คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลำดับตอนที่ 3
บทที่สอง
วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติเกือบสองชั่วโมง ทั้งๆที่เมื่อคืนก็ใช่ว่าจะได้นอนเร็ว...อันที่จริงถ้าให้ยอมรับกันตามตรงก็คือ ผมนอนไม่ค่อยหลับ ไม่ใช่เพราะเครียดเรื่องริท แต่เป็นเพราะอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันรบเร้าให้ผมต้องกลับมานั่งนึกนอนนึกตลอดคืน ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่มันถูกต้องหรือเปล่า?
ผมปล่อยให้ตัวเองนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงต่อจนกระทั้งเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตอนแปดโมงดังขึ้น จึงลุกไปเตรียมตัวเข้าบริษัทตามปกติ
ตอนนี้ผมทำงานอยู่ที่ NE Desiag เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างของพี่รุจ ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของผม ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับบริษัทของตัวเองสักเท่าไหร่ ดังนั้นหน้าที่ดูแลแทนประธานบริษัทจึงตกเป็นของผมอย่างเลี่ยงไม่ได้...แต่งานส่วนมากที่ทำก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรนัก ผมก็แค่ทำหน้าที่นั่งตรวจเช็คเอกสารกับเซ็นอนุมัติงานของฝ่ายต่างๆในบริษัทก็เท่านั้น ถึงจะมีบ้างที่จะต้องลงไปดูงานด้วยตัวเองตามต่างจังหวัด แต่มันก็ไม่ได้บ่อยอย่างที่ผมเคยคิดไว้
ระหว่างที่ผมกำลังจัดการพับmac proใส่กระเป๋า เสียงปึงปังจากด้านนอกก็ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตูที่ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าของผู้มาเยือนคนใหม่...ริทในสภาพที่ดูเหมือนเด็กเพิ่งตื่นนอน สาวเท้าเล็กๆเข้ามาในห้องของผม ก่อนเจ้าตัวจะหันซ้ายทีขวาทีแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำที่เปิดประตูทิ้งไว้ตรงมุมห้อง
....ดูท่าว่าคงจะกลั้นใจรอให้ผมออกไปก่อนไม่ไหวสินะ....
ผมนั่งรออยู่ตรงปลายเตียงทั้งๆที่เก็บของเสร็จแล้ว รอจนกระทั้งเจ้าตัวแสบทำธุระส่วนตัวเสร็จ..ริทถึงได้เดินหน้ามุ่ยออกมายืนประจันหน้ากับผม "พี่กำลังจะออกไปทำงาน" ผมบอกเขาเสียงเรียบ มองดูคนตัวเล็กกว่าทำท่ากระฟัดกระเฟียดคล้ายลูกแมวกำลังโมโห
"บอกทำไม...ไม่ได้ถาม" แววตากลมโตแดงช้ำ ตวัดมองผมอย่างคาดโทษทั้งๆที่ผมยังไม่ทันทำอะไรให้สักนิด...
"แค่บอกเอาไว้ก่อน...จะกินอะไรก็หาในตู้เย็นเองแล้วกันแต่ถ้าจะออกไปข้างนอกก็พกคีย์การ์ดติดตัวไปด้วย ระบบห้องมันล็อคแบบอัตโนมัติ" ผมยื่นการ์ดสำรองขนาดเล็กเท่ากับนามบัตรให้ริท ก่อนเจ้าตัวจะรับมันไปด้วยความไม่เต็มใจ "นิสัยเปลี่ยนไปนะ ทำไมถึงดื้อได้ขนาดนี้" ผมบ่นเปรยๆ เพราะถ้าเป็นแต่ก่อนริทจะพูดขอบคุณผมทุกครั้งที่ผมให้อะไรกับเขา
"...ใครกันแน่ที่เปลี่ยน?"
"...." ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าของเดินออกจากห้องไป
.
.
ตลอดวันนั้นทั้งวันผมพยายามมกมุ่นอยู่กับงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อปัดเป่าความคิดบ้างอย่างให้ทุเลาลง ผมจัดการเรื่องเอกสารและงานต่างๆของฝ่ายขายจนเสร็จก่อนเที่ยง ตามด้วยการเช็คยอดรายจ่ายที่ฝ่ายบัญชีเอามาให้ตรวจกว่าสิบรายการตลอดช่วงบ่าย...อาจเรียกได้ว่าเป็นวันที่ผมขยันที่สุดในรอบปี...
"ไงเฮีย ทำไมวันนี้กลับช้าจัง?" เก่ง หรือวาโย หลานชายคนเดียวของคุณธนชัย ลูกค้ารายใหญ่ที่ไหว้วานให้ NE Desiag ดูแลเรื่องการสร้างคอนโดและหมู่บ้านของอัศวรุ่งเรืองมามากกว่าสิบโครงการ รวมไปถึงยังฝากฝังให้หลานสาวที่ชื่อเกรซ หรือนวกชมล มาฝึกงานอยู่ในแผนกวิศวะกรรมของบริษัทผม
"ติดงานหน่ะ แล้วเรามารับเกรซหรอ?"
"อือ คนขับรถของน้องไม่ว่าง ผมเองก็ผ่านมาทางนี้พอดีเลยแวะเข้ามารับน้อง" เก่งตอบก่อนจะชูกุญแจรถในมือให้ผมดู "ไหนๆก็เจอกันแล้ว แวะไปกินข้าวเย็นด้วยกันหน่อยไหม?" เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะตอนนี้ผมเองก็ยังไม่อยากกลับห้องสักเท่าไหร่
เราสองคนยืนรอเกรซแสกนนิ้วตรงช่องตอกบัตรเข้า-ออกงานของพนักงานทั่วไป...สำหรับผม เกรซถือได้ว่าเป็นเด็กสมัยใหม่ที่มีคุณภาพสูง เธออายุได้แค่18ปี แต่กลับเลือกเรียนต่อปวช.ด้านวิศะฯที่เธอชอบ เป็นเด็กผู้หญิงที่แกร่งเสียจนพาลอยากจะให้ต้องตาน้องสาวแท้ๆของผมเอาเธอเป็นแบบอย่าง
พอรวมตัวกันครบ พวกเราทั้งสามคนก็ตกลงกันว่าจะไปทานอาหารเย็นที่เซ็ลทรัลขอนแก่น ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตัวบริษัทผมนัก โดยที่เกรซกับเก่งไปรถคันเดียวกัน และผมก็คอยขับเจ้าBMWตามหลังสองคนนั้นไป...ถึงจะอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าคนที่คอนโดจะเป็นยังไงบ้าง แต่ผมก็อยากให้ริทได้นั่งทบทวนกับตัวเองและทำใจให้สบายกับเรื่องต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น มากกว่าจะมายืนตีโพยตีพาย ร้องไห้เป็นเด็กๆเหมือนเมื่อวาน
อย่างน้อยๆช่วงเวลาตลอดทั้งวันที่เขาไม่ได้เจอผม...เขาก็คงจะรู้สึกดีได้มากกว่าที่ผมคิดเอาไว้...
มื้อเย็นที่มีผมเป็นเจ้ามือกับร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังในห้าง เราสามคนนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ยันไปถึงเรื่องฝึกงานของเกรซ และวนกลับเข้าเรื่องเรียนของเก่ง "ถ้าเฮียจำไม่ผิด...เราเรียนแพทย์อยู่ม.ขอนแก่นใช่ไหม?"
"อือ กำลังจะขึ้นปี 4....ทำไมหรอ?"
"ไม่มีไร พอดีคนรู้จักกำลังจะเข้าเรียนปีนี้"
"เด็กเฮียกำลังจะเข้าเรียนคณะผม?" เก่งหลิวตามองผมก่อนจะคีบปลาดิบเข้าปาก
"ไม่ใช่ครับ...ลูกเพื่อนสนิทแม่ แล้วตอนนี้เขาก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดกูด้วย" ผมหันไปตบหัวมันหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ "ลูกชายหนะ"
"อ่อ แล้วจะให้ผมช่วยดูให้ไหม น้องเขาชื่อไรอะ?"
"ชื่อริท...เรืองฤทธิ์" เก่งพยักหน้ารับรู้ พาลให้ผมนึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกเรื่องที่อย่างน้อยๆถ้าไอ้ตัวแสบมันไปก่อเหตุอะไรเข้า ผมจะได้รับรู้และเตรียมแก้ปัญหาได้ทัน...พวกเราคุยต่อกันอีกพักใหญ่ จนเวลาล่วงเลยไปกว่าสองทุ่มครึ่ง ผมจัดการสั่งแซลมอนโรลกลับบ้านสองชุดเพื่อเอาไปฝากริทก่อนจะเช็คบิล และแยกย้ายกับพวกเก่ง
แต่ในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปลานจอดรถ กลับต้องหยุดชะงักเพราะสะดุดตากับใครบางคนเข้าเสียก่อน...
"ริท" ผมครางเรียกชื่อเจ้าของร่างเล็กที่ยืนก้มๆเงยๆอยู่ในร้านหนังสือ ก่อนคนถูกเรียกจะหันหน้ามามองผม...ริทไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่ปลายตามองแล้วหันกลับไปที่ชั้นหนังสือต่อ ปล่อยให้ผมยืนเก้ออยู่ด้านนอก...ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี ระหว่างเลือกที่จะเดินเข้าไปหาริท หรือแกล้งทำเป็นไม่สนใจเหมือนที่ริททำ
....ผมเดาอารมณ์เขาไม่ถูกเลยจริงๆ
พอๆกับที่ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่....
Pig g sasy:
อัพก่อนนอน ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้นอนหรือเปล่า...เพราะเที่ยงนี้ต้องไปมูนสตาร์(กรี๊ดดดด วันนี้ริทมาริทมา!!) เอาเป็นว่าถ้าเจอคำผิดหรือเรียบเรียงแปลกๆก็ทักกันหน่อยเน้อ เนื่องจากเค้ายังไม่ได้นอน(แถมยังง่วงมากๆๆ ;w; )เลยเบลอได้อีก...รู้สึกเหมือนกับว่าละเมอมาอัพฟิคยังไงยังงั้น เอาไว้จะมาอีดิทใหม่ทีหลังก็แล้วกัน....ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ รักคนอ่าน จุบๆ
ปล.ระยะเวลาการอัพฟิคขึ้นอยู่กับกำลังใจ ถ้ากำลังใจมากก็อัพเร็วนะจ้ะ :)
ปล.แอบมาแก้คำผิด พิมผิด/พิมมั่ว/พิมไม่เข้าใจ อ่านแล้วงงเยอะมากTT
ความคิดเห็น