คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ลังเล
---------------------------------------- ส่วนงานสอบสวนฝ่ายใน -------------------------------------------
พอออกจากตำหนักใหญ่ผมก็เดินถามทางมาเรื่อย ๆ เพราะจากที่ เชวแทกัม บอกคือ ฮังอาชื่อ ดงยี อยู่ที่ส่วนงานสอบสวนฝ่ายใน ผมต้องมาพบเค้าเพื่อที่จะได้ติดต่อกับ เฮบีมาม่า ได้อย่างสะดวก พอมาถึงส่วนที่เป็นงานสอบสวนผมก็ถามเอากับ ฮังอาที่เฝ้าอยู่หน้าประตู
“เอ่อ ............ คือพี่อยากจะขอพบ ฮังอาที่ชื่อ ดงยีน่ะ น้องพอจะรู้จักไหม”
“กรี๊ดดดดดด อร๊ายยยยยยยยยย” นั่นอะไรกันตอบไม่ตอบ กรี๊ดกร๊าด กันใหญ่
“เอ่อ ขอโทษนะ ............ คือพี่อยากจะขอพบ ฮังอาที่ชื่อ ดงยีน่ะ”
“กรี๊ดดดดดด อร๊ายยยยยยยยยย” เอ่อ วันนี้จะรู้เรื่องไหมเนี่ย
“เอะ อะเสียงดังอะไรกัน เป็นถึงฮังอาแต่กลับไม่มีความสำรวม” มีเจ๊ซังกุงชุดสีฟ้า เดินออกมาตวาดครับ ฮังอาสองคนนั้นหน้าหงอไปเลย
“เอ่ออ ........... แล้ว แทกัมมายิม ท่านมีธุระอันใดกับส่วนงานสอบสวนฝ่ายในหรือเจ้าคะ” เจ๊ซังกุงเปลี่ยนน้ำเสียงแจ่มใสขึ้นมาในบัดดลครับ
“ข้าอยากมาขอพบนางในที่ชื่อ ดงยี”
“เชิญทางด้านในก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ไปพบมะมะนิมของเราก่อน” ทำไมจะเจอฮังอาซักคนถึงได้ยากเย็นแบบนี้นะ พบก็เดินตามซังกุงเข้าไปด้านในของส่วนงานครับ หน้าตาเหมือนเป็นตำหนักย่อม ๆ เลยครับและก็มีแต่พวกฝ่ายใน ไม่มีผู้ชายซักคน มีแต่เสียงกระซิบกระซาบเต็มไปหมด ปกติผมก็เคยชินกับการมีคนพูดถึงในระยะประชิดตัวอยู่แล้วนะครับ แต่ก็ไม่เคยเจอชนิดเหมือนเสียงจิ้งหรีดเจ้ยแจ้วขนาดนี้ แต่พอซังกุงที่พาผมเข้าไปส่งสายตาพิฆาตเข้าไปแค่นั้นแหล่ะครับ เสียงเงียบไปเลย ซักพักผมก็เดินเข้ามาถึงด้านในสุด มีซังกุงชุดเขียวเข้มนั่งอยู่ครับ
“แทกัมมานยิมมาขอพบ ชอยฮังอา เจ้าค่ะมามะนิม” ซังกุงที่นำทางผมมารายงานให้คุณยายซังกุงหน้าดุนั่นฟังครับ ซังกุงคนนั้นก็พยักหน้า แล้วก็ลุกขึ้นครับ
“ขอเชิญทางนั่งจิบน้ำชาก่อนเจ้าค่ะ แทกัมมานยิม” เอ๋ .......... นั่งในที่นั่งที่เป็นของซังกุงคนนี้เหรอ
“อ่ะ เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะเสียมารยาทต่อท่านนะสิ” ผมเกรงใจครับเค้ารุ่นยายเลย จะให้เค้าลุกให้เรานั่งมันแปลก ๆ น่ะครับ
“ท่านอย่าเกรงใจเลยเจ้าค่ะ ข้าเสียอีกที่ต้องรับใช้ท่านอย่างดี ถ้าท่านไม่ยอมนั่งแล้วใครมาเห็นเข้า ข้าซึ่งเป็นผู้รักษากฎของฝ่ายในเอง จะถูกติฉินนินทานะเจ้าคะ” คุณยายซังกุงพูดไปยิ้มไปครับ น่ารักมากทำให้อดคิดถึงอาม่าของผมไม่ได้ ผมก็เลยตามเลยครับ นั่งตรงที่เค้าให้นั่งนั่นแหล่ะ
“ได้ยินว่าท่านอยากเจอ ชอยฮังอา ใช่ไหมเจ้าค่ะ หนิ มินซังกุง ไปตามนางมาพบกับแทกัมมานยิม ทีสิ” แล้วซังกุงที่พาผมเข้ามาก็เหมือนจะออกไปตาม ฮังอา คนนั้นมาให้ครับ
“ที่นางต้องเชิญ แทกัม เข้ามาเพราะว่า ที่นี่เป็นฝ่ายตรวจสอบ หน่ะเจ้าค่ะเรามีกฎเกณฑ์เข้มงวด โดยเฉพาะกับฮังอา ซึ่งเป็นผู้หญิงของชูซังโชนา”
“อ่อ ขอบคุณท่านมาก”
ซักพักก็มีฮังอาเดินเข้ามาครับ พบแทบจะละสายตาออกจากรูปหน้าอันงดงามนี้ ไม่ได้ ริมฝีปากบางเฉียบ จมูกคมเป็นสัน ดวงตากลมโต ผิดกับผู้หญิงโชซอนทั่ว ๆ ไป ทรวดทรงองเอว สวยไม่แพ้ชุงจอนมาม่า (จางอ๊กจอง)เลยทีเดียว และดูแล้วก็ยังเด็กอยู่เลยอายุน่าจะราว ๆ 16
“เจ้ามาแล้วเหรอ ชอยฮังอา แทกัมมานยิมอยากพบเจ้าแหน่ะ เอ่อ งั้น ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ เชิญท่านตามสบาย” แล้วคุณยายซังกุงก็ออกจากห้องไปครับ
“เอ่อ เจ้าคือ ดงยี สินะ ชูซังโชนา มีพระราชบัญชาให้ข้า ........................” แล้วผมก็ต้องหยุดพูดครับ เพราะดงยี ขยิบตาใหญ่แล้วเอามือชี้ไปตรงประตู อ่อ ................... อื้มม มีคนแอบฟังพวกเราอยู่สินะ ผมหันไปหันมา ก็มีพู่กันกับกระดาษวางไว้บนโต๊ะพอดี คุณยายซังกุงคงกำลังทำงานค้างไว้ครับ ผมเลยเขียนแทนพูดนัดให้ ดงยี ไปคุยกับผมตอนกลางคืนที่นอกวัง จะได้ไม่มีใครดักฟังแบบนี้
แต่พอผมจะเดินออกจากห้องนี่สิครับ ดงยี กลับดึงผมไว้ แล้วเขียนในกระดาษบอกกับผมว่า ช่วยพาเค้าออกไปพร้อมกับผมตอนนี้เลยได้ไหม เอ แล้วผมจะใช้เหตุผลว่าอะไรดีหล่ะ ผมเปิดประตูออกไปพบกับคุณยายซังกุงที่ยืนรออยู่
“คือข้ารู้สึกปวดศรีษะหน่ะ ข้าอยากจะขอให้ ชอยฮังอา ไปส่งข้าไปยังสำนักหมอหลวงทีหน่ะ” ผมพูดพลางขยิบตาให้ ดงยี
“อ่อ เอ่อ แทกัมมานยิม” คุณยายซังกุงยังคงแบ่งรับแบ่งสู้ครับ
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมทวีความสำออยเพิ่มขึ้นไปอีก
“เอ่อ ข้าคงต้องพา แทกัมมานยิม ไปพบหมอหลวงก่อนหน่ะเจ้าคะมามะนิม” ดงยีรับมุกครับ แล้วรีบทำท่าพยุงผมออกจากที่นั่น
พอเราสองคน ออกมาจากที่นั่นได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ดงยี หัวเราะไม่หยุดเลยครับ
“ท่านเล่นละครเก่งมากเลย อิงแทกัม” ยิ่งหัวเราะยิ่งน่ารักครับ
“เจ้ารู้จักชื่อข้าด้วยเหรอ” ผมถามแก้เขินครับ เดี๋ยวดงยี จะรู้ว่าผมแอบมองหน้าเค้า
“อื้มม โชนา บอกเรื่องท่านกับข้าไว้แล้วหล่ะ และที่ข้าต้องขอให้ท่านพาข้าออกมาด้วยเพราะถ้าขืนอยู่ต่อ ต้องโดนพวกซังกุงและฮังอาที่เป็นฝ่ายของ ชุงจอนมาม่าคาดคั้นแน่ ๆ ว่าข้าพยายามติดต่อกับ เฮบีมาม่าอยู่หน่ะ”
“เอ่อ ............... เทกัม โชนาให้ท่านมาหาข้าอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ แล้วโชนา ทรงตรัสอะไรบ้างเจ้าคะ”
“อ่ะ เอิ่มม อื้มม ทำนองนั้นหน่ะแหล่ะ แต่ไม่ได้ทรงตรัสอะไรมาก บอกว่าถ้าข้าจะติดต่อกับเฮบีมาม่า ข้าควรจะติดต่อผ่านเจ้าหน่ะ” ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่า ดงยี ทำหน้าผิดหวังนะ
“ท่านคือ อิงแทกัม ใช่ไหมเจ้าคะ”
“อื้มมม ใช่ รู้จักข้าด้วยเหรอ”
“โชนา ทรงเคยตรัสถึงท่านเกี่ยวกับเพื่อนในวัยเด็ก น่ะเจ้าค่ะ ทรงตรัสเสมอถ้าท่านฟื้นขึ้นมาก็คงจะดี” อื้มม ถึงกับเคยเล่าความในใจให้ฟัง ทั้งที่โชนาทรงดุขนาดนั้น แสดงว่าความสัมพันธ์คงไม่ธรรมดา แล้วหล่ะ
“เอา เถอะ แล้วข้าจะไปพบเฮบี มาม่าได้ที่ไหนกันหล่ะ”
------------------------------------------------- บ้านของเฮบีมาม่า -------------------
ผมนั่งอยู่ในบ้านของ เฮบีมาม่า อดีตมเหสีของโชนา แม้ว่าตอนนี้เค้าจะไม่มียศศักดิ์อะไรแล้ว แต่บ้านที่อยู่นี้ก็ไม่ได้ถือว่าเสื่อมเกียรติอะไร คงเพราะตระกูลของ เฮบีมาม่า เป็นตระกูลขุนนางใหญ่ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ภายในห้องตกแต่งด้วยเครื่องเรือนและม่านกระดาษที่แสงสว่างสามารถทะลุผ่านได้ รอบ ๆ ตัวเฮบีมาม่ามีซังกุงและฮังอาที่เคยติดตามเฮบีมาม่าตามมาคอยรับใช้ด้วยความภัคดีอย่างไม่เสื่อมคลาย
“ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านกลับมา” เฮบีมาม่า ทรงกล่าวกับผมทั้งน้ำตา
“ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก ข้าก็มีเพียงแต่ ดงยี และขุนนางฝ่ายโซรนที่ยังภักดีกับข้าเท่านั้น ที่คอยช่วยเหลือข้าเสมอมา และข้าดีใจเหลือเกินที่วันนี้ ท่านยังคงอยู่เคียงข้างข้า เหมือนที่ที่แล้วมา อิงแทกัม”
“หม่อมฉันเอง ก็กลับมาได้ด้วยพระเมตตาของโชนา ที่ยังทรงห่วงใยเฮบีมาม่าอย่างไม่เสื่อมคลายพะยะค่ะมาม่า” ผมก็พูดไปตามความจริงครับ เพราะโชนาส่งผมมาจริง ๆ นี่นา แล้วก็ได้ผลครับ เฮบีมาม่า หน้าตาแจ่มใสขึ้นมาก
“เอ่อ พวกเจ้าออกไปรอข้างนอกซักครู่ได้ไหม ข้ามีราชการลับจะมอบหมายให้กับ อิงยองกัมหน่ะ” ทรงตรัสกับบริวารทั้งหลาย
“เพคะมามะ” พวกนั้นก็ลุกถอยหลังออกไป แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้สวมใส่อาภรณ์แห่งเกียรภูมิแห่งฝ่ายในเหลือแต่เพียงชุดขาว แต่ธรรมเนียมปฏิบัติทุกอย่างยังคงถูกรักษาไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อให้สมพระเกียติ เฮบีมาม่า แห่งโชซอน
“ข้ามีเรื่องอยากจะฝากฝังและอธิบายให้ท่านเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ ดงยีและโชนา หน่ะ”
“จริงอยู่ว่าฝ่าย โซนน คิดจะใช้ความรักที่โชนามีต่อนาง เป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูอำนาจ อย่างไรก็ตามข้าขอให้ท่านเข้าใจว่า ข้าเองไม่ได้ต้องการเห็นนางเจ็บปวดจากเรื่องการเมืองเช่นเดียวกับที่ ข้าและชุงจอนมาม่า (จางอ๊กจอง) เจอมาเช่นเดียวกับข้า เมื่อโชนาหมดรักหญิงผู้ใดแล้ว โชนาก็ทรงเป็นเพียงพระราชาไม่ใช่สามีของใครอีกต่อไป ท่านเองก็เป็นคนของโชนาเช่นเดียวกับข้า ข้าเองอยากจะขอฝากฝังนางไว้กับท่าน เช่นกัน”
เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริง ๆ ด้วยความสัมพันธ์ของดงยีกับโชนา ก้าวหน้าไปไกลแล้ว
“อย่างทรงเป็นห่วงเลยพะยะค่ะ มาม่า หม่อมฉันจะคุ้มครองนางเอง”
“ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านมีจิตใจกว้างขวางเช่นนี้แทกัม” เฮบี มาม่าทรงแย้มยิ้มออกมา เป็นเพราะตัวผมเองรู้อยู่แล้วน่ะครับว่า ดงยี จะกลายเป็นพระสนมซุกบิน แม่ของพระราชา ในอนาคต หน้าที่ของผมจึงมีแต่เพียงทำให้มันเป็นไปตามนั้นเท่านั้นเอง
“โชนาเอง ทรงกำลังวางแผนการเพื่อคืนอำนาจให้กับฝ่ายโซนน ขอเฮบีมาม่าทรงอดทน เพื่อที่จะได้กลับไปเป็น ชุงจอน อีกครั้งนะพะยะค่ะมาม่า”
“ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณท่านมากจริง ๆ ” เฮบีมาม่าเริ่มเปิดก๊อกน้ำอีกละครับ ร้องไห้ง่ายจริง ๆ ผิดกับเมื่อก่อนที่มักจะปิดบังความรู้สึกคงเพราเจอเรื่องไม่ดีมาเยอะน่ะครับ
------------------------------------------- ตำหนักนอกวัง บ้านอิงแทกัม ----------------------------
ผมพาดงยี กลับมาที่บ้านด้วยครับ ไหน ๆ ก็จะร่วมงานกันแล้วน่าจะทำความรู้จักกันไว้ (ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ นะ ไม่ได้โกหก ไม่เกี่ยวกับที่น้องมันน่ารักเลยซักนิด เอ๊า จิง จิ๊งงงง)
แม่บ้านผมก็แสนดีครับ เตรียมอาหารไว้หลายอย่างมาก ประจวบกับผมนัด ชิน ไว้อยู่แล้วด้วยครับว่าวันนี้จะมาทานข้าวเย็นกันที่บ้านผม
“อ่อ ชินก็รู้จัก ดงยี อยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ” กลายเป็นทุกคนคุ้นชินกันอยู่แล้ว
“ข้าน้อยเอง ก็เคยมาเฝ้าโชนาที่นี่ตอน ท่านยังหลับอยู่หน่ะเจ้าค่ะ แทกัม แต่ข้าเองไม่เคยเห็นท่านหรอกนะเจ้าคะ แจยองกัมบอกว่า จะเป็นการรบกวนท่านน่ะเจ้าค่ะ”
“อื้ม เอาเถอะ ก็ถือว่าเราจะได้มาเริ่มรู้จักกันในวันนี้ เชิญทุกคนท่านอาหารให้อร่อยเถอะ แต่ว่า ชินเถอะ พี่ไม่ยังไม่เคยเจอภรรยาของชินเลยหน่ะ”
“ท่านอยากเจอเหรอขอรับ นางไม่ค่อยได้ออกไปไหนหรอกขอรับ หญิงที่แต่งงานแล้วมักจะอยู่แต่กับบ้านหน่ะขอรับ ไม่แก่นเซี๊ยว เหมือนชอยฮังอาหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชิน พลางเหลียวไปมอง ดงยี อย่างเอ็นดู เค้าคงเป็นเหมือนน้องสาวคนเล็กของแก๊งหน่ะนะครับ
“ชูซังโชนา เสด็จแล้ววววววววววววว” มีเสียงตะโกนเข้ามาครับ อยู่ ๆ โชนาเสด็จมาได้ยังไงกันนะ
โชนาเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดลำลองของยังบันหน่ะครับ (ชุดฮันบกสำหรับชายชั้นสูง)
“เจ้ายังคงติดนิสัยเปิดประตูและหน้าต่างทุกบานไว้ เวลาทานอาหารเหมือนเดิมนะอิง ลมเย็น ๆ แบบนี้มันจะทำให้เจ้าป่วยเอานะ” จริงอย่างโชนาว่าครับ ผมมักจะหน้าต่างไว้เพื่อชมวิว เวลาทานข้าวไปด้วยหน่ะครับ
“ท่านลีซุน จู่ ๆ ทำไมมาถึงนี่ได้หล่ะขอรับ”
“ท่านลีซุนเหรอเจ้าคะ” ดงยีเผลอหลุดปากออกมาเบา ๆ
“อ่อ ข้ากับ อิงแทกัม สนิทกันมากหน่ะ อย่างที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังบ่อย ๆ ไง” ทำไมอยู่ ๆ โชนาจะต้องดูตื่นตูมเหมือนมีความผิดนะ โดยเฉพาะต่อหน้าดงยี
“อ่ะ เอ่อ ทุกคนตามสบายเถอะ” ทุกคนก็นั่งลงครับ แม่บ้านจัดอาหารเพิ่มให้กับโชนาด้วย
เป็นมื้ออาหารเย็นที่สนุกนานมากครับ ทุกคนก็พูดจากันอย่างสนุกสนานครับ ซักพักแม่บ้านก็เตรียมสุราอุ่น ๆ มาให้ครับ (คนที่นี่เค้ากินกันแบบร้อนครับ เพราะบ้านเมืองเค้าหนาว)
“เดี๋ยวข้าน้อยจะต้องขอตัวกลับเข้าไปในวังก่อนนะเจ้าคะ ไกล้จะได้เวลาที่ฮังอาต้องกลับที่พักแล้ว” อื้มม จริงสิ นี่ก็ดึกแล้วจริง ๆ ด้วย
“อ่อ เดี๋ยวพี่ไปส่งก็แล้วกันนะ เป็นผู้หญิงเดินคนเดียวมันอันตราย” แหม ก็ผมสัญญากับ เฮบีมาม่าไว้แล้วว่าจะคุ้มครองน้องเค้า และไม่รู้ด้วยว่าฝ่ายโซรนจะทำอะไรไม่ดีอีกหรือเปล่า
“เจ้าเดินกลับพร้อมข้าดีกว่า ดงยี” เป็นโชนาตรัสขึ้นมาครับ อ่อ ผมลืมไปนี่แฟนเค้านิเน๊อะ
“วันนี้จะไม่ทรงค้างที่นี่เหรอพะยะค่ะโชนา” ชินทูลถามครับ
“อ่ะ เอ่อออออ” โชนาดูอึกอักครับ ผมไม่เข้าใจในสถานการณ์นี้เลย
“เดี๋ยวหม่อมฉันเดินไปส่ง ชอยฮังอา เองพะยะค่ะโชนา เพราะหม่อมฉันต้องกลับไปที่กรมแนซีอยู่แล้ว จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตของ ชุงจอนมาม่า ด้วยพะยะค่ะ” เหมือนชินจะพูดถูกนะครับ เป็นเหตุผลที่ โชนา ทรงเถียงไม่ออก
“ก็แยกกันกลับคนละทางก็ได้นิขอรับท่านลีซุน” เท่านี้ก็หมดเรื่องละครับได้กลับพร้อมกัน แล้วไปเจอกันอีกทีในวัง
“อ่ะ เอ่อออ” อะไรกันเนี้ย ตอนอยู่ในวังยังวางท่าดุอย่างกับอะไรดี ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูลน ๆ อึกอัก ๆ บอกไม่ถูก
ซักพักโชนาและดงยี ก็เหมือนจะไปล่ำลากันที่หน้าประตูบ้านครับอาลัยกันซะเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วในชีวิตนี้ ทำให้ผมนึกถึงเพลง เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน 14 ของเสกโลโลเลยครับ
“ไม่กลับวังเหรอขอรับท่านลีซุน” หลังจากชินพาดงยีไปส่งแล้ว ผมก็ งง กับโชนาที่กลับเข้ามาอยู่ในบ้าน
“ใจคอ เจ้าจะไล่ข้ากลับวังให้ได้ใช่ไหมวันนี้”
“ก็ท่านลีซุนมาหา ดงยี ไม่ใช่เหรอขอรับ”
“ใครบอกว่าข้ามาหานาง ข้าจะรู้ได้เช่นไรว่านางอยู่ที่นี่ ข้ามาหาเจ้าต่างหาก”
“มาหาข้าด้วยเรื่องอะไรเหรอขอรับ มีอะไรให้ข้าช่วยทำอย่างลับ ๆ อีกแล้วเหรอ”
โชนาไม่ตอบครับ เดินไปนั่งตรงชานบ้านแล้วห้อยขาลง “เข้ามานั่ง ข้าง ๆ ข้านี่สิ อิง” ผมเดินตามเข้าไปนั่งข้าง ๆ โชนาครับ
“ทำไมเดี๋ยวนี้เวลาเราคุยกันเรากลับไม่เข้าใจตรงกันเมื่อเช่นก่อน”
“ยังไงหล่ะขอรับ” ยิ่งพูดยิ่ง งง
“ทำไมเดี๋ยวเจ้าถึงได้ตีความหมายคำว่า เพื่อน ของเราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ หล่ะ”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ หนิขอรับ หรือท่านลีซุนจะให้เป็นอย่างอื่น” ผมแทบจะไม่อยากนึกถึงเรื่องตอนนั้นอีกแล้วครับ ผมว่ามันก็เป็นเหมือนประสบการณ์อันนึงในวัยเด็กมากกว่า
“ในชีวิตของเจ้าข้าอาจจะหายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ในชีวิตของข้าเจ้าไม่เคยจากไปไหนเลยอิง เจ้ายังคงนอนอยู่ตรงนั้นที่เดิมในห้องนั้น เมื่อข้ามีเรื่องทุกข์ใจเมื่อใดข้าก็มักจะมาระบายให้เจ้าฟัง ไม่ต่างอะไรกับเมื่อครั้งที่เรายังเยาว์วัยกัน” ดวงตาคมกริบนั้นมองมายังใบหน้าผม ลมหายใจอุ่น ๆ ระบายรดลงบนแก้มรดลงบนต้นคอของผม
“ถ้าเจ้าไม่ได้รักข้าอย่างคนรักเหมือนก่อนแล้ว ข้าก็จะไม่ฝืนใจเจ้าหรอกนะ แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าเองไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”
ริมฝีบางบางนั้นประทับลงบนที่ที่คุ้นเคย ภายใต้แสงดาวและแสงจันทร์ที่เล็ดลอดใบไม้ทามทาบเงามายังเราทั้งสอง
ความคิดเห็น