คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แฟนเก่า
------------------------------------------------------- ร้านกาแฟ ไกลโพ้น
“ทำไมเราต้องมากิน กาแฟกันไกลขนาดนี้ด้วยพี่ภีม” เบสบอล ถามผม ด้วยหน้าที่แดงเพราะฤทธิ์แดด วันนี้เบสบอลแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตลายเจ็บ ๆ กับกางเกงขาสั้นสีขาว พร้อมด้วยรองเท้าหนังสีน้ำตาล บวกกับแว่นกันแดดเท่ ๆ นั่นยิ่งขับให้มันดูเด่นเข้าไปอีก พนักงานมองตั้งแต่ปากทางมาถึงตรงที่สั่งเครื่องดื่มเลยครับ
“ก็เบสบอลบอกว่าอยากหาไรกินชิล ๆ ไม่ใช่เหรอ” ผมพามันมาไกลโพ้นครับ เพราะยังไงสถานะผมกับมันก็ยังเป็น อาจารย์กับนักศึกษาอยู่ ใครมาเห็นเข้าคงงามหน้าพิลึก
“โหยยย รังสิต เนี่ยนะ ............ ไม่พาออกอยุธยาไปเลยหล่ะ” มันประชดผมครับ แต่มันก็พูดไปงั้นแหล่ะ เพราะมันบอกเองว่า อยากอยู่กับผม สองคน หุ หุ
“แหม ร้านนี้มันชิล เห็นป่ะ” ผมยื่นเท้าลงไปในน้ำ ร้านนี้เค้าสร้างคร่อมสระน้ำไว้ครับ เราเลยสั่งเครื่องดื่มละนั่งเอาเท้าจุ่มลงน้ำในสระได้ด้วย คนที่ลงไปว่ายน้ำจริง ๆ ก็มีนะครับ ชิลดี ผมชอบ
ผมกับเบสบอล ก็คุย ๆ กันไปครับ สัพเพเหระ ตอนแรกผมคิดไปเองว่า ผมกับมันน่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะครับ แต่ก็กลายเป็นว่าไม่ใช่แบบนั้น ด้วยเพราะ อาการของลุงวิวัฒน์ที่เริ่มทรุดมานาน พวกกรรมการในบริษัทของเบสบอลซึ่งหนึ่งในนั้นมี ป๊า ผมเป็นที่ปรึกษาด้วย เลยพยายามให้เบสบอลเข้าไปช่วยงานน่ะครับ ทำให้เบสบอลมองโลกได้หลายมุมมากขึ้น
“แล้วพี่ภีม จะเข้าไปที่บริษัทบอลเมื่อไหร่อ่ะ” มันถามคำถามที่ผมนอนคิดมาหลายวันแล้วครับ ว่าควรต้องทำตามที่รับปากป๊าไว้ได้แล้ว
“น่าจะรอให้หมดเทอมนี้ก่อนมั้ง” เบสบอลรีบถอดแว่นออกเลยครับ มองมาทางผมด้วยสายตารู้สึกผิด
“เพราะบ้านบอล ทำให้พี่ภีมต้องลาออกเลยเหรอ” โหย ไม่ขนาดน้านนนน
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ยังไงพี่ก็สอนได้ไม่นานอยู่ละ พี่เป็นลูกคนเดียวนะ ยังไงก็ต้องออกมาทำของที่บ้านอยู่ดี จะออกตอนนี้หรือออกอีก สองสาม ปี ก็มีค่าเท่ากันนั่นแหล่ะ”
ยัง ........... ยังอีก มันยังคงมองผมด้วยสายตาละห้อย “ไม่อยากให้พี่เหนื่อย ก็รีบเรียนจบไว ๆ ดิ จะได้มาช่วยงานพี่เต็มตัว พอเราแข็งแรงละ พี่ก็จะได้ปล่อยให้ทำเอง” หึ หึ ผมปากดีไปงั้นแหล่ะ ผมเป็นพวกเรียนอย่างเดียวไม่เคยทำงานเลยนะครับ ไปทำจริง ๆ เผลอ ๆ เบสบอล มันจะเก่งกว่าผมซะอีก
“บอลรักพี่ภีมนะครับ” เฮ้ยยย อยู่ ๆ ดี ๆ ก็พูดแบบนี้อ่ะ
“อื้มม รู้ล่ะหน่า พูดอยู่ได้” ผมแก้เขินไปครับ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้เลยครับ หน้าผมคงแดงไปหมดแล้วหล่ะ
“พี่ภีม ปล่อยให้บอลบอกรักอยู่คนเดียวเลยอ่ะ จริง ๆ แล้วพี่ภีมรู้สึกยังไงเหรอ” ใจผมก็ดันทรยศ เต้นตึกตัก ๆ เหมือนจะกระโดดออกมานอกเสื้อละเนี้ย โอ่ย กูไม่น่าพามันมาที่นี่เลย พาตัวเองมาถูกเชือดชัด ๆ
.
.
.
“พี่ภีม” เอ๋ แต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงต่ำ ๆ ของผู้ชายอย่างเบสบอล แต่เป็นผู้หญิง ผมกับเบสบอลเงยหน้ามองตามเจ้าของเสียงนั้น
“แนน .........................” ใบหน้าสวยนั้น จ้องมองผมด้วยสีหน้าหลากหลายความรู้สึก ทั้งดีใจ เสียใจ น้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาจากดวงตาเล็กเรียวสู่แก้มป่อง ๆ นั้น ทำผมทั้งรู้สึกผิด รู้สึกละอาย ปน ๆ กันไปหมด
---------------------------------- ลานจอดรถหน้าร้านกาแฟ
ผมปล่อยพี่ภีมกับแฟนเค้าเคลียร์กันไป เท่าที่พี่ภีมเคยเล่าคือ ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา พี่ภีมก็ยังไม่ได้ติดต่อกับแฟนคนนี้เลย ตอนอยู่อเมริกา ก็ไม่ค่อยได้คุยเพราะเวลาไม่ตรงกัน คือพี่แนน เค้าทำงานเป็นแอร์น่ะครับ เวลาจะค่อนข้างประหลาด ๆ อยู่ละ จริง ๆ พ่อตัวดีของผมแสบกว่านั้นครับ เพราะผมรู้จากพี่จักรครับ ว่าจริง ๆ ตอนนั้นพี่ภีมก็มีแฟนอีกคนอยู่ที่นั่นด้วย ร้ายมากกกก
จริง ๆ ผมก็เคยเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วนะครับ ว่ายังไงวันนี้มันต้องมาถึง วันที่ผมจะได้เจอกับแฟนของพี่ภีม แต่ไม่คิดว่ามันจะกระทันหันขนาดนี้ ถึงที่ผ่านมามันจะทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า พี่ภีมก็ต้องมีใจให้กับผมแน่ ๆ วันนี้ถึงกับทำให้ความมั่นใจของผมกลับไปเป็นศูนย์
แม้ว่าจะยืนห่างออกมาขนาดนี้ ผมยังเห็นแววตา ที่เต็มไปด้วยความผูกพันธ์ของทั้งคู่ที่มองกัน มือของพี่ภีมที่คอยเช็ดน้ำตาให้กับพี่แนนตลอดเวลา แววตาที่มองไปที่พี่แนน เหมือนกับแววตาที่มองมาที่ผมไม่ผิด พี่ภีมมักจะมองผมด้วยสายตาที่เหมือนมองเด็กตัวน้อย ๆ ตลอดเวลา แต่ ................... มือที่คอยลูบหัวพี่แนน
อย่างเอ็นดูนั้น หึ หึ ผมไม่เคยได้รับอะไรพิเศษขนาดนั้นหรอกครับ ผมพยายามจะสะกดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน ขาของผม ค่อย ๆ พาตัวเองเดินออกมา พยายามเดินออกมาให้ไกลที่สุด จากที่ตรงนั้น ............
------------------------------------ บ้านเบสบอล
เบสบอล มันคง งอน สุดยอดละครับ เป็นผมผมก็งอน แต่ก็แบบ มันก็ไม่ใช่ความผิดผมอ่ะ จะไปรู้ได้ไงว่าน้องแนนจะไปที่นั่นเหมือนกัน จะให้ทำยังไงได้ละครับ น้องแนนเค้าก็แบบช็อคอ่ะครับ ที่ผมหายไปเลยติดต่อไม่ได้ และแบบแม้ว่าผมจะเคยเกริ่นกับที่บ้านว่ายังไงก็จะแต่งกับคนนี้ แต่เอาเข้าจริงผู้ใหญ่ก็ยังไม่เคยได้คุยกันจริง ๆ เลยครับ แนนเค้าเลยทั้งดีใจที่ได้เจอผม และเสียใจที่ผมปิดบังไม่ยอมบอกว่ากลับมาจาก อเมริกาได้เป็นเดือนแล้ว ผมเลยต้องรีบเคลียร์ หันมาอีกที เบสบอลก็หายไปละ ผมกลัวใจจริง ๆ ว่ามันจะไม่ยอมให้ผมเจอมันอีก
ผมพาตัวเองมาถึงบ้านเบสบอลจนได้ครับ เพราะเช็คที่บ้านผมละ เบสบอลไม่ได้กลับไป
“คุณภีมเหรอครับ เชิญ ๆ ” ผมรู้จักมักจี่ กับ รปภ. ของบ้านนี้เป็นอย่างดีแล้วละครับ
“เบสบอลอยู่ไหมครับลุง” ผมถามด้วยความร้อนรน
“เห็นกลับมาแล้วนิ ครับ แต่แปลก คราวนี้ไม่เห็นโทรศัพท์มาบอกก่อนว่าจะกลับมา เป็นปกติ อยู่บ้านโน่นหนิครับ” ผมพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ แล้วค่อย ๆ เลื่อนรถเข้ามาจอดภายในตัวบ้าน
บ้านหลังใหญ่นี้ พอไม่มีใครอยู่ก็ดูเหงามากเลยนะครับ ผมค่อย ๆ พาตัวเองเข้ามาถึงหน้าห้องเบสบอล
“เบสบอลครับ เบสบอล ขอพี่ภีมเข้าไปหาได้ไหมครับ” แหม่ ไอ่ผมมันก็กะล่อนนะครับ มาง้อแบบนี้ต้องพูดเพราะ ๆ หน่อย
ประตูเปิดออก พร้อม ๆ กับใบหน้าเจ้าของห้องที่ตาบวมเป่งจากการร้องไห้
“พี่ภีม เข้ามาก่อนดิ” ผมค่อนข้างแปลกใจครับ ที่เบสบอลไม่มีอาการ อะไรเลยนอกจากผ่านการร้องไห้มา เบสบอลพาผมมานั่งบนเตียงครับ
“โกรธพี่ภีมเหรอ หืม ?” ผมเอามือลูบหัวนั้น แม้ว่าจะต้องเอื้อมหน่อย แหม ก็มันสูงกว่าผมนี่ครับ แถมยังนั่งซะหลังตรงเลย
“หายโกรธพี่ภีมแล้วเหรอ ยิ้มด้วย” ไม่รู้เลยนะครับ ว่าแค่ลูบหัวมันแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้
“บอลไม่ได้โกรธ พี่ภีม แต่ .............. แค่ไม่อยากให้พี่ภีม เห็นบอลร้องไห้ ” ผมแสดงสีหน้าแปลกใจอย่างไม่ปิดบัง
“บอลรู้อยู่แล้ว ว่าพี่ภีมมีแฟน เพียงแต่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน บอลก็ไม่ได้อยากให้พี่ภีมเลิกกับพี่เค้า เพื่อมาคบบอลหรอกนะ บอลแค่อยากให้พี่ภีมเลือกเองว่าที่สุดแล้ว พี่ภีมอยู่กับใครแล้วมีความสุข” แววตา ที่เต็มไปด้วยความรักนั้น มองมาที่ผมอย่างไม่ลดละ วันนี้ทำไมผมถึงได้รู้สึกผิดซ้ำ ๆ กับหลาย ๆ คนนะ คงเป็นวันที่โชคร้ายของผมจริง ๆ
“ไม่โกรธพี่จริง ๆ เหรอ” แปลกดีนะครับ วันก่อนเบสบอลมันยังมาง้อผม และถามผมด้วยคำคำนี้แหล่ะ มาวันนี้ผมกลับต้องมาพูดซะเอง
“จริง ๆ ครับ” แววตาที่แสดงความรู้สึกอย่างไม่ปิดบังอำพรางนั้น ทำผมสะอึก ช่างแตกต่างกับผมที่ไปโกรธอดีตของเบสบอลทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิ์แท้ ๆ
“งั้นเพื่อ ไถ่โทษ พี่ให้เบสบอลขออย่างหนึ่งอ่ะ” ด้วยนิสัยอย่างมัน คงจะขอผมเลี้ยงเบียร์นอกยี่ห้อแพง ๆ แน่ครับ
“จริงนะ” แววตา วิบวับ นั่นคืออะไร หรือผมจะมั่นใจอะไรผิดที่ผิดทาง
“อ่ะ .............. อื้ม” ผมเริ่มรับปากเสียงแผ่ว จริง ๆ นี่ผมกำลังอยู่ในห้องเบสบอล อยู่บนเตียงเบสบอล เฮ้ยยย แล้วเมื่อกี้มันทันกดประตูล็อคห้องเมื่อไหร่ หน้าตาก็มีผ้าม่านปิดมิดชิด
“พี่ภีม กลัวบอลเหรอ ........” ไอ่หน้าเศร้าเมื่อกี้มันหายไปไหนหมด
“กลัวไร บอลอยากได้อะไรก็ขอดิ” ผมยังปากแข็งครับ พยายามคิดในแง่ดี ว่าน้องมันคงไม่ทำอะไรผมหรอก
แต่ .............. มือที่เริ่มโอบกระชับมาข้างหลังของผม หน้าที่ไกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ปากที่ค่อย ๆ บดเบียดลงมา จากปากไล่ลงไปที่ต้นคอ
“บอลขอนะ พี่ภีม” เสียงกระซิบข้าง ๆ หูผม และสิ่งที่มันทำอยู่ ทำผมไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรจะไปต้านทาน
“อย่า ............ บอล อย่า” ผมได้แต่ค่อยกุมมือร้อน ๆ คู่นั้นที่ เปะ ป่าย สัมผัสไปทั่วทั้งตัวของผม
แต่ ... เฮ้ยยย ได้ผล ........ มันหยุด
“พี่ภีม ....... ร้องไห้ทำไมครับ” ผมมองหน้ามัน งง ๆ แล้วแตะที่หน้าตัวเอง น้ำตา ?
“เปล่า หนิ ไม่ได้ร้องไห้” ผมพยายามปฏิเสธ
เบสบอลพยุงผมกลับมานั่ง แล้วกอดผมไว้ “ถ้าพี่ภีมไม่พร้อม บอลก็จะไม่เร่งรัดครับ” เบสบอลพูดพร้อม ๆ กับกดปากลงบนหน้าผากผม มืออุ่น ๆ นั้นค่อย ๆ เช็ดน้ำตาผมออกจากแก้ม
“กลัวบอลขนาดนั้นเลยเหรอ” มันถามผมด้วยหน้าล้อ ๆ ใบหน้าของเราแนบชิดจนจมูกแตะกัน
“ก็ไม่เคยกับผู้ชายหนิ ปกติ กับผู้หญิงก็เป็นคนเริ่มอ่ะ” ผมบอกไปตรง ๆ ครับ แต่ไอ่คนตรงหน้านี่สิ ยิ้มหน้าบานเลย
“บอลจะรอนะครับ บอลจะรอวันที่พี่ภีมรักบอลอย่างหมดใจจริง ๆ” ผมใจเต้นไปกับคำพูดนั้น และยังใจสั่นกับอนาคตข้างหน้าของเราว่ามันจะออกมาเป็นยังไงกัน มันจะทำให้เราตื้นตัน หรือตรงกันข้าม
--------------------------------- มหาวิทยาลัย xxxx บางนา
ผมเดินมาทานข้าวพร้อม ๆ กับอาจารย์ท่านอื่น ๆ ครับ จริง ๆ ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำงานหนักหนาอะไรนะครับ ผิดกับอาจารย์ท่านอื่นที่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ผมเพิ่งรู้ว่าก่อนผมจะเข้ามาทำงาน คาบสอนมันไม่ได้บานตะไท ขนาดที่ มีเวลาว่างกันแค่ตอนกินข้าวนะครับ อาจารย์พวกนี้เค้าเลยทำหน้าเพลียกันเป็นแถบ
“คือ ถามว่าอยากได้ค่าสอนเพิ่มไหม ก็อยากได้นะ อ.ภีม แต่แบบนี้เราก็จะตายเอา” อ.เอก เปรย ขึ้นมาหลังจากโซ้ยข้าวไข่เจียวหมดไปจานแรก พร้อม ๆ กับจ่อจะกินสปาเก็ตตี้เป็นจานที่ สอง ที่ ม. นี้ดีนะครับ มีศูนย์การค้าขนาดย่อม ๆ ไว้บริการนักศึกษา อาหารก็รสชาติใช้ได้ครับ และเจ๋งสุดตรงติดแอร์นี่แหล่ะ เย็นฉ่ำสบายใจ
“จอย ก็เห็นด้วยกับ อ.เอก ค่ะ ถ้าบราเดอร์ ยังรัดเข็มขัดกันอ้วกแตก แบบนี้ จอยคงต้องขึ้นคานแน่” เอิ่มมม คือ สอนเยอะ พอเข้าใจนะครับ แต่เกี่ยวอะไรกับคานฟระ แล้ว อ.จอย ก็หันมาทางผมเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมคิด
“คืองี้ ค่ะ อ.ภีม แทนที่จอย จะมีช่วงเบรคไว้แต่งหน้าบ้างอะไรบ้าง แต่คาบสอนเล่นติด ๆ กันแบบนี้ เข้าสายนิดหน่อย อินเสปคเตอร์ ก็มองหน้า โอย หน้าสดตลอดเวลาแบบนี ใครมันจะมามองค้า อ.ภีม” ผมได้แต่หัวเราะ แหะ ๆ ไปตามเรื่องตามราว เพราะปกติ เห็น อ.จอย เค้าก็รองพื้น 8 ระดับอยู่ตลอดเวลาอ่ะครับ นี่ขนาดไม่ค่อยมีเวลาแต่งหน้านะเนี่ย
ในขณะที่ผมนั่งโซ้ยข้าวซอยไก่ ไปเพลิน ๆ นั้น ก็มีคนที่หน้าตาท่าทางเหมือนจะ เป็น อาจารย์ เดินเข้ามาทัก อ.จอย
“อ.จอย คะ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ ” เอ่อ ใครเหรอ สวยจัง อิ อิ ใบหน้าคมได้รูปนั้น กำลังมองมาทางผมเหมือนจะอยากรู้เหมือนกันว่าผมเป็นใคร
“แหม อ.เล็ก ก็โดนอัดคาบ กันซะสะบัดสะบอมขนาดนี้ ยังสวยอยู่ได้ก็เกินมนุษย์แล้วหล่ะ ………… อ่อ นี่ยังไม่รู้จักกันใช่ไหมคะ นี่ อ.ภีม ค่ะ อยู่ School เดียวกับจอย แต่คนละ Major กัน นี่ อ.จอย ค่ะ School of Architect ค่ะ” หือ ? สถาปัตย์เหรอ หน้าตาท่าทางไม่ได้บ่งบอกเลยว่าจะถนัดอะไรแบบนั้น ผมยาวประบ่า รูปร่างสูงโปร่ง และการแต่งตัวที่ทั้งรัดกุมสไตล์อาจารย์และเปรี้ยวไปพร้อม ๆ กันนี้ ผมนึกว่าเธอมาจากพวกนิเทศอะไรแบบนั้นซะอีก
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ.ภีม” ดวงตากลมโตพร้อมด้วยขนตายาว ๆ นั้น ส่งสายตาหวาน ๆ มาให้ผม แต่คนอย่างผมคงไม่ยอมแพ้หรอกครับ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อ.เล็ก วันนี้อาจารย์แต่งตัวน่ารักจังเลยนะครับ” ผมส่งสายตาท้าทายไปให้
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ ข้าวซอยอาจารย์คงอร่อยมากเลยนะคะ ปาก ........... แดงไปหมดแล้ว” อ.เล็ก พูดเน้นคำว่าปาก พร้อมกับ ๆ เลื่อนสายตาลงมามองที่ปากผม โหย คนไรอ่ะ เด็ดว่ะ
“เดี๋ยวเล็กไปก่อน นะคะ เดี๋ยวไปสอนไม่ทัน ต้องกลับไปคลาสที่หัวหมากน่ะค่ะ” อ.เอก และ อ.จอย มองมาทำผมด้วยสีหน้าล้อ ๆ
“แหม่ อ.ภีม เล่นกับไฟ นะครับ หุ หุ” อ.เอก ที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้น
“ขนาดนั้นเลย ? ………………. ก็ อ.เล็ก เค้าก็น่ารักดีอ่ะ ครับ ไอ่ผม มันก็คนโสด หึ หึ” ผมก็แก้เก้อไปตามเรื่องครับ
“จริง ๆ จอย ก็ไม่อยากจะเม้าท์หรอกนะคะ แต่ได้ข่าวมาว่า อ.เล็ก เค้าก็มีแฟนแล้วน่ะค่ะ แต่จะเป็นใครจอยก็ไม่รู้หรอกนะคะ” นี่ขนาด อ.จอย ไม่ค่อยอยากเม้าท์นะครับ ถ้าอยากเม้าท์จะขนาดไหน ห้า ห้า
“ว้า แย่จัง งี้ ผมคงหมดสิทธิ์ อิ อิ” ซะเมื่อไหร่ ใครจะไปสนกันว่าจะมีแฟนหรือเปล่า ให้ผู้หญิงเค้าเลือกเองสิ .... หึ หึ แต่ .................. หน้าเบสบอล กลับลอยขึ้นมา
“อ.ภีม เป็นอะไรคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ประทับใจ อ.เล็ก ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“อ่ะ อื้มม ครับ ประทับใจ หุ หุ” เบสบอลอ่านะ อิ อิ นึกถึงหน้ามันแล้วหัวใจพองโตครับ อยากกลับบ้านเร็ว ๆ เวลาเจอกันที่ ม. ก็ได้แต่ ยิ้มให้กันบาง ๆ อ่ะครับ ไม่อยากมีปัญหา อยากจะลาออกไปด้วยความสง่างามน่ะครับ
----------------------------------- ม. Xxxx หัวหมาก
ผมกลับมาถึง ด้วยสภาพสะบักสะบอมครับ เพราะ อ.เอก นั่นแหล่ะ ชวนให้เอารถมาจอดที่หัวหมาก แล้วนั่งรถโค้ชไปที่บางนาเป็นเพื่อนกัน นี่กว่าจะสอนเสร็จละกว่า จะถ่อมาถึงหัวหมากอีก ยังดีนะครับ ที่บ้านผมอยู่ไม่ไกล
พอร่ำลา อ.เอก เสร็จ ผมเดินดุ่ย ๆ จากหน้า ม. มาที่ลานจอดรถ พ่อขุน เป็นที่จอดรถประจำของ อ.เอก เค้านะครับ แต่วันนี้ อ.เอก เค้าให้แฟนมาส่งผมเลยมาจอดบ้าง ขนาดมากันตั้งแต่ 6 โมงเช้านะครับ เกือบจะไม่มีที่จอด
ตอนที่ผมเปิดประตูรถ ผมก็สะดุดตา กับนักศึกษาที่ตึก A แม้ว่า ม. จะสนองนโยบายบราเดอร์ โดยการปิดไฟเวลา ป.โท Evening ไม่เรียน ทำให้ที่ตรงนั้นค่อนข้างมืด แต่ระยะห่างเพียงไม่กี่เมตรทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่านั่นต้องเป็น เบสบอลแน่ แต่ทำไมมาอยู่ที่นั่นเวลานั้นนะ และคนที่ทำให้ผมคาดไม่ถึง ‘ อ.เล็ก ’
อ.เล็ก คนที่ผมเพิ่งเจอเมื่อเช้า ยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเบสบอล .................. ผมยืนแข็งทื่อ มองภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเบสบอลมีแฟนอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะต้องมารู้ว่าเป็นใครด้วยสถานการณ์แบบนี้ ถ้าผมเอารถไปที่บางนาตามปกติ คงไม่มีวันได้มาเจอภาพแบบนี้หรอกนะ หึ หึ ผมที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเบสบอล ผมคนที่บอกให้เบสบอลรอ ทำไมตอนนี้ที่ใจของผมถึงได้เจ็บขนาดนี้
ผมรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ แล้วค่อย ๆ ถอยรถออกไปจากตรงนั้น แต่ ................ คงเพราะรถผมมันสะดุดตาคนอื่น เบสบอลถึงได้รู้ทันทีว่านี่คือผมจากสีหน้าตกใจที่สะท้อนผ่านกระจกมองหลัง ผมขับช้า ๆ เพราะหวังลึก ๆ ให้เบสบอลวิ่งตามมา แต่ ............... ไม่มี ขาคู่นั้นยังคงตรึงอยู่ตรงที่ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่
น้ำตาไหลไหลออกมาจนผมมองแทบไม่เห็นทาง ................. ชีวิตคนเรามันยากจริง ๆ นะครับ
ความคิดเห็น