คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : จากลา
--------------------------------- บ้านภีม
“ฉันไม่เคยเรียกร้องอะไรจากคุณเลยนะคะ เจ้าสัว” เสียงม๊ากระซิบปนกับเสียงสะอื้นนั้น แม้ไม่ได้ดังมากมายหากเพราะกลัวเด็กในบ้านจะได้ยิน แต่คำพูดนั้นกลับดังก้องเข้าไปในใจของผม
“ท่านหญิงใจเย็น ๆ ก่อนสิ ค่อย ๆ พูดกัน อย่าทำแบบนี้ได้ไหม ผมใจไม่ดีเลย” นาน ๆ จะเห็นป๊าเรียกม๊า แบบนี้ซักที ทุกทีจะเรียกว่า ‘คุณ’ เฉย ๆ
ผมยืนหลบอยู่บนชั้นสอง ใกล้ ๆ กับบันได เพื่อคอยเงี่ยหูฟัง ว่าม๊า จะมีท่าทีเป็นยังไง เมื่อตอนเช้าม๊าที่กำลังจะขึ้นมาตามเบสบอลเพื่อไปทานข้าวเช้ากัน ถึงกับช็อคที่เจอผมอยู่ในภาพแบบนั้น ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายม๊าก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างเป็นได้ดี
เรื่องที่เกิด ทำผมตอนนี้ใจสั่นไปหมด ผมคิดมาอยู่เสมอว่าลึก ๆ ม๊ารู้เรื่องอยู่แล้วและสักวันหนึ่งคงได้คุยกันให้รู้เรื่องไป แต่กลับไม่ใช่แบบนั้นเลย ม๊าดูรับไม่ได้กับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น ทำไมนะผมที่เข้มแข็งมาตลอด มาตอนนี้ถึงได้ร้องไห้ได้ง่ายดายขนาดนี้
‘พี่ภีม ใจเย็น ๆ นะครับ มันจะต้องผ่านไป เราแค่คบกันนะครับ ไม่ได้ไปฆ่าใครตายซะหน่อย’ เบสบอลจับมือที่เย็นชืดของผม
‘อื้มมม’ ผมได้แต่รับคำไปแบบนั้นแหล่ะครับ ทำไมผมจะหวั่นไหวกับแววตาของม๊าที่ดูผิดหวังในตัวผมอย่างปิดไม่มิด ม๊าที่ใจดีและรักผมมาโดยตลอด แต่วันนี้ ...................
“ถ้าคุณจะทำเพื่อผลประโยชน์ในตระกูลของคุณฉันก็ไม่เคยว่าเลยนะคะ แต่นี่ น้องภีม เป็นราชสกุลคนหนึ่ง คุณจะให้คนในราชสกุลที่เหลือเค้ารับกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง และฉันในฐานะที่เป็นแม่ ฉันก็ควรจะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องพวกนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าคุณให้เกียรติฉันอย่างที่คุณว่าไว้ หรือถ้าคุณรักน้องภีมจริง ๆ ฉันขอเถอะนะคะ เจ้าสัว หยุดเรื่องนี้ซักทีเถอะ” ใช่ครับ ผมใช้นามสกุลของม๊า เพราะพระองค์เจ้าปรีชานันท์ ตาของผมไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว และให้หลานซึ่งก็คือผมใช้นามสกุลของท่านตา
“ท่านหญิง ฟังผมก่อนนะ ท่านหญิงก็รู้ว่าเบสบอลเป็นลูกชายของเพื่อนรักของผม การที่ธุรกิจในเครือจรัสพงศ์จะอยู่ได้ เราต้องให้ลูกภีมช่วย ลำพังผมจะไปมีแปดเศียรหกกร รับผิดชอบทั้งหมดนั่นไหวได้ยังไง” น้ำเสียงของป๊าเริ่มแข็งกร้าว
“เพื่อนรักเหรอ ? ………. คุณคิดว่าฉันเป็นคนโง่เหรอคะ ที่จะไม่รู้ว่าคุณกับคุณวิวัฒน์รู้สึกต่อกันยังไง ......... แต่ ทำไมคุณต้องลากลูกชายของเราให้กลายเป็นคนแบบคุณด้วยคะ” คำพูดนี้กรีดแทงลงไปในใจของผม แม้แต่เบสบอลเอง ก็แทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่
‘พี่ขอโทษนะ อย่าโกรธม๊าเลยนะ’ ผมกระซิบข้าง ๆ หูเบสบอล ทั้ง ๆ ที่ผมสัญญากับ คุณลุงอย่างดีแท้ ๆ ว่าจะดูแลน้อง แต่เรื่องกลับเป็นแบบนี้
‘ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่ว่าบอลไม่รู้เรื่องนี้ พี่ภีมอย่าคิดมาก บอลรักพี่ภีมนะครับ’ สีหน้าแสดงความปวดร้าวนั้น ยิ่งทำผมปวดใจ
”
“……….. อ๊ะ .............. ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้” เสียงม๊าแผ่วลงทันทีที่เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังโกรธมาก สมบัติผู้ดีที่ม๊ามีคือสิ่งที่ทำให้ ป๊า กับม๊า ของผมอยู่กันมาได้ถึงทุกวันนี้ครับ
ม๊า ยกมือไหว้ขอโทษป๊า พร้อม ๆ กับที่ป๊าดึงม๊าเข้ามากอด
“เจ้าสัวคะ ฉันทนได้มาเสมอแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีใจให้กับฉันเลย การแต่งงานของเราเป็นเพียงเพราะเสด็จ ท่านเห็นว่าตระกูลของคุณเป็นคนมั่งมี ซึ่งสวนทางกับการปฏิวัติแผ่นดินซึ่งแทบจะไม่มีที่ให้คนในราชสกุลอย่างฉันได้ซุกหัวอยู่ แต่ฉันก็รักและเคารพคุณเสมอมา และเชื่อว่าคุณก็ให้เกียรติฉันอย่างจริงใจ แต่เจ้าสัวคะ ............ คนที่ฉันรักที่สุดในชีวิตของฉันคือลูกภีม ฉันไม่อาจยอมรับเรื่องพวกนี้ได้” ยิ่งฟังม๊าพูด มันก็ยิ่งทำให้ผมคิดว่าทำไมชีวิตมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ ทุกวันนี้ผมรักตัวเอง ? รักเบสบอล ? หรือรักม๊ามากกว่ากัน ?
“แม้การแต่งงานของเราจะเป็นไปเพื่อดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศของกันและกัน แต่ผมขอพูดอย่างจริงใจนะครับ ว่านอกจากท่านหญิงผมไม่มีใครจริง ๆ ” แววตาของป๊าที่ทอดมองไปยังม๊า ไม่อาจละลายภูเขาน้ำแข็งนั้นลงได้
“ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณค่ะ แต่คุณเองต้องเห็นใจกับการตัดสินใจของฉันนะคะ” ม๊า ปาดน้ำตาบนแก้ม แล้วผละออกจากป๊า
--------------------------------------- ห้องภีม
ตอนนี้ผมอยู่กับพี่ภีมในห้อง การที่ผมต้องมาเป็นตัวการให้ครอบครัวเค้าแตกแยกมันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกหรอกนะครับ
“พี่ภีม ทานข้าวก่อนนะครับ แล้วจะได้ทานยา” สภาพพี่ภีมดูโทรมมากครับ โดนผมไปเมื่อคืนก็มีแผลอักเสบจนไข้ขึ้นละ นี่ยังจะมาเจอเรื่องท่านแม่ของพี่ภีมอีก
“พี่กินอะไรไม่ลงหรอก เบสบอล” พี่ภีมยกมือขึ้นลูบแก้มผมเบา ๆ
“ลูบมาก ๆ เดี๋ยวก็ไม่ได้นอนหรอก” จากลูบเบา ๆ เปลี่ยนมาเป็นดึงแทนครับ
“หมกมุ่นนะ เบสบอล” หน้าใส ๆ นั่นเรื่อสีแดงขึ้น
“พี่ขอโทษนะ” อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ จริง ๆ ครับ อุตสาห์จะแกล้งแหย่ให้อารมณ์ดีซักหน่อย
“ขอโทษอะไร พี่ภีมไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย บอลต่างหากที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด”
“……………. พี่รับปากคุณลุงไว้ ว่าจะดูแล เบสบอล แต่เรื่องก็มากลายเป็นแบบนี้ไปซะได้” หยดน้ำตาค่อย ๆ ปริ่มออกมาไหลลงหางตา
“ไม่ร้องนะครับ พี่ภีม พี่ภีมคนเก่งของบอล พี่ภีมดูแลบอลดีจะตาย อยู่มหาลัย พี่ภีมก็คอยบอกให้บอลส่งการบ้าน อ่านหนังสือ ทำกิจกรรม เทียวรับเทียวส่ง วันหยุดก็เข้าบริษัทไปดูแลงานที่ จรัสพงศ์ให้ แบบนี้ยังไม่เรียกว่าดูแลอีกเหรอครับ” ผมค่อย ๆ บรรจง กดจูบลงไปบนหน้าผากนั้น
“ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ ป้าพิศมัย เองนะคะคุณ”
“ครับ ป้า” ผมตะโกนบอกแทนเจ้าของห้อง เพราะดูพี่ภีม ไม่ค่อยจะอยากเผยอปากคุยกับใครเท่าไหร่
“ท่านหญิงให้คุณทั้งสอง พบน่ะค่ะ” นั่นไง งานเข้าอีกแล้ว วันนี้มันวันอะไรวะเนี้ย
---------------------------------------- ห้องโถง
ม๊า นั่งอยู่คนเดียวกลางห้องโถงใหญ่ โซฟาหลุยห์ที่ผมคนบ่นมาเสมอ ๆ ว่าแคบเกินไปสำหรับเรา สามคน ตอนนี้มันกลับดูกว้างใหญ่เสียจนผมไม่กล้าขึ้นไปนั่ง
ผมค่อย ๆ คลานเข้าไป กราบลงบนตักม๊า “ภีมขอโทษนะครับ ม๊า” ตอนเป็นเด็กเรามักจะร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจใช่ไหมครับ แต่พอเวลานี้ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
“ม๊า ไม่ได้โกรธภีมหรอกลูก ลูกชายม๊า ม๊าจะโกรธได้ไงหือ ?”
“แต่ .............. ป้าพิศมัยบอกว่า ม๊ากำลังเตรียมตัวกลับวัง”
“ม๊า ไม่ได้โกรธน้องภีม แต่ม๊า ก็ไม่ได้อยากให้น้องภีมเป็นแบบนี้นะลูก ม๊ารักน้องภีมขนาดไหน น้องภีมรู้ไหมคะ” น้ำเสียงสั่นเครือนั้นทำใจผมตกลงไปอยู่บนตาตุ่ม
“ม๊า ภีมขอโทษ ม๊าอย่าไปจากบ้านของเราได้ไหมครับ” ผมก้มลงไปกราบบนเท้าของม๊า อยากจะทำทุกอย่างเพื่อรั้งให้มันเหมือนเดิม
“น้องเบสบอล เข้ามาหาป้า หน่อยลูก” ถ้าวันนี้เบสบอลไม่อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ผมเองก็คงไม่รู้จะทำยังไง
“ครับ คุณป้า” เบสบอลค่อย ๆ คลานเข่าเข้ามา พร้อม ๆ กับกราบลงบนตักของม๊า
“น้องเบสบอลคะ ป้าอยากจะให้น้องเบสบอลรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า คุณวิวัฒน์เป็นเพื่อนรักของท่านเจ้าสัว ดังนั้นคุณวิวัฒน์เองก็เป็นคนที่ป้าจะต้องเคารพและให้เกียรติไม่ต่างกับที่ป้าให้เกียรติกับสามีของตัวเอง เวลานี้ป้าเคยรักน้องเบสบอลยังไง ทุกเรื่องก็ยังคงเป็นแบบนั้น” ม๊า ของผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“หมายความว่าคุณป้าจะไม่ไปจากที่นี่ใช่ไหมครับ” เบสบอลกระชับมือผม ทำให้ความอบอุ่นแผ่เข้ามาในหัวใจอย่างประหลาด
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ๊ะ สิ่งเดียวที่จะปกป้อง ราชสกุล ปรีชานันท์ไว้ได้ คือการที่เรื่องนี้จะต้องไม่มีใครรู้ ความรักเป็นเรื่องของใจ แต่เกียรติยศเป็นเรื่องของเหตุผล” ใบหน้าม๊าเชิดขึ้น แววตาฉายความเจ็บปวดอย่างชัดเจน
“ม๊า ไม่รักภีมแล้วเหรอครับ” การตัดพ้อง่าย ๆ ที่เคยใช้ได้ผลเสมอมาเมื่อผมไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
“รักสิลูก แล้วลูกภีมทำเพื่อม๊าได้ไหมคะ”
------------------------------- ห้องภีม
ผมค่อย ๆ มองรถของม๊าค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป คงไม่ต่างจากป๊าที่เฝ้ามองการจากลาของม๊าอย่างเจ็บปวดไม่ต่างจากผม ม๊าเอาเสื้อผ้าติดตัวไปไม่กี่ชิ้น บอกว่าจะกลับไปอยู่กับเสด็จป้า ที่วังเดิม ซักพัก
เบสบอลที่กอดผมอยู่ มือคู่นั้นประสานกันอย่างเหนียวแน่นเหมือนกับกลัวว่าผมจะหลุดหายไปไหนเริ่มสั่นเทา
“พี่ภีมครับ”
“ ……………. เบสบอล”
“พี่ภีมอยากเลิกกับบอลไหมครับ” ผมรีบคลายอ้อมกอดนั้นออก แล้วหันไปประจันหน้ากับเบสบอล
“ทำไมพูดแบบนั้นเบสบอล จะทิ้งพี่ภีมไปอีกคนเหรอ” น้ำตาของผมที่ไหลอยู่แล้ว กลับไหลพรากลงมาอีกไม่หยุด
“บอลแค่คิดว่า ...................... มันคงต้องใช้เวลา พี่ภีมมีพี่แนน บอลมีพี่เล็ก แล้วยังเรื่องที่บ้านของพี่ภีมอีก เราสอคนอาจยังไม่พร้อมจะรับมือเรื่องพวกนี้”
“เบสบอล แล้วเรื่องบริษัทหล่ะ อย่าคิดอะไรตื้น ๆ สิ เราต้องพยุงให้มันอยู่ได้นะ” ผมพยายามฉุดรั้งทุกอย่างไว้ แต่ก็ดูทุกเรื่องจะพังไม่เป็นท่า
“บอลไม่ได้คิดอะไรแบบเด็ก ๆ นะครับ พี่ภีม บอลรักพี่ภีม และบอลก็เชื่อว่าพี่ภีมรักบอล แต่ ............. ทุกอย่างมันดูผิดจังหวะไปหมด”
“เบสบอล อย่าทิ้งพี่ไปอีกคนนะ ได้โปรด ...................... ” ผมซึ่งยิ่งทนงไปด้วยศักดิ์ศรี กลับยอมทำทุกอย่างเพื่อดึงคนคนหนึ่งไว้
ผมเอื้อมมือไปปาดน้ำตา เด็กผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม แววตาที่เต็มไปด้วยเหตุผลและอารมณ์นั้น ทำให้ผมต้องกลับมาคิดทบทวน
“พี่จะไม่รั้งความสัมพันธ์ของเราไว้ ถ้า ...................... ทุกอย่างมันมีหนทางของตัวเอง” ผมกลั้นใจพูดคำพวกนั้นไป น้องมันยังเข้มแข็งได้ขนาดนี้ ผมที่สัญญาว่าจะดูแลน้องจะมามัวแต่ร้องไห้ไม่ได้
“ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเน๊อะ” สายตาของเราผสานกัน ริมฝีปากอุ่นแนบสนิทชิดกัน สื่อความหมายว่าเราจะไม่ลืมกันและกัน
การจากลาครั้งนี้ ..................... เต็มไปด้วยเงื่อนไข และเหตุผลมากมาย .................. ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ............... จะมีซักวันไหม ที่เราจะรักกันได้อย่างปราศจากเหตุผลใด ๆ เข้ามากั้นกางเราไว้แบบนี้
วันนี้ ผมเสียคนที่รักผมไปถึงสองคน แผ่นหลังใหญ่นั้นค่อย ๆ ผละออกจากตัวผมและลับหายไปจากสายตา
ความคิดเห็น