ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การพบกันระหว่างเจฟและแม็กกี้
“เป็นไงบ้างจ๊ะ สาวน้อยของพ่อ ประสบความสำเร็จดีเยี่ยม?” จอร์จเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับที่มีลูกชายคนโต เดฟลิน เดินตามหลังเข้ามา
“เรียบร้อยค่ะ เอกสารเอาไปให้อาลุคแล้ว ส่วนเจ้าตัวกำลังเก็บข้าวของอยู่ที่หอพักตำรวจ แล้วหนูก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ยังครบ 32 ค่ะ” เธอยิ้มให้พ่อหลังจากที่เข้าไปกอด
“ไหน เมื่อกี้พี่ได้ยินอะไรๆ สายลับรัฐบาลนะ” เดฟลิน เดินมากอดคอน้อง
“อ้อ หนูเจอคนที่น่าชวนเข้ามาทำงานที่บริษัทเราอีกคนแล้วค่ะ” เธอบอกให้พ่อกับพี่รู้ “เจอเมื่อตอนกลางวันนี้เอง เขาเป็นสายลับรัฐบาลค่ะ เขาอยากได้ตัวเจฟไปทำงานด้วย”
“จริงๆหนูไม่ต้องออกไปหาสมาชิกใหม่ด้วยตัวเองก็ได้นี่ลูก” จอร์จพูดขึ้น
“ยังไงพี่เค้าก็จะเป็นเจ้าของบริษัทเราต่อไปอยู่แล้ว หนูก็แค่อยากมีส่วนร่วมบ้าง”
“แต่มันอันตรายนะลูก”
“หนูทราบค่ะพ่อ แต่ว่ายังไงบรรดาผู้คุ้มกันที่อาแซ็ตส่งมาก็ตามหนูไปตลอดทางอยู่ดี” แซ็ค หัวหน้ารักษาความปลอดภัยจะส่งบอดี้การ์ดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง
“เวลาหนูจะออกไปไหน หนูก็ใส่เกราะกันกระสุนกับพกปืนในกระเป๋าถือทุกที” เธอเสริม
วันรุ่งขึ้น อเล็กซานดร้ากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ในห้องรับแขกชั้น 49 ซึ่งคนที่เธอกำลังรออยู่นั้นเพิ่งจะเปิดประตูเข้ามา
“ดีจ๊ะ แซนดี้” แซนดี้เป็นชื่อที่คนในครอบครัวและคนสนิทใช้เรียกอเล็กซานดร้า
“ดีจ๊ะ แม็กกี้”
แม็กกี้เป็นสาวหุ่นดี น่ารัก มีผมสีแดงเพลิง และท่าทางทะมัดทะแมงก็สามารถบอกให้ใครๆรู้ว่าเธอเป็นสาวจอมลุย แถมวันนี้เธอก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ
“วันนี้จะไปไหนหรือเปล่าจ๊ะ” อเล็กซานดร้าถาม
“ตอนบ่ายว่าจะไปซื้อของน่ะจ๊ะ ถ้าแซนดี้ไม่มีธุระอะไร ไปด้วยกันไหม”
“ไปจ๊ะ แล้วพอฉันพาเธอไปแนะนำให้รู้จักกับสมาชิกใหม่แล้วเราไปกินข้าวกลางวันกันไหม” อเล็กซานดร้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝา บอกเวลา 10.45 น. ซึ่งแม็กกี้ก็รับคำชวน
“นี่คุณเจฟ คอร์แมน สมาชิกใหม่ของเรา แล้วนี่ก็แม็กกี้ สตีล ลูกสาวสุดรักสุดหวงของหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของเรา” อเล็กซานดร้าแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เช่นกันค่ะ” แม็กกี้ยื่นมือไปสัมผัสมือของเจฟที่ยื่นมาพร้อมกับยิ้มให้เขา
เขาซึ่งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไปเมื่อเห็นแม็กกี้ ตื่นเต้น ? หรือ รัก ? เขาไม่แน่ใจและไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อวานซืนเขายังเสียใจมากมายเมื่อคนรักทิ้งเขาไป เขาพยายามเก็บงำความรู้สึกทั้งหมดเข้าไปและทำเหมือนปรกติ  ท่าทางแปลกๆ ของเขาไม่ลอดพ้นสายตาของอเล็กซานดร้า เธอจึงพูดขึ้นมา
“อ้อ เนื่องจากพ่อของแม็กี้เป็นเหมือนพวกมือระเบิดพลีชีพ ดังนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวละก็ คนที่ทำเรื่องเลวร้ายนั้น ... ตายสถานเดียว” เธอยิ้มให้กับเจฟ
“โอ้ 11.30 น. แล้ว เราต้องไปแล้ว ขอตัวก่อนนะคะแล้วเจอกันใหม่” แม็กกี้เหลือบไปมองนาฬิกา แล้วอเล็กซานดร้าก็หันไปบอกเจฟว่า
“ช่วยสนิทสนมกับทุกคนไวๆนะ ทั้งพนักงานและเจ้าของบริษัทก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน” ซึ่งเจฟก็พยักหน้ารับรู้
ทั้งสองาวเปิดประตูเดินออกมาจากห้องหน่วยสืบสวนของบริษัทแล้วเดินไปขึ้นลิฟท์ ขณะอยู่ในลิฟท์อเล็กซานดร้าก้ถามแม็กกี้เบาๆ
“เป็นไงบ้างจ๊ะ”
“อือ...ก็ใช้ได้ ”นักสู้มังกร” เลยล่ะ” แม็กี้พูดคำที่แม่ของเธอมักจะพูดอย่างชื่นชมกับผู้คนที่เรเวนเคยให้คำจำกัดความไว้ว่า เงาของความเจ็บปวด อดีตที่วุ้นวายและดำมืด และมีแนวโน้มว่าจะรักครั้งเดียว
“อย่าให้เป็นนักสู้มังกรแค่ตอนที่เพิ่งถูกไล่ออกจากงานพร้อมๆกัยถูกแฟนทิ้งแล้วกัน” อเล็กซานดร้าที่มักจะรอบคอบพึมพำเบาๆ
อเล็กซานดร้ากำลังคุยกับแม็กกี้ระหว่างที่รออาหารมาเสริฟในภัตตาคารเล็กๆที่ห่างจากที่ทำงานเพียง 4 ช่วงตึก
“เธอทำยังไงถึงไปเก็บเขามาได้น่ะ” แม็กกี้ถาม
“ก็เขาถูกบีบให้ออกน่ะซิ” อเล็กซานดร้าหยุดพูดเมื่อพนักงานยกอาหารมาวาง “แบบเดียวกีบอาลุคนั้นแหละ”
แม็กกี้พยักหน้าเข้าใจ แล้วถามต่อ “ไปเก็บมาจากไหนล่ะ”
“ในบาร์น่ะ กำลังเมาฟุบอยู่บนเคาท์เตอร์ ต้องจ้างบาร์เทนเดอร์แบกออกมา”
“อืม ... แล้วที่บอกว่าถูกแฟนทิ้งล่ะ” แม็กกี้ถามขณะที่ทานอาหารไปด้วย
“รักแรกพบหรือไงจ๊ะ” อเล็กซานดร้ายิ้มแซว แต่ก็ตอบคำถามนั้น “จริงๆ ถือ บาร์เทนเดอร์เล่าให้ฟังน่ะ เขาคงคิดว่าฉันสนิทกับเขาล่ะมั๊ง ทำไมล่ะ สนใจเหรอ”
“เขาเป็นสมาชิกใหม่ ก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา” แม็กกี้พยายามจะตอบเลี่ยงๆ ซึ่งอเล็กซานดร้าก็เพิยงแค่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ดังนั้นแม็กกี้จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง พลางชะเง้อมองข้างนอกกระจกบานใหญ่
“แล้ววันนี้เธอมีบอดี้การ์ดตามมากี่คนเนี่ย”
“ไม่รู้ซิ ซักประมาณ 4 คนละมี๊ง แต่ที่เห็นแค่ 2 คน”
“นี่ขนาดเค้าแอบขับรถตามมาเงียบๆ เธอก็ยังอุตส่ารู้ตัว”
“ไม่ได้หรอก ก็ฉันถูกฝึกมาให้สังเกตทุกอย่างนี่ ก็อย่างที่เธอรู้ รอบๆ เราอันตรายจะตาย”
แววตาของอเล็กซานดร้ามีร่องรอยของความเศร้าที่มองแทบจะไม่เห็นผ่านมาและหายไปอย่างรวดเร็ว
เธอหันไปเรียกพนักงานสั่งอาหารเพิ่ม แต่เป็นอาหารกล่อง แล้วก็หันมาพูดกับแม็กกี้เมื่อพนักงานเดินห่างออกไปแล้ว
“สั่งไปให้พวกนั้นน่ะ นั่งเฝ้ากันอยู่แต่ในรถ จะได้กินอะไรหรือยังก็ไม่รู้”
“เรียบร้อยค่ะ เอกสารเอาไปให้อาลุคแล้ว ส่วนเจ้าตัวกำลังเก็บข้าวของอยู่ที่หอพักตำรวจ แล้วหนูก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ยังครบ 32 ค่ะ” เธอยิ้มให้พ่อหลังจากที่เข้าไปกอด
“ไหน เมื่อกี้พี่ได้ยินอะไรๆ สายลับรัฐบาลนะ” เดฟลิน เดินมากอดคอน้อง
“อ้อ หนูเจอคนที่น่าชวนเข้ามาทำงานที่บริษัทเราอีกคนแล้วค่ะ” เธอบอกให้พ่อกับพี่รู้ “เจอเมื่อตอนกลางวันนี้เอง เขาเป็นสายลับรัฐบาลค่ะ เขาอยากได้ตัวเจฟไปทำงานด้วย”
“จริงๆหนูไม่ต้องออกไปหาสมาชิกใหม่ด้วยตัวเองก็ได้นี่ลูก” จอร์จพูดขึ้น
“ยังไงพี่เค้าก็จะเป็นเจ้าของบริษัทเราต่อไปอยู่แล้ว หนูก็แค่อยากมีส่วนร่วมบ้าง”
“แต่มันอันตรายนะลูก”
“หนูทราบค่ะพ่อ แต่ว่ายังไงบรรดาผู้คุ้มกันที่อาแซ็ตส่งมาก็ตามหนูไปตลอดทางอยู่ดี” แซ็ค หัวหน้ารักษาความปลอดภัยจะส่งบอดี้การ์ดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง
“เวลาหนูจะออกไปไหน หนูก็ใส่เกราะกันกระสุนกับพกปืนในกระเป๋าถือทุกที” เธอเสริม
วันรุ่งขึ้น อเล็กซานดร้ากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ในห้องรับแขกชั้น 49 ซึ่งคนที่เธอกำลังรออยู่นั้นเพิ่งจะเปิดประตูเข้ามา
“ดีจ๊ะ แซนดี้” แซนดี้เป็นชื่อที่คนในครอบครัวและคนสนิทใช้เรียกอเล็กซานดร้า
“ดีจ๊ะ แม็กกี้”
แม็กกี้เป็นสาวหุ่นดี น่ารัก มีผมสีแดงเพลิง และท่าทางทะมัดทะแมงก็สามารถบอกให้ใครๆรู้ว่าเธอเป็นสาวจอมลุย แถมวันนี้เธอก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ
“วันนี้จะไปไหนหรือเปล่าจ๊ะ” อเล็กซานดร้าถาม
“ตอนบ่ายว่าจะไปซื้อของน่ะจ๊ะ ถ้าแซนดี้ไม่มีธุระอะไร ไปด้วยกันไหม”
“ไปจ๊ะ แล้วพอฉันพาเธอไปแนะนำให้รู้จักกับสมาชิกใหม่แล้วเราไปกินข้าวกลางวันกันไหม” อเล็กซานดร้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝา บอกเวลา 10.45 น. ซึ่งแม็กกี้ก็รับคำชวน
“นี่คุณเจฟ คอร์แมน สมาชิกใหม่ของเรา แล้วนี่ก็แม็กกี้ สตีล ลูกสาวสุดรักสุดหวงของหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของเรา” อเล็กซานดร้าแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เช่นกันค่ะ” แม็กกี้ยื่นมือไปสัมผัสมือของเจฟที่ยื่นมาพร้อมกับยิ้มให้เขา
เขาซึ่งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไปเมื่อเห็นแม็กกี้ ตื่นเต้น ? หรือ รัก ? เขาไม่แน่ใจและไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อวานซืนเขายังเสียใจมากมายเมื่อคนรักทิ้งเขาไป เขาพยายามเก็บงำความรู้สึกทั้งหมดเข้าไปและทำเหมือนปรกติ  ท่าทางแปลกๆ ของเขาไม่ลอดพ้นสายตาของอเล็กซานดร้า เธอจึงพูดขึ้นมา
“อ้อ เนื่องจากพ่อของแม็กี้เป็นเหมือนพวกมือระเบิดพลีชีพ ดังนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวละก็ คนที่ทำเรื่องเลวร้ายนั้น ... ตายสถานเดียว” เธอยิ้มให้กับเจฟ
“โอ้ 11.30 น. แล้ว เราต้องไปแล้ว ขอตัวก่อนนะคะแล้วเจอกันใหม่” แม็กกี้เหลือบไปมองนาฬิกา แล้วอเล็กซานดร้าก็หันไปบอกเจฟว่า
“ช่วยสนิทสนมกับทุกคนไวๆนะ ทั้งพนักงานและเจ้าของบริษัทก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน” ซึ่งเจฟก็พยักหน้ารับรู้
ทั้งสองาวเปิดประตูเดินออกมาจากห้องหน่วยสืบสวนของบริษัทแล้วเดินไปขึ้นลิฟท์ ขณะอยู่ในลิฟท์อเล็กซานดร้าก้ถามแม็กกี้เบาๆ
“เป็นไงบ้างจ๊ะ”
“อือ...ก็ใช้ได้ ”นักสู้มังกร” เลยล่ะ” แม็กี้พูดคำที่แม่ของเธอมักจะพูดอย่างชื่นชมกับผู้คนที่เรเวนเคยให้คำจำกัดความไว้ว่า เงาของความเจ็บปวด อดีตที่วุ้นวายและดำมืด และมีแนวโน้มว่าจะรักครั้งเดียว
“อย่าให้เป็นนักสู้มังกรแค่ตอนที่เพิ่งถูกไล่ออกจากงานพร้อมๆกัยถูกแฟนทิ้งแล้วกัน” อเล็กซานดร้าที่มักจะรอบคอบพึมพำเบาๆ
อเล็กซานดร้ากำลังคุยกับแม็กกี้ระหว่างที่รออาหารมาเสริฟในภัตตาคารเล็กๆที่ห่างจากที่ทำงานเพียง 4 ช่วงตึก
“เธอทำยังไงถึงไปเก็บเขามาได้น่ะ” แม็กกี้ถาม
“ก็เขาถูกบีบให้ออกน่ะซิ” อเล็กซานดร้าหยุดพูดเมื่อพนักงานยกอาหารมาวาง “แบบเดียวกีบอาลุคนั้นแหละ”
แม็กกี้พยักหน้าเข้าใจ แล้วถามต่อ “ไปเก็บมาจากไหนล่ะ”
“ในบาร์น่ะ กำลังเมาฟุบอยู่บนเคาท์เตอร์ ต้องจ้างบาร์เทนเดอร์แบกออกมา”
“อืม ... แล้วที่บอกว่าถูกแฟนทิ้งล่ะ” แม็กกี้ถามขณะที่ทานอาหารไปด้วย
“รักแรกพบหรือไงจ๊ะ” อเล็กซานดร้ายิ้มแซว แต่ก็ตอบคำถามนั้น “จริงๆ ถือ บาร์เทนเดอร์เล่าให้ฟังน่ะ เขาคงคิดว่าฉันสนิทกับเขาล่ะมั๊ง ทำไมล่ะ สนใจเหรอ”
“เขาเป็นสมาชิกใหม่ ก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา” แม็กกี้พยายามจะตอบเลี่ยงๆ ซึ่งอเล็กซานดร้าก็เพิยงแค่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ดังนั้นแม็กกี้จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง พลางชะเง้อมองข้างนอกกระจกบานใหญ่
“แล้ววันนี้เธอมีบอดี้การ์ดตามมากี่คนเนี่ย”
“ไม่รู้ซิ ซักประมาณ 4 คนละมี๊ง แต่ที่เห็นแค่ 2 คน”
“นี่ขนาดเค้าแอบขับรถตามมาเงียบๆ เธอก็ยังอุตส่ารู้ตัว”
“ไม่ได้หรอก ก็ฉันถูกฝึกมาให้สังเกตทุกอย่างนี่ ก็อย่างที่เธอรู้ รอบๆ เราอันตรายจะตาย”
แววตาของอเล็กซานดร้ามีร่องรอยของความเศร้าที่มองแทบจะไม่เห็นผ่านมาและหายไปอย่างรวดเร็ว
เธอหันไปเรียกพนักงานสั่งอาหารเพิ่ม แต่เป็นอาหารกล่อง แล้วก็หันมาพูดกับแม็กกี้เมื่อพนักงานเดินห่างออกไปแล้ว
“สั่งไปให้พวกนั้นน่ะ นั่งเฝ้ากันอยู่แต่ในรถ จะได้กินอะไรหรือยังก็ไม่รู้”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น