คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลำดับตอนที่ 2
จุดเริ่มต้น
ผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องพัก มองเจ้าของร่างเล็กที่ไม่ได้โตขึ้นไปจากแต่ก่อนสักเท่าไหร่นัก เขายืนอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวล้วนกับกางเกงขาสามส่วนที่เจ้าตัวชอบใส่เป็นประจำ มือสองข้างประคองกล่องลังกระดาษที่หอบมาไว้ไม่ให้ล้ม ก่อนจะเหงยหน้าขึ้นมาสบตาผมพร้อมส่งเสียงจิ๊จ๊ะในคอ
"...." ผมเลือกที่จะยืนเงียบ มองดูการกระทำของเขาอย่างนิ่งๆ โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ...แม้แต่การเอ่ยคำทักทาย
จนกระทั้งฝ่ายตรงข้ามหมดความอดทน ริทโยนกล่องอะไรสักอย่างในมือลงบนพื้นแล้วตวัดตามองหน้าผมด้วยอารมณ์ที่คล้ายคนกำลังหงุดหงิด "มองอยู่ได้! ไม่คิดจะช่วยขนของเข้าห้องหรือไง!?" น้ำเสียงหวานตวาดลั่น ก่อนเจ้าตัวจะกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
"ก็เห็นไม่ทักไม่ทาย เลยนึกว่าเราไม่รู้จักกัน" ผมบอกเขาเสียงเรียบ เพราะตอนที่พี่เล้งโทรมาบอกว่ากำลังพาริทมาส่ง ผมเองก็เตรียมห้อง รวมไปถึงการแจ้งเรื่องบอกกับพนักงานของทางคอนโดไว้แล้ว ว่าให้ช่วยเอารถเข็นลงไปรับของของริทขึ้นมาที่ห้องพักผม
แต่พอเจ้าตัวมาถึงหน้าห้อง กดออดเรียกให้ผมเดินมาเปิดประตู....เขากลับไม่พูดไม่จา ไม่มีแม้แต่จะเอ่ยคำว่าสวัสดี
ริทเอาแต่ยืนจ้องหน้าผม...แถมไอ้ที่จ้องยังมองเหมือนกับว่าผมไปฆ่าใครตายมายังไงยังงั้น
"ทักทายเหี้ยไรอีก!?"
"....." หรือบางทีผมควรจะเป็นฝ่ายทำใจ ที่ดันใจอ่อนยอมรับข้อเสนอของน้าลำไย เพื่อนสนิทแม่...หลังจากที่โดนแกไหว้วานแกมขอร้องให้ผมรับริทมาดูแลในช่วงที่เขายังไม่ชินกับมหาลัยใหม่ "อย่าพูดคำหยาบกับพี่" ผมเตือนริทเสียงเข้ม
"กูจะพูด....มึงจะทำไม?" แต่ริทก็ยังคงเป็นริทคนเดิม...ที่ดื้อรั้นไม่เคยเปลี่ยน
"งั้นก็นอนนอกห้องไปแล้วก็กัน" พูดจบผมก็ดันปิดบานประตู ปล่อยให้ริทยืนตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่นอกห้อง ตามมาด้วยเสียงทุบประตูปึงปัง ที่คาดว่าคงไม่ได้ใช้มือทุบ...
ตามจริงผมเองก็พอจะเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เรื่องระหว่างเรากลายเป็นแบบนี้...เพียงแต่ผมคิดว่า ต่างฝ่ายต่างก็โตพอที่จะรู้เรื่องกันได้แล้ว และริทเองก็ควรที่จะยอมรับให้ได้สักที ว่าเรื่องบางอย่างมันก็ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น เหมือนกับที่ผมทำใจยอมรับในความเป็นไปไม่ได้ของมันมาโดยตลอด
ผมเข้าใจนะว่าริทรู้สึกยังไง....เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากริทเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่ผมสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้มากกว่าริท...มันก็เท่านั้นเอง
.
.
ผมปล่อยให้ริทยืนโวยวายอยู่ด้านนอกพักใหญ่ ด้วยความหวังว่าเขาจะทำใจให้สงบลงได้บ้าง ผมรอ...รอจนกระทั้งเสียงตะโกนและเสียงทุบประตูเงียบหายไป จึงหันหลังเดินกลับไปเปิดบานประตูหน้าห้องอีกครั้ง
...เพื่อมองหน้าเด็กดื้อที่กำลังยืนปาดน้ำตาอยู่เงียบๆ
ริทไม่พูดไม่จา แถมยังนิ่งเสียจนผมเริ่มใจเสีย...
"จะเข้าห้องไหม?"ห้ามใจอ่อน...นี้คิดสิ่งที่ผมกำลังพร่ำบอกกับตัวเองเสมอ เพื่อเตือนสติย้ำไม่ให้ผมเผลอดึงริทเข้ามากอดเหมือนที่เคยทำในสมัยก่อน เวลาที่เห็นริทร้องไห้ "ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้พี่ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า" อาจจะดูเหมือนผมเป็นคนใจร้าย แต่ทั้งหมดที่ผมทำลงไป
...ก็เพื่อตัวริททั้งนั้น
"....." เมื่อเจ้าตัวเล็กไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ผมจึงเลือกที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบโตของเขาเข้ามาในห้อง พร้อมกับช่วยยกกล่องกระดาษขนาดใหญ่อีก 3 ลังมาวางพิงกันไว้หลังประตู ข้างๆกับชั้นวางรองเท้าแทน
ส่วนตัวเจ้าของมันกลับยืนนิ่งไม่แม้แต่จะเหงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมสักนิด...
"จะเข้าห้องไหม?" ผมถามย้ำคำถามเดิมที่เคยถามไปก่อนหน้านี้อีกครั้ง แต่ริทก็ยังคงใช้ความเงียบเป็นคำตอบให้กับผมเหมือนในครั้งแรก...ถ้าเลือกได้ผมอยากจะเลือกให้ตัวเองใจแข็งมากว่านี้ จะได้ไม่ต้องรู้สึกทรมาณเวลาได้ยินเสียงสะอื้นของริท "พี่ไม่มีเวลามาคอยดูแลริทตลอดหรอกนะ"
"...."
" โตๆกันแล้ว...หวังว่าริทจะเข้าใจ"
"....."
"....."
"....รู้"
"...."
"รู้แล้ว..." ไหล่บอบบางสั่นเทา ก่อนเจ้าตัวจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา "...ริทก็ไม่เคยขอให้ใครมาดูแลริทเหมือนกัน" พูดจบเขาก็สาวเท้าเดินเข้ามาในห้อง เสียงสะอื้นฮักที่เจ้าตัวฝืนกลืนลงคอยังคงดังลอดออกมาให้ผมได้ยินเป็นระยะ ริทหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางแอบอยู่ข้างๆขึ้นมา ก่อนจะกวาดดวงตาที่แดงช้ำมองไปรอบๆห้องผม
"...ห้องนอนพี่อยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นห้องของริท" ผมบอกเขาเสียงเรียบ "ถึงมันจะเป็นห้องชุด แต่มีห้องน้ำแค่ห้องเดียวอยู่ในห้องนอนพี่ ถ้าริทจะใช้ก็เดินเข้ามาได้เลย...พี่ไม่ได้ล็อคห้อง" ตามจริงห้องพักของผมมันเป็นห้องชุดที่เหมือนกับคอนโดทั่วๆไป มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ตรงกลางก็เป็นห้องนั่งเล่น และมีห้องเก็บของขนาดใหญ่ประมาณครึ่งนึงของห้องนอนตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งห้องเก็บของที่ว่าก็ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องพักใหม่ของริท โดยที่มีน้าลำไยเป็นคนจัดการเรื่องเตียงนอน โต๊ะเขียนนั่งสือกับพวกเฟอร์นิเจอร์อื่นๆให้
"ส่วนห้องครัวอยู่ด้านหน้า ถ้าจะทำอะไรกินก็ล้างให้เรียบร้อยด้วย...หรือไม่ก็อุ่นอาหารแช่แข็งในตู้เย็นเอา พี่ซื้อติดไว้ตลอด"
"..."
"แล้วก็ก่อนเดินเข้าห้องให้ถอดรองเท้าเก็บเข้าชั้น เปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ให้เรียบร้อยด้วยนะ...ที่ห้องพี่แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง ส่วนพวกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็เอามาเก็บไว้ในตระกร้าหน้าห้องน้ำซะ พี่จะเอาลงไปส่งซักรีดด้านล่างทุกๆ 5 วัน" ผมบอกกฎการใช้ชีวิตร่วมกันให้ริทฟังแบบผ่านๆ "และถ้าเป็นไปได้...หลัง 5 ทุ่มอย่าส่งเสียงดัง มันเป็นเวลาพักผ่อนของพี่"
"....." ริทไม่ตอบอะไรผมสักอย่าง ไม่มีแม้แต่การพยักหน้ารับรู้
เขาหยิบกระเป๋าลากของตัวเองเดินตรงเข้าไปในห้องนอนใหม่ของเขา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังลั่นห้อง
.
.
.
บางทีริทอาจจะยังไม่พร้อม...กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่
...ที่มีผมเข้าไปเกี่ยวข้อง
Pig g sasy:
ไม่ได้เขียนเรื่องของโน่ริทซะนาน รู้สึกว่าบรรยายการเรียกแทนตัวของทั้งคู่ไม่คอยจะถูก...ถ้าถามว่าฟิคเรื่องนี้ดราม่าไหม? เก๊าบอกได้คำเดียวเลยว่า "ไม่" แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลามากพอตัว ที่จะให้พี่น้องคู่นี้เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง เพราะงั้นเลยเป็นที่มาของชื่อเรื่อง "แกะกล่องความลับ...ของหัวใจ" ...แต่ให้ตายเถอะ เชื่อไหมว่าชื่อเรื่องนี้ เก๊าใช้แต่งฟิคมาหลายเรื่องมาก(ทั้งโน่ฮิ / โน่ริท แต่แม่มไม่จบเลยสักเรื่อง *หัวเราะ*
เพราะงั้นถ้าอยากให้เรื่องนี้จบก็อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เก๊าด้วยน้า ?
(ถ้ายอดเม้นท์ไม่บาลานซ์กับยอดคนอ่านนะ...ฮึม! แม่จะดองให้ไหแตกเลย55)
ความคิดเห็น