จิตรา...มายาแห่งเทพ - จิตรา...มายาแห่งเทพ นิยาย จิตรา...มายาแห่งเทพ : Dek-D.com - Writer

    จิตรา...มายาแห่งเทพ

    มายาภาพสร้างสรรให้นางเป็นสตรีที่งดงาม แต่สิ่งนั้นจะผูกดวงใจชายที่สิเน่หาได้ฤา...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,174

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.17K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ม.ค. 50 / 23:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

             แสงสุรีย์รอนลงเบื้องหลังภูผา เหล่านกกาเริ่มโผนบินกลับรวงรังอาศัย

      อายระอุของอาทิตย์เมื่อวันแทนที่ด้วยร่มรื่นของสนธยา  ลมยามนี้หอบโชยนำ

      กลิ่นหอมของเหล่าบุปผชาติป่านานาพรรณให้อวลตลบไปทั่วบริเวณศิวาลัย

      ร้าง  ที่แอบตัวอยู่ในโอบล้อมของไพรพฤกษ  จนหากมีผู้ใดได้สบกับความหอม

      หวานปานนี้แล้วอาจลืมสติหลงไปว่าตนกำลังอยู่ในแดนสวรรค์ แลเท้านั้นมิได้

      เหยียบดินหากแต่จะคิดว่าฝันไปเมื่อวันใหม่มาถึง มิเช่นนั้นก็รู้ได้ว่าหลงต้อง

      มนต์สะกดแห่งเทพยดาองค์ใดเข้าให้แล้ว เพราะโดยปกติของเถื่อนไพรย่อม

      เป็นที่อาศัยของสาปสางสัตว์ มิได้มีบรรยากาศชวยชื่นเช่นคืนนี้เลย

             เสียงกรุ๊งกริ๊งของกำไลข้อเท้าสตรีดังนำทาง  ก้าวย่างแต่ละก้าวของนาง

      ไม่ขัดความเป็นบุรุษออกจากใจและกาย  และใส่กำไลทองที่ข้อเท้า เพื่อแสดง

      ความภัคดีแก่ชายผู้หนึ่ง แต่ท่าทีนางยังเซอะเงอะงะแข็งกระด้างอย่างชาย นิ้ว

      มือของสตรีทั่วไปซึ่งมีไว้เพื่อรังสรรค์พวงลดาให้วิจิตรตระการ  แต่ของนาง

      นั้นสันทัดต่อด้ามมีด  และลำแขนของสตรีที่มีไว้เพื่อกรีดอ่อนฟ้อนรำตลอดจน

      โอบประโลมบุรุษ  หากของนางนั้นขึ้นคันธนุอยู่เป็นเนืองนิจ  ความงามลออ

      และจริตอ่อนหวานที่หาได้จากปกติสตรี  นี้ไม่มีในตัวนาง...จิตรา

                 เช่นนี้แล้วก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือ หากบุรุษผู้นั้นจะไม่พึงใจ  สิ่งที่เขาทำ

      เป็นผลลัพธ์ที่จิตราจะคาดได้แต่คราวแรก และจะไม่โทษใครเลยนอกจากตัว

      เองที่หยาบช้ากล้าเสนอตัวทั้งเป็นหญิง  แต่สิ่งที่ทำให้สตรีซึ่งเด็ดขาดเยี่ยงบุรุษ

      ต้องคุมแค้นคือท่าทางปฎิเสธอย่างหักหาญนั่นต่างหาก

                จิตราจำได้ดีถึงความรู้สึกเมื่อแรกพบกับชายผู้นี้  วันนั้นนางไล่ตามกวาง

      ที่ตามล่ามาแต่วันเข้าป่า  จนหลงพลัดกับเหล่าองครักษ์ที่เคยตามติด เพราะ

      นางมีศักดิ์เป็นถึงพระราชธิดาของเจ้าเมือง

                 กวางที่ตามล่าฝีเท้าดีจนนางเองชักหวั่นใจว่าจะไม่ได้เขาคู่งามของมัน

      กลับไปเชยชม ระหว่างทางที่รกชัฎและกันดารมากขึ้นทุกที  จิตราปาดเหงื่อที่

      เข้าตาจนแสบ ความเหนื่อยล้าทำให้นางอดคิดไม่ได้ว่าภาพที่ปรากฎอยู่ตรง

      หน้าคือภาพลวงตาของเทพจำแลง...

                  ภาพของผู้ชายคนนั้นผุดขึ้นในความทรงจำ  ใบหน้าเข้มคิ้วคางคม

      สัน  รูปร่างผึ่งผายสมชายชาญ ผมขมวดมุ่นไว้รุ่ยร่ายรอบดวงหน้า ดวงตาคู่นั้น

      สิ แม้นิ่งเฉยมองนางก็เหมือนอย่างยั่ว  ริมฝีปากแยมนิดๆ ราวกับเยาะ  ชายคน

      นั้นนอนเอาใบไม้แห้งรองต่างเตียงขวางทางไว้  ที่ท่าเมินจิตราเหมือนนางเป็น

      ดินฟ้าอากาศธาตุไม่มีตัวตน

                   ด้วยความขัดเคือง ทำให้นางใช้ด้ามธนูเขี่ยร่างที่นอนขวางทางอยู่

      ชายคนนั้นกลับดีดตัวพรวดขึ้นยืนข่มอยู่ตรงหน้า

                   " เราคิดว่าตนเองได้เลือกที่พักผ่อนอันเหมาะควรแล้ว เพราะในป่า

      ย่อมไม่มีใครอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของ"

                  ดวงตาแพรวพราว ริมฝีปากแย้มเยาะอย่างเปิดเผย และสายตาที่มอง

      นางเหมือนตัวประหลาดทำให้จิตราร้อนผ่าวด้วยความโกรธ ผสานกับอารมณ์

      อันลึกลับที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อน จวบกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะและร่างนั้น

      ทำท่าจะทะยานหายไป

                นางจึงรวบรวมสติตระโกนถามชื่อของชายสามหาวนั่นเป็นครั้งแรก
        
                และนับแต่นั้นมา นามของเขาก็สลักฝังใจจิตา...อรชุน !

               

                  เงาไฟเริงระบำบนผนังศิลาภายในเทวาลัย แสงของมันลอดมาเต้น

      ไหวบนพื้นหินตรงหน้าทางเข้าที่เห็นอยู่ไม่ไกลนัก ทำให้รู้ว่าจุดหมายของจิตรา

      อยู่ไม่ไกลและเสียงหัวใจนางก็เต้นดังขึ้นทุกที

                 " โอ ! มัทนเทพเทพแห่งความรัก ศรของท่านทรงอานุภาพยิ่งนัก ขอ

      อย่าให้ให้มันมีผลแต่กับสตรีเลย หากขอให้มันมีฤทธิ์แรงยิ่งกว่าเมื่ออยู๋กับบุรุษ"

                 จิตราก้มลงพินิจพัตราภรณ์ที่นางสวม สาหรีสีกุหลาบ ขับให้ผิวทั่วตัว

      ของนางเป็นสีชมพูระเรื่อ ข้อเท้ากลมกลึงสวมกำไลเท้าเสียงกรุ๊งกริ๊งเสนาะ

      กังวานหู เรือนร่างอรชรดูแนบเนียนเมื่อนางย่างเยื้อง

                 จิตรายกแขนขึ้นเพ่งในความมืด ลำแขนเกลากลึงได้รูปดั่งลำเทียน แม้

      นิ้วมือแต่ละนิ้วยังเรียวงาม

                  นางยกมือขึ้นคลำใบหน้า จากดวงตาระเรื่อยมาถึงริมฝีปาก หากมีเงา

      ที่จะสะท้อนภาพนางได้เห็นอีกครั้งได้ก็คงจะดีไม่น้อย จิตราหวั่นใจเมื่อคิดถึง

      บทเรียนที่เคยได้รับจากครั้งที่นางตัดสินใจปลดเครื่องทรงของบุรุษเพศและแต่ง

      กายอย่างสตรีไปพบกับชายที่เรียกสัญชาติญานความเป็นหญิงให้คืนมา   ใบ

      หน้าคมสันส่อแววขันดวงตาแพรวพราวคู่นั้นมิได้มองนางอย่างบุรุษมองสตรี

      เลยแม้แต่น้อย

                   " โอ ! แม่หญิง ท่านเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปหรือไม่"
                
                    นำเสียงนั้นเป็นไปอย่างล้อเลียน และเขากอดอกหันข้างให้ ไม่ยอม

      แม้กระทั่งจะหันหน้ามามองจิตราตรงๆ ราวกับนางไม่มีคุณค่าพอแก่สายตากระ

      นั้น

                  " หากท่านต้องการสามีสักคน ผู้ชายคนนั้นไม่ควรเป็นเรา เพราะเราคง

      ต่ำต้อยไม่เหมาะสำหรับนาง และถ้านางได้รู้เรื่องราวของเราด้วยความชื่นชม

      อย่างที่กล่าว นางก็ควรรู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าตอนนี้เราถือตบะบำเพ็ญพรตเพียง

      ลำพัง ไม่สมควรมีสตรีอยู่ใกล้...ขอแม่หญิงโปรดเข้าใจ และไปจากที่นี้เถิด"

                  จิตรารู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาด นางยืนนิ่งอยู่เป็นนานด้วยสมองว่าง

      เปล่า ปากสั่นลำคอตีบตัน ประคองร่างตัวเองหนีไปอย่างคนพ่ายแพ้ จิตราพ่าย

      แพ้แก่ใจตัวเองมิใช่อรชุน  นางได้พ่ายแพ้ตั้งแต่วินาทีนั้นที่นางได้ตั้งมั่นแล้วว่า

      จะเอาชนะจิตใจบุรุษผู้นี้ให้ได้ทุกวิธีการ

                    เสียงดนตรีวิเวกหวานปานเสียงโกกิลาดังมาจากภายในเทวาลัย

      จิตราสดับเสียงนั้นแล้วเคลิบเคิ้มไปกับทำนองไพราะ ชั่วขณะหนึ่งนางสงสัยว่า

      บุรุษผู้นี้เป็นใครกันแน่  คืออรชุนขัติยราชนักรบหนุ่มที่ขึ้นชื่อลือชาในเชิงชั้น

      ศาสตรา มีความน่ายกย่องในความห้าวหาญและน้ำใจอย่างบุรุษ  คือชายใจหิน

      ที่พร้อมจะทอดทิ้งความรักภัคดีของหญิงหนึ่งที่มีให้อย่างไม่ใยดี  คือนักพรต

      หนุ่มผู้แสวงหาความวิเวกแลธรรมมะเป็นไฟต่อวิญญาน  ฤาคือหนุ่มน้อยรูปงาม

      เป็นคีตะผู้เชี่ยวชาญและหลงใหลในจิตวิญญานของดนตรี


                      " แต่ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เราก็ได้ตัดสินใจจะคืนคมดาบที่ท่านใช่

      ประหารเรา แก่เจ้าของๆ มันแล้ว  อา...มัทนเทพท่านเสกสร้างความงามที่ไม่มี

      หญิงใดเทียบเท่าให้กับเราแล้ว ถึงแม้จะเป็นพรที่มีไว้เพื่อโรยราเพียงผ่านชั่วคืน

      เดียว ก็ขออย่าให้เสียเปล่าเลย"
                  
                        เสียงกำไลข้อเท้าเริ่มดำเนินต่อเนื่องอีกครั้ง วิบากกรรมระหว่าง

      จิตราและอรชุนจะผูกโยงกันและกันไว้นับแต่บัดนี้


                         วันนั้นฝันไปฤาไม่ฝัน
                         แต่ใจหันเหระเห็จเหมือนเตร็จเหิร
                         ภาพอันผ่องล่องฟ้าลงมาเดิร
                         จะบังเอิญตาไหนได้ระเมียร

                          ถ้าตาเนื้อเผื่อไพล่ได้พินิจ
                          รูปนิมิตรมาฝันอยู่หันเหียน
                          เหลือลำบากบุญตาอันอาเกียรณ์
                          บุญย์จะเบียฬตาวิบัทอยู่อัตรา

                          ถ้าตาใจใฝ่ฝันมาพลันพบ
                          รูปอันลบโลกสวรรค์เหลือสรรหา
                          แม้ตื่นใจใจตื่นฟื้นขึ้นมา
                          ก็จะอาดูรด้วยรูปสวยลี้
       
                         จิตรามองบุรุษที่เธอเคยใฝ่ฝันอย่างเพ่งพิศ ดวงหน้าคมสมชาย

      และเจ้าของเรือนร่างองอาจนั่นใช่หรือไม่ นัยน์ตากล้าคมคู่นั้นหรือเปล่าที่สะกด

      นางให้ลุ่มหลงด้วยความรัก หากใช่ เหตุใดกันจึงท่วมท้นไปแดวแววเสน่หา ไม่

      เชือดเฉือนเย็นชาเหมือนอย่างเคย

                           หรือเป็นเพราะรูปลวงที่นางสวมใส่อยู่นี้ ?

                      ความแค้นเคืองพลุ่งพล่านโดยไม่รู้สาเหตุ ทำให้จิตราใช้วาจา

      ถากถางลืมจุดมุ่งหมายของตนเอง  ว่ามีหน้าที่ทำดีให้บุรุษตรงหน้าหลงใหล

      และยอมสยบ  เพื่อที่นางจะได้จากเขาไปอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้ด้วยชัยชนะ

                       จิตราลืมและตกอยู่ภายใต้อำนาจอารมณ์ของตัวเอง นางยังไม่

      อาจหักห้ามใจที่มีต่ออรชุนได้

                        " แม่หญิง ท่านมาจากที่ใดหรือ เหตุใดหญิงงามอย่างท่านจึงรอน

      แรมมาคนเดียวในเวลาค่ำคืนเช่นนี้"            

                         " หญิงงามไม่งามนั้นต่างกันที่ใด แม้เราเป็นหญิงไม่งาม ท่าน

      บุรุษจะไม่ใส่ใจสงสัยถามงั้นหรือ"

                          " ไม่เช่นนั้น เราย่อมห่วงใยตามหน้าที่บุรุษ และอาจให้การคุ้ม

      กัน เพียงแต่ความรู้สึกสนใจอาจต่างกันอยู่บ้าง"

                           " เช่นไร ! "

                          อรชุนแย้มริมฝีปาก นัยน์ตายั่วเย้า ย่างเข้าใกล้จิตราที่มีสีหน้า

      ขุ่นมัว แต่อย่างนั้นนางก็ยังดูงดงามไม่เปลี่ยนแปลง    

                          " ดูก่อนนางงาม ใยท่านทำราวกับเป็นมารดาของเหล่าสตรีขี้ริ้ว

      ทั้งโลก  เราเพียงต้องการกล่าวว่า ธรรมชาติของหญิงไม่งามนั้นสร้างให้นางมี

      โชคดีมหันต์  ผิดกับหญิงงามอย่างท่านที่ย่อมมีโชคร้ายใหญ่หลวงตามติด

      ตั้งแต่แรกลืมตา "

                           " ท่านนี่กล่าวประหลาด !  อันนารีมีรูปเป็นทรัพย์ สตรีทุกคน

      ย่อมอยากให้ตนเองงดงามเพื่อเป็นที่ต้องตาของบุรุษและผู้คนรอบข้าง หญิงใด

      เสียอีกขาดทรัพย์ในข้อนี้เสียแล้ว จะต้องโดนชายเย้ยหยัน และผู้คนต่างเมินไม่

      อยากเข้าใกล้" น้ำเสียงจิตราขมขื่น

                        " เช่นนั้นไม่ใช่ท่านแน่นอน เพราะท่านเป็นหญิงงาม แต่แม่หญิง

      ท่านลองใครครวนดูที ความงามที่ดึงดูดใจของท่านนั้นไม่อันตรายหรอกหรือ

      ในการที่จะนำพาได้ทั้งคนชั่วและคนดีให้เข้าใกล้ ด้วยเหตุนี้เมื่อเทียบกับหญิงไม่

      งามที่โชคดี จะไม่ต้องกังวลในเรื่องเหล่านี้เลย ดังนั้นแล้วด้วยเหตุผลเดียวกัน

      เราจึงควรมีหน้าที่สนใจและคอยปกป้องเป็นห่วงท่านให้มากกว่าหญิงอื่นทีเดียว

      เพราะความงามของท่านมีพิษสงต่อตัวเองมากกว่าหญิงงามอื่นๆ หลายเท่า "

                   อรชุนโอบแขนรอบเอวบางของจิตรา แต่นางสะบัดตัวเสียจากวงแขน

                   " งาม งาม งาม ท่านบุรุษท่านเพ้อพร่ำได้เพียงคำเท่านี้หรือ ช่างน่า

      เสียดายชายชาญอย่างท่านหลงงมงายอยู่กับกลิ่นหอมของดอกไม้ หรือแม้แต่

      ความงามของจันทร์วันเพ็ญ สิ่งเหล่านี้ไม่จีรังยั่งยืนอะไร เช่นเดียวกับความงาม

      ของสตรีที่มีวันหมด เมื่อนั้นท่านก็คงทำตัวเช่นแมลงภู่ผึ้ง ที่เที่ยวลักขโมยน้ำ

      หวานจากดอกไม้ดอกแล้วดอกเล่ากระมัง"

                        "เหตุใดท่านจึงปักใจเช่นนี้ การกระทำย่อมสำคัญกว่าคำพูด เรา

      เชื่อว่าสามารถปกป้องท่านได้ตลอดไป และจะแสดงให้แม่หญิงเห็นด้วยการ

      กระทำ เช่นนั้นจงเปิดใจยอมรับเราเถิด"

                        อรชุนรั้งแขนจิตราเข้ามาและโอบประทับนางไว้แนบอก เพียงเท่า

      นี้นางก็อ่อนปวกเปียกแทบจะยืนไม่ติดพื้น...   

                        ปัจฉิมยามมาเยือนแล้ว พระพายชายพัดมาอ่อนๆ ในยามเช้า

      อากาศหนาวเย็นด้วยละอองหมอกและน้ำค้างที่พรมตามลมมา อ้อมแขนกว้าง

      อบอุ่นและแข็งแกร่งเพียงพอจะให้รู้สึกปลอดภัยอย่างสนิทใจของชายหนุ่มโอบ

      แน่น  แต่จิตรากลับรู้สึกหนาวสะท้าน  นางค่อยๆ ขยับกายปลดตัวเองออก

      จากร่างแหแห่งความทุกข์และความสุข ที่ดึงรั้งจิตใจของนางให้หัวเราะและ

      ร้องไห้ไปกับมัน

                 เสียงกรุ๋งกริ๊งของกำไลข้อเท้าส่งเสียงนำ แสงแดดอ่อนๆ ฉายลงมาที่

      หน้าเทวาลัย หญิงงามนางหนึ่งก้าวพ้นจากเงามืดภายในเทวสถาณแห่งนั้น นาง

      มีผิวกายสีอมชมพูระเรื่อ รูปหน้างดงามหมดจด ลำแขนลอออ่อนซ้อน  ทุกก้าว

      ย่างของนางราวกับท่วงท่าร่ายรำ นางมาสู่เทวาลัยแห่งนี้เมื่อยามมืด และกลับ

      คืนสู่ภายนอกเมื่อยามสว่าง  นางได้เดินทางมาและเดินทางไปเพียงเท่านั้น

                  เหนือกว่านั้นนางมิได้อะรเลย....

                         

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×