดี้ช่วยทำภารกิจนี้ค่ะ ... คุณบาดเจ็บนี่!! ”
เธอเห็นรอยเลือดไหเป็นทางยาวจากๆไหล่ของเจฟลงสู่พื้นห้อง  เธอเรีบก้าวเข้าไปหาเขาแล้วฉีกแขเสื้อของตัวเองพันแผลให้เขา  ขณะเดียวกันแครกจ์ก็เข้าไปดูที่ตู้เซฟ 
“ ผมเก็บแผ่นดิสไว้แผ่นหนึ่งอยู่นี่ ”  เจฟพูดกับแครกจ์แล้วใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บคีบแผ่นดิสออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ โอเค  แม็กกี้ข้างบนไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ”
“ ค่ะ ”
“ งั้นไปกันเถอะ  เจฟ  คุณกับผมต้องช่วยกันแบกไอ้พวกนี้ขึ้นรถนะ  แม็กกี้ถือเอกสารพวกนี้ที ”
“ คุณจะพาพวกมันไปไหน ” เจฟถาม
“ เรามีฐานลับอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้เท่าไร ”
“ พวกคุณเอารถอะไรมากัน ”  เจฟเข้าไปดึงร่างชายคนที่นนสลบอยู่ให้ยืนขึ้นแล้วพาตัวลาลงไปตามบันไดออกไปสู่ประตูหน้า
“ รถขนของจอดอยู่หน้าตึกค่ะ ”  แม็กกี้ตะโกนบอกตามหลัง  แล้วเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้  เธอเดินตามเขาไปที่ท้ายรถและล้วงเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง  วางเอกสารและแผ่นดิสไว้บนพื้นข้างตัว  และไขเปิดประตูท้ายให้เจฟสามารถวางชายคนนั้นไว้ท้ายรถ
เขายัดชายคนนั้นเข้าไปอย่างทุลักทุเล  และแครกจ์ก็เดิมตามเค้ามาพร้อมกับแกรี่ที่ถูกมัดปากและมัดมือไขว้หลังไว้กับลิซ่าที่ถูกมัดแบกพาดไว้บนบ่า
แครกจ์สั่งให้แกรี่เข้าไปข้างในและวางลิซ่าไว้ที่หลังรถแล้วจึงปิดประตู  เขาฝากเอกสารไว้ที่แม็กกี้แล้วจึงแยกตัวไป  ขึ้นรถขับออกไปยังฐานลับ ‘ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ’ ตามที่เขาพูดกับเจฟ
“ เอากุญแจรถของคุณมาซิคะ  ฉันจะขับกลับให้ ”  แม็กกี้ที่เดินตามเจฟไปที่รถของเขาทวงถาม
เจฟยื่กุญแจรถให้  แม็กกี้รับมาและเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ  ติดเครื่อง  รอให้เขาขึ้นมานั่งให้เรียบร้อยจึงออกรถไป  ทั้ง 2 เงียบกันไปครู่หนึ่ง  เจฟจึงถามขึ้นมาว่า
“ คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่ไหน ”  แม็กกี้ละสายตาจากถนนมามองหน้าเขานิดหนึ่ง
“ ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะ  เรื่องนี้มันเป็นความผิดของคุณที่ไม่ให้ฉันมาด้วยตั้งแต่แรก  ฉันโทรหาแซนดี้แล้วฉันถึงได้เครื่องหาสัญญาณติดตามตัวมา ”
“ สัญญาณติดตามตัว!? ”
“ เราไม่ได้ตั้งใจจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ  แต่เพราะคุณมีแนวโน้มว่าจะทำอะไรคนเดียว  เราเลยต้องติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณที่รถคุณ ...  และห้ามเอาออกด้วยล่ะ ... แต่ถึงเอาออกเราก็จะติดเข้าไปใหม่อยู่ดี ... แซนดี้ฝากมาบอกน่ะ ”  แม็กกี้เลียนเสียงเอล็กซานดร้า
“ เฮ้อออ ..... ”  แครกจ์ถอนหายใจ
“ กว่าฉันจะกลับไปที่สำนักงานเพื่อเอาเครื่องค้นหาสัญญาณ  แล้วกว่าจะไปหาแครกจ์แล้วมาด้วยกันก็ใช้เวลาเป็นชม.ๆ แล้ว  ถ้าแครกจ์ไม่ช่วยคุณเอาไว้  ป่านนี้คุณก็กลายเป็นเหยื่อฉลามอนู่ปากแม่น้ำแล้ว ” ยิ่งพูดแม็กกี้นิ่งโมโห
“ โอเคๆ ผมยอมแพ้  มันเป็นความผิดของผมเอง  แล้วนี่เรากำลังจะไปที่ไหนกัน ” เจฟรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ โรงพยาบาล  เจ็บขนาดนี้ทนอยู่ได้ไง ” แม็กกี้ยอมเปลี่ยนเรื่องแต่น้ำเสียงยังโมโหอยู่
แครกจ์เคาะแล้วเปิดประตูห้องทำงานที่กั้นห้องด้วยกระจกเข้าไปข้างใน  ห้องซึ่งประตูมีสติ๊กเกอร์สีดำตัดเป็นตัวอักษรเขียนว่า ‘ ห้องผู้อำนวยการ FBI ’
“ ครับผม  เรียกผมหรือครับ ” แครกจ์เดินตรงไปยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของมิเชลซึ่งกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่กับเอกสารในแฟ้ม
มิเชลเงยหน้าขึ้นและผายมือให้อีหฝ่ายนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเขา
“ ทำไมถึงมีผลเรือนเข้ามาในงานของคุณ ”  มิเชลพูดเข้าประเด็นทันที
“ ... ”  แครกจ์อึ้งไปเล็กน้อย  แต่ก็ตอบตามความเป็นจริงไปเพราะถึงจะโกหกหรือบอกไม่หมดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา  หรือถ้ามารู้ที่หลังก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาก็ได้  และเขาก็จบประโยคลงที่ว่า 
“ เท่าที่ผมทราบมาหัวหน้าหน่วยผมรุ่นก่อนๆ ก็เคยดึงพลเรือนเข้ามาช่วยเหลือในภารกิจต่างๆ  และประสบความสำเร็จด้วยดีและรวดเร็วไม่ใช่หรือครับ  ... เขาชื่อฮาเก็นใช่ไหมครับ  หัวหน้าคนนั้น ”
“ คุณคิดจะเป็นฮาเก็น 2 งั้นรึ ”
มีหรือที่มิเชลจะไม่รู้จักฮาเก็น  ในเมื่อบางครั้งเขาก็เคยทำงานให้กับฮาเก็น  ทั้งๆ ที่เขาอยู่คนละหน่วยกัน  ก่อนที่ฮาเก็นจะลาออกจากงาน
“ มิได้ครับ  ผมแค่คิดว่าพวกเขาจะช่วยในส่วนที่เราเข้าไปไม่ถึง ”
“ คุณทำผิดกฏ  ผมสามารถสั่งย้ายคุณออกจากภารกิจนี้ได้ ”  มิเชลจ้องตาแครกจ์ตรงๆ
“ แต่ว่าเรามากันถึงขนาดนี้แล้ว  ส่วนที่ทำในสัปดาห์นี้เร็วกว่าที่ไปค่อยดักซุ่มอยู่เป็นเดือนๆ อีกนะครับ  ผมได้ข้อมูลหลายอย่างมากจาลูกน้องที่ผมได้ตัวมา ” แครกจ์พยายามหาเหตุผลให้เขาได้อยู่ในภารกิจนี้ต่อ  เขาทุ่มเทให้กับงานนี้มาก
“ เพราะเรื่องนั้นใช่ไหม  เรื่องพ่อแม่ของคุณ ”
คนที่มาทำงานแบบนี้มักมีทั้งแบบที่ศัตรูมาก่อนและมีศัตรูเพราะงาน  แครกจ์ก็เป็น 1 ในพวกแรก 
เมื่อ 10 ปีก่อน  พ่อแม่ของเขาถูกฆ่าตายโดยรถที่นั่งอยู่เกิดระเบิดขึ้น  เพราะพวกเขาบังเอิญเห็นการขายยาเสพติดจำนวนมากโดยที่มีเดวิว  วูลฟกังอยู่ที่นั่นด้วย  ขณะทีเขาไปเที่ยวฉลองจบม.ปลายกับเพื่อน  หลงจากที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย  เขาก็มาเข้าทำงานที่นี่ทันที
“ ... ครับ ” เขาหวังอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะจับวูลฟกังด้วยตัวเข้าเอง
มิเชลเงียบไป  ดวงตาของเขาเท่านั้นที่บอกว่าเขากำลังพิจารณาเหตุผลทั้งหมด  ห้องเงียบเสียจนแครกจ์อึดอัดและรู้สึกเหมือนว่าเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง  จนที่สุดมิเชลก็เอยปาก
“ ก็ได้  ผมให้คุณทำงานนี้ต่อ ... แต่ถ้ามีพลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือมีอันตราย  ผทจะย้ายคุณเข้ามาทำงานในกรมทันที  ... และอย่าทำอะไรหุนหัน  เข้าใจไหม ... เอาล่ะไปได้ ”
“ เข้าใจครับ  ขอบคุณครับ  ผมขอตัวนะครับ ” แครกจ์ทำความเคารพด้วยสีหน้าที่ชื่นบาน  และเดินออกไปทันที  แต่ ... ดีนะที่เขาไม่ได้รายงานเหตุการณ์เมื่อวาน  ไม่อย่างนั้น  เขาคงจะทำให้โอกาสที่จะได้ทำภารกิจนี้หลุดลอยไป
มิเชลมองตามหลังแครกจ์ไปและครุ่นคิดอะไรต่อไปอยู่คนเดียว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น