คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : between us - 1
Between us
ระหว่างเรา
การแอบรักไม่ใช่เรื่องเสียหาย... แต่ถ้าคนที่คุณแอบรักคือเพื่อนสนิท
...คุณกล้าบอกเขาไหมว่าคุณ...แอบรักเขา...
‘เก่งเหมือนกันนี่ มาได้ไม่หลงด้วย’ เสียงซองมินเอ่ยทัก หลังจากที่ยืนรอคนที่กลัวหลงทางจนขึ้นสมอง จริงๆแล้วฮยอกแจโทรหาคยูฮยอนทุกห้านาทีเลยก็ว่าได้..ก็คนมันกลัวหลงนี่
‘อีฮยอกแจซะอย่าง!’ ยักคิ้วโชว์พาวก่อนจะเดินไปกระโดดกอดคอทงเฮที่เดินนำอยู่ด้านหน้า โดยมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่
‘เล่นอะไรเป็นเด็กๆกลางห้างนี่ไม่ได้อายคนอื่นเลยนะมึง’ ร่างโปร่งผลักหัวเพื่อนสนิทอย่างหมั่นไส้
‘ก็คยูฮยอนมันดุกูอ่ะ แค่โทรถามทางมานิดหน่อยก็บ่นกูซะ’ ฮยอกแจทำปากยู่อย่างที่เจ้าตัวชอบทำเวลาถูกเพื่อนในกลุ่มขัดใจ และนั่นก็ทำให้ทงเฮรู้ว่าที่ฮยอกแจเดินเลี่ยงคยูฮยอนมากระโดดกอดคอเขาก็คงเพราะเคืองที่ถูกดุนั่นเอง ทงเฮส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของร่างบางที่เดินอยู่ข้างเขา
คนถูกเคืองอย่างคยูฮยอนก็รู้ดีกับพฤติกรรมของฮยอกแจ แต่มันก็สมควรให้บ่นมั้ยล่ะเล่นโทรหาเขาตั้งแต่รอรถ
‘กูต้องนั่งสายไรนะ?’ คำถามนี้เขาได้ยินมาไม่ต่ำกว่าห้ารอบ
‘อีกกี่ป้ายกูจะถึงวะ นั่งตูดบานละเนี่ย’ บ่นใส่เขาตลอดทาง พอจะวางก็หาว่าทิ้งให้เพื่อนเผชิญกับเส้นทางที่ไม่รู้จัก แต่พอถามว่าอยู่ตรงไหนแล้วจะได้กะระยะทางถูก เพื่อนจอมเอ๋อก็ตอบได้แค่
‘กูไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไรอ่ะ อยู่บนถนนสี่เลนข้างๆมีปั้มน้ำมัน’ แล้วในเกาหลีถนนสี่เลนที่มีปั้มน้ำมันข้างทางมีที่เดียวซะที่ไหนละ
เฮ้อ.... ได้แต่ถอนหายใจกับความบื้อของร่างบาง แต่ก็ต้องยอมคุยไปบ่นไปจนเจ้าตัวมาถึงที่หมายได้โดยสวัสดิภาพนั่นแหละถึงจะวางได้
‘ขี้งอนเป็นเด็กไปได้ มึงก็รู้ว่ามันก็บ่นไปงั้นแหละหน่า’ ทงเฮว่าพลางเอามือไปขยี้หัวฮยอกแจ
‘ไม่ต้องแก้ต่างให้มันเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าติวหนังสือนะกูนั่งแท๊กซี่กลับบ้านไปแล้ว’ เดินไปบ่นไปจนมาถึงร้านกาแฟที่ตกลงกันไว้ว่าจะมาอาศัยนั่งติวกันที่นี่ เพราะบรรยากาศที่สงบและรสชาติโกโก้แสนอร่อยที่ซองมินสปอยให้เขาฟัง
พลั่ก!
‘โอ้ย เจ็บนะเว่ย! ตบหัวกูทำไมเนี่ยไอคยูฮยอน’ ฮยอกแจหันไปถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเอาเรื่อง คนจะเดินมานั่งอยู่ดีๆก็โดนตบหัวเกือบทิ่มซะงั้น
‘หมั่นไส้ ทำมาเป็นงอนไม่คุยกับกู โดนแค่นี้ยังน้อยไป’ ชี้แจงเหตุผลก่อนจะเลือกนั่งข้างคนที่พึ่งทำร้ายร่างกายไปเมื่อกี้
นี่กูไม่มีสิทธิงอนมึงเลยหรือไงวะหะ!
ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจถ้าพูดออกไปคงโดนตบรอบที่สอง ซองมินเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขาตามด้วยดงเฮที่นั่งตรงข้ามคยูฮยอน ส่วนกีกวังกับอีจุนก็แยกกันนั่งหัวโต๊ะทั้งสองฝั่งก่อนจะเริ่มติวกันอย่างจริงจัง
.
.
สี่ชั่วโมงผ่านไป
‘เฮ้อ.... เหนื่อยชิบเลย นี่ขนาดนั่งเฉยๆฟังไอคยูพูดนะเนี่ย เล่นบอลยังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย’ อีจุนบ่นพร้อมเอาหน้าฟุบกับโต๊ะ
‘นั่นดิ เค้กสองชิ้นไม่ได้ช่วยให้กูรู้สึกดีขึ้นมาเลย’ ซองมินว่าก่อนจะตักเค้กชิ้นที่สามเข้าปาก
‘กินขนาดนี้แล้วมึงก็มาบ่นว่าอ้วน สมควรอยู่หรอกไอป้อมเอ้ย’ ทงเฮที่นั่งข้างๆด่าพร้อมเอาปากกาในมือเขกหัวซองมิน
‘มึงก็สูงไม่ได้ต่างจากกูมากเลยนะครับคุณทงเฮ’ หันมาว่าแต่มือก็ยังตักเค้กกิน เรียกเสียงหัวเราะได้จากทั้งกลุ่มกับสายตาคาดโทษจากทงเฮ
‘กูว่าพอแค่นี้แหละ กูอยากกลับบ้านละติวไปก็ไม่เข้าหัวกูหรอก’ ฮยอกแจสะบัดหัวไล่อาการมึนไปสองสามที ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยจริงจังกับการติวสอบขนาดนี้ แต่เพราะชีวิตที่โตขึ้นการเรียนที่ยากขึ้นตามไปด้วยเป็นตัวบังคับให้เขาต้องขยันมากกว่าเดิม โชคดีที่เพื่อนกลุ่มนี้ของเขาไม่ใช่เด็กเกเรวันๆเอาแต่โดดเรียน ถึงแม้จะไม่เรียบร้อยจนถูกใจอาจารย์แต่พวกเขาก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง
‘อือ งั้นกลับกันเลยละกัน’ คยูฮยอนกล่าวสรุป
เด็กหนุ่มหกคนที่กำลังยืนรอรถเมล์อยู่หน้าห้าง ถึงแม้แต่ละคนจะมีพื้นฐานะที่ไม่ได้แย่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยล่ะ แต่พวกเขาก็ยังชอบที่จะโดยสารรถสาธารณะแทนการนั่งรถยนต์คันหรูและนี่ก็คงเป็นความบังเอิญที่พวกเขาชอบเหมือนกัน
‘เดี๋ยวป๊ากูจะมารับว่ะ วันนี้ต้องไปซื้อของขวัญให้แม่อ่ะกลับด้วยกันปะคยูฮยอน’ ซองมินหันมาถามเพื่อนร่างสูงเพราะบ้านคยูฮยอนอยู่แถวบ้านเขาถึงก่อนแค่ไม่กี่ซอย
‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับอีกทางต้องพาไอเอ๋อนี่กลับไปรถไฟใต้ดินน่ะ’ ตวัดสายตามาทางฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างตัว
‘จริงๆเดี๋ยวกูไปส่งก็ได้นะ มึงจะได้ไม่เสียเวลาแถมเปลืองค่ารถน่ะ’ ทงเฮเอ่ยขึ้นมา
‘แต่บ้านมึงมันคนละทิศกับทางที่ฮยอกแจมันจะกลับเลยนะไอทงเฮ’ กีกวังถามด้วยความงง
‘เอ่อ.. ก็ไม่อยากให้ไอคยูฮยอนมันเปลืองเงินค่ารถไปมาไง’ อธิบายพลางเอามือเกาหัว ท่าทางของทงเฮเพื่อนสนิทอย่างซองมินรู้ดีว่าเจ้าตัวกำลังเขิน แต่เขินอะไรนั้นเขาก็ได้แต่คิดในใจ...
‘ไม่เป็นไรหรอก ทางนั้นกูก็กลับได้ พวกมึงสามคนน่ะกลับได้แล้วฝนจะตกละ’ คยูฮยอนสรุปพลางตบบ่าอีจุน
‘อือๆ งั้นพวกกูกลับก่อนละกัน หลงทางก็โทรมานะฮยอกแจ’ ทงเฮแกล้งแหย่
‘หลงก็แย่ละ มึงรีบกลับไปเลยไป’ โบกมือไล่ไอเพื่อนตัวแสบที่พูดเหมือนแช่งเขา
อีจุน กีกวัง และทงเฮแยกเดินออกมาขึ้นรถเมล์ที่จอดพอดี สามคนนี้บ้านอยู่ละแวกเดียวกันเลยไปกลับด้วยกันประจำไม่ว่าจะไปไหน เหลือก็แต่ซองมินที่มองส่งเพื่อนสามคน
‘ป๊ากูมาละ ไปก่อนนะมึงมีไรก็โทรมา’ ยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือลาพร้อมวิ่งไปขึ้นรถคันหรูที่จอดรอ
‘มึงพากูกลับถูกแน่นะไอคยู’ หันมาถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างตัว
‘เออหน่า เชื่อกูดิวะ’ ว่าพลางเดินนำร่างบางขึ้นรถเมล์สายที่เจ้าตัวรอ
เพราะบ้านคยูฮยอนถึงก่อนป้ายที่ฮยอกแจต้องลงร่างสูงเลยลงไปก่อน แต่ก็ย้ำร่างบางอยู่หลายครั้งว่าต้องลงป้ายไหน ต้องสังเกตอะไร ฟ้าที่มืดและเส้นทางที่ไม่คุ้นเลยทำให้ฮยอกแจแอบกังวลอยู่เหมือนกัน และยิ่งกังวลมากยิ่งขึ้นเมื่อถึงป้ายนึงแล้วผู้โดยสารที่มากับเขาเดินลงไปกันหมด เหลือก็แต่เขาคนเดียวกับลุงคนขับนั่นแหละ ฮยอกแจสะดุ้งเมื่อลุงคนขับกลับรถ
เหวแล้วไง!
ร่างบางได้แต่คิดในใจก่อนจะนัดสินใจถามลุงคนขับเสียงหวาดๆ
‘ลุงครับ สถานนีรถไฟใต้ดินไปทางนี้หรอครับ’ ลุงคนขับหันมามองด้วยสายตาแปลกใจ
‘รถสายนี้ไม่ผ่านหรอกนะ แต่ถ้าจะไปก็ลงฝั่งนี้แล้วข้ามถนนไปขึ้นรถฝั่งนู้นเอา’ ลุงคนขับจอดรถหลังจากบอกสายรถที่ฮยอกแจต้องนั่งต่อไป ฟ้าที่มืดเหมือนฝนจะตกกับเส้นทางที่เขาไม่รู้ว่าอยู่มุมใดของเกาหลีแล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย รถไฟใต้ดินเป็นที่พึ่งเดียวของเขานะ..
ไอคยูฮยอน! ไหนบอกว่าถึงชัวร์ไงวะ
หลังจากเดินข้ามถนนมาและยืนรอรถสายที่ลุงแกบอกมายี่สิบนาทีก็ยังไม่มี แท็กซี่สักคันก็ไม่ผ่าน โทรศัพท์ก็ดันแบตหมด ร้านค้าอะไรก็ไม่มี สาบานเถอะว่านี่คือกรุงโซลเมืองหลวงของประเทศเขาน่ะ ร่างบางเริ่มยืนไม่ติดมองซ้ายขวาก็เห็นสิ่งที่พอจะช่วยชีวิตเขาได้
ตู้โทรศัพท์
โชคยังดีที่มีเศษเหรียญติดตัวอยู่บ้างฮยอกแจเลยตัดสินใจโทรหาคนที่น่าจะช่วยเขาได้บ้าง
‘ยอโบเซโย’ เสียงเข้มที่รับโทรศัพท์ทำให้ร่างบางใจชื้นขึ้นมาบ้าง
‘คยูฮยอนกูเองนะ ฮยอกแจ’ ฮยอกแจรู้ว่าคยูฮยอนคงประหลาดใจแน่เพราะมันเป็นเบอร์สาธารณะ
‘เป็นไรมึง แล้วทำไมใช้เบอร์สาธารณะโทรมา’
‘มึง กูกลับไม่ถูกอะ แบตโทรศัพท์ก็หมด ลุงคนขับเขาบอกว่ารถสายนั้นไม่ผ่าน ถนนแถวนี้ก็ไม่มีแท็กซี่เลยกูจะทำไงดีอะมึง’ ถามอย่างรนราน
คยูฮยอนกุมขมับฟังจากเสียงก็รู้ว่าฮยอกแจคงกลัวอยู่แน่ๆ ไอนี่มันกลัวความมืดอย่างกับอะไรดีแถมสัญญากับแม่ไว้ว่าจะไม่กลับดึกคงกลัวโดนแม่ว่า
‘มึงอยู่ตรงไหน?’
‘ถ้ากูรู้แล้วจะเรียกว่าหลงหรอ!’ ตอบเสียงห้วน รู้สึกเริ่มกลัวกับความมืดที่เริ่มปกคลุม
‘แล้วแถวนั้นมีอะไรที่สังเกตได้บ้าง ปั้มน้ำมันหรือร้านค้าอะไรก็ได้’ ถามอย่างใจเย็นเพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดี
‘เอ่อ... มันมีธนาคารอ่ะมึง ตรงข้ามมีโบสถ์แต่กูมองไม่เห็นชื่ออ่ะต้นไม้มันบัง’ พยายามสงบสติก่อนอธิบายสิ่งรอบตัวที่พอสังเกตได้
คยูฮยอนพยายามใช้ความคิดว่าฮยอกแจอยู่ส่วนไหนของกรุงโซล ไอสิ่งที่ได้ฟังมามันอาจจะแถวๆนี้
‘กูโดนแม่ดุแน่เลยมึง นี่หกโมงกว่าแล้วอ่ะแล้วมันก็มืดด้วยทำไงดีวะ’ ฮยอกแจพูดเสียงสั่น วันนี้นัดกับแม่ว่าจะไปซื้อของด้วยกันนี่ก็จะถึงเวลานัดแล้ว แต่เขายังอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้เลย
‘ไอเชี่ยมึงร้องไห้ป่ะเนี่ย? ใจเย็นๆเดี๋ยวกูนั่งแท็กซี่ออกไปหา รออยู่ตรงนั้นก่อนนะ’ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ฮยอกแจก็ไม่ใช่คนเข้มแข็งมากมาย กลัวผี กลัวความมืด กลัวแม่ดุ กลัวพ่อว่ามันกลัวไปหมดนั่นแหละ
‘แล้วมึงรู้หรอกูอยู่ที่ไหน’ ถึงจะดีใจที่รู้ว่าเพื่อนรักจะมาหา จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวแต่ก็แอบเกรงใจไม่ได้ ให้นั่งแท็กซี่หาทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนก็เปลืองตังค์นะ
‘ยืนรอกูอยู่ตรงนั้นแหละมึง ห้ามขยับไปไหนเลยนะฝนจะตกแล้ว ถ้าฝนตกอาศัยตู้โทรศัพท์หลบฝนไปก่อนแล้วกัน’ พูดจบก็จะวางสายไป แต่ติดที่เสียงเพื่อนสนิทในสายที่ร้องออกมาก่อน
‘คยูมาแล้วๆๆๆๆๆ รถมาแล้วมึง! รถคันสีเหลืองที่มึงบอก มารับกูแล้ว!! เย้! แค่นี้ก่อนนะ’ เสียงสัญญาณตัดไป อย่างน้อยก็โล่งใจที่ฮยอกแจหาทางกลับบ้านได้แล้ว
เปลี่ยนอารมณ์โคตรจะเร็ว เดี๋ยวก็โวยวาย เดี๋ยวก็จะร้องไห้ ทำเอาเขาปรับอารมณ์ตามไม่ทัน แต่เพราะนิสัยแบบนี้ของฮยอกแจนี่แหละที่ทำให้เขายิ้มคนเดียวบ่อยๆเมื่อคิดถึงภาพคนๆนั้นยิ้มให้ หรือตอนแยกเขี้ยวใส่เวลาโดนแกล้ง หรือโวยวายเวลาเถียงคนอื่นไม่ทัน เขารู้ว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไรเพียงแต่เลือกที่จะไม่พูด และเก็บมันไว้ให้ลึกที่สุดไม่แสดงออกให้อีกฝ่ายได้อึดอัด เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วในความคิดของเขา...
.
.
ด้านฮยอกแจหลังจากวิ่งขึ้นรถเมล์และได้รับคำยืนยันจากคนขับว่าถึงรถไฟใต้ดินแน่นอน ก็ทำให้ยิ้มออก อย่างน้อยแม่ก็คงไม่ว่าอะไรมากที่กลับช้าไปนิด รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อคิดถึงคนที่เขาพึ่งโวยวายใส่ในโทรศัพท์ก่อนขึ้นรถ ความรู้สึกเมื่อถูกคนหนึ่งเป็นห่วงมันดีอย่างนี้นี่เอง น้ำเสียงที่เจือความห่วงใยที่เขาสัมผัสได้มันทำให้เขาใจเต้นระรัว
อ่า เป็นบ้าอะไรวะเนี่ยฮยอกแจ! นั่นเพื่อนนะเว่ยเพื่อน!
เป็นเพื่อนแล้วยังไง? การแอบชอบเพื่อนมีอยู่ถมไป
ไม่ได้นะ ยังไงก็ไม่ได้! คยูฮยอนไม่ได้คิดอย่างเขาสักหน่อย...
สองความคิดที่ตีกันอยู่ในหัวฮยอกแจสะบัดศรีษะสองสามทีพลางนั่งเหม่อมองไปข้างทาง หวังว่ามันจะลบความว้าวุ่นในหัวเขาไปได้
.
.
เฮ้อ........
____________________
ไม่รู้ว่าจะงงกันมั้ย (‘ ‘)
ติชมทิ้งไว้ได้เลยนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาอ่าน
อ้อ! กลับไปอ่านอินโทรสักเล็กน้อยไรท์เตอร์ไปแก้ไขมาค่ะ * *
ขออภัย ณ ที่นี้.... ( bye )
nu eng
ความคิดเห็น