คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หวั่นไหว
--------------------------------- บ้านพีม
“เฮ้ยยย ตื่นดิ ตื่น ๆ ๆ ................ เดี๋ยวก็ไปเรียนไปทันหรอก” มันก็สไตล์คน กทม อ่ะนะครับ ตื่นกันแต่ไก่โห่ ไม่งั้นก็ไปทำงานไม่ทัน เมื่อคืนมันแสบมากครับ กว่าผมจะแซะตัวเองออกจากมันได้ และดีนะครับ ที่เตียงผมก็กว้างพอสมควร ไม่งั้นผมคงได้ไปนอนพื้นละหล่ะครับ
“อืมม .... แป๊บนึง ............... แต่ ................เฮ้ยยยยยยยย” นั่นครับ มันเด้งตัวขึ้นมา พร้อมหันไปมองรอบห้อง ผมอดหัวเราะไม่ได้
“รู้ตัวยังเนี่ย ..........”
“อาจารย์ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วที่นี่มันที่ไหน .............. เฮ้ยยยย อะไรเนี้ย” ดูท่าทางมัน ตื่นตระหนก ลนลานมากครับ
“เมื่อว่า ผมเห็น เบสบอล เมาสลบอยู่ที่ ตักสุรา แล้วตำรวจมา ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยต้องพาคุณมาที่บ้านอ่ะ”
“เอ่อ .................” ดูมัน งง ๆ นะครับ
“เอาเป็นว่าคุณไปอาบน้ำก่อนละกัน ทานข้าวเสร็จแล้วผมจะพาคุณไปส่งที่บ้านนะ” มันพยักหน้าตอบแบบมึน ๆ ครับ
.
.
.
บ้านผมจะทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตาครับ ครับ ........... ได้ยินกันไม่ผิดหรอกครับ เราทานข้าวกันตอนตีห้าครึ่ง นี่แหล่ะครับ บ้านผมเป็นแบบนี้แหล่ะ
“น้องเบสบอล ไปรู้จักกับพี่พีมได้ยังไงลูก ปกติ ม๊าเห็นพี่ภีมพามาแต่เพื่อน ๆ ไม่เคยเห็นพารุ่นน้องมาเลย” จู่ ๆ ม๊าก็ถามขึ้นมาครับ เอาสิครับ ผมหันขวับไปมองมันที่ทำหน้าเลิกลั่ก ถ้าม๊ารู้ว่าผมขนลูกศิษย์มานอนบ้าน ตั้งแต่วันแรกที่ไปทำงาน ผมตายแน่ครับ
“เอ่อ .......... ผมเป็นรุ่นน้องพี่ภีม ตอนเรียนที่เก่าน่ะครับ แหะ ๆ ” โอ่ยยย มึงมันเซ้นต์ดีเจง ๆ
“แล้วตอนนี้ เรียนที่ไหนอยู่ละลูก” เอาล่ะ เว้ย ไปไม่เป็นกันแล้วววว
“คุณก็ไปถาม ตอนเค้ากินข้าวอยู่เดี๋ยวก็สายกันพอดี” รักป๊า ที่สุดเลยยยยยยย
“ภีมอิ่มแล้วครับ” ผมรีบตัดบท ก่อนที่ชีวิตจะบรรลัยไปมากกว่านี้
“น้องยังทานได้นิดเดียวอยู่เลยลูก” ม๊า ไม่ต้องเผื่อแผ่เมตตาให้มันมากก็ด้ายยยยยย
“เบสบอลก็อิ่มแล้วเน๊อะ หุ หุ” ผมรีบหันไปขยิบตาให้มัน ทำนองว่า พวกเรารีบเผ่นกันเถอะ
“งั้น บอล ลาละครับ คุณลุง คุณป้า” แหม รู้งานนะมึง
“จ๊ะ เรียกป๊า กับม๊า เหมือนพี่เค้าก็ได้ลูก” สนิทกันเร็วจิง จิ๊งงงง
--------------------------------------------- บ้านเบสบอล
“บ้านใหญ่เหมือนกันนี่นา ละมาว่าบ้านผมใหญ่” บ้านมันหลังเบ้อเริ่ม เลยครับ
“ขอบคุณอาจารย์ นะครับ ที่อุตสาห์ลำบากเพราะผม” อื้มม มันก็มีสำนึกเหมือนกันนะ
“ไม่เป็นไรหรอก ลูกศิษย์ทั้งคน กับเบสบอลนี่ตอนผมขนคุณมาที่บ้านได้แล้ว นี่เหนื่อยกว่าตอนอยู่ตักสุราอีกนะเนี่ย”
“ตอนอยู่ที่บ้าน ? …………….. อ๋อ เรื่องผมกอดอาจารย์น่ะเหรอ ................ เรื่องนั้นผมตั้งใจ” หือ ? ตั้งใจ อะไรนะ ตั้งใจ ? …. ในขณะที่ผมกำลังตีความคำพูดนั้นอยู่อย่างมึนงง มันก็รีบลงรถไปละครับ
“เจอกันที่ ม. นะครับ พี่ภีม” พูดเสร็จ มันยัง ยักคิ้วให้ผมอีกนะ
“ไอ่ ................ ไอ่เด็กบ้า” ผมตะโกนอย่างคับแค้นอยู่ในรถ แต่ ............ ตั้งใจเหรอ ?
----------------------------------------- มหาวิทยาลัย xxxx
เช้ามาผมก็เซอร์ไพรส์เลยครับ ไอเด็กบ้านั่น นั่งทำหน้าแป้นแล้น อยู่ในคลาส นี่มันลงกับผมกี่วิชากันนะ แต่ผมพยายามไม่สนใจครับ ผมก็สอนของผมไปเรื่อย ๆ
“อาจารย์น่ารักดีนะแก ตี๋เซี๊ยะมาก” เอ่อ ได้ยินอะไรแว่ว ๆ เซี๊ย ๆ นะ
“เอ่อ ห้ามพูดภาษาไทยนะ .....” ผมพยายามจะรักษาบรรยากาศในการเรียนครับ เดี๋ยวคนอื่นจะมาหาว่าผมไม่รักษามาตรฐาน
“เสียงก็น่าฟังอ่ะ แก กรี๊ดดดด” เอ่อ ....... ฟังกันบ้างไหมเนี่ย
ผมหันไปสบตา กับเบสบอล ที่นั่งทำหน้ายิ้ม ๆ อยู่เหมือนกับตลกกับเหตุการณ์ที่ผมเจอ เฮ้อออ นี่ผมเหมาะกับอาชีพ นี้จริง ๆ ไม่เนี่ย
“ทุกคนเจอกันวันพฤหัสบดี นะ” ในที่สุดมันก็จบลง เฮ้อออ เพลีย
“อาจารย์ครับ” เป็นเบสบอลครับ ที่รีบเดินปรี่เข้ามา
“อะไรเหรอ วันนี้ไม่มีเอกสารให้ถือนะ”
“เปล่าครับ อาจารย์ เซ็นนี่ให้หน่อย” ผมรับมา ........... อ่อ petition
“ทำไมจู่ ๆ เบสบอลย้าย section อ่ะ” แสดงว่าจริง ๆ มันลงเรียนกับ อาจารย์ คนอื่นครับ
“ก็อยากเห็นหน้าอาจารย์บ่อย ๆ อ่ะ”
“เอออ ๆ ๆ ๆ เรื่องของมึง” ผมเซ็นให้มันเสร็จ ๆ ไปครับ แต่ มันยืนมองผมตาแป๋ว เลยอ่ะ
“เป็นไรอีกนิ” ผมถามอย่างอดสงสัยไม่ได้
“อาจารย์เรียกผมว่า มึง แสดงว่าเราสนิทกันแล้วใช่ไหม” มันพูดทำหน้าแป้นแล้น ผมอึ้งไปครับผมมานึก ๆ ดูก็น่าจะแบบนั้นอ่ะมั้ง เจอกันได้วันเดียว แต่ได้ใช้เวลาในพื้นที่ส่วนตัวด้วยกันมากขนาดนั้น
“เออ สนิทมั้ง” มันจะทำหน้าดีใจอะไรนักหนา แต่ ......... คงเหมือนที่ อาจารย์มีศิษย์โปรดอะไรทำนองนั้นมั้งครับ
----------------------------------- School of xxxx Office
“อาจารย์ภีม อย่าว่า อย่างงั้นอย่างงี้ เลยนะคะ คือมันต้องมีเกณฑ์ที่พี่ใช้สำหรับการประเมิน อาจารย์ใหม่นะคะ แล้วแบบว่า มันมีอยู่ข้อหนึ่งเรื่องภาวะผู้นำน่ะค่ะ พี่เลยอยากจะขอแรงอาจารย์ภีม นิดนึง นิดนึงจริง ๆ ” ดร.มาวิกา หัวหน้าสาขาผม พล่ามมาซะยาวเลยครับ ดูท่าทางคงไม่นิดอย่างแกว่าละหล่ะ
เรานั่งอยู่ในห้องทำงานของแกครับ จริง ๆ ไอที่จะให้มาคุยงานกับหัวหน้ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกนะครับ ถ้าไม่มีนักศึกษาร่างสูง หน้าตี๋ ๆ มานั่งอยู่ข้าง ๆ ผมด้วย “บริพัฒน์ จรัสพงศ์” ช่วงนี้มันเป็นเวร เป็นกรรมอะไรเนี่ย ทำไมชีวิตผมทั้งต้องมาวนเวียนอยู่กับมัน
แล้วมันไม่ได้นั่งเฉย ๆ นะครับ สีหน้าและแววตา ของมันฉายแวว กวนทีนออกมาแบบปิดไม่มิด
“คือ บริพัฒน์ เนี่ยเค้า Chair, student union ใน School ของเราน่ะค่ะ” ไอเนี่ยนะ นายกสโม ฯ โหยยย ใคร่ช่างตาบอดเลือกมันฟระ
“พี่เลยอยากให้อาจารย์ ช่วยดูแล เค้าเกี่ยวกับการจัดค่าย สำหรับ นศ.ปี 1 น่ะค่ะ”
ด้วยสปิริต อันแรงกล้าของผม ไม่เกี่ยวกับ เรื่องทดลองงานนะครับ เอ๊าวว ไม่เกี่ยวจริงจิ๊งงงง
“ได้ครับ”
---------------------------------- บ้านภีม
ผมล้มตัวลงบนที่นอน อย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้สอนทั้งวันเลยครับ ไม่มีแรงไม่แรดอย่างเมื่อวานละ
‘everybody look to the left everybody to the right ……’ เสียงโทรศัพท์แผดขึ้นมา
“ฮัลโหล ครับ”
“อ.ภีม นี่เบสบอลนะครับ” มันไปเอาเบอร์ผมมาจากไหนนะ
“ว่าไง”
“บอล ไปหา ได้ไหม” ทำไมคำพูดมัน ทำผมใจคอไม่ดีนะ
“จะมาทำไม มีอะไรก็ว่ามาดิ”
“จะคุยเรื่องค่ายอะครับ ก็ตอนเย็น เห็น อ.ภีม วุ่น ๆ เรื่องขนรถกลับบ้านอยู่ เลยไม่ได้คุยอะครับ ละเรื่องมันก็ไกล้เข้ามาแล้วด้วย student union ยังไม่ได้ทำอะไรเลยอ่ะ” วันนี้ ไอ่จักรส่งขนมาช่วยผมขับรถกลับบ้านอีกคันครับ เพราะผมดันเอารถที่บ้านไปใช้แทนคันนั้นด้วย
แต่ ............. จะมาเหรอ อืมมมม คงไม่เป็นไรมั้ง ผู้ชายเหมือนกัน
.
.
.
มาถึงซะที ตอน 2 ทุ่ม ลาดพร้าวมาบางกะปิ นี่รถโครตติดอ่ะ ผมค่อย ๆ ขับรถเข้าไปในตัวบ้าน ไปถึงก็คงมีคนมาเปิดประตูให้เลยครับ อ.ภีม คงสั่งคนที่บ้านไว้ละ
“เชิญ คุณเบสบอล ห้องนั่งเล่นเลยค่ะ” ผมจำได้ครับ ป้าพิศมัย ที่ช่วย อ.พีม พยุงผมขึ้นไปนอนเมื่อคืน พอเข้าไปก็พบกับ อ.พีม ที่รออยู่ก่อนแล้วด้วยท่าทางสบาย ๆ เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น นั่นยิ่งขับให้คนใส่ ดูขาวขึ้นไปอีก ขาวเหรอ? …………….. ฮึ้ยย ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย
“มาละเหรอ นั่งก่อนดิ ตามสบายเลย” ผมนั่งลงพร้อม ๆ กับที่ป้าพิศมัย เอาขนมกับน้ำมาให้ครับ
ผมนั่งลง พร้อม ๆ กับจ้องมองใบหน้าขาวนั้น ใบหน้าเรียว ดวงตาเล็ก ๆ จมูกโด่งเป็นสัน พร้อมกับริมฝีปากแดงแจ๋นั่น
“มองไรนักหนาวะ” คำพูดนั้น ทำผมหลุดจากภวังค์
“ก็แค่คิดว่า ทำไม อ.ภีม จัดฟัน นานจังเลยครับ ของผมเพิ่งจัดมาสองปี ไกล้จะเสร็จละ แต่ อ. น่าจะเริ่มจัดนานแล้ว” ผมถามแก้เกี้ยวไป จะมานั่งมองหน้าทำไมนะ ไม่เข้าใจตัวเอง
“อ๋อ ผมต้องเริ่มมาจัดใหม่อีกรอบน่ะ ผมทิ้งไปช่วงไปเรียน โท น่ะ ที่นู่น ค่าหมอฟันมันแพง”
“บอลจะมาคุยเรื่องค่าย อ่ะ อ.ภีม ถ้าไม่มีวาระ บอล จะเอาเข้าที่ประชุมของ student union ไม่ได้อ่ะ”
“อ่อ อื้ม ๆ ๆ”
ผมคุย กับ อ.พีม พลางมองหน้าไป ทำไมถึงละสายตาจากปาก แดง ๆ นั่นไม่ได้เลยนะ เราคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวมาก ดีกว่าผมกินข้าวมาแล้ว จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึง 5 ทุ่ม
“อื้มม 5 ทุ่มละเหรอ งี้ กลับได้ละมั้ง เรื่องก็น่าจะเคลียร์ทุกประเด็นละเน๊อะ” อ.ภีม พูดออกมาในทีสุด
“กินเบียร์ด้วยกันก่อนได้มะ” ผมพูดไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ กลับได้รับสีหน้า ลังเล กลับมา
“ไม่ดีมั้ง ใครรู้เข้า มันไม่ดีหรอก อ.กับ นศ. กินเบียร์ด้วยกันอ่ะ มันไม่เหมาะ”
“โหยยย ก็นี่บ้าน อ. อ่ะ ใครมันจะมาเห็นนนนน นะ นะ นะ” ผมเริ่มทำหน้าอ้อนตีน แต่ดูท่าทาง อ. เค้าก็หน้าจะขี้เหล้าใช่ย่อย จากที่ไปเจอผม ที่ตักสุรา ได้นี่น่ะ
“ป่ะ” ได้ผล อิ อิ
-------------------------------------------- ห้องภีม
“ห้อง อ. เจ๋งอ่ะ มีที่ให้นั่งกินด้วย” ห้องผมมันจะเป็นมุกยื่นออกไปจากห้องนอนอีกทีครับ ป๊า ทำไว้ให้ลูกขี้เมาอย่างผมมานั่งกิน กับเพื่อนคนสองคนได้ อ่ะครับ
“แล้ว อ. ตุนเบียร์ไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ” มันรื้อตู้เย็นผมใหญ่เลยครับ
“อื้มม ก็นิดหน่อยอ่ะ อยากกินยี่ห้อไหนก็หยิบเลยนะ” ไอ่นี่มันเจ๋ง ครับ มันเลือกมากระป๋องละยี่ห้อเลย
“กินปนกัน ขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหรอกมึง”
“โหย ระดับนี้ ไม่เมาหรอก พี่ภีม” หึ หึ แต่สภาพมึงเมื่อคืนนี่ไม่ใช่เลย
“อย่าเรียกผมว่า พี่ได้ไหม คนอื่นมาได้ยินมันจะไม่ดีนะ” ผมต้องเตือนมันหน่อยครับ เดี๋ยว นศ. คนอื่นจะเรียกตาม
“นี่ พี่ภีม จำผมไม่ได้จริง ๆ เหรอ” หือ ?
“หือ จำมึง ? เรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้เหรอ”
“ที่ผมบอกว่า รู้จักพี่ภีมที่โรงเรียนเก่าอ่ะ ผมพูดจริง”
“จิงดิ เฮ้ยยย จริงเหรอ” ผมมานั่งนับมือดู ตอนนี้มันอยู่ ปี3 จริง ๆ มันกับผมก็ห่างกันแค่ 4 ปี เองนิหว่า
“แล้ว เคยเห็นพี่ที่ไหนอ่ะ”
“นั่นไง ยอมเป็นพี่แล้วใช่ไหมหล่ะ ผมเห็นพี่ภีมครั้งแรก ที่ ม. ก็จำได้เลย พวกเพื่อน ๆ ที่มาจากที่เดียวกันก็จำได้ แต่อย่างว่าเน๊อะ ผมมันเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่แปลกหรอกที่พี่ภีมจะจำผมไม่ได้”
“เวอร์ ....... ถามจริง รู้จักพี่ได้ไง”
“โหย ก็พี่ภีม เตะบอล เป็นตัวโรงเรียนซะขนาดนั้น ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักแหล่ะ” เออ ใช่ ผมเตะบอล แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักมากขนาดนั้น
“เออ ดี ๆ พี่น้อง โรงเรียนเดียวกัน มาชนแก้ว ๆ” ผมกับมันยกกระป๋องเบียร์ชนกัน
“แต่ เวลาอยู่กับคนอื่น ก็เรียก อ. เถอะนะ จะได้ไม่มีปัญหา”
“อื้มมม” เอาอีกละครับ มันมองหน้าผมอีกละ วันนี้มันเป็นไรไม่รู้ครับ ตั้งแต่เข้าบ้านมาละ มองแต่หน้าผมอยู่นั่นแหล่ะ
“มึงมองไรนักหนาวะ”
“เปล่าหนิ”
“ละมาอยู่กับ กู ทุกวัน แฟนมึงไม่ว่าเหรอวะ” สรรพนามที่ผมใช้กับมันเริ่มแปรผันไปตามความสนิทครับ ผมเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนาหรอก
“เค้าเข้าใจแหล่ะ เป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“เป็นผู้ใหญ่ ........ มึงมีแฟนแก่กว่า ?”
“ทำนองนั้น” อืมม ผมก็ไม่ได้อยากไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวอะไรของมันหรอก
ผมกับมันคุยกันแบบออกรส ออกชาติครับ เบียร์หมดตู้เย็น จนต้องไปขนจากข้างล่างขึ้นมากินกันต่อ เวลาล่วงเลยไปตั้ง ตี สอง ละครับ
“อื้มม กูว่า มึงนอนนี่เถอะ ตอนเช้าค่อยเข้าบ้าน” ผมเป็นห่วงมันครับ แถวนี้ด่านเป่าแอลกอลฮอล์เยอะด้วย
“ก็ดีนะ นอนกับคนที่รู้ใจ อิ อิ” รู้ใจเหรอ ? มันชอบพูดทำให้ผมหวั่นไหวอ่ะครับ
“อื้ม ๆ มึงไปนอนเถอะ เดี๋ยวกูเก็บของแป๊บ”
ผมเอาเสื้อผ้าให้มันเปลี่ยนครับ มันเล่นแต่งตัวเต็มยศมาบ้านผม เสื้อโปโล กางเกงยีนส์ขนาดนั้น
“นอนเถอะ” ผมบอกมันพร้อม ๆ กับปิดไฟนอน
ผมล้มตัวลงนอน แต่จริ งๆ ผมกินไปเยอะขนาดนี้ ก็ควรจะง่วงแล้วนะครับ แต่ทำไมถึงรู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่รู้ ใจผมเต้นตึกตัก ๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเลย ผมกลับตัวเผื่อพยายามอยู่ในท่าที่ทำให้ลับแต่ ............
“เชี่ยยย ตกใจหมด” มันนอนมองผมตาแป๋วเลยครับ
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“มึงนั่นแหล่ะ ยังไม่นอนอีก ตกใจหมด”
“พี่ภีม มีแฟนยัง”
“มีมั้ง” ผมตอบไปแบบไม่แน่ใจ ก็กับแนน นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะยังไงดี
“มั้งเหรอ ....................... งี้ถ้าคนอื่นเข้ามาก็มีสิทธิ์ดิ”
“คงงั้นแหล่ะ ถามทำไมวะ” แต่ทำไมมันต้องทำท่าดีใจขนาดนั้นด้วย
“อื้มม ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“อื้ม ราตรีสวัสดิ์” เหมือนเสียงหายใจของมันจะเริ่มสม่ำเสมอ นี่เองสินะ ที่ทำให้ผมใจคอไม่ดีเมื่อกี้ เพราะผมรู้อยู่แก่ใจว่ามันยังไม่หลับ ตอนนี้ผมเองก็เริ่มพาตัวเองสู่ห้วงนิทราแล้วเหมือนกัน
ความคิดเห็น