ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YAOI] # 68'NORITz } คลังเก็บ SF Noritz by pigg ♥

    ลำดับตอนที่ #1 : ลำดับตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 56



    Sƒ • เรื่องอารมณ์ดีของภาคิน  { part 1/2 }



             วันนี้ผมอารมณ์ดีครับ




     

             นึ่งคือเพราะวันนี้ผมได้กลับมาเยือนเวทีที่ผมรัก มันเป็นเวทีทรงเกียรติที่ทำให้เด็กบ้านนอกแบบผมได้ขึ้นมายืนอยู่ในจุดนี้...เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ และเป็นที่ที่ทำให้พวกคุณได้รู้จักผม...ผมสาบานกับตัวเองเลยว่า ผมจะจดจำมันไปชั่วชีวิต ว่าที่ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะเวที The star

     

     

    และเหนือสิ่งอื่นใดนั้น เวทีนี้...รายการนี้

     

    เป็นที่ที่ทำให้ผมได้พบกัน เขา

     

     

     

     

     

    อืม...ผมยังไม่ได้บอกพวกคุณใช่ไหมครับ ว่าเหตุผลข้อที่สองที่ทำให้ผมอารมณ์ดีมาจนถึงตอนนี้ได้คืออะไร?

     
     

     

     

     



















     

     

             ณ วัเสาร์ที่ 9 เมษายน 2554   23.12 PM

     

     

     

     

       

     

                 “ง่วงโว้ยยย! ผมยืนบิดขี้เกียจสุดแขนพลางแหกปากโวยวายอยู่หน้าทีวีในสภาพที่ใส่เดฟกับเสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียว...ความจริงคือผมเพิ่งกลับมาจากกองถ่ายเรือนแพได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จะว่าไปวันนี้ก็เลิกกองเร็วนะ เพราะส่วนมากเวลาเลิกกองของผมจะเป็นช่วงตีหนึ่งตีสอง หรือไม่ก็เช้าไปเลย ดังนั้นพอรู้ตัวว่าจะได้กลับบ้านเร็วเป็นวันแรกในรอบหลายวัน ไอ้คนที่มีเวลาพักผ่อนน้อยแบบผมก็วาดโปรเจคไว้ซะดิบดี ว่าจะรีบกลับมาอาบน้ำ รีบกระโดดขึ้นเตียงนอน...หลับซะให้เต็มอิ่ม ลากยาวไปยันเย็นของอีกวันอะไรประมาณนั้น (คือพรุ่งนี้ผมว่างไงครับ มีแค่งานกลับไปเยือนเวทีเดอะสตาร์แค่งานเดียว)

     
     

    แต่ไอ้ความฝันหวานๆของผมก็ดันมาพังทลายเพราะติดปัญหาที่คอนโด...

     



    น้ำแม่ง...เสือกไม่ไหล!

     

     
     

    “ง่วงก็ไปนอนดิ อาบแห้งไงพี่โน่” ไอ้เตี้ยที่นั่งกดคีบอร์ดยิกๆบอกผมเสียงเรียบ ส่วนตากลมๆของมันก็จดจ่ออยู่แต่กับหน้าจอเกมในคอม “เห็นปกติก็ทำออกบ่อย ไว้ค่อยตื่นมาอาบพรุ่งนี้ก็ได้”

     

     

    “ตลกเหอะเตี้ย...เดี๋ยวนี้พี่อาบทุกวันว่ะ เห็นๆกันอยู่” ไม่อยากจะอวดนะครับ แต่โดนพี่ทีมงานบังคับมา เพราะการถ่ายละครเรื่องเรือนแพมันไม่ใช่ง่ายๆ มีฉากที่ผมจำเป็นต้องใช้กำลังทางกายและใจเยอะ ส่งผลให้เหงื่อไหลเป็นก๊อกแตกแทบทุกวัน ดังนั้นถ้าไม่อาบน้ำก่อนนอนทุกครั้งผมมีสิทธิที่จะเน่า หรืออีกนัยน์คืออาจจะเป็นกากเกลื้อนได้...

     

    ก็แหม่...กลิ่นตัวผู้ชายนะครับ รู้ๆกันอยู่ว่าสุดจะทนขนาดไหน

     

     

    “เชื่อก็บ้าแล้ว เมื่อวานก่อนริทยังเห็นพี่โน่นอนทั้งชุดวอมอยู่เลย...เหม็นเปรี้ยวโครต”

     
     

    “อันนั้นพี่แค่นอนกลางวันเว้ย!” วันนั้นเลิกกองเช้า ผมเลยกลับมานอนพักแวบนึงก่อนจะออกไปทำงานต่อตอนเย็น!! จริงๆนะครับ ก่อนนอนผมอาบน้ำทุกคืนจริงๆ อย่าไปเชื่อไอ้เตี้ยมัน! (เริ่มร้อนตัว) “แล้วนี้เมื่อไหร่น้ำจะไหลวะ กูง่วงแล้วนะ

     
     

    “ตอนริทโทรลงไปบอกข้างล่าง เห็นพี่พนักงานแจ้งว่าช่างกำลังดูให้อยู่”

     
     

     

    “แล้วมันไม่ได้บอกหรอว่าอีกกี่นาทีถึงเสร็จ” ผมบ่นอุบอิบด้วยความเซ็ง แผนการที่ฝันไว้ว่าจะอาบน้ำเร็วนอนเร็วเป็นอันจบเห นี้ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงน้ำไม่ไหลผมจะอาบแห้งจริงๆนะครับ!! ง่วงโครต...ว่าแล้วก็เปิดทีวีดูแก้เบื่อระหว่างนั่งนับถอยหลังรอ 30 นาทีสุดท้าย “ห้าทุ่มครึ่ง...มีรายการช่องไหนน่าดูบ้างห่ะเตี้ย?”

     
     

     

    “ไม่รู้ ริทเคยดูที่ไหน..” 

     

     
     

    ผมเมินคำตอบแบบขอไปทีของริท ก่อนจะกดรีโมทเลื่อนช่องทีวีไปเรื่อยๆ จนกระทั้งมาสะดุดตากับรายการของเคเบิ้ลช่องนึงที่กำลังฉายภาพของพระเครื่องหลากหลายแบบ เท่าที่ดูผ่านๆผมเดาว่าเป็นรายการที่บรรยายถึงที่มาของพระเก่าๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผมสนใจไม่ใช่น้อย ดังนั้นรีโมทในมือก็หมดประโยชน์ไปตามระเบียบ

     

    ผมจัดการเอนหลังกอดหมอนอิงตั้งหน้าตั้งตาดูพิธีกรพูดถึงเหรียญพระเกจิที่มีค่าเช่าสูงถึง สามแสนบาท

     

    อะหือ...ราคาสมกับคุณค่าชะมัด

     


    .
    .
    .


    “ดูไรอะพี่โน่ เบาเสียงหน่อยดิ...น่ากลัว” ไอ้เตี้ยตะโกนแข่งกับเสียงทีวี(ปนเสียงเกมจากคอมที่มันกำลังเล่นอยู่) ส่วนผมที่กำลังเคลิ้มกับข้อมูลในทีวีก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียงโวยวายของน้องชายที่บ่นปอดแปดสักนิด...น่ากลัวตรงไหนวะ? พระนะไม่ใช่ผี

     
     

    “พี่โน่ เบาเสียงหน่อย...ริทไม่ชอบ!” ดูเหมือนว่ายิ่งผมไม่สนใจมัน บวกกับการบรรยายประวัติของพระองค์ต่อมาที่สร้างขึ้นจากศพในป่าช้าเจ็ดวัด จะทำให้คนที่ไม่อยากฟังเริ่มสติแตก...ริทเร่งเสียงเกมจากลำโพง แต่ก็นะยิ่งเห็นมันหาทางหนีแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแกล้ง จึงหยิบรีโมทมาเร่งเสียงทีวีแข่งกับมันเช่นกัน

     

     
     

    ...เอาสิเตี้ย ลำโพงใครดังกว่ากันให้มันรู้ไป!

     
     

     

    “พี่โน่!!” ไอ้แสบตะโกนเรียกชื่อผมเสียงแข็ง แข่งกับเสียงทีวีปนเสียงเกม(ที่ดังสู้ทีวีได้ไม่ถึงครึ่ง) ดีนะครับที่กำแพงหนาไม่งั้นข้างห้องคงเจาะผนังมายืนด่าพวกผมยับ ข้อหาทำเรื่องปัญญาอ่อนรบกวนชาวบ้านในยามวิกาล “แกล้งกันหรือไงฮะ!!” พอเปิดเสียงตีกันแบบนี้ผมเลยได้ยินไอ้เตี้ยพูดไม่ค่อยชัด...สุดท้ายผมเลยเลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจมันแทน(กวนตีนเอาโล่)

     
     

     

    “ฮ่วย หูฟังก็เสือกขาด แม่ง.......ไอ้พี่โน่โว้ยยยยยยยย!!

     

    ผมปล่อยให้น้องชายโวยวาย(คนเดียว)อยู่พักใหญ่ มันกดหยุดเกมแล้วลุกมาจากเก้าอี้หน้าคอม มายืนดอมๆมองๆหารีโมทตรงโซฟาที่ผมนั่งอยู่...แต่อย่าหวังว่าจะหาเจอ เพราะอุปกรณ์ที่มันกำลังหานั้นกำลังนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ก้นผม (อุวะฮะฮ่า) ริทยืนตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำไงดี


    ก่อนมันจะเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากรีโมท เป็นการก้าวขาไปเตรียมกดลดเสียงจากตัวเครื่องแทน 
    ความจริงมันเกือบจะทำสำเร็จไปแล้วนะครับ...ถ้าหากไม่ติดว่าในจอทีวีมันอุตส่าห์หาภาพสไลด์ที่เป็นรูปศพในป่าช้าขึ้นมาฉายเป็นพรืด งานนี้เล่นเอาคนไม่กลัวผีอย่างผมยังรู้สึกหลอนเพราะโนเซ็นเซอร์เลย ดังนั้นได้โปรดอย่าถามถึงอาการของไอ้เด็กขี้ตื่นข้างๆว่าจะอยู่ในสภาพไหน


     

     

    “อ๊ากกกก กวบ.ไปมุดหัวอยู่ไหนวะ!!?ริทกระโดดพรวดเดียวมานั่งอยู่ข้างผม ยกมือขึ้นปิดตาเอาหน้าซุกหัวไหล่ผมแบบที่ทำเป็นประจำในเวลาที่พวกเรานั่งดูทีวีแล้วเจอฉากสยองขวัญ มันครางเสียงอือๆไปมาในคอเหมือนจะพยายามทำให้หูอื้อ ไม่ต้องได้ยินเสียงบรรยายชวนขนหัวลุกจากลำโพงทีวี

     
     

     

    เห็นแล้วจะขำก็ขำ จะสงสารก็สงสาร...ถึงผมจะมีความสุขเวลาที่ได้แกล้งให้ริทเป็นทุกข์ แต่ผมก็เป็นห่วงสภาพจิตใจมันนะครับ(หรอ!?) ผมขยับก้นนิดหน่อยเพื่อหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วกดลดเสียงลงก่อนจะยกมือลูบหัวเด็กโข่งที่แทบจะเอาหัวมุดเข้าไปในจั๊กแร้ผม

     
     

    ไหนบอกว่าเหม็นไงวะ ที่งี้หละมาทำเป็นเห็นคุณค่า เชอะ(?)

     
     

     

    “ใจเย็นเตี้ย เบาเสียงให้แล้วไง...หยุดมุดได้แล้ว กูจั๊กจี้” จากที่นั่งลูบเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนเป็นดันหัวมันออกแทน - -* ชักจะมากไปแล้วเตี้ย ผมไม่ได้รังเกียจอะไรมันหรอกนะ แต่เวลาที่มันทำแบบนี้ ไอ้เส้นผมทุยๆของริทมันจะมาถูมาไถอยู่ใกล้ต้นคอที่เป็นจุดอ่อนของผมมากเกินไป...สยิวว่ะ “พอพอ พอ! กลับไปนั่งเล่นเกมไป๊”

     
     

     

    “บ้าเรอะ ใครจะกล้าไปนั่งเล่นคนเดียว...ภาพแม่งติดตาโครต ดูบ้าไรเนี้ยพี่โน่!!”   

     


    “กลัวบ้าไรวะ นั้นก็คนเหมือนกันแค่เขากลับไปอยู่กับธรรมชาติแล้ว”

     
     

    “มันก็เป็นศะ....ศะ...ศพอยู่ดีนั้นแหละ อึ่ยย น่ากลัวอะ” ริทบ่นบ่นบ่นแล้วก็บ่น แต่สุดท้ายมันก็ไม่ยอมกลับไปเล่นคอมอยู่ดี แถมยังแกะเอาหมอนผ้าห่มมาคลุมตัว นั่งเอนหลังพิงไหล่ผมสบายใจเฉิบอีกต่างหาก...ปากอย่างใจอย่างนี้หว่า บอกว่ากลัวแต่สุดท้ายก็อยากดูแหละวะ เห็นเป็นยังงี้ทุกรอบ พอมีคนให้ผมยืมหนังผีมาทีไรไอ้เตี้ยของพวกคุณก็อดไม่ได้ที่จะย้ายตัวเองมานั่งดูกับผมทุกทีไป (ที่สำคัญคือดูเงียบๆแบบคนปกติไม่เป็นด้วยนะครับ ต้องแหกปากโวยวายทำร้ายคนข้างๆตลอด! และคนที่ซวยก็รู้ๆกันอยู่ว่าใคร)

     

     

     

    แต่รอบนี้น่าผิดหวังนิดหน่อย เพราะหลังจากจบประวัติพระที่สร้างมาจากศพเมื่อครู่ พระองค์ต่อๆมาก็เป็นพระที่ปลุกเสกแบบธรรมดา ไม่มีฉากชวนให้ต่อมสยองกระตุกสักฉาก เล่นเอาคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องพระเครื่องแบบริทหาววอดอย่างเบื่อหน่าย ส่วนผมเองก็นั่งดูได้เรื่อยๆไปตามประสาคนที่สนใจ ปล่อยให้น้องชายตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจากท่านั่งพิงเป็นเลื้อนมานอนหนุนตักแทน

     

    ริทนอนเอาผ้าห่มคลุมตัวตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ส่วนหัวมันก็นอนหงายหน้าขึ้นจ้องเพดาน นอนแคะขี้เล็บไปพลาง เกาหัวหาเห็บไปพลาง แคะขี้มูกบ้าง แคะขี้ฟันบ้างของมันไปตามเรื่อง ปล่อยให้ผมนั่งเอกเขนกดูทีวีเงียบๆ (ลืมเรื่องที่รอน้ำไหลไปซะสนิท..เพลินจัดครับ) เวลาผ่านไปเป็นสิบนาที ไอ้เตี้ยที่เหมือนจะเคลิ้มแต่ก็ไม่ยอมหลับเริ่มกระสับกระส่ายอีกครั้ง มันพลิกตัวไปมาคล้ายลูกแมวที่กำลังเลือกท่านอนที่ใช่สำหรับตัวเองไม่มีผิด พาลให้ผมต้องคอยบังคับตัวเองให้นั่งอยู่นิ่งๆเป็นการช่วยมันทางอ้อม

     
     

    เอาเลยเต็มที่ แต่ถ้ารายการจบ น้ำในส้วมไหลเมื่อไหร่ กูจะลุกไปเตรียมตัวนอนทันทีนะเว้ย -.-

     
     

    มันดิ้นยุกยิกอยู่พักใหญ่ จนแล้วจนรอดก็เลือกท่าไม่ได้สักท่า สุดท้ายมันก็เลยนอนหันหลังให้ทีวี ตะแคงหัวเข้าช่วงเอวผม แล้วยกมือจับสร้อยพระที่ผมใส่อยู่แทนซะงั้น “นี้พี่โน่...องค์นี้ป่ะที่แพงๆอ่ะ” ไอ้เตี้ยถามเสียงมึนๆลูบๆคลำๆสร้อยผมเล่นก่อนจะหยุดสายตากลมๆของตัวเองมาจ้องที่ตาผม

     
     

    “หะ?”

     
     

    “ก็ที่พี่โน่ให้สัมภาษณ์ในนิตยาสารไง ริทอ่านเจอมาในพันทิป”

     
     

    “อ่อรู้และ...ว่าแต่เตี้ยจะอยากรู้ไปทำไมหละครับ?”

     
     

     

     “ก็จะได้แอบลักตอนพี่โน่หลับมั่ง เหอะ! ถามไม่ได้หรือไง ก็ริทจำไม่ได้ว่าตะกรุดหรือว่าสร้อยอ่ะ” ไอ้แสบบอกเสียงอุบอิบ เล่นเอาผมขำเพราะดูก็รู้ว่าประโยคแรกที่มันพูดแฝงความงอนลงไปในน้ำเสียงด้วยไม่ใช่น้อย คงนึกโมโหอยู่หน่อยๆหละสิที่โดนผมย้อนว่าถามทำไมใส่

     
     

     

    “งั้นยิ่งไม่น่าบอกเข้าไปใหญ่ กลัวโดนคนลักหลับ

     
     

     

    “ลักพระตอนหลับเหอะ ไม่ใช่ ลักหลับ” ไอ้แสบบู้ปากขยาดความคำพูดกำกวมที่ผมพูดออกไปเมื่อครู่ “ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้จะทำจริงสักหน่อย ไม่เชื่อใจริทหรือไง นี้น้องพี่นะเว้ยไม่ใช่โจรใต้ ริทถือคติไม่ขโมยของใคร...มันบาป!

     
     

     

    “หรอออ~ งั้นไหนลองเดาดิเตี้ยว่าตะกรุดหรือสร้อย”

     
     

    “เดาถูกแล้วได้ไรอ่ะ?” แหน่ะมีต่อรองอีก

     
     

    “เอ่อ ถ้าเดาถูกจะเคลียร์คิวงานหาวันว่างพาไปซื้อเกมใหม่ที่มาบุญครองดีไหม?”

     
     

     

    “ไม่ดี...ปกติก็ไปกับไอ้เนียร์ไม่ก็พี่รุจ ข้อนี้ไม่น่าสนอ่ะ ขอผ่าน” ใช่สิครับ! เดี๋ยวนี้คุยกันถูกคอทั้งกับรุ่นพี่คนโปรดของมัน แล้วก็น้องชายคนใหม่ที่บ้าเกมพอกันทั้งก๊วน ว่างเป็นไม่ได้ต้องพากันหนีบคอไปทัวร์ที่ร้านขายเกมตลอด ยิ่งช่วงที่จูเนียร์ออกมาจากบ้านมาใหม่ๆ พวกเด็กโข่ง3คนนั่งเล่นเกมกันจนฟ้าเหลือง(?) พาลเอาพี่แนนของไอ้ริทเกือบแหกอกมันออกเป็นชิ้นๆ เพราะไอ้แสบไม่ยอมหลับยอมนอน...แถมยังสิวขึ้นหน้า ขอบตาดำคลำ กว่าจะช่วยกันโมดิฟาย(?)ให้กลับสู่ความเป็นไอดอลได้ เล่นเอาทีมงานหอบแดกไปหลายต่อหลายคน

     
     

     

     “งั้นเลี้ยงข้าวเย็น 1 มื้อ?”

     
     

    “....” พอผมเสนอจบคนฟังก็นอนคิดอยู่แวบนึง ก่อนจะตอบว่า “ถ้าไม่ใช่หมูกระเทียมที่ทองหล่อ ริทไม่กินนะ”

     

     

    “เออ ร้านเดิมเมนูเดิมกินได้ไม่อั้น...ตกลงไหม?”

     

     

     

    “ตกลง” มันยิ้มกว้างปากแทบจะฉีกถึงรูหู ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแทน...ว่าแต่ทำไมผมต้องง้อให้มันเล่นเกมปัญญาอ่อนที่ผมมีแต่เสียกับเสียด้วยวะ!? “ขยับตัวดิ๊พี่โน่ ริทจะดูสร้อยชัดๆ” ไอ้แสบสั่งเสียงเข้ม ผมเองก็แค่ขยับตูดนิดหน่อยให้นั่งในท่าที่ริทมองสร้อยได้ถนัดขึ้น (ไม่รู้ว่ามันจะดูไปทำไม หลังสร้อยพระผมไม่มีป้ายติดราคาบอกหรอกนะครับ) มันจับๆลูบๆคลำๆอยู่พักใหญ่ ผมเองก็นั่งตาค้างอยู่กับจอทีวีไปตามเรื่อง ปล่อยให้ไอ้แสบดูจนหน่ำใจ...มันเองก็ซูมหน้าเข้ามาใกล้กับองค์พระของผม ใกล้จนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของที่เป่ารดต้นคอ

     


     

    แปลก...ชะมัด

     
    ทั้งๆที่ตาจ้องทีวีอยู่ หูก็สนใจในเนื้อหาที่พิธีกรพูด...แต่ทำไมความรู้สึกที่มันรับรู้ได้ดีต้องเป็นส่วนที่โดนริทลวนลามด้วยการหายใจใส่ด้วยวะ!!

     


     

    “ดูเสร็จยัง” ผมกลั้นใจถามนักสำรวจที่พาลทำให้หัวใจผมเต้นผิดสเต็ปเบาๆ ตอนนี้นอกจากลมหายใจแล้วกลิ่นแชมพูอ่อนๆจากเส้นผมของมันที่คลอเคลียอยู่ใต้คาง ก็ลอยมาปะทะจมูกผมในแบบที่เรียกได้ว่าระยะประชิด...อา....นี้กูยังไม่ได้เคลิ้มใช่ไหม!? สติ สติ สติ สติ จูนด่วน!!

     
     

    “เออ เสร็จแล้ว...ไหนขอดูตะกรุดหน่อยดิ๊”

     
     

     

    ผมที่กำลังจะบอกว่า รอเดี๋ยว เดี๋ยวกูถอดออกมาให้ดูก็เป็นอันจบเห เมื่อไอ้คนใจร้อนกว่าผละตัวออกแล้วนั่งคร่อมหัวลงมาที่...เอ่อ...ตรงนั้น....ตรงเอวช่วงล่างของผม ด้วยท่าทางที่ต่อให้เด็กเอ๋อมาเห็นก็ไม่มีทางมองในแหง่ดีได้แน่...ฉากนี้แม่งติดเรท!! ยังกับหนังเอวีที่ไอ้กันเก็บสะสมในมือถือชะมัด!! (อย่าให้เผานะครับ รายนั้นแม่งโหลดมานั่งดูจนฟ้าเหลืองของจริง!)

     
     

    “ริท...พี่ว่า.....”

     
     

    “ตะกรุดมันเลอะหรอเฮีย ทำไมตรงนี้มันดำๆอะ ดูดิเลอะติดนิ้วริทเลย”  แววตากลมๆที่ช้อนขึ้นมามองหน้าผมด้วยความสงสัย พาลให้หัวใจที่ว่าเมื่อครู่เต้นแรงแล้วกลับแรงกว่าเดิมอีกเท่าตัว...ยะ...ยั่ว....มาก ไอ้เตี้ย...เป็นแค่ไอ้เตี้ยแท้ๆ! “ให้เช็ดออกให้ไหมอะ” มันพูดจบก็ลงมือลูบแท่ง(ตะกรุดครับตะกรุด)เบาๆ ปล่อยให้ผมนั่งกัดฟัน ขบกรามตัวเองแน่น (แล้วเมื่อกี้มึงจะถามกูทำไมวะ!!)



    ท่าส่อ กิริยาส่อ....มือขาวๆ อ่า...เชี้ยโน่
    หยุดคิดด่วน!!

     
     

    “....”

     
     

    ความจริงที่อารมณ์ผมกระเจิดกระเจิงขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ได้คุยกับไอ้กันบ่อยๆ เลยทำให้ผมพลอยอดอัพเดตคลิปใหม่ๆจากมันไปด้วย บวกกับผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง...กิจกรรมบางอย่างที่ลูกผู้ชายแมนๆทุกคนจำเป็นต้องทำ ก็เลยหดหายไปอีก ทำให้ช่วงนี้ผมค่อยข้างเก็บกดพอตัว ว่าจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวเงียบๆในห้องน้ำมันก็ไม่มีแรงจูงใจ อาจเป็นเพราะผมเหนื่อยจากงานเกือบทุกวัน

     
     

    ...เข้าใจผมใช่ไหมครับคุณแฟนคลับ ว่าชีวิตผมมันอดสูขนาดไหน

     
     

    ดังนั้นผมจะขอบคุณมากถ้าพวกคุณช่วยเข้าใจผมอีกสักนิด ว่าด้วยความที่ผมเป็นมนุษย์ผู้ชาย(ที่เก็บกดมานานนับเดือน) พอต้องมาเจอกับอะไรที่กระตุ้นต่อมจิตใต้สำนึกด้านมืด อารมณ์บางอย่างที่ปิดกั้นไว้จึงบังเกิด ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องน่แปลกนะครับถ้าผมจะ...รู้สึกแบบนี้...กับน้องชายตัวเอง...

     


    .


    .


     

    .
     

    .
     

    .
     

    .

    .

    .


    .











     

    บ้าแล้ว!!

     

    ไม่แปลกที่ไหนหละเห้ย!!

     

     

     

    เหี้ยแล้ว กูเป็นเหี้ยอะไรเนี้ย!! ผมนั่งทึงหัวเรียกสติตัวเองให้กลับมาก่อนจะหลับตาหลบภาพของไอ้เตี้ยที่กำลังตั้งอกตั้งใจลูบๆถูกๆตะกรุดของผมแถวๆ...เอ่อ...เป้า...กางเกง....เหี้ยโน่ ริทมันเป็นน้องมึงนะเว้ย มันเป็นแค่ไอ้เตี้ยน้องชายคนสนิทของมึง ถึงมันจะขาวไป(ไม่)หน่อย ถึงมันจะตัวเล็กเหมือนเด็กน้อย แถมยังปล่อยกลิ่นหอมๆน่ากอด ที่สำคัญยังปากกับแก้มยังแดงเหมือนวัยรุ่นแตกเนื้อสาว ผิวก็เนียนนุ่มนิ่มน่าฟัดมีน้ำมีนวล...ไหนจะเอวบางๆที่ชวนให้จับกับขาเล็กๆ บวกด้วยน้ำเสียงหวานๆนั้นอีก

     
     

     

    น่ารัก น่ารัก...น่ารักเกินไปไหม!!

     

     
     

    กูจะไม่ไหวแล้วนะเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

     

     











     

    .

    .

     

     

    “พี่โน่”

     

     

     

     

    “....”

     

     

     

    “ทำไม....มัน ตั้งอ่ะ”

     

    .

    .

     

     

     



     

     

     

    ขอโทษว่ะริท...ไม่ไหวแล้วของจริง ถึงจะตกนรกกูก็ยอม!!














     

    #to be continue


     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×