คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ใครแน่คือคนรัก
ภายในห้องกว้างที่แสงจันทร์เล็ดลอดเข้ามาตามช่องกระดาษของหน้าต่างและประตูที่บุอยู่รายรอบห้อง ทำให้ผมพอมองเห็นใบหน้าของชูซังโชนาที่หลับอยู่ข้าง ๆ ผม เครื่องนอนที่มีลวดลายมังกรซึ่งเราทั้งสองนอนอยู่เคียงข้างกัน ตอกย้ำให้ผมเห็นความจริงอย่างชัดเจน
นี่ผมกำลังทำผิดอีกครั้งแล้วใช่ไหม ............... พิมจันทร์ คนที่ผมรัก คนที่ผมคิดว่าฟ้าส่งมาเป็นคู่แท้ของผม คนที่ผมคิดว่าเราจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน คนที่ผมคิดว่าเราจะมีลูกหลานเต็มบ้านอย่างที่ป๊าและม๊าของผม พ่อและแม่ของพิมเป็นมาแบบนั้น แล้วตอนนี้มันคืออะไรกัน
เพียงแค่ผมไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองให้กับความทรงจำที่ฝังอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจ ถึงกับทำให้ผมต้องทำเรื่องที่ผิดต่อคนที่ผมรัก .................... แล้วโชนาหล่ะ ทรงคิดยังไงกัน สิ่งที่เราทำอยู่นี้มันถูกแล้วจริง ๆ เหรอ ผู้ชายสองคนมีความสัมพันธ์ต่อกัน โชนาไม่ทรงรู้สึกอะไรเลยจริง ๆ เหรอ
“เจ้ายังไม่นอนเหรอ” โชนาพลางกระชับผมเข้าไปในอ้อมแขน
“ท่านลีซุนคิดว่าที่เราทำมันถูกต้องแล้วเหรอขอรับ” โชนาทรงนิ่งไปซักพัก แต่ก็แค่ครู่เดียว ทรงก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากผมทีนึง “ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่เราสองคนทำอยู่มีความชอบธรรมหรือไม่ ข้าเองก็ต้องยอมรับว่าเรื่องเมื่อ 16 ปีก่อน เกิดขึ้นเพราะเจ้าเป็นเหมือนเพื่อนรักที่ข้าไม่เคยมีมาก่อน และข้าเองอยากให้ความรักตอบแทนแก่คนที่ข้ารัก สิ่งนี้คงเป็นเป็นเหตุผลให้เราเป็นของกันและกัน”
“ข้าน้อยมีคนรักแล้วขอรับ เป็นคนที่ข้าน้อยคิดจะมอบชีวิตและดูแลนางไปชั่วชีวิตของข้าน้อย” ผมพลางชันตัวลุกขึ้นนั่ง โชนาลุกขึ้นตาม “ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าคงเป็นเช่นนั้น ครั้งนี้เจ้าดูลังเล เหมือนเผื่อที่ว่างไว้ในจิตใจไว้ให้กับคนที่ไม่ใช่ข้า” โชนาดึงผมเข้าไปกอดไม่ต่างอะไรกับเมื่อ 16 ปีที่แล้ว “ข้าเองได้แต่บอกเจ้าเหมือนเช่นที่ข้าเคยบอกกับเจ้าในครั้งโน้นว่า ยุคสมัยของเราหล่อหลอมให้เราสองคนเติบโตกันอย่างแตกต่าง และข้าไม่อาจให้คำมั่นว่าเราสองคนจะจับมือกันไปชั่วนิรันด์ได้ แต่เจ้าจะช่วยรับใจของข้าไว้กับเจ้าได้หรือไม่”
ผมได้แต่มองใบหน้าของโชนาผ่านแสงสะท้องที่สาดส่องเข้ามา “ถ้าครั้งนี้ข้าน้อยต้องทิ้งท่านลีซุนไว้ที่นี่อีกครั้ง ท่านจะทำอย่างไรกัน” ผมมองเห็นแววตาวูบไหวสะท้อนออกมาให้เห็นถึงความอ่อนไหวในเจ้าของนัยน์ตา “ข้าจะทำอย่างไรได้หล่ะ อิง เจ้าคงเป็นคนที่ผ่านมาเพื่อให้ข้ารัก ซึ่งข้าก็คงทำได้เท่านั้นเอง”
เช้าวันนี้ แม้ว่าแดดออกจะแรงเอาการแต่อากาศกลับเย็นยะเยียบ ผมนั่งอยู่ตรงบันไดหน้าบ้านจ้องมองโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่งของผม มันติดมาด้วยตอนที่ผมมาที่นี่ผมพยายามปิดมันไว้เพื่อประหยัดพลังงานให้มากที่สุดและใช้เฉพาะตอนที่อยากใช้มันอย่างตอนนี้ “เราเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกันนี่คือบัญชาของสรวงสวรรค์ ให้เราต้องเจอกันในชีวิตนี้” นี่เป็นเพลงที่พิมชอบครับ พิมถึงกับวางแผนว่าปีหน้าที่เราจะแต่งกันจะใช้เพลงนี้ในงานของเรา หน้าจอโทรศัพท์เปื้อนไปด้วยหยดน้ำตาของผม
“เจ้าคิดถึงนางเหรอ” เสียงคุ้นเคยดังแว่วมา พร้อมกับโชนาที่นั่งลงลูบหัวผม “เจ้าบอกว่าเจ้าจากข้าไปเพียงแค่ 10 ปีสินะ นี่ถึงกับทำให้เราสองคนกลายเป็นห่างกันถึง 6 ปีทีเดียว แบบนี้เจ้าก็คงเป็นเหมือนน้องชายข้าหน่ะสิ” ผมช้อนหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมองครับ แปลกนะครับพอเป็นโชนาผมกลับไม่อายที่จะให้เห็นผมร้องไห้
“คนรักของเจ้านางสวยมากไหม” ผมเพียงแต่พยักหน้าตอบครับ “สวยเหมือนชุงจอนหรือดงยีหล่ะ”
“ไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดชุงจอนมาม่า ไม่ได้สดใสขนาดดงยี แต่ก็น่ารักในแบบคนยุคนั้นขอรับ มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนและทำงานเก่งด้วยขอรับ”
“แบบนั้นเชียวเหรอ เหมือนรวมชุงจอนกับดงยี ไว้ด้วยกันเลยนะ แล้วเจ้ามีคนรักกี่คนกันหล่ะ” ผมถึงกับค้อนโชนาเลยครับ ปกติพิมค้อนใส่ผมผมก็ว่าน่ารักดีนะครับ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาทำกิริยาแบบนี้ใส่คนอื่น
“ยุคสมัยของกระหม่อมเรามีคนรักครั้งละคนขอรับ” โชนารีบหันมองไปทางอื่น “เจ้าดูโน่นสิ ดอกไม้ต้นนั้นบานสะพรั่งทีเดียว เราน่าจะให้คนจัดสุราสำหรับให้เราคุยไปชมดอกไม้ไปนะ”
“ไม่ต้องทรงกังวลหรอกขอรับ ข้าน้อยรู้อยู่แล้วว่าท่านมีสนมเยอะเหมือนกับพระราชาองค์อื่น ๆ ใน
ราชวงค์โชซอน” โชนาหยุดมองหน้าผม
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพระราชาในแผ่นดินของข้าต้องมีสนมมากมายขนาดนั้น”
“เพราะต้องทรงผูกมิตรกับยังบันผ่านการแต่งงานกับบุตรีของยังบันขอรับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าช่างชาญฉลาดและมีจิตใจกว้างขวางนัก ไม่ต่างกับเฮบี จริง ๆ”
“แต่หรือนั่นเพราะเจ้ายังไม่อาจรักข้าได้เหมือนก่อน” ผมดราม่าเรื่องพิมยังไม่ทันหาย โชนาจะเอาดราม่ามาให้ผมอีกแย้วววววว
“ท่านลีซุนยังรักผู้หญิงได้คราวละตั้งหลายคน ข้าน้อยเพียงรักหญิงที่เป็นดั่งดวงใจเพียงคนเดียว คงเทียบกันไม่ได้หรอกขอรับ” ผมกระเซ้าแก้เกี้ยวไป ไม่อยากทะเลาะกันแต่เช้า
อาหารเช้าวันนี้ (น่าจะเรียกอาหารสายมากกว่าครับ คนที่นี่เค้ากินข้าวเช้าตอนเช้ามืด) มีอาหารที่บรรจงจัดแจงได้น่ารักกระจุ๊กกระจิ๊กดีครับ คงเพราะเป็นเครื่องเสวยของพระราชาเค้าเลยประณีตเป็นพิเศษหน่ะครับ
“เจ้าจะใช้ช้อนไหมอิง” คงเห็นผมเก้ ๆ กัง ๆ หน่ะครับ
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าน้อยจะกลับมาหัดใช้ตะเกียบไม่รู้จะต้องอยู่ที่นี่นานขนาดไหน” โชนาคาตะเกียบไว้ในปากแล้วหยุดมองหน้าผม ดูท่าผมคงทำงานกร่อยอีกแล้ว
“ชอยฮังอาขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะโชนา” เชวแทกัมเข้ามากราบทูล
“ให้นางรอซักครูข้าขอให้เสร็จจากมื้อเช้าก่อนก็แล้วกัน” ผมเห็นโชนาลอบมองสีหน้าผมครับ
“ให้นางร่วมเครื่องเสวยด้วยก็ได้หนิขอรับ”
“เจ้าจะไม่เป็นไรจริง ๆ นะ ข้ายังจำตอนเจ้าหึงข้ากับอ๊กจองได้ดีนะอิง ทำเอาข้าเกือบตาย”
“เอิ่มม ............ อะไรลืมได้ก็ลืมไปบ้างเถอะขอรับ” จะฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไมเนี่ยยยยยยยยย ก็ตอนนั้นมันเด็กอ๊า น่าอับอายจริง ๆ
ซักพักเราสามคนก็มานั่งกินข้าวพร้อมกันครับ “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องด่วนอันใดหรือไม่ดงยี”
“เดี๋ยวนี้หม่อมฉันจะเข้าเฝ้าต้องมีธุระด้วยหรือเพคะโชนา” นั่นไงหล่ะ ว่าแล้วววววววว
“อ่ะ เอ่ออออ ไม่หรอกข้าก็เพียงแต่ถามไปงั้นเอง เจ้าลองชิมนี่สิ” โชนาพลางหยิบอาหารใส่ปากดงยี ดงยีก็ฮาดีนะครับ เหมือนกำลังถูกเอาอาหารยัดเข้าปากไม่หยุดเลย
“ฮิ ฮิ” ผมอดขำในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ครับ โชนาขยับปากว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะอิง”
บ่ายวันนี้ผมพา ดงยี มาเดินเที่ยวที่ตลาด เพราะโชนาต้องรีบเสด็จกลับเข้าวังไปปฏิบัติราชกิจต่อ จริง ๆ ต้องบอกว่า ดงยี พาผมมามากกว่าผมจำทางไม่ได้หรอกครับ
“แล้ววันนี้เจ้าไม่ทำงานเหรอ” ผมแปลกใจเพราะเห็นดงยีก็ใส่ชุดฮังอามาหน่ะครับ
“อ่อ ข้าต้องเอาใบสั่งวัตถุดิบอาหารมาให้ นายห้างใหญ่ นอกวังพอดีนะ ข้าเลยออกมาได้เลยไม่ต้องกลับเข้าไปทำงาน” ดูเหมือนดงยีจะไม่ค่อยได้เดินเที่ยวนะครับ หรือเป็นนิสัยผู้หญิงก็ไม่รู้ที่จะแวะดูทุกอย่างข้างทาง
“เจ้าอยากได้เหรอ” ดงยีหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายปิ่นปักผมครับ
“อื้มม แต่คงแพงเกินไปแค่เบี้ยหวัดฮังอาอย่างข้าไม่พอเจียดเงินมาซื้อของแพงแบบนี้หรอก แทกัม”
“เอาไหมหล่ะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้” ผมได้ตังค์มาไม่ค่อยได้ซื้ออะไรกับเค้าหรอกครับ
“จริงนะ !! …………. แต่ อื้ออ ไม่ดีกว่า” ดงยีป่องแก้มไปพูดไปครับ น่ารักดี
“ไม่ต้องบอกให้โชนาทรงทราบหรอก” ผมเข้าใจความกังวลข้อนี้ดีครับ คงจะกลัวว่าเป็นการให้ผู้ชายคนอื่นซื้อของกำนัลให้อะไรทำนองนี้หน่ะครับ
“อื้มมม .......... อย่าเลยแทกัม” ผู้หญิงโบราณนี่เค้าดีนะครับ จงรักภัคดีต่อความรักมาก
“แล้วจริง ๆ ท่านเป็นอะไรกับโชนาอ่ะ” โห ถามอะไรเนี้ยยยยยยยยยยยย ยืนทำตาแป๋วถามมาได้หน้าตาเฉย
“เป็นอะไรคืออะไรอ่ะ” ผมเริ่มระล่ำระลัก
“แทกัม .................ท่านเป็นแค่เพื่อนกับโชนาจริง ๆ นะเหรอ” ดงยีเริ่มต้อนผมให้จนมุม
“ก็เพื่อนนะสิ ............ ผู้ชายกับผู้ชายจะให้เป็นอะไรกันได้”
“เจ้าดูโน่นสิ มีการแสดงอะไรก็ไม่รู้” ผมรีบตัดบท ลากดงยีไปดูการแสดงนั่นแทน
มีคนเดินบนเชือกด้วยนะครับ เค้าทำท่าเหมือนแบบจะหล่นจากเชือกให้คนผวากันเล่นด้วย
“แทกัม ดูนั่นสิ เจ๋งมากเลยอ่า” ดงยีดูตื่นตาตื่นใจมากเลยครับ แต่น่าแปลกนะครับ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามนั่น ตามเรามาได้ซักพักแล้ว
“เจ้าระวังนะดงยี พี่คิดว่ามีคนตามเรามา” ตามสัญชาติญาณครับ ผมรีบพาดงยีออกมาจากกลุ่มคน รีบหาทางกลับไปที่ตำหนักนอกวัง
“ท่านแน่ใจเหรอ แทกัม ว่ามีคนตามเรามา”
“อื้มม เจ้ารีบนำทางกลับตำหนักนอกวังเถอะ ดูท่าทางที่นี่จะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่” พอขาดคำผมเท่านั้นแหล่ะครับ กลุ่มคนติดอาวุธไม่น่าต่ำกว่า 5 คนเดินออกมาจากทางแยก
“พวกเจ้าต้องการอะไร !!” ผมรีบเอาตัวบังดงยีไว้
“ข้าเพียงต้องการหญิงชั้นต่ำนั่นเท่านั้น ข้าไม่ได้มีธุระอะไรกับเจ้า” คนที่ดูเหมือนหัวหน้าเริ่มพูดออกมาก่อนครับ
“บังอาจนัก กล้าเรียกผู้หญิงของโชนาว่า หญิงชั้นต่ำอย่างนั้นเหรอ พวกเจ้าชักจะกำแหงเกินไปละ” ผมจำมาจากละครครับ ขู่พวกมันไปก่อน ถ่วงเวลาครับ มีดดาบทั้งนั้น
แต่เหมือนไม่ได้ผลครับ กลุ่มโจรนั้นกระซวกมีดเข้ามา แม้ผมจะไม่มีอาวุธแต่ก็สู้ไม่ถอยหรอกครับ เตะได้เป็นเตะ ต่อยได้เป็นต่อย ถ้าไม่ติดว่ามีดงยี จะทางสะดวกกว่านี้อีกนะครับ
แต่ถึงผมจะมีสิบมือสิบหัว แต่นี่ดาบห้าเล่มสลับกันแทงเข้ามาไม่หยุด ผมก็เพลียนะครับ แชมป์เทควันโด้
นะคร้าบบบบ มะใช่แชมป์ฟันดาบ พอได้จังหวะผมชิงรีบจับมือ ดงยี วิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต
อยู่ดี ๆ ก็เหมือนพระมาโปรดครับ มีพี่แต่งตัวเหมือนชุดองค์รักษ์โดดมาช่วยเราไว้ “อิงแทกัม ท่านหนีไปก่อน คุ้มครอง ชอยฮังอาไว้ด้วยนะขอรับ” ใครกันนะ ผมรู้สึกคุ้นมาก แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลามารำลึกความหลังอะไร ผมรีบพา ดงยี วิ่งต่อละครับ พี่คนนั้นดูเชี่ยวชาญการใช้ดาบมาก ยังดีด้วยแหล่ะครับที่ผมเตะ ๆ ต่อย ๆ พวกนั้นได้บ้างทำให้พวกนั้นอ่อนแรงลง เจอผมเข้าไปไม่แขนก็ขาต้องหักบ้างแหล่ะครับ พูดแล้วจะหาว่าคุย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ได้ผลครับ พวกนั้นหนีไปหมดแล้ว พี่องค์รักษ์นั่นเดินเข้ามาหาพวกผม
“พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าขออภัยจริง ๆ ถ้าหน่วยองค์รักษ์เราไม่ต้องอารักขาเชื้อพระวงศ์ที่กำลังแปรพระราชฐานหลายพระองค์แบบนี้ ข้าคงไม่ปล่อยให้ชอยฮังอาเจอกับเรื่องแบบนี้ได้”
“ขอบคุณท่านมาก ควอนแทกัม” ดงยีตอบไปอย่างคนคุ้นเคย
“ควอนแทกัมเหรอ ....................” ผมค่อย ๆ นึกทบทวนความจำ
“พี่แจฮิน !! …….. ไม่เจอกันเสียนาน พี่สบายดีไหมครับ” ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่เจอกันนานมาก แต่พี่เค้าก็ดูเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ทั้งเครื่องแต่งกายที่แสดงถึงองค์รักษ์ขั้นหนึ่งซึ่งอยู่เหนือคนนับหมื่นและวัยที่ต่างออกไปมาก
“โหย พี่ บารมีจับจริง ๆ ข้าแทบจำพี่ไม่ได้ ...................... เอ่อ ตอนนี้ข้าเรียกท่านว่าพี่ได้แล้วสินะ” หึ หึ
เซจาโชฮา ทำให้ผมพ้นจากความเป็นข้ารองบาทของโชนามาได้แล้ว
“อิงแทกัม ข้าได้ยินว่าท่านฟื้นแล้ว ยังคิดว่าจะไปเยี่ยมท่านอยู่เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าเราจะได้มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ ท่านดูแข็งแรงยิ่งกว่าที่ข้าคิดนะ” หึ หึ คนส่วนใหญ่จะคิดว่าผมคือ อิงแทกัม ที่นอนหลับตัวแห้งอยู่ในตำหนักหน่ะครับ เลยไม่คิดว่าผมจะดูสุขภาพดีขนาดนี้
“แต่ท่านจะเรียกข้าน้อยว่า พี่ ไม่ได้หรอกนะขอรับ ความจริงเป็นเช่นไร เป็นสิ่งที่เหล่าบริวารทราบกันอยู่แล้ว” เฮ้อออ จะย้ำทำไมน้า
“ทำไมละเจ้าคะ ควอนแทกัม ทำไมอิงแทกัม เรียกท่านว่าพี่ไม่ได้” เอาอีกแล้ว เจ้าหนูจำไม มะถามซักเรื่องไม่ได้หรา
“อ่ะ เอ่อ .......” คราวนี้คนที่ลำบากใจกลับกลายเป็น ควอนแทกัมแทนครับ
“ไหน ๆ เราก็เจอกันละ ไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า” ผมตัดบทไปครับ เดี๋ยวแม่หนูตาแป๋วจะถามคำถามพิลึก ๆ ชวนอึดอัดอีก
------------------------------------------------------ ตำหนักธิดาเทพ
ภายในตำหนักธิดาเทพ ที่ปิดทั้งประตูและหน้าตาอย่างแน่นหนา ลอยฟุ้งไปด้วยควันธูปและเสียงสวดมนต์ของเหล่าธิดาเทพ ทั้งเยาว์วัยและทรงวัยวุฒิ
"การอารักษ์ขา อิงแทกัมเป็นได้ความเรียบร้อยหรือไม่" หญิงสูงวัย แต่งกายด้วยอาภรณ์ สีทองคำ เอ่ยถามขึ้น
"เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยขอรับมามะนิม" ควอนแจฮิน เอ่ย ตอบออกไป อย่างสัมรวม
"รวบกวนท่านหน่อยก็แล้วกัน อย่าให้ผิดพลาดอย่างคราวที่แล้วหล่ะ การที่จะดึงอิงแทกัมมาจากโลกหน้าได้ ต้องใช้พลังของพวกเราอย่างเหล่าธิดาเทพไปมากมาย คิดเสียว่าท่านทำเพื่อชาติบ้านเมืองของเราก็แล้วกันนะ ควอนยองกัม"
"มิเป็นไร มิได้ขอรับ มามาะนิม บุญคุณของท่านที่มีต่อตระกูล ควอน มิอาจเทียบได้กับสิ่งที่ข้าทำให้กับท่านได้ ข้าน้อยจะปกปักษ์รักษา อิงแทกัม อย่างดีขอรับ มามะนิม โปรดวางใจ"
"ดีมาก ฝากท่านด้วยก็แล้วกัน" ชิมมุนยิม นายหญิงแห่งตำหนักธิดาเทพหันไปสวดอ้อนวอนต่อฟ้า ประสานเสียงกับเหล่าธิดาเทพผู้เป็นบริวารต่อไป
ความคิดเห็น