คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : เจอกัน
“เซจาโชฮา เสด็จแล้ว” ผมยังไม่ทันตั้งสติได้ ก็มีเสียงตะโกนออกมาจากใน ตำหนักทงตงกุง
“ยองกัม ท่านมาหลบมาทางนี้ก่อน” ชินลากผมหลบไปข้างทางครับ
ซักพักก็มีเด็กคนหนึ่งเดินออกมา แต่งตัวด้วยชุดรัชทายาท และมีขบวนเสด็จตามด้วย ฮังฮาและแนซี มากมาย ไม่ผิดไปจากภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วซึ่งผมพบเห็นจนชาชิน
โชฮาองค์นี้มีรูปหน้าและรูปร่างถอดแบบออกมาไม่ผิดไปจากพระราชาซุกจง ผมเผลอมองหน้าโชฮาอย่างเสียมารยาท ไม่ต่างอะไรกับโชฮา ที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“ท่านอา ท่านฟื้นแล้วเหรอขอรับ” ท่านอาเหรอ โชฮาตรัสกับใครกัน ผมเหลียวไปมา ก็ดูท่าคงจะเป็นผมซะแล้วหล่ะ
“ข้าดีใจเหลือเกินที่ในที่สุดข้าก็มีโอกาสพบกับท่านอา”
“อ่ะ เอ่อ ท่านอาเหรอ พะยะค่ะโชฮา” ผมมึนครับ ผมทันไปมีหลานโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ยองกัม ตอนท่านหลับไปน่ะ โชฮาเคยตามเสด็จชูซังโชนาไปเยี่ยมท่านบ่อย ๆ ” หลับไปอย่างนั้นเหรอ ผมพลางมองหน้าชินครับ ในยุคสมัยของโชซอน ผมหลับไปนานขนาดไหนกันนะ
“ท่านอาคงจะมาเข้าเฝ้าอาป้ามามา สินะขอรับ”
“อิงยองกัมคงเพิ่งฟื้นน่ะพะยะค่ะโชฮา เลยยังดูสับสนอยู่”
“เป็นเช่นนั้นเหรอ งั้นฝากแจยองกัม ช่วยดูแลท่านอาด้วยก็แล้วกันไม่ต้องตามเสด็จข้าตอนนี้หรอก ข้ากำลังจะไปเข้าเฝ้าชุงจองมาม่าหน่ะ จะได้แจ้งข่าวนี้ให้กับมาม่าด้วย คงจะดีพระทัยมาก”
“พะยะค่ะ โชฮา” แล้วขบวนเสด็จก็เคลื่อนตัวออกจากตำหนักตงทงกุง ลับหายออกไปจากประตูใหญ่ของตำหนัก เหลือทิ้งไว้แต่ฮังอา แนซี และทหารที่เฝ้ายามอยู่
“อิงยอมกัม” ชินพลางเรียกผมให้ได้สติผมที่ยืนงงอยู่
“ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
“แล้วจริง ๆ ตอนนี้พี่ควรอยู่ที่ไหนกันเหรอ” ผมพยายามรวบรวมสติให้กลับมาครับ
“ก็เมื่อเช้าข้าเพิ่งกลับจากตำหนักนอกวัง ท่านก็ยังนอนอยู่ในห้องพักอยู่เหมือนเดิมหนิขอรับ แล้วทำไมผมเพ้าและเสื้อผ้าของท่านจึงได้เป็นแบบนี้”
นอนอยู่อย่างนั้นเหรอ เอาหล่ะ ผมคงต้องไปพิสูจน์ซักหน่อยละ ว่าในเมื่อผมมายืนอยู่ตรงนี้แล้วละร่างที่นอนหลับอยู่ในตำหนักนอกวังนั่นจะเป็นยังไงกัน ผมจะไม่ยอมเสียเวลาไปเกือบครึ่งปีแบบคราวที่แล้วหรอก
“เอ่อ ชิน เรากลับตำหนักนอกวังกันได้ไหม”
“ท่านอยากพักผ่อนเหรอขอรับ ได้สิ”
ระหว่างทางที่เดินตามชินไปนี้ ผมก็พยายามสังเกตบ้านเมืองครับ สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเปลี่ยนไปมากจากที่ผมมาคราวที่แล้ว ผมพลางลอบสังเกตใบหน้าชินครับ จนผมรู้สึกเอะใจ
“ชิน พี่หลับไปนานขนาดไหนแล้วเหรอ”
“16 ปีขอรับยองกัม” อื้มมมม มิน่าหล่ะผมถึงได้รู้สึกว่าชินน่าจะอายุมากกว่าผม แต่นี่ผมกลับมาหลังจากรอบที่แล้ว 16 ปีอย่างนั้นเหรอ ก็ยังดีอ่ะนะ ดีกว่าไปโผล่ในยุคที่ไม่รู้จักใครเลยแบบคราวที่แล้ว
“ยองกัมดูแปลกไปมากนะขอรับ”
“พี่แปลกไปยังไงหล่ะ”
“ท่านแข็งแรง และอ่อนเยาว์กว่าตอนที่หลับอยู่น่ะขอรับ เนื้อตัวของท่านลีบไปหมดแล้วเพราะไม่ได้ใช้งานน่ะขอรับ” เอิ่มมม คงจะหน้าตาทุเรศมากสินะ
“โชนาทรงเสด็จไปเยี่ยมท่านบ่อย ๆ นะขอรับ เพราะทรงใช้ตำหนักนั้นเป็นที่พักนอกวังด้วยอยู่แล้ว”
ผมไม่ค่อยได้สนใจฟังชินพูดเท่าไหร่ครับ มัวแต่มองอาหารที่อยู่ข้างทาง แหม ไหน ๆ ก็มาแล้ว
“เอ่อชิน พี่ขอยืมเงินหน่อยไดไหม พี่อยากลองกินอาหารพวกนี้หน่ะ”
“เอ๋ ได้สิขอรับ”
ผมก็แวะทุกร้านที่อยากกินเลยครับ เดินไปกินไป ผมเริ่มรู้สึกว่าชินแอบมองหน้าผมครับ
“หือ มีอะไรหรือเปล่า”
“ยองกัมดูเปลี่ยนไปมากจริง ๆ นะขอรับ ทั้งภายนอกและนิสัยใจคอ”
“คงเพราะเราไม่เจอกันนานน่ะมั้ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ก็แน่หล่ะสิครับ ผมไม่ใช่เจ้าเด็กแตกตื่นแบบเมื่อ 10 ปีทีแล้วอีกต่อไป ชินเองก็ดูเปลี่ยนไปมากครับ ทั้งความสูง ใบหน้าและท่าทีที่ดูสุขุมขึ้น ดูรอบ ๆ ตัวสิครับถ้าไม่นับคนที่มองผม เพราะผมแต่งตัวประหลาด ก็มีแต่คนมองความรูปงามของชิน
ซักพักเราก็เดินมาถึงตำหนักนอกวังครับ
“ยองกัม ยองกัม ยองกัม” มีแต่คนเรียกชื่อผมครับ ทุกคนดูตกอกตกใจ แล้วก็มีพ่อบ้านกับแม่บ้านออกมา
“พวกเราเป็นห่วงแทบแย่ขอรับ ยองกัมมานยิม ท่านฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดกัน พวกเราเกือบให้คนไปแจ้งในวังแล้วขอรับว่าท่านหายไป” ผมจำหน้าได้ครับเป็นพ่อบ้านประจำตำหนักนี้
หายไปอย่างนั้นเหรอ ได้ข้อสรุปแล้วสินะว่าเมื่อผมกลับมา ร่างที่หลับอยู่นั้นก็จะหายไป แสดงว่าถ้าผมกลับบ้านด้วยวิธีการเดียวกันกับที่ผมมารอบนี้ก็ไม่น่าจะเหลือร่างกายอะไรของผมอยู่ในยุคนี้อีกแล้ว
“เอ่อ แล้วเหตุใดท่านจึงได้แต่งกายแบบนี้ขอรับ” แม่บ้านซักผมใหญ่เลยครับ
“ข้ากลับบ้านของข้ามาหน่ะ” ผมตอบไปตามความจริง
“บ้านเหรอขอรับ ท่านหาทางกลับบ้านของท่านได้แล้วเหรอขอรับ” คราวนี้เป็นชินที่เป็นฝ่ายซักถามผมครับ
“อื้มม แต่ท่าทางพี่คงจะหลงอีกรอบแล้วหล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมพยายามไม่เครียดครับ ตอนนี้ที่เกาหลีคงยังไม่มีใครรู้หรอกครับว่าผมหายไป แต่ ............................ เฮ้ออออออ ไม่น่ามาเกาหลีเลย
“เข้าบ้านก่อนก็แล้วกันเน๊อะ” ผมพอจำที่ทำทางในบ้านได้ครับ ก็อยู่ตั้งหลายเดือน
ผมกับชินนั่งจิบชา กินขนม คุยกันไปเพลิน ๆ พลางมองดอกไม้ที่ร่วงโดยลงมาจากข้างนอกตัวบ้านครับ คงจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงของที่นี่ บรรยากาศดีจริง ๆ นะครับ
แต่พอไปนั่งอยู่ในบ้านจริง ๆ ผมเริ่มรู้สึกเมื่อยครับ เพราะในสมัยโชซอนเค้าไม่นั่งเก้าอี้กันครับ นั่งกับพื้นกันหมด แม้ว่าตรงที่ผมนั่งจะมีเบาะที่มีหมอนอิงให้ก็ตามมันก็เมื่อยอยู่ดีน่ะครับ
“เสื้อผ้าของท่านที่ท่านใส่มาโชซอนครั้งแรกหายไปเมื่อท่านหลับไปคราวก่อนน่ะขอรับ” อยู่ดี ๆ ชินก็พูดขึ้นมา
“อื้มม เหรอ คงเหมือนคราวนี้ที่คนที่นอนอยู่หายไปอ่ะมั้ง” จริง ๆ เสื้อผ้าพวกนั้นอยู่ครบดีครับตอนผมฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล
“หายไป? ท่านจะบอกว่า จริง ๆ ท่านไม่ใช่คนที่นอนอยู่ตรงนั้นมาตลอด 16 ปีเหรอขอรับ”
“คงทำนองนั้นแหล่ะ ชิน เอ่อ ............. แจยองกัม” จะให้เรียกตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกว่า ชิน เฉย ๆ ผมรู้สึกกระดากปากไปแล้วน่ะครับ เพราะตอนนี้ ชิน อายุมากกว่าผมซะอีก
“เวลาอยู่กันสองคน เรียกเหมือนเดิมก็ได้หนิขอรับ ข้าน้อยยังคงนับถือิงยองกัมเป็นพี่ชายเสมอมา”
“อ่อ โอเค ๆ”
“อืมม ข้าน้อยจำได้ว่า มันแปลว่า ตกลง สินะขอรับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พวกผมหัวเราะพร้อมกันครับ
พอตกเย็นผมก็เปลี่ยนมาใส่ชุดฮันบกครับ ไม่อยากรู้สึกแปลกแยกกับสภาพแวดล้อม ไหน ๆ ก็มาถึงนี่ละ ผมเลยชวนชินไปชมเมืองครับ “เอ่อ ชิน ตามที่พี่เรียนมาหน่ะ ในโชซอนมีสถานที่ที่มี คีแซง (นางรำ) ด้วยสินะ”
“ยองกัมอยากไปเหรอขอรับ แต่ ............. จะเหมาะหรือขอรับ”
“ทำไมหล่ะ ก็ผู้ชายก็ไปเที่ยวที่แบบนี้กันทั้งนั้น หน่า....... ชิน พาพี่ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยนะ”
“ถ้าวันนี้ชินไม่พาพี่ไป วันหลังพี่ก็ต้องหาทางไปเองอยู่ดีแหล่ะ หึ หึ”
“เอ่อ แล้วถ้าโชนาทรงทราบละขอรับ” เอ๋ โชนาทรงทราบเหรอ ใช่สิ ผมลืมความจริงข้อนี้ไป ว่าผมอยู่ในโชซอนด้วยฐานะอะไร คนของพระราชาสินะ ที่ทำให้ชินไม่อยากพาผมไปนอกลู่นอกทาง
“หน่า พวกยังบัน ชอบนัดคุยกันนอกรอบที่นั่นไม่ใช่เหรอ พี่ก็อยากจะลองไปดูลู่ทางซักหน่อย เผื่อจะได้ช่วยราชกิจของโชนาได้ยังไงหล่ะ” ผมก็แถไปตามเรื่องครับ ความรู้ เกาหลีศึกษา ที่ผมได้รับมาจากสมัยเรียนช่วยผมได้จริง ๆ ครับ
“อ่ะ เอ่อ ขอรับ”
ซักพักเราก็มาถึงสำนักคีแซงชื่อดังครับ ที่นี่ดังจนมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีเลยนะครับ ผมเลยเจาะจงให้ชินพามาที่นี่ ที่หน้าประตูจะมีโคมสีเขียว ๆ ครับ และมีผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ๆ คอยเรียกแขก ให้อารมณ์ร้านนั่งดริ้งค์บ้านเรานั่นแหล่ะครับ
“ยองกัมมานยิม เชิญข้างในก่อนสิคะ” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยชวนพวกผมครับ ซึ่งผมกับชินตอบรับคำเชิญเป็นอย่างดี
“เค้ารู้ได้ยังไงหน่ะชิน ว่าพวกเราเป็นยองกัม”
“ดูจากอาภรณ์ที่พวกเราสวมใส่น่ะขอรับ เนื้อผ้าแบบนี้สงวนไว้ให้ยังบัน ชั้นยองกัมเท่านั้น”
พอเค้าไปในห้องก็จะมีโต๊ะอยู่ตรงกลางครับ แล้วก็มีสาวใส่คาเช (วิกผม) ใหญ่ ๆ แต่งตัวเซ็กซี่ ๆ มาคอยบริการให้ครับ ผมเคยเห็นแต่ในภาพวาดไม่คิดว่าของจริงเค้าจะแต่งตัวเปิดเผยขนาดนี้ โคโยตี้ ชัด ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ผมกับชินก็สั่งอาหารไปตามเรื่องครับ แต่ชินนี่สิ ทำไมมีแต่คนรู้จัก
“ชินมาที่นี่บ่อยเหรอ”
“อย่างที่อิงยองกัมกล่าวนั่นแหล่ะ ขอรับ ยังบันมักจะใช้ที่นี่ในการปรึกษาหารือกันในยามค่ำคืน ข้าน้อยเองก็มักจะมาสืบข่าวซุบซิบที่นี่เหมือนกัน จริง ๆ วันนี้เซจาโชฮาเองก็รับพระบรมราชโองการ จากชูซังโชนาให้มาทำงานที่นี่เช่นกันขอรับ”
“โชฮาเหรอ” อืมมม เด็กคนเมื่อเช้าสินะ
“ทำไม อิงยองกัม ไม่เห็นถามถึง โชนาเลยขอรับ”
“เอ๋ เอ่อ .................. ถามทำไมเหรอ” ผมตั้งตัวไม่ทันเลยครับ
“เดี๋ยวนี้ ท่านดูระมัดระวังตัวเวลาใช้ถ้อยคำมากขึ้นนะขอรับ ดูท่าทางท่านคงไม่ได้เพียงแต่หลับไปเฉย ๆ เป็นแน่”
“อ่อ อื้ม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนไปครับ
แต่พอเหล้าเริ่มดริ้งค์กันแล้วนี่สิครับ การสนทนาถึงได้เริ่มออกรสออกชาติขึ้น คีแซงที่มานั่งบริการก็ทำเหมือนผมเป็นง่อยครับ เติมทั้งอาหารทั้งสุราให้ตลอดเลย ละก็มีการแสดงเป็นรำประกอบดนตรีด้วย
“อ่อ อื้มมมม คือตอนนี้ท่านอายุน้อยกว่าข้าน้อยแล้วสินะขอรับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมเริ่มพยายามเรียบเรียงเรื่องเพื่อเล่าให้ชินฟังครับ จะได้เข้าใจตรงกัน
“แล้วเรื่องโชนาท่านจะทำอย่างไรขอรับ”
“……………….. ไม่รู้อ่ะ ” ผมตอบได้แค่นี้จริง ๆ ครับ เคยรู้สึกไหมครับเวลาเราพูดถึงแฟนเก่า ที่ไม่ได้เลิกกันเพราะไม่รักกัน แต่เลิกกันด้วยเงื่อนไขอื่น ๆ ยิ่งในกรณีของผมซึ่งไม่คิดแล้วว่าจะได้เจอกันอีก ทั้งผมทั้งโชนาก็คงเติบโตมาในสถานการณ์และเวลาที่ต่างกัน แต่ที่ผมมั่นใจ คือ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายแน่ ๆ
“ยองกัมไม่คิดจะไปเข้าเฝ้าโชนาเหรอขอรับ”
“ขอเวลาพี่คิดหน่อยเถอะ ชิน” หน้าพิมลอยมาอยู่ในหัวของผม ผมกระดกเหล้าเข้าปากครับ
ซักพักประตูก็เปิดออก พร้อมกับชายหนุ่มร่างสูง “ข้าขอร่วมวงสนทนาด้วยได้หรือไม่ขอรับ” เอ๋ โชฮา พวกผมรีบลุกยืนขึ้นครับ
“ตามสบายเถอะ ท่านอาและแจยองกัม” โชฮานั่งลง พลางโบกมือให้พวกผมนั่งลงตามครับ
“ทรงเจรจากับฝ่ายโซนนสำเร็จแล้วเหรอ พะยะค่ะโชฮา” ชินทูลถามครับ
“สำเร็จเหรอ ไม่หรอก ยังคงต้องดูท่าทีหน่ะ” ผมโผล่มาในยุคที่เซจาโชฮา เป็นบุตรชายของท่านลีซุนกับ
จางอ๊กจองแล้วสินะ ฝ่ายโซนน ที่เคยสนับสนุนท่านลีซุนจึงกลายมาเป็นปฏิปักษ์กับ เซจาโชฮา แทน
“ท่านอาเองก็ดูเมา ๆ แล้วนะขอรับ” โชฮาหันมาคุยกับผมครับ
“ทำไมถึงได้เรียกหม่อมฉันว่า อา หล่ะพะยะค่ะโชฮา”
“อาป้ามามา ตรัสอยู่เสมอว่า ท่านอา เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของอาป้ามามาที่มอบความจริงใจให้ ข้าเองก็อยากมีเพื่อนแท้แบบท่านอาบ้าง”
เซจาโชฮา เหมือนท่านลีซุนแค่หน้าตาจริง ๆ เพราะทรงดูอ่อนโยนกว่ามาก ไม่เหมือนท่านลีซุนที่มักจะพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ ห้วน ๆ ซึ่งแสดงถึงพลังอำนาจตลอดเวลา
“แล้ว ชุงจอนมาม่า ทรงสบายดีไหมพะย่ะคะ โชฮา”
“สบายดีขอรับท่านอา ข้าเพียงห่วงแต่ เฮบีมาม่า (อดีตมเหสี) ที่อยู่นอกวัง แม้ว่าจะทรงเคยเลี้ยงข้าในช่วงสั้น ๆ แต่ก็นับว่าเป็นแม่ผู้มีพระคุณของข้าอีกคนหนึ่ง”
“เฮบีมาม่า เหรอพะยะค่ะ”
“ท่านอาหลับไปนาน คงไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจ เฮบีมาม่าทรงถูกปลดออกจากตำแหน่ง ชุงจอน แล้วให้พระสนมฮีบิน ซึ่งเป็นอมม่า (แม่) ของข้า ขึ้นเป็น ชุงจอน แทน”
“แม้ว่า นั่นจะเป็นการทำเพื่อข้า แต่ข้าก็ไม่อาจสบายใจได้เลย” โชฮา ทรงกระดกเหล้าดื่มรวดเดียวจนหมด ทำไมบ้านนี้มันขี้เหล้ากันหมดนะ ฮ่า ฮ่า แต่โชฮา ดูเป็นคนจิตใจดีมากเลยนะครับ ขนาดแม่เลี้ยงโชฮายังรักเลย
เวลาที่ผมไม่อยู่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในโชซอน ผมเองก็ไม่รู้จะได้อยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ เอ๊ะ อยู่ดี ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาครับ
“ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ไม่คิดจะไปหาข้าเลยนะอิง” เอ๊ะ เสียงคุ้น ๆ ครับ
ความคิดเห็น