คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สารภาพ
------------------------------ บ้านภีม
วันนี้ผมกลับบ้าน ก็รีบอาบน้ำ ผมเงยหน้ารับน้ำเย็น ๆ จากฝักบัว พลางคิดไปถึงงานวันนี้ การรบกับนักศึกษานี่มันเหนื่อยนะครับ โดยเฉพาะกับเบสบอล มันจะย้ายมาเรียนกับผมทุกวิชาเลยหรือไง เมื่อเช้าพอมันกลับบ้าน ผมก็คิดไว้ว่าอาทิตย์นี้คงไม่ต้องเจอมันอีก แต่ไม่ใช่เลยครับ คาบ 9.30 ผมก็เจอมันยืนทำหน้าแป้นแล้นรอให้ผมเซ็นเอกสาร ย้าย section ให้ หลอนมาก
วันนี้ป๊าบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยครับ ผมเดินลงมาที่ห้องรับแขก โซฟาหลุยห์ที่ม๊าสั่งตัดส่องประกายสีทองบวกกับพื้นหินอ่อนยิ่งทำให้ห้องนี้ดูสว่างเข้าไปอีก ผมนั่งลงพลางลอบมองใบหน้าป๊า ที่ดูเครียดพอสมควร
“ว่าไงครับป๊ะ มีอะไรจะคุยกับภีมเหรอ” ป้าพิสมัยพลางรินน้ำส้มคั้นให้ผมครับ
“ภีม จำลุงวิวัฒน์ ได้ไหมลูก” ป๊า เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“จำได้สิครับป๊า ทำไมเหรอครับ” ผมพลางนึกถึงลุงวิวัฒน์ เพื่อนรักของป๊า ผู้ชายคนที่ป๊าเคยบอกว่า ยอมตายแทนคนคนนี้ได้
“ตอนนี้ลุงวิวัฒน์ เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย” ป๊า เอ่ยขึ้นมาอย่างเจ็บปวด
“แล้ว .............” ผมไปต่อไม่เป็นเลยครับ ผมรู้ว่าป๊า รักลุงวิวัฒน์ขนาดไหน ‘ผู้ชายคนที่ป๊าเคยรักมาก่อนม๊าของผม’
“ป๊า ไม่ได้จะมาพูดกับภีมเรื่องอาการของลุงเค้าหรือความทุกข์ใจที่ป๊ามีหรอกนะ ........... เพียงแต่ ในเมื่อลุงวิวัฒน์ เป็นแบบนี้ซะแล้ว และภรรยาเค้าก็เสียไปนานมากแล้ว ป๊า ก็อยากจะเข้าไปดูแลบริษัทเค้าให้หน่ะ” อื้มม ก็พอเข้าใจได้นะครับ
“แล้ว ป๊า จะให้ภีมช่วยยังไงครับ” ผมถามหยั่งเชิงครับ ถ้าจะให้ผมช่วยโดยการเข้าไปทำงานให้ ก็ไม่เห็นจะต้องเอ่ยอย่างยากเย็นแบบนี้เลย แม้ว่างานสอนจะเป็นงานที่ท้าทายและผมก็กำลังจะสนุกกับมัน แต่ถ้าป๊าเอ่ยปากให้ช่วยเพื่อนรักแบบนี้ ผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว
“ภีม ช่วยแต่งงานกับลูกชายคนเล็ก ของลุงวิวัฒน์ได้ไหมลูก” นั่นไง !! แต่ ............ เอ่อ
“ป๊า ล้อเล่นใช่ไหมครับ” ผมทำใจดีสู้เสือ วันนี้มีเซอร์ไพรซ์อะไรหรือเปล่า เอ๊ หรือมีกล้องซ่อนไว้ตรงไหน
“ภีม ก็รู้ว่าสภาผ่านกฎหมายการแต่งงานของเพศเดียวกันออกมาแล้ว ภีมก็แต่งงานกับน้องได้อยู่แล้วไงลูก”
“ประเด็นมันไม่ใช่ว่ากฎหมายจะรองรับหรือเปล่า แต่ทำไมภีมต้องแต่งงานกับผู้ชายครับป๊า ....... ไม่มีทาง” บ้าบอที่สุด ผมไม่มีวันยอมเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก
“ภีมใจเย็น ๆ ลูก ฟังป๊า อธิบายหน่อย” ดูท่าทางป๊าจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ป๊า มีเหตุผลรองรับเรื่องที่ป๊ากำลังขอภีมหรือเปล่าครับ” ผมถามอย่างหัวเสีย เห็นผมเป็นพวกวิปริตทางเพศหรือไงนะ
“ป๊าจะเทคโอเวอร์บริษัทนั้นเลยก็ได้นะภีม ถ้าบริษัทเราจะทำหน่ะ แต่นั่นเป็นของคนที่ป๊ารัก ภีมก็รู้ใช่ไหมลูก” นั่นเป็นสิ่งที่ผมกับม๊า พยายามหลับตาข้างเดียวมาตลอดว่าจริง ๆ คนที่ป๊ารักสุดหัวใจเป็นใคร แต่ป๊าจะพูดทำไมนะ ผมนับถือม๊าจริง ๆ ที่ยังรักป๊า อยู่ฝ่ายเดียวมาเสมอ
“ครับ”
“ที่ประชุม CEO ของฝ่ายเราก็คิดกันว่า จะทำยังไงให้ธุรกรรมที่จะทำต่อไปในอนาคตผูกพันกันทั้งสองฝ่าย โดยที่บริษัทเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปถือหุ้นในนั้น …………… และทางเดียวคือ ทำให้มันเป็นสินสมรส” หัวสมองผมขาวโพลน ความคิดนี้ออกมาจากพวกปิศาจพันตา ทีม CEO ที่ช่วยกันก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่รุ่นอากง กันเลยทีเดียว เป็นวิธีคิดที่ผมไม่อาจจะโต้เถียงได้ เพราะพวกชนชั้นนำในประเทศ ก็ล้วนแต่ใช้วิธีนี้เพื่อทำการเชื่อมโยงกิจการโดยไม่ต้อง เทคโอเวอร์ทั้งนั้น
“แล้วทำไมต้องลูกชายคนสุดท้องครับป๊า ทำไมไม่เป็นพี่พิม” ผมพยายามเอาตัวรอดจากเรื่องบ้า ๆ นี้ จริง ๆ ลูกบ้านนั้นผมเคยเจอแต่พี่พิม ครับแต่ไม่เคยเจอน้องชายคนเล็กเค้าหรอก เหมือนป๊าไม่ค่อยอยากให้มาเจอกันนะครับ คงวางตัวลำบาก
“ภีมก็รู้ว่ามันเป็นการแต่งงานตามกฎหมายเท่านั้น ภีม จะให้พี่พิมเค้ามาจดทะเบียนกับภีมหรือลูก พี่พิมเค้ากำลังจะแต่งงานกับพี่อิงแล้วนะ” นั่นสินะ พี่อิงแฟนพี่พิม ก็เป็นนักกีฬาเทควันโด้ทีมชาติซะด้วย ดีไม่ดี ผมจะตายคาตีนพี่อิงซะก่อน
“แล้วลูกชายคนเล็กเค้า ไม่คิดจะเข้ามาบริหารบริษัทแทนลุงวิวัฒน์เหรอครับป๊า” ไอ่นี่มันไร้ความรับผิดชอบจริง ๆ
“น้องเค้ายังเรียนอยู่เลยลูก” อื้มมม ยังเด็กอยู่นี่เอง
“จริง ๆ แล้วภีมรู้จักน้องเค้าอยู่แล้วนะลูก”
“หือ ภีมรู้จักเหรอครับป๊า”
“เบสบอล” ป๊า ค่อย ๆ เอ่ยชื่อนั้นออกมาอย่างแผ่วเบา
“เบสบอล !!!!!!!!”
ผมขึ้นมาอยู่บนห้องนอนละครับ เบสบอล เบสบอล เบสบอล อ๊ากกกกกกก ไอ่เด็กนี่ทำไมมันหลอกหลอนชีวิตผมแบบนี้นะ ป๊า เหล่าให้ฟังแล้วครับ ว่าจริง ๆ เบสบอลกับป๊า คุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ตอนที่เบสบอลมาที่บ้านป๊าไม่รู้จะอธิบายกับม๊ายังไงเลยเนียน ๆ ทำเป็นไม่รู้จักเบสบอล และเบสบอลก็เข้าใจสถานการณ์ดี
‘แล้ว เบสบอลคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับป๊า’
‘ป๊า ยังไม่ได้คุยกับทางนั้นเลย ไม่รู้เค้าจะยกลูกชายให้หรือเปล่า’
‘ยกลูกชาย ? ป๊า ครับ ภีมเป็นผู้ชายน๊า ............’
ผมนั่งถอดทอนใจอยู่บนเตียงครับ ทำไมมันจะต้องยากขนาดนี้นะ
‘Some people want diamond ring but ……’ เสียงโทรศัพท์ผมเองครับ เพิ่งเปลี่ยนใหม่ แต่ เอ่อ .... หน้าจอโชว์ หน้าตี๋ ๆ พร้อมขึ้นชื่อคนโทรมาว่า Baseball เมื่อคืนตอนมันมานอนบ้าน มันถือวิสาสะเอาโทรศัพท์ผมไปถ่าย พร้อมใส่รูปมันเรียบร้อยครับ ผมเห็นมันเมาเลยไม่ได้ถือสาอะไร
ผมชั่งใจว่าจะรับดีไหม เพราะเรื่องที่ป๊าพูดกับผมไปเมื่อตอนเย็น แต่ผมก็กดรับไปในฐานะอาจารย์ ก็ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรกันอ่ะเน๊อะ เราก็ต้องรับผิดชอบงานตัวเอง
“มีไรวะ” สุภาพมากเลยครับ เพราะมันดันขยับฐานตัวเองจากลูกศิษย์ธรรมดา มาเป็นน้องโรงเรียนเดียวกันละหนิ
“โหยพี่ภีม พูดกับนักศึกษาไม่เพราะเลยอ่ะ” น้ำเสียงมันดูเหนื่อยมากเลยครับ
“มึงอยู่ไหน” ผมเริ่มไต่ถามสารทุกข์สุกดิบครับ เห็นจากที่ป๊าเล่า ช่วงนี้มันคงจิตใจไม่สู้ดีเท่าไหร่ มิน่า วันนั้นที่ตักสุรา มันถึงได้เมาเหมือนหมา ขนาดนั้น ตอนมากินที่บ้านผมก็ใส่ไม่ยั้ง
“โรงพยาบาล xxx”
“อื้มมมมม”
“พี่ภีมจะไม่ถามบอลหน่อยเหรอ ว่าเป็นไรถึงมาโรงบาลอ่ะ” ไอ่นี่มันเริ่มจับพิรุตได้ครับ
“คนอย่างมึงคงไม่ป่วยหรอกว่ะ สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกขนาดนั้น”
“โหย ใจร้ายอ่ะ บอลมาเฝ้าคุณพ่ออ่ะ”
“อื้มมม”
“คิดถึง เลยโทรหาพี่ภีม”
“หึ มึงเหงามากกว่าอ่ะดิ เลยโทรหากู แหม ๆ ในโรงบาลแดกเบียร์ไม่ได้หล่ะสิ”
“พี่ภีมรู้ทันนะ หุ หุ”
เราคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยครับ มันคงไม่รู้หรอกครับว่าผมรู้เรื่องมันถึงระดับไหนละ แต่ดูท่าทางร่าเริงที่มันแสดงต่อหน้าคนอื่น จริง ๆ ในใจคงเหนื่อยน่าดู ผมสงสารมันครับ เลยพยายามชวนมันคุยไปเรื่อย ๆ ไม่อยากให้มันฟุ้งซ่าน
“พี่ภีมง่วงป่ะ จะนอนแล้วก็ได้นะ”
“เออ ๆ กูก็เริ่มง่วงละเหมือนกัน มึงก็นอนเถอะ”
“ครับ ฝันดีนะ”
“อื้มม มึงไม่ต้องมาบอกฝันดีกับกูหรอก กูไม่ใช่สาว 555+” จริง ๆ ผมเขินนิด ๆ นะครับเนี่ย
“มึงก็ฝันดีละกันเว้ย” แหน่ แต่ตัวเองทำได้ครับ
-------------------------------------------- บนรถโค้ช
ผมตะเกียกตะกายขึ้นมา บนรถโค้ชเป็นครั้งแรกครับ ผมตกลงกับอาจารย์ท่านอื่นว่าเราจะแยกนั่งกันคนละคันครับ อาจารย์ 1 ท่านต่อ รถ 1 คัน เราต้องใช้รถหลายคันมากครับ เพราะคณะเรานักศึกษาทั้งเก่าและใหม่รวมกันเยอะมาก
ซักพัก เบสบอลก็ตามขึ้นรถมาครับ ผมไม่อยากจะคิดว่ามันพยายามจะมานั่งรถคันที่มีผมนั่งอยู่ และเหมือนมันจะรู้นะครับ “อาจารย์ภีมครับ ผมนั่งด้วยนะ” หึ อย่างน้อยมันก็เป็นคนรู้จักกาละเทศะ นะครับ พออยู่ ม. มันก็กลับมาเรียกผมอาจารย์
“ครับ”
“วันนี้อาจารย์ภีมพูดเพราะจังเลยนะครับ” มันน่าถีบจริง จิ๊งงงง
“แล้วคุณพ่อเป็นยังไงบ้างอ่ะ” ผมถามไปอย่างเป็นห่วง
“อาจารย์รู้ .................” มันทำหน้าอึ้ง ๆ ครับ คงเพราะมันไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง
“ป๊า บอกผมหมดละ ก็พ่อเราเป็นเพื่อนรักกัน” ผมพยายามระวังคำพูดครับ ผมไม่รู้ว่าเบสบอล มันจะรู้เรื่องอะไรขนาดไหน
“อื้มม ก็ตามนั้นแหล่ะครับ เฮ้ออออออ” ผมเองสินะครับ ที่ไม่รู้กาละเทศะ เมื่อกี้มันยังร่าเริงอยู่เลย เจอผมทักเข้าไป แววตาวูบไหวนั่น สะท้อนความเศร้าออกมา ผมเอามือลูบหัวมันอย่างเอ็นดูครับ ไม่อยากให้มันคิดมาก
“แต๊ะ อั๋ง นักศึกษาเหรอ อาจารย์” มันหันหน้ามายักคิ้วให้ผม อื้มม แทนที่กูจะสงสารมึงนะ กวนตีนอีก ผมส่ายหน้าให้มันอย่างเอือม ๆ
รถโค้ชวิ่งตามกันไปเป็นขบวนครับ ดีว่าขอรถตำรวจให้มานำหัวขบวนครับ เลยเดินทางสะดวกหน่อย ป๊า จัดการให้น่ะครับ พวกนักศึกษาเลยได้อานิสงค์ไปด้วย จริง ๆ พอผมบอกว่า เบสบอลเป็น นักศึกษาที่นี่ ป๊า แทบช็อคนะครับ เพราถ้าจดทะเบียนขึ้นมาจริง มันผิดจรรยาบรรณอาจารย์อยู่ละครับแต่ ป๊า ก็บอกว่า ‘ภีมทำเพื่อป๊าได้ไหมลูก’ แค่คิดก็เพลียแล้ว
“อาจารย์ชอบไปหัวหินไหมครับ”
“ก็ดีนะ เห็นวิวทะเล สบายตาดี”
“เฮ้ยยย ไอ่บอล มึงก็แซะ อาจารย์จังเลยนะมึง อาจารย์เค้าเอือมมึงมากรู้ไหม”
“ขอบคุณมากครับ ธนบดี” ผมหันไปขอบอกขอบใจครับ แต่เบสบอลนี่ดิ ชูนิ้วกลางใส่เค้าเฉย
“ผมชื่อ ธันย์ ครับอาจารย์”
“อ้อ อื้มมมม” ธันย์ นี่เรียนกับผมวิชาหนึ่งครับ ดีที่ไม่บ้าจี้ ย้าย section ตามผมมาทุกวิชา แบบเบสบอล
ซักพักเราก็มาจอดตรงจุดพักรถครับ ผมก็พยายามคุยให้ นศ. ฟังว่าเรานัดกันขึ้นรถกี่โมง เพราะที่นี่มีอาหารขายด้วยครับ เผื่อ นศ จะได้มีเวลาซื้อของว่างกินเล่นกัน
“อาจารย์ไปฉี่ไหมครับ” เบสบอลถามผม จริง ๆ ก็อยากไปด้วยนะ เพราะรู้สึกว่าสนิทกัน แต่ ......... ไม่ดีกว่า
“เดี๋ยวผมจะไปกับ อาจารย์เอก อ่ะ เบสบอลไปเถอะ” ผมต้องพยายามวางตัวไม่ให้สนิทสนมกับนักศึกษาครับ เดี๋ยวมันเล่นหน้าแล้วจะเสียการปกครอง
“ไปกันเถอะว่ะ ธันย์ เราต้องรู้สถานะตัวเองว่ะ ว่าเราควรไปกับใคร” ผมยิ้มตามครับ แหม่ อะไรจะประชดประชันกันขนาดน้านนนนน
-------------------------------------- หัวหิน
ถึงที่พักซะทีครับ เป็น Service apartment ที่พอจะจุนักศึกษาได้ทั้งหมด แพงใช้ได้อยู่นะครับ โชคดีที่นักศึกษาส่วนมากจะเป็นลูกคนมีกะตังค์เลยไม่มีปัญหากับราคาที่พักน่ะครับ แต่ เบสบอล นี่ดิ พอออกจากจุดพักรถ ก็ไม่คุยกับผมเฉย แค่ไม่ไปฉี่ด้วยจะโกรธไรนักหนานะ
แต่ยังเคราะห์ดีครับ มันรู้หน้าที่ตัวเองในฐานะ นายกสโม ฯ คณะ ออกคำสั่งให้นักศึกษาที่เป็นสต๊าฟ ควบคุมการเข้าพักของน้องปี 1 ครับ เป็นระเบียบดีมาก ทุกคนค่อย ๆ เค้าไปเอากุญแจห้องและค่อย ๆ ขึ้นไปทีห้องที่กลุ่ม ไม่วุ่นวายดีครับ
“เบสบอล นี่เค้าพึ่งพาได้จริง ๆ นะครับ” อ.เอก ที่ยืนอยู่กับผมแสดงความเห็น อ.เอก เป็นอาจารย์คณะเดียวกับผมครับแต่อยู่คนละภาควิชา ได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าภาค (ความซวย) ให้มาทำหน้าที่ควบคุมนักศึกษาเหมือนกับผมนี่แหล่ะครับ
“อื้มม นั่นสิครับ ” ผมเออออ ไปตามเรื่องครับ จริง ๆ ใจไปจดจ่ออยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่มันงอนผมอยู่นี่แหล่ะครับ
พอในส่วนของนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว เบสบอลก็เอากุญแจมาให้ผมครับ
“เราต้องนอนด้วยกันนะครับ อาจารย์ภีม”
“หืม ทำไมหล่ะ”
“ก็ห้องอื่นอาจารย์ท่านอื่นก็นอนรวมกันจนเต็มหมดแล้ว ก็เลยเหลืออาจารย์ภีม กับผมที่ยังไม่มีห้องน่ะครับ เพราะผมเอาห้องผมให้น้องไปแล้ว” ฟังดูเป็นเหตุเป็นผลนะครับแต่ ผมยืนมองหน้ามันเหมือนจะหาสิ่งที่มันพยายามปกปิดเอาไว้
“ทำไมมันดูเหมาะเจาะลงตัวได้แปลก ๆ แบบนี้หล่ะครับ คุณเบสบอล”
“มันบังเอิญครับอาจารย์ภีม”
ผมขยับเข้าไปใกล้ ๆ มันเพื่อที่จะได้กระซิบครับ
“กวนตีนนะมึง มึงต้องการอะไรจากกูเนี่ย บอล”
“โหย พี่ภีม คิดไปเอง บอลจะเอาอะไรอ่ะ ก็ห้องมันเหลือแค่นี้จริง ๆ อ่ะ”
“มึงบริสุทธิ์ใจแน่นะ”
“เราก็นอนด้วยกันมาตั้งสองครั้งแล้ว ขนาดครั้งสุดท้ายบอลกอดพี่ภีม พี่ภีมยังไม่ว่าอะไรเลย” แสดดดดดดดด
“มึงรู้ตัว !!!!” ที่จริงมันไม่ได้เมาครับ
“เออ อาจารยภีมมีอะไรหรือเปล่าครับ” อาจารย์เอก เดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ป่ะ เปล่าครับ เราขึ้นห้องกันเถอะเน๊าะ เบสบอล”
“ครับ อาจารย์ภีม” ลอยหน้าลอยตานักนะมึง
พอถึงห้องเราก็เอาของเก็บครับ
“อาจารย์จะอาบน้ำก่อนไหมครับ”
“ไม่อ่ะ อยากนอนมากกว่า ตามสบายเลย” ผมล้มตัวลงนอนครับ หลับตาเพลิน ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงเบสบอลเปิดประตูห้องน้ำ คงอาบน้ำเสร็จแล้วน่ะครับ เร็วมากเลย ผมหรี่ตามองร่างกายที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กนั่นพันไว้ ทำไมมันไม่เอาผ้าเช็ดตัวพันนะ นั่นมันผ้าเช็ดหัวชัด ๆ มันถึงได้ผืนเล็กขนาดนั้น เบสบอลมันไม่ได้ผอมอย่างที่ผมเห็นภายนอกเลยครับ ส่วนสูงร้อยแปดสิบกว่านั่น ยังแฝงไปด้วยมัดกล้าม ตั้งแต่ต้นแขน หน้าอกไล่มาจนถึงหน้าท้อง หยดน้ำที่เกาะพราวไปทั่วทั้งผิวขาว ๆ นั่น ยิ่งขับให้เจ้าของร่างกายนั้นดูดีมากขึ้นไปอีก
“มองไรนักหนาเนี่ย เขินนะ”
“เปล่าซะหน่อย” ผมว่าผมหรี่ตาเต็มที่ละนะมันรู้ตัวจนได้
“เปล่าอะไร จ้องตาแป๋วขนาดนั้น” มันพูดพลางใส่เสื้อผ้าไป ผมรีบทำเป็นหลับตาปี๋ ประชดมันครับ แต่ ......... จู่ ๆ ก็มีแรงหยวบลงบนเตียงครับ ผมลืมหน้าขึ้นมาก็พบกับหน้าตี๋ ๆ นั่น จ้องผมอยู่ จริง ๆ ผมชอบบอกว่ามันหน้าตี๋เพราะมันขาวครับ แต่มันก็จมูกโด่ง รับกับรูปหน้าแหล่ะครับ ไม่ได้หน้าตี่ ดั้งแหมบ อะไรแบบนั้น
“มีอะไร” ทำไมใจผมมันต้องเต้นด้วย
“อยากมองหน้าให้ชื่นใจ”
“หน้ากูมันเป็นไง”
“น่ารัก” ใจผมเต้นแรงขึ้นพร้อม ๆ กับใบหน้านั้นที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“อย่ามาเนียนนะเบสบอล” ผมร้องปรามครับ นี่มันค่ายนักศึกษาใหม่นะ ไม่ใช่บ้าน
“โหย นึกว่าพี่ภีมจะคล้อยตามอ่ะ” มันทำหน้ายิ้ม ๆ ครับ น่าเตะจริง ๆ
“เดี๋ยวตอนบ่ายมีอะไรอ่ะ” ผมถามไปแบบมึน ๆ จริง ๆ ครับ พยายามเปลี่ยนเรื่อง ตอนวันที่มันมาคุยที่บ้านผมเราก็ร่างกำหนดการกันจนเบลอไปหมด ผมจำรายละเอียดไม่ได้เลยครับ
“ก็กิจกรรม ทำความสะอาดชายหาดอ่ะครับ”
“พี่ภีม จะลงไปด้วยไหมครับ หรือจะพักอยู่ในห้อง”
“ถ้าไม่ไปจะงอนไหม ?” ผมถามตรง ๆ เลยครับ ไม่อยากให้มันมามึนตึงเหมือนตอนในรถอีก
“งอน” มันตีหน้ามึนตอบเลยครับ
“อื้มม ก็คงต้องลงไปตามหน้าที่แหล่ะ” ผมก็แถ ไปตามเรื่องครับ แหม่ เด็กทำกิจกรรมเราจะมานอนสบาย ๆ อยู่ได้ยังไงครับ
วันนี้เราก็ทำกิจกรรมไปตามเรื่องตามราวครับ จนกระทั่งหัวค่ำ ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องกัน วันนี้กิจกรรมจะมีถึงแค่ช่วงเย็นครับ เพราะแค่เดินทางก็เพลียกันมากแล้ว ละก็วันพรุ่งนี้กิจกรรมจะโหดมากครับ เลยต้องพักเอาแรงกันหน่อย แต่ ..................
“พี่ภีมครับ” ผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังจะล้มตัวลงนอนครับ
“ว่า .................”
“ซักนิดซักหน่อยไหม”
“จะดีเหรอ มาทำงานนะ”
“ในห้อง ใครจะมารู้กับเรา”
ผมมันก็คนใจง่ายครับ ชอบตามใจน้องนุ่ง
“อื้มม”
กลายเป็นว่าพวกเพื่อนๆ ภีมมันซื้อมาตุนไว้ตั้งแต่บ่ายละครับ มันเลยไปแบ่งมานั่งกินกับผมในห้องสองคน ผมเปิดผ้าม่านมองดาวบนท้องฟ้าครับ นอกเมืองแบบนี้ไม่มีแสงสีจากตึกมาบังแสงบนดาวเลยครับ สวยมาก
“พี่ภีมรู้เรื่องคุณพ่อของบอลนานยัง” จู่ ๆ มันถามขึ้น
“เพิ่งรู้อ่ะ สู้ ๆ นะ พี่เป็นกำลังใจให้ แต่ก็ช็อคนะ ที่จู่ ๆ เบสบอลมากลายเป็นลูกชายของ คุณลุงวิวัฒน์ได้อ่ะ ปกติ พี่เจอแต่พี่พิม อย่างที่เห็นแหล่ะ บ้านเบสบอล พี่ก็เคยไปครั้งแรกตอนไปส่งเรานั่นแหล่ะ”
“จริง ๆ แล้วที่บอลรู้จักพี่ภีม ไม่ใช่เพราะพี่ภีมเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนหรอกนะ แต่เพราะพี่ภีมเป็นลูกคุณอาเสวตอ่ะ” รู้ว่าผมเป็นลูกป๊า ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ
“แล้วทำไมตอนเรียนที่ xx ไม่ทักพี่อ่ะ”
“ไม่รู้อ่ะ ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง นร. โรงเรียนเราก็เยอะขนาดนั้น เราก็ไม่เคยเจอกันตอนคุณพ่อกับคุณอาเจอกันด้วย” อื้มม ก็จริงอ่ะเน๊อะ โอกาสมันไม่ได้พาให้เรามาเจอกันก่อนหน้านี้
“แสดงว่า เบสบอลก็เห็นพี่มาตลอดดิ”
“ครับ มองมาตลอด .......................” ทำไมน้ำเสียงและถ้อยคำถึงทำให้รู้สึกเหงาได้มากขนาดนี้นะ
“แล้วรู้ไหมว่าพี่จะมาสอนที่นี่หน่ะ”
“ไม่รู้หรอกครับ แต่เห็นแว้บแรกก็จำได้เลย เพื่อนบอลก็จำพี่ภีมกันได้นะ” อื้มม แก๊งค์นั่นอ่านะ เบสบอลมีเพื่อนดีนะครับ เป็นกลุ่มเด็กเรียน และก็ทำกิจกรรมไปพร้อม ๆ กัน เห็นสนิทกันมากแบบนั้นคงเพราะเคยเรียนโรงเรียนเดิมด้วยกันมา
“วันนั้น พี่ภีมบอกว่า มีแฟน แต่ความสัมพันธ์ยังคลุมเครือใช่ไหมครับ”
“ทำนองนั้น ................. ถามทำไม” ผมยังคงไม่แน่ใจเรื่องแนนครับ ยิ่งมีเรื่องที่บ้านเข้ามายิ่งทำให้ผมตัดสินใจเรื่องแนนไม่ได้ว่าจะยังไงดี
“โหย พี่ภีม ใจเย็น ๆ ก็ได้ กระดกทีเดียวหมดกระป๋องเลย ยังมีให้ดื่มอีกเยอะหน่า ไม่ต้องรีบหรอก ถามเรื่องแฟนนิดเดียว เครียดเลย ห้า ห้า”
“แต่ ............... บอลจีบพี่ภีมได้ไหมครับ” ผมแทบสำลักเบียร์
“แค่ก ๆ ๆ ๆ ๆ”
“มึงเป็นเกย์หรือวะเบสบอล” ผมถามอย่างสงสัย จริง ๆ ที่ผ่านมามันก็แสดงท่าทีหลายอย่าง แต่ผมก็ยังคิดไม่ตกว่าผู้ชายหล่อ ๆ รวย ๆ อย่างมันจะเป็นเกย์ไปได้ยังไง
“ถ้า บอลชอบพี่ภีม แล้วมันจะเรียกว่าเกย์ ก็คงเป็นมั้งครับ” มันลอยหน้าลอยตาตอบ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ผมพยายามตั้งสติครับ
“เอ่อ เบสบอล พี่ว่าเราไปทบทวนหัวใจตัวเองดี ๆ ก่อนไหม พี่เองก็เป็นผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้หญิง และเบสบอลเองก็มีแฟนเป็นผู้หญิงนี่ พี่จำได้” ผมพยายามจะงัดความเป็นอาจารย์ในตัวเองออกมาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ครับแต่
เบสบอลคว้าผมไปกอดครับ ผมตกใจจนไม่ทันได้พูดหรือห้ามปรามอะไร
“เบสบอล” ผมร้องออกมาเบา ๆ
“แล้วใจที่เต้นดังอยู่ตอนนี้ของเราทั้งสองคนมันคืออะไรครับ พี่ภีม ......................”
ผมเงียบฟังเสียงหัวใจที่อยู่ใกล้กัน ฟังเสียงมันเต้นแรงสลับกับเสียงลมหายใจของเราทั้งสองคน เบสบอลค่อย ๆ เชยคางผมขึ้นมองให้สายตาของเราประสานกัน พร้อม ๆ กับกดจูบลงบนหน้าผากของผม ริมฝีปากร้อนนั้นค่อย ๆ ผ่านจากตา มาที่จมูกและ ................
“เบสบอล หยุดก่อนได้ไหม” ผมปรามด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ริมฝีปากนั้นบดเบียดลงบนปากผมและลิ้มชิมความหวานไปพร้อม ๆ กัน
‘ก๊อก ๆ ๆ ๆ เฮ้ยย เบสบอล อาจารย์ภีมค้าบบบบบบ’ เสียงระฆังช่วยชีวิต เฮ้อออ นึกว่าจะเสร็จมันละกู !!
เบสบอลที่ทำท่าทางหงุดหงิดไปเปิดประตู “พวกมึงมีไรวะ”
“โหย เชี้ยไรมึง กูก็จะขอมาประจบ อาจารย์ที่ปรึกษาสโม มั่งดิวะ มึงเกาะติดอาจารย์ภีมเป็นกุมารทองมาตั้งแต่เช้าละนะโว้ย”
“เข้ามาก่อนสิครับ” ผมพูดจบ เบสบอลก็หันมามองผมตาขวางเลย แหม ก็กูกลัวมึงงงงงงงงง
และคืนนี้ สต๊าฟ เกือบ ยี่สิบคนก็มาตั้งวง ในห้องนี้ครับ ดีที่ห้องมันกว้างหน่อย และค่อนข้างเก็บเสียงครับ แต่จริง ๆ ถึงเสียงดังก็ไม่เป็นไร เพราะทั้งชั้นนี้ก็เป็นที่พักของพวกสต๊าฟอยู่ละครับ
“เอาชนนนนนนนนนน”
“ผมตกใจแทบแย่ พี่ภีมมาเป็นอาจารย์ในคณะเราได้” คนพูดชื่อ ตูน ครับ จบมาจากโรงเรียนเดียวกับผมเหมือนกัน
“ไอ่เบสบอล มันคงสมใจละหล่ะ จ้องจะงาบพี่เค้ามาตั้งแต่ ม.2 ละหนิ อู้ อ๊ายยยยย” คราวนี้เป็น เน็ตที่โดนเบสบอล เอาขนมปังยัดปากไปเรียบร้อยละ กลายเป็นสต๊าฟทั้งหมดนี่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนผมหมดเลยครับ พวกมันตาม ๆ กันมาเรียนต่อที่นี่ โรงเรียนผมเด็กก็รักกันแบบนี้แหล่ะครับ ^^
วันนี้เรากินกันจนเพลินไปเลยครับ และเดชะบุญของผมจริง ๆ ครับ แม้ว่าจะมีคนที่เมาจนกลับไปนอนห้องตัวเองแล้ว แต่ก็มีคนที่เมาจนกลับห้องไม่ได้เลยจนมันต้องนอนตรงที่มันนั่งกินนั่นแหล่ะครับ ผมเองก็เลยไปแปรงฟันแล้วมานอนบนเตียง
“โล่งใจเหรอ” เบสบอลตามมานอนละครับ
“ทำนองนั้น หุ หุ” ผมทำหน้าทำตาสะใจครับ คนนอนเต็มห้องแบบนี้มันคงไม่ทำอะไรรุ่มร่ามหรอก แต่ ผมคงรู้จักมันน้อยไปครับ
“เบสบอล” ผมกระซิบปราม มือที่กำลังโอบกอดผมอยู่
“อยู่ในผ้าห่ม ต่อให้พวกนั้นตื่นมาก็ไม่เห็นอะไรหรอกหน่า นะ กอดเฉย ๆ”
ผมก็ไม่ได้คิดจะอ่อยหรืออะไรหรอกนะครับ ก็เลยตามเลย เอ๊า ไม่ได้อ่อยจริง จิ๊งงงงงง
ความคิดเห็น