ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ได้ตัว
จุดที่เจฟคุมอยู่ตรงข้ามกับแครกจ์ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินอ้อมโกดังผ่านพุ่มไม้  กอหญ้า
และพื้นดินที่ขรุขระโดยไม่ให้ใครเห็น  กว่าที่พวกเขาจะเข้ามาถึงส่วนในและพร้อมที่จะจู่โจมก็
ต้องใช้เวลานานกว่าที่กะกันไว้
“ พร้อมหรือยัง ” แครกจ์วิทยุเข้ามาตอนที่หมอกเริ่มจาง
“ ยัง ” เจฟนำคนของเขาบุกผ่านต้นไม้หนามที่โตแน่นขนัดรกจัดเต็มบริเวณจนแทบจะไม่มีที่
ว่างให้เดิน
“ อะไรวะ  นี่มันตั้งนานแล้วนะ ”
“ เออ ลองมาบุกทางนี้บ้างซิวะ  โอ๊ย! ” เจฟเริ่มสบถเพราะกิ่งไม้ที่เขาผลักออกเด้งกลับมาตี
หน้าเขาและการสบถของเขาก็ไม่หยุดแม้ผ่านไปหลายนาที
“ เฮ้ย!!  เราต้องการความเงียบนะโวย ”
“ เป็นเพราะนายวิทยุเข้ามานั่นแหละ  โวย!!  ถ้าถึงจะวิทยุไปบอกเอง ”
เจฟสบถด้วยความหงุดหงิด
“ ... ” หลังจากที่แครกจ์อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง  เสียงจากในวิทยุก็เงียบไป
นาน ... ราว 10 นาทีต่อมา  เจฟวิทยุเข้าไปหาแครกจ์ด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กๆ
“ พร้อมแล้ว ” เจฟและคนอื่นๆ เข้าประจำที่หลังตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกใช้เป็นเกราะกำบังกระ
สุน  ทุกคนมีปืนพร้อมอยู่ในมือ  ทันทีที่สิ้นเสียงการประกาศตัวของแครกจ์  พวกเขาก็เริ่ม
ยิงใส่คนของเดวิล  วูลฟกัง
เวลาราวครึ่งชั่วโมงดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับพวกเขา  ถึงแม้ว่าจะมีการต่อสู่
กันอย่างหนักแต่การบุกครั้งนี้ดูจะง่ายดายเสียเหลือเกิน  แน่นอนละ ... เป็นเพราะการวาง
แผนที่ดีกับประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของบุคลากรของบริษัท  และ ... ท่าทีของฝ่ายนายพล
แองกัสที่ไม่สนใจกับสถานการณ์อันยุ่งเหยิงนี้
นายทหาร 2 คนรีบปิดกระเป๋าเอกสารที่ใส่เงินและกระเป๋าเดินทางที่ใส่เฮโรอีนรีบหิ้วขึ้นไป
เก็บที่ท้ายรถ  ขณะที่ตัวนายทำแค่ยิงตุ้มกันให้ลูกน้องขนของได้สะดวก  แล้วทั้ง 3 คน จึง
ขึ้นรถขับหนีไป
“ เฮ้ย!! พวกนั้นนี้ไปแล้วนะ ” เจฟวิทยุหาแครกจ์ทันทีที่เห็นรถแล่นออกไป
“ เออ ปล่อยไป ” น้ำเสียงของแครกจ์ไม่ใส่ใจกับเรื่องสำคัญ
“ ปล่อยไป!?!? ” เจฟเสียงหลง “ หลักฐานทั้งนั้นเลยนะ ”
“ เดี๊ยวมันก็กลับไปมา ” แล้วสัญญาณการติดต่อก็ขาดไป  ทิ้งให้เจฟที่ทำอะไรไม่ได้ต้องกลับ
มาสู่สถานการณ์การยิงปลดอาวุธอย่างไม่พอใจ
ราว 5 - 6 นาทีต่อมา
เสียงปืนที่ดังสนั่นมาตลอดก็หยุดลง  คนของเดวิดทั้งหมดถูกปลดอาวุธ  บางส่วนถูกมัด 
บางส่วนถูกทำให้สลบ  ส่วนตัวเดวิดถูกบังคับให้นั่งในท่าคุกเข่าทั้ง 2 ข้างและยกมือวางไว้
บนศีรษะโดยมียืนคุมเชิงโดยคนในกลุ่มของแครกจ์คนหนึ่งถือปืนอยู่ในมือและเล็งที่เดวิด  ขณะ
ที่แครกจ์ดึงมือของเดวิดลงมาไขว้ไว้ข้างหลังแล้วใส่กุญแจมือ ... นี่เป็นภาพที่เจฟเห็น
ตอนที่เดินออกมาจากที่กำบัง
“ ทำไมนายถึงปล่อยให้พวกนั้นหนีไป ” เจฟโมโหมากกว่าคนที่รับผิดชอบคดีนี้โดยตรงเสียอีก
“ ก็ฉันบอกไปแล้ว ” แครกจ์ตอบแบบไม่ใส่ใจ “ อ๊ะ นั่นไง  มาแล้ว ”
จากหางตาของแครกจ์เห็นถึงการเคลื่อนที่เข้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีน้ำเงินเข้มติดฟิล์มดำสนิทที่
เมื่อ 5-6 นาทีที่แล้วเพิ่งขับหลบฉากการยิงต่อสู้ออกไป  ขณะที่คนอื่นๆ ทยอยกันเข้ามาใน
บริเวณ  เมื่อเห็นรถแล่นเข้ามาจอด  พวกเขาทุกคนพร้อมที่จะยิงถ้าเกิดอะไรไม่ชอบมาพากล
เมื่อรถดับเครื่อง  คนที่อยู่ในรถก็ออกมาและปิดประตู  ผู้ที่ออกมาจากด้านที่นั่งคนขับคือนาย
พลแองกัส  ขณะที่ลูกน้อง 2 คนออกมาจากด้านเบาะหลังทั้งซ้ายและขวา
“ เฮ้ๆ เรามาดีนะ ” หนึ่งในลูกน้องของนายพลแองกัสบอกขณะที่ชูแขนขึ้นเหนือศีรษะ  เมื่อจับ
รังสีได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึมที่แผ่ออกมาเกือบจะทุกคนยกเว้นจากแครกจ์  นายพลแองกัส
และลูกน้องอีกคนก็ยกมือตาม
“ ของล่ะ ” แครกจ์ไม่สนใจท่าทีของฝ่ายตัวเองเดินตรงไปที่คนพูด
“ อยู่ท้ายรถ ” นายทหารผู้นั้นเดินนำแครกจ์ไปที่ท้ายรถ  ขณะที่นายพลแครกจ์เปิดประตูรถ
และก้มตัวลงกดปุ่มข้างประตูรถ  เปิดล็อคให้กระโปรงท้ายเปิดออก  แล้วเจ้าตัวและนาย
ทหารที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินมาพูดคุยกับแครกจ์  ขณะที่ช่วยแครกจ์เปิดและตรวจสอบของใน
กระเป๋า
“ อย่าทำบรรยากาศให้อึดอัดอย่างนี้ซิ ”  แครกจ์หันกลับมาพูดกับพวกตัวเอง “ 3 คนนี้ก็เป็น
ฝ่ายเราเหมือนกัน ”
“ หา!?!? ” ทุกคนตะโกนออกพร้อมกันด้วยความตกใจเพราะตาดไม่ถึง  โดยเฉพาะเดวิด
“ อ้าว ... ฉันไม่ได้บอกหรือ ” แครกจ์พูดเหมือนบอกกับตัวเอง  แล้วจึงแนะนำทีละคน  “ นี่
แองกัส  เบน  และเกเร็ต  พวกเขาเป็นสายลับที่ร่วมปฏิบัติภารกิจนี้ ”
จากความตกใจของทุกคนเปลี่ยนเป็นความโมโหอันเกิดจากความเครียดที่เปล่าประโยชน์
อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มปฏิบัติภารกิจที่ต้องระมัดระวังทั้งฝ่ายชองเดวิดและแองกัส  ทุก
คนอยากจะเข้าไปรุมอัดแครกจ์ที่ไม่บอกก่อน  แต่การทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็น
ความผิดที่ร้ายแรง  พวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าสบถและก่นด่าบรรพบุรุษแครกจ์เสีย
ยับด้วยภาษาที่มีสีสันสุดๆ
“ เออ ... ขอโทษคะ  ฉันขอกลับก่อนนะ  แม็กกี้ถูกยิง ”  เสียงของอเล็กซานดร้าถามอย่าง
สุภาพดังมาจากขึ้นที่ด้านหลังกลุ่มคนที่ออกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่  เธอเดินมาจากไหน  ตั้งแต่
เมื่อไรไม่มีใครเห็น  แต่เธอคงมานานพอที่จะรู้ว่าคนที่ใส่ชุดทหารเป็นใคร  เพราะดูเธอไม่ได้
สนใจพวกเขาเลย
“ หา!! แม็กกี้เป็นอะไรนะ ” เจฟตกใจมากและเดินอย่างรวดเร็วตรงไปที่แม็กกี้ที่อเล็กซานดร้า
กำลังช่วยพยุงตัวอยู่  เขาเห็นผ้าพันที่ต้นแขนของแม็กกี้มีสีแดงเข้มไปด้วยเลือด  ดวงตาของ
เขาวาวโรจน์  ใบหน้าของเขาเครียดขมึงตึง  และเสียงของเขาบ่งบอกถึงความโกรธจัด
“ ใคร!! ใครเป็นคนทำ ”
“ คนของเดวิด  มอยกระรอกอยู่ตรงนู้นแล้ว ” อเล็กซานดร้าชี้มั่วๆ ไปในกองคนที่ถูกมัด
“ เจฟ  ฉันไม่เป็นอะไรหรอก  ไม่เจ็บเลย ” แม็กกี้พยายามทรงตัวให้มั่นคงแล้วดึงแขนออก
จากการเกาะกุมของอเล็กซานดร้าแล้วยื่นไปจับแขนข้างหนึ่งของเจฟ  เธอมองเข้าไปในตา
ของเขาและพูดอย่างร่าเริงและอ่อนหวาน  เธอหวังว่าเขาจะไม่ไปทำฆ่าใคร  นาน ... นาน
ราวกับใช้เวลาของชั่วชีวิต ... ท่าทีของเขาถึงอ่อนลง  เขาดึงตัวเธอเข้าไปกอด 
“ คุณทำผมกลัวแทบตาย ” เขาพูดเบาๆ ที่ข้างหูเธอ “ อย่าทำอะไรอย่างนี้อีกนะ ”
“ ช่วยเลิกหวานกันสักครู่ได้ไหม  แม็กกี้ต้องไปหาหมอนะ ” อเล็กซานดร้าเอ่ยขึ้นมาเพราะ 2
คนนี้เริ่มทำท่าจะเข้าสู่โลกของตัวเองไปเสียแล้ว
“ จะไปด้วยกันก็รีบมา ”
ในเวลาเดียวกับที่อเล็กซานดร้าพูด  แม็กกี้ดูเหมือนจะล้มลง  นั่นทำให้เจฟช้อนร่างของเธอ
และอุ้มไว้ในอ้อมแขน  แล้วรีบเดินนำทุกคนตรงไปที่ๆ ซ่อนรถตู้  โดยที่คนที่มาช่วยในภารกิจ
นี้เดินตามไป  จะเหลือก็แต่ผู้คุ้มกัน 3 คนที่ยังยืนรออเล็กซานดร้าอยู่
อเล็กซานดร้ามองตามเจฟที่เดินนำอย่างเร่งรีบแล้วหันกลับมาเหลือบตามองสายลับ 3 คน
อย่างพิจารณาอย่างรวดเร็ว  แล้วจึงหันมาพูดกับแครกจ์
“ เสร็จแล้ว  โทรหาฉันด้วย ” แล้วเธอจึงหมุนตัวเดินตามไปที่รถที่ติดเครื่องรออยู่  พร้อมกับ
ผู้คุ้มกันทั้ง 3
แม็กกี้ได้รับการรักษาทันทีที่ไปถึงบ้านพักที่เช่าไว้  โดยแพทย์ประจำตระกูลที่อเล็กซานดร้า
ขอให้มาด้วย  แพทย์ฉีดยาและสั่งให้เธอพักผ่อน 1 คืน  และยังให้เลือดที่เสียไปโดยขอจาก
คนอื่นๆ ที่มีเลือดกลุ่มเดียวกัน
เธอนอนห่มผ้าครึ่งตัวอยู่บนเตียงในห้องโดยที่มีอเล็กซานดร้านั่งอยู่ที่เตียงที่อยู่ทางซ้ายของ
เตียงเธอ  ขณะที่เจฟนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายที่วางอยู่ทางด้านขวาและนายแพทย์ที่เคยยืนอยู่
ปลายเตียงกำลังเดินออกไป  ปล่อยให้คนไข้ได้พักผ่อน
“ ขอผมนอนที่นี่ได้ไหมครับ ”  เมื่อประตูปิดลงสนิท  เจฟก็พูดกับอเล็กซานดร้าด้วยความเป็น
ห่วงแม็กกี้ราวกับว่าเธอจะหายตัวไปไหนหหากเขาไม่ได้เฝ้าเธอไว้  ซึ่งนั่นทำให้ดวงตาของ
อเล็กซานดร้าเป็นประกายด้วยความขบขัน
“ ไปนานที่ห้องคุณเถอะ  ชั้นไม่เป็นอะไรหรอกคะ ” เธอยิ้มให้เขา  “ อีกอย่างถ้าคุณมานอนห้อง
นี้แล้วจะให้แซนดี้ไปนอนที่ห้องคุณหรือคะ ”
เธอเตือนอ้อมๆ เพราะเขานอนห้องเดียวกันกับผู้คุ้มกันคนหนึ่งของอเล็กซานดร้า  ยังไงๆ ก็ไม่
เหมาะแน่ๆ 
แน่นอนละว่าเขารับรู้ถึงการเตือนนั้น  ก็ท่าทางของเขาอึกอักๆ  กับสิ่งที่เขาพูดออกอย่างไม่
ได้คิดอะไร  นี่ท่าทางเขาจะติดนิสัยใจร้อนมาจากแม็กกี้หรือเปล่านะ  เขาสงสัยตัวเอง  แต่
จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นห่วงเธอเสียยิ่งกว่าอะไร
“ ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๊ยวฉันไปนอนที่อื่นก็ได้ ” อเล็กซานดร้าช่วยตัดสินใจแทนคู่รัก
“ แล้วเธอจะไปนอนที่ไหนล่ะ ”  แม็กกี้ถามเธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำให้เพื่อนเดือดร้อน
“ ที่ไหนชั้นก็นอนได้  ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นก็ได้ ” อเล็กซานดร้ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ  แต่เมื่อ
เธอเห็นดวงตาที่เพื่อนส่งออกมาแล้ว  เธอก็บอกใหม่
“ งั้นเดี๊ยวไปขอให้เดนนิสย้ายห้องไปในห้องเจฟก็ได้ ”  อเล็กซานดร้าหมายถึงเดนนิสคนที่
อยู่แผนกสืบสวนและนอนห้องเดียวกับแครกจ์  เธอคิดว่าแครกจ์คงจะไม่กลับมาที่นี่แล้ว 
เพราะเขาต้องนำตัวคนร้ายกลับไป
“ เดี๊ยวชั้นกลับมาใหม่ ”  อเล็กซานดร้าลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องทิ้งให้หนุ่มสาวอยู่
กันตามลำพังเพื่อที่จะออกไปพูดกับเดนนิส
เพิ่งครู่เดียวอเล็กซานดร้าก็เดินกลับเข้ามา  เธอชำเลืองมองคู่รักคู่นี้แล้วก็ยิ้มให้แล้วบอกว่า
“ เดนนิสบอกว่าจะย้ายห้องให้จ๊ะ  เดี๊ยวคุณไปเก็บของที่ห้องเท่าที่จำเป็นสำหรับค้าง 1 คืน
ด้วย  ฉันก็ต้องเก็บเหมือนกัน ” เสียงของเธอเน้นเสียงที่คำว่าของที่จำเป็นไม่ใช่ขนมาหมด
เธอเดินไปหยิบพวกข้าวขงกระจุกกระจิกใส่ในกระเป๋าเครื่องสำอาง  หยิบเสื้อผ้าจากใน
กระเป๋าเดินทาง  หยิบไดร์เป่าผมจากลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า  หยิบผ้าเช็ดตัวจากที่ตากแดดไว้ข้าง
นอก  เตรียมตัวย้ายห้อง  เธอชะงักเล็กน้อยแล้วหันกลับมาพูดกับเจฟ
“ ให้คนไข้ของเราได้พักผ่อนจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าถูกรบกวนทั้งคืน ” อเล็กซานดร้าหลิ่วตาให้เจฟ
ซึ่งทำให้แม็กกี้หน้าแดงขึ้นมาทันที  ขณะที่เจฟได้แต่หัวเราะเก้อๆ 
แล้วเธอจึงเดินออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  แต่เธอจะไปห้ามอะไรเขาได้ละ 
‘ ปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจเถอะ ... อย่าไปรบกวนเวลาที่ไม่ค่อยจะมีด้วยกันสักเท่าไรของ
พวกเขาดีกว่า ’  แล้วเธอก็เดินอย่างสบายใจไปที่ห้องใหม่
( ใช่ ... ปล่อยพวกเขาไปบ้างเถอะ  อย่าได้รู้ทุกอย่างเลย  พวกเขาคงไม่อยากให้คุณได้ดูพวก
เขาในเวลาที่เป็นส่วนตัวมากอย่างนี้หรอกนะ - ผู้แต่ง ^^ )
และพื้นดินที่ขรุขระโดยไม่ให้ใครเห็น  กว่าที่พวกเขาจะเข้ามาถึงส่วนในและพร้อมที่จะจู่โจมก็
ต้องใช้เวลานานกว่าที่กะกันไว้
“ พร้อมหรือยัง ” แครกจ์วิทยุเข้ามาตอนที่หมอกเริ่มจาง
“ ยัง ” เจฟนำคนของเขาบุกผ่านต้นไม้หนามที่โตแน่นขนัดรกจัดเต็มบริเวณจนแทบจะไม่มีที่
ว่างให้เดิน
“ อะไรวะ  นี่มันตั้งนานแล้วนะ ”
“ เออ ลองมาบุกทางนี้บ้างซิวะ  โอ๊ย! ” เจฟเริ่มสบถเพราะกิ่งไม้ที่เขาผลักออกเด้งกลับมาตี
หน้าเขาและการสบถของเขาก็ไม่หยุดแม้ผ่านไปหลายนาที
“ เฮ้ย!!  เราต้องการความเงียบนะโวย ”
“ เป็นเพราะนายวิทยุเข้ามานั่นแหละ  โวย!!  ถ้าถึงจะวิทยุไปบอกเอง ”
เจฟสบถด้วยความหงุดหงิด
“ ... ” หลังจากที่แครกจ์อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง  เสียงจากในวิทยุก็เงียบไป
นาน ... ราว 10 นาทีต่อมา  เจฟวิทยุเข้าไปหาแครกจ์ด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กๆ
“ พร้อมแล้ว ” เจฟและคนอื่นๆ เข้าประจำที่หลังตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกใช้เป็นเกราะกำบังกระ
สุน  ทุกคนมีปืนพร้อมอยู่ในมือ  ทันทีที่สิ้นเสียงการประกาศตัวของแครกจ์  พวกเขาก็เริ่ม
ยิงใส่คนของเดวิล  วูลฟกัง
เวลาราวครึ่งชั่วโมงดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับพวกเขา  ถึงแม้ว่าจะมีการต่อสู่
กันอย่างหนักแต่การบุกครั้งนี้ดูจะง่ายดายเสียเหลือเกิน  แน่นอนละ ... เป็นเพราะการวาง
แผนที่ดีกับประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของบุคลากรของบริษัท  และ ... ท่าทีของฝ่ายนายพล
แองกัสที่ไม่สนใจกับสถานการณ์อันยุ่งเหยิงนี้
นายทหาร 2 คนรีบปิดกระเป๋าเอกสารที่ใส่เงินและกระเป๋าเดินทางที่ใส่เฮโรอีนรีบหิ้วขึ้นไป
เก็บที่ท้ายรถ  ขณะที่ตัวนายทำแค่ยิงตุ้มกันให้ลูกน้องขนของได้สะดวก  แล้วทั้ง 3 คน จึง
ขึ้นรถขับหนีไป
“ เฮ้ย!! พวกนั้นนี้ไปแล้วนะ ” เจฟวิทยุหาแครกจ์ทันทีที่เห็นรถแล่นออกไป
“ เออ ปล่อยไป ” น้ำเสียงของแครกจ์ไม่ใส่ใจกับเรื่องสำคัญ
“ ปล่อยไป!?!? ” เจฟเสียงหลง “ หลักฐานทั้งนั้นเลยนะ ”
“ เดี๊ยวมันก็กลับไปมา ” แล้วสัญญาณการติดต่อก็ขาดไป  ทิ้งให้เจฟที่ทำอะไรไม่ได้ต้องกลับ
มาสู่สถานการณ์การยิงปลดอาวุธอย่างไม่พอใจ
ราว 5 - 6 นาทีต่อมา
เสียงปืนที่ดังสนั่นมาตลอดก็หยุดลง  คนของเดวิดทั้งหมดถูกปลดอาวุธ  บางส่วนถูกมัด 
บางส่วนถูกทำให้สลบ  ส่วนตัวเดวิดถูกบังคับให้นั่งในท่าคุกเข่าทั้ง 2 ข้างและยกมือวางไว้
บนศีรษะโดยมียืนคุมเชิงโดยคนในกลุ่มของแครกจ์คนหนึ่งถือปืนอยู่ในมือและเล็งที่เดวิด  ขณะ
ที่แครกจ์ดึงมือของเดวิดลงมาไขว้ไว้ข้างหลังแล้วใส่กุญแจมือ ... นี่เป็นภาพที่เจฟเห็น
ตอนที่เดินออกมาจากที่กำบัง
“ ทำไมนายถึงปล่อยให้พวกนั้นหนีไป ” เจฟโมโหมากกว่าคนที่รับผิดชอบคดีนี้โดยตรงเสียอีก
“ ก็ฉันบอกไปแล้ว ” แครกจ์ตอบแบบไม่ใส่ใจ “ อ๊ะ นั่นไง  มาแล้ว ”
จากหางตาของแครกจ์เห็นถึงการเคลื่อนที่เข้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีน้ำเงินเข้มติดฟิล์มดำสนิทที่
เมื่อ 5-6 นาทีที่แล้วเพิ่งขับหลบฉากการยิงต่อสู้ออกไป  ขณะที่คนอื่นๆ ทยอยกันเข้ามาใน
บริเวณ  เมื่อเห็นรถแล่นเข้ามาจอด  พวกเขาทุกคนพร้อมที่จะยิงถ้าเกิดอะไรไม่ชอบมาพากล
เมื่อรถดับเครื่อง  คนที่อยู่ในรถก็ออกมาและปิดประตู  ผู้ที่ออกมาจากด้านที่นั่งคนขับคือนาย
พลแองกัส  ขณะที่ลูกน้อง 2 คนออกมาจากด้านเบาะหลังทั้งซ้ายและขวา
“ เฮ้ๆ เรามาดีนะ ” หนึ่งในลูกน้องของนายพลแองกัสบอกขณะที่ชูแขนขึ้นเหนือศีรษะ  เมื่อจับ
รังสีได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึมที่แผ่ออกมาเกือบจะทุกคนยกเว้นจากแครกจ์  นายพลแองกัส
และลูกน้องอีกคนก็ยกมือตาม
“ ของล่ะ ” แครกจ์ไม่สนใจท่าทีของฝ่ายตัวเองเดินตรงไปที่คนพูด
“ อยู่ท้ายรถ ” นายทหารผู้นั้นเดินนำแครกจ์ไปที่ท้ายรถ  ขณะที่นายพลแครกจ์เปิดประตูรถ
และก้มตัวลงกดปุ่มข้างประตูรถ  เปิดล็อคให้กระโปรงท้ายเปิดออก  แล้วเจ้าตัวและนาย
ทหารที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินมาพูดคุยกับแครกจ์  ขณะที่ช่วยแครกจ์เปิดและตรวจสอบของใน
กระเป๋า
“ อย่าทำบรรยากาศให้อึดอัดอย่างนี้ซิ ”  แครกจ์หันกลับมาพูดกับพวกตัวเอง “ 3 คนนี้ก็เป็น
ฝ่ายเราเหมือนกัน ”
“ หา!?!? ” ทุกคนตะโกนออกพร้อมกันด้วยความตกใจเพราะตาดไม่ถึง  โดยเฉพาะเดวิด
“ อ้าว ... ฉันไม่ได้บอกหรือ ” แครกจ์พูดเหมือนบอกกับตัวเอง  แล้วจึงแนะนำทีละคน  “ นี่
แองกัส  เบน  และเกเร็ต  พวกเขาเป็นสายลับที่ร่วมปฏิบัติภารกิจนี้ ”
จากความตกใจของทุกคนเปลี่ยนเป็นความโมโหอันเกิดจากความเครียดที่เปล่าประโยชน์
อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มปฏิบัติภารกิจที่ต้องระมัดระวังทั้งฝ่ายชองเดวิดและแองกัส  ทุก
คนอยากจะเข้าไปรุมอัดแครกจ์ที่ไม่บอกก่อน  แต่การทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็น
ความผิดที่ร้ายแรง  พวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าสบถและก่นด่าบรรพบุรุษแครกจ์เสีย
ยับด้วยภาษาที่มีสีสันสุดๆ
“ เออ ... ขอโทษคะ  ฉันขอกลับก่อนนะ  แม็กกี้ถูกยิง ”  เสียงของอเล็กซานดร้าถามอย่าง
สุภาพดังมาจากขึ้นที่ด้านหลังกลุ่มคนที่ออกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่  เธอเดินมาจากไหน  ตั้งแต่
เมื่อไรไม่มีใครเห็น  แต่เธอคงมานานพอที่จะรู้ว่าคนที่ใส่ชุดทหารเป็นใคร  เพราะดูเธอไม่ได้
สนใจพวกเขาเลย
“ หา!! แม็กกี้เป็นอะไรนะ ” เจฟตกใจมากและเดินอย่างรวดเร็วตรงไปที่แม็กกี้ที่อเล็กซานดร้า
กำลังช่วยพยุงตัวอยู่  เขาเห็นผ้าพันที่ต้นแขนของแม็กกี้มีสีแดงเข้มไปด้วยเลือด  ดวงตาของ
เขาวาวโรจน์  ใบหน้าของเขาเครียดขมึงตึง  และเสียงของเขาบ่งบอกถึงความโกรธจัด
“ ใคร!! ใครเป็นคนทำ ”
“ คนของเดวิด  มอยกระรอกอยู่ตรงนู้นแล้ว ” อเล็กซานดร้าชี้มั่วๆ ไปในกองคนที่ถูกมัด
“ เจฟ  ฉันไม่เป็นอะไรหรอก  ไม่เจ็บเลย ” แม็กกี้พยายามทรงตัวให้มั่นคงแล้วดึงแขนออก
จากการเกาะกุมของอเล็กซานดร้าแล้วยื่นไปจับแขนข้างหนึ่งของเจฟ  เธอมองเข้าไปในตา
ของเขาและพูดอย่างร่าเริงและอ่อนหวาน  เธอหวังว่าเขาจะไม่ไปทำฆ่าใคร  นาน ... นาน
ราวกับใช้เวลาของชั่วชีวิต ... ท่าทีของเขาถึงอ่อนลง  เขาดึงตัวเธอเข้าไปกอด 
“ คุณทำผมกลัวแทบตาย ” เขาพูดเบาๆ ที่ข้างหูเธอ “ อย่าทำอะไรอย่างนี้อีกนะ ”
“ ช่วยเลิกหวานกันสักครู่ได้ไหม  แม็กกี้ต้องไปหาหมอนะ ” อเล็กซานดร้าเอ่ยขึ้นมาเพราะ 2
คนนี้เริ่มทำท่าจะเข้าสู่โลกของตัวเองไปเสียแล้ว
“ จะไปด้วยกันก็รีบมา ”
ในเวลาเดียวกับที่อเล็กซานดร้าพูด  แม็กกี้ดูเหมือนจะล้มลง  นั่นทำให้เจฟช้อนร่างของเธอ
และอุ้มไว้ในอ้อมแขน  แล้วรีบเดินนำทุกคนตรงไปที่ๆ ซ่อนรถตู้  โดยที่คนที่มาช่วยในภารกิจ
นี้เดินตามไป  จะเหลือก็แต่ผู้คุ้มกัน 3 คนที่ยังยืนรออเล็กซานดร้าอยู่
อเล็กซานดร้ามองตามเจฟที่เดินนำอย่างเร่งรีบแล้วหันกลับมาเหลือบตามองสายลับ 3 คน
อย่างพิจารณาอย่างรวดเร็ว  แล้วจึงหันมาพูดกับแครกจ์
“ เสร็จแล้ว  โทรหาฉันด้วย ” แล้วเธอจึงหมุนตัวเดินตามไปที่รถที่ติดเครื่องรออยู่  พร้อมกับ
ผู้คุ้มกันทั้ง 3
แม็กกี้ได้รับการรักษาทันทีที่ไปถึงบ้านพักที่เช่าไว้  โดยแพทย์ประจำตระกูลที่อเล็กซานดร้า
ขอให้มาด้วย  แพทย์ฉีดยาและสั่งให้เธอพักผ่อน 1 คืน  และยังให้เลือดที่เสียไปโดยขอจาก
คนอื่นๆ ที่มีเลือดกลุ่มเดียวกัน
เธอนอนห่มผ้าครึ่งตัวอยู่บนเตียงในห้องโดยที่มีอเล็กซานดร้านั่งอยู่ที่เตียงที่อยู่ทางซ้ายของ
เตียงเธอ  ขณะที่เจฟนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายที่วางอยู่ทางด้านขวาและนายแพทย์ที่เคยยืนอยู่
ปลายเตียงกำลังเดินออกไป  ปล่อยให้คนไข้ได้พักผ่อน
“ ขอผมนอนที่นี่ได้ไหมครับ ”  เมื่อประตูปิดลงสนิท  เจฟก็พูดกับอเล็กซานดร้าด้วยความเป็น
ห่วงแม็กกี้ราวกับว่าเธอจะหายตัวไปไหนหหากเขาไม่ได้เฝ้าเธอไว้  ซึ่งนั่นทำให้ดวงตาของ
อเล็กซานดร้าเป็นประกายด้วยความขบขัน
“ ไปนานที่ห้องคุณเถอะ  ชั้นไม่เป็นอะไรหรอกคะ ” เธอยิ้มให้เขา  “ อีกอย่างถ้าคุณมานอนห้อง
นี้แล้วจะให้แซนดี้ไปนอนที่ห้องคุณหรือคะ ”
เธอเตือนอ้อมๆ เพราะเขานอนห้องเดียวกันกับผู้คุ้มกันคนหนึ่งของอเล็กซานดร้า  ยังไงๆ ก็ไม่
เหมาะแน่ๆ 
แน่นอนละว่าเขารับรู้ถึงการเตือนนั้น  ก็ท่าทางของเขาอึกอักๆ  กับสิ่งที่เขาพูดออกอย่างไม่
ได้คิดอะไร  นี่ท่าทางเขาจะติดนิสัยใจร้อนมาจากแม็กกี้หรือเปล่านะ  เขาสงสัยตัวเอง  แต่
จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นห่วงเธอเสียยิ่งกว่าอะไร
“ ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๊ยวฉันไปนอนที่อื่นก็ได้ ” อเล็กซานดร้าช่วยตัดสินใจแทนคู่รัก
“ แล้วเธอจะไปนอนที่ไหนล่ะ ”  แม็กกี้ถามเธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำให้เพื่อนเดือดร้อน
“ ที่ไหนชั้นก็นอนได้  ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นก็ได้ ” อเล็กซานดร้ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ  แต่เมื่อ
เธอเห็นดวงตาที่เพื่อนส่งออกมาแล้ว  เธอก็บอกใหม่
“ งั้นเดี๊ยวไปขอให้เดนนิสย้ายห้องไปในห้องเจฟก็ได้ ”  อเล็กซานดร้าหมายถึงเดนนิสคนที่
อยู่แผนกสืบสวนและนอนห้องเดียวกับแครกจ์  เธอคิดว่าแครกจ์คงจะไม่กลับมาที่นี่แล้ว 
เพราะเขาต้องนำตัวคนร้ายกลับไป
“ เดี๊ยวชั้นกลับมาใหม่ ”  อเล็กซานดร้าลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องทิ้งให้หนุ่มสาวอยู่
กันตามลำพังเพื่อที่จะออกไปพูดกับเดนนิส
เพิ่งครู่เดียวอเล็กซานดร้าก็เดินกลับเข้ามา  เธอชำเลืองมองคู่รักคู่นี้แล้วก็ยิ้มให้แล้วบอกว่า
“ เดนนิสบอกว่าจะย้ายห้องให้จ๊ะ  เดี๊ยวคุณไปเก็บของที่ห้องเท่าที่จำเป็นสำหรับค้าง 1 คืน
ด้วย  ฉันก็ต้องเก็บเหมือนกัน ” เสียงของเธอเน้นเสียงที่คำว่าของที่จำเป็นไม่ใช่ขนมาหมด
เธอเดินไปหยิบพวกข้าวขงกระจุกกระจิกใส่ในกระเป๋าเครื่องสำอาง  หยิบเสื้อผ้าจากใน
กระเป๋าเดินทาง  หยิบไดร์เป่าผมจากลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า  หยิบผ้าเช็ดตัวจากที่ตากแดดไว้ข้าง
นอก  เตรียมตัวย้ายห้อง  เธอชะงักเล็กน้อยแล้วหันกลับมาพูดกับเจฟ
“ ให้คนไข้ของเราได้พักผ่อนจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าถูกรบกวนทั้งคืน ” อเล็กซานดร้าหลิ่วตาให้เจฟ
ซึ่งทำให้แม็กกี้หน้าแดงขึ้นมาทันที  ขณะที่เจฟได้แต่หัวเราะเก้อๆ 
แล้วเธอจึงเดินออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  แต่เธอจะไปห้ามอะไรเขาได้ละ 
‘ ปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจเถอะ ... อย่าไปรบกวนเวลาที่ไม่ค่อยจะมีด้วยกันสักเท่าไรของ
พวกเขาดีกว่า ’  แล้วเธอก็เดินอย่างสบายใจไปที่ห้องใหม่
( ใช่ ... ปล่อยพวกเขาไปบ้างเถอะ  อย่าได้รู้ทุกอย่างเลย  พวกเขาคงไม่อยากให้คุณได้ดูพวก
เขาในเวลาที่เป็นส่วนตัวมากอย่างนี้หรอกนะ - ผู้แต่ง ^^ )
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น