คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : กลับมา
---------------------------- กรุงเทพมหานคร -------------------------------------
“ อิงยองกัม ๆ “ เสียงชายหนุ่มที่คุ้นเคยแว่วเข้ามา ภาพฝันอันเลือนรางกลับถูกขัดด้วยเสียงหวาน ๆ อีกเสียงนึง
“อิงจ๋า เช้าแล้วนะ ไหนว่านัดคุยธุระที่สถานทูตเกาหลีไง” พิมปลุกพยายามปลุกผมที่มักจะขี้เซา แอบเนียนขอนอนต่อ ก็แหม มันเพิ่งจะตีห้าหนิครับ
“อิงไม่รีบตื่น รถติดไปไม่ทันไม่รู้ด้วยนะ” ผมคว้าพิมเข้ามากอดครับ
“ขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคร้าบ” ผมพลางมองไปข้างนอกครับ พวกผมย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโดแถวสุขุมวิท ครับ คอนโดเราอยู่ตั้งชั้น 24 วิวตอนเช้ามืดแบบนี้ชวนมองมากครับ
“อิง อย่านะ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก” พิมเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ครับ แต่ก็สมาร์ทตามประสาผู้หญิงสมัยใหม่น่ะครับ เราเจอกันตอนผมไปโอลิมปิค ที่เยอรมัน พิมไปต่อโท ที่นั่นพอดีเราเลยได้เจอกัน
“อิง ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้วเหรอ” ไหนว่าให้ผมรีบไง นี่กลับเอาหน้าเข้ามาชิดแก้มผม ไม่ใช่อะไรหรอกครับผมยังไม่ได้แปรงฟัน ต่อให้กับแฟน ก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอกครับ
“อื้มม” ผมตอบไปส่ง ๆ ครับ จริง ๆ ก็มีแค่พิมคนเดียวเท่านั้นแหล่ะครับ ที่รู้ว่าผมฝันถึงเรื่องนั้น จะว่าไปนี่ก็เกือบ 10 ปีแล้วนะครับ ที่ผมตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลที่กรุงโซล หลังจากที่ผมหมดสติอยู่ในรถทัวร์ที่ผมไปเที่ยวเกาหลีหน่ะครับ หมอเค้าบอกว่าเพราะอากาศข้างในรถไม่ถ่ายเท ผมหลับอยู่ใน รพ เกือบครึ่งปี ม๊า ถึงกับบินไปเฝ้าผมที่โน่นเลยนะครับ ส่วนป๊า ก็ไป ๆ มา ๆ ดีที่ผมเป็นนักกีฬาทีมชาตินะครับ รัฐบาลเลยจ่ายค่าโรงพยาบาลให้หมดเลย เสียดายก็แต่ที่ผมพลาดรายการแข่งขันไปเยอะมากครับ ป๊า เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้น ม๊า ร้องไห้ทุกวันเลยครับ เล่นเอาผมเสียใจเลยที่ดื้อจะมาเกาหลีคนเดียวให้ได้
“พระราชาเกาหลี ที่อิงฝันถึงอ่ะ เค้าหล่อไหม” ถามอย่างเดียวก็ได้นะพิมไม่ต้องเอามือมาลูบผมหรอก เดี๋ยวก็ได้สายกันจริง ๆ พอดี แต่มือผมนี่สิครับ ทำไมต้องลูบตอบด้วย
“อื้มมม ก็สูง ๆ ขาว ๆ อ่ะ หน้าตาประมาณดาราเกาหลีที่ทำศัลยกรรมสมัยนี้อ่ะมั้ง ถามทำไม จะนอกใจอิงเหรอ นี่แหน่ะ” ผมมุดหน้าลงไปแถวคอพิมครับ
“อย่าสิอิง ๆ ๆ ฮิ ฮิ ฮิ ” นี่จั๊กจี๋ จริง ๆ หรือชอบกันแน่เนี่ย 555+
“พิม ไม่เคยถามเลยอ่ะ ว่าในฝันอิงพูดภาษาอะไรอ่ะ เกาหลี หรือภาษาไทย”
“เกาหลีแหล่ะ”
“อื้มม เพราะอิงก็พูดได้อยู่แล้วอ่ะเน๊อะ อิงของพิมเก่งอยู่แล้ว ” พิมจุ๊ฟส์แก้มผมก่อนลุกจากเตียงครับ อ่าว หลอกให้อยากแล้วจากไป คนทั่ว ๆ ไปจะคิดว่าเพราะผมจบด้านเกาหลีศึกษา จากคณะอักษร (เข้าได้เพราะโควตานักกีฬาทีมชาติครับ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก) ผมก็เลยพูดได้ แต่จริง ๆ แล้วมันมาจากเรื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้วนั่นแหล่ะครับ ความสามารถทางภาษาติดตัวผมมาด้วย นี่เป็นเครื่องยืนยันครับ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ผมหลับไปครึ่งปีนั่นผมไม่ได้ฝันไป
“พิมทำอาหารเช้าไว้แล้วนะ อิงทานเลยนะ เดี๋ยวพิมไปก่อน นัดลูกค้าไว้ตั้งหัวหมากโน่นอ่ะ”
“พิมน่ารักที่สุดเลยยยยย” พิมทำอาหารเก่งมากครับ และก็เป็นคนไม่จุกจิก เข้ากับผมได้ดีมากครับ ป๊า กับม๊า ก็ชอบพิมมาก ช่วงนี้ผมเลยต้องรีบเคลียร์ตัวเองเรื่องการเรื่องงานครับ เพราะกะว่า ต้นปีหน้าก็จะแต่งแล้ว
“น่ารัก ก็รักสิ พิมไปหล่ะ” แหม จร้า
ผมเองก็ต้องรีบละครับ นัดทูตของเกาหลีไว้ ไม่รู้อยากจะคุยอะไรกับผม สงสัยเรื่องที่เกาหลีจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคมั้งครับ แต่นั้นก็อีกตั้ง 8 ปี ละอีกอย่างทำไมต้องเป็นผมด้วย ถึงขั้นให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงโทรนัดผมให้เลยนะครับ ผมก็จัดแจงอาบน้ำ กินข้าวครับ ผมเลือกใส่เสื้อยืดคอกลม แล้วสมทับด้วยสูทครับวันนี้ ไปเจอผู้ใหญ่คงต้องกึ่งทางการหน่อย ๆ แต่จะให้ผมผูกเนคไท อะไรแบบนั้นก็ไม่ไหวนะครับ มันดูเคร่งขรึมเกินไป ไม่เหมาะกับนักกีฬาอย่างผมหรอกครับ
สาย ๆ ผมก็มาถึงสถานทูตเกาหลีครับ “เอ่อ ผมมาพบท่านทูตตามที่นัดไว้น่ะครับพี่” พี่ยามก็ใจดีครับ ปล่อยให้เอาขับรถเข้าไป จอดรถเสร็จผมก็เดินดุ่ม ๆ เข้าไปตรงเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์นะครับ ผมเคยมาที่นี่หลายทีละครับ ตอนขอวีซ่าไปแข่งที่เกาหลี “เอ่อ ผมมาพบท่านทูตน่ะครับ” ผมฉีกยิ้มบาง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาวสวยครับ
“อ๋อ เชิญด้านในเลยค่ะ ท่านรออยู่แล้ว” ผมก็เดินอาด ๆ เข้าไปห้องท่านทูตเลยครับ
“นั่น อิงพัฒน์ นักเทควันโด้ ไม่ใช่เหรอ แก” เสียงกระซิบกระซาบตามหลังผมมาครับ
“อื้มมม หล่อมว๊ากกกกกกก เค้าจะมีแฟนหรือยังอ่ะ” เอิ่มม เจ๊ เบา ๆ ก็ได้นะ ผมยังเดินมาไม่ไกลเลย ผมชินแล้วหล่ะครับ เพราะเวลาผมแข่งมันก็ถ่ายทอดสดบ่อย รวมถึงเพราะผมได้แชมป์โอลิมปิค ตอนอายุ 23 ด้วยครับ คนทั้งประเทศก็เลยรู้จักผม
พอผมเข้าไปถึงก็พบกับท่านทูตนั่งรออยู่บนโต๊ะรับแขกครับ “อ่า มาแล้วเหรอ เชิญครับ ๆ ” ท่านทูตพูดกับผมด้วยภาษาไทยครับ
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบ” ผมเอ่ยทักทายเป็นภาษาเกาหลีครับ จะได้สะดวกกับตัวท่านทูตเอง
“เอ๊ะ คุณอิงคพัฒน์ มีเชื้อสายเกาหลีเหรอครับ” ท่านทูตทำหน้าเหวอครับ
“อ๋อ ผมจบด้านเกาหลีศึกษาครับ แหะ แหะ” แต่ท่านทูตทำหน้าไม่เชื่อหนักเข้าไปอีกครับ คงเพราะสำเนียงพูดของผมเหมือนกับเจ้าของภาษามากกว่าจะเป็นคนที่หัดภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ 2 น่ะครับ และตอนนั้นที่ผมเลือกเรียนสาขานี้เพราะเจ้าความสามารถที่ผมได้รับมานี่แหล่ะครับ อาจารย์จะชมทุกครั้งที่ผมพูดว่าเหมือนเจ้าของภาษามาก ๆ ก็แหงแหล่ะครับ ตอนที่เกิดเรื่องผมก็คุยกับคนที่นั่นได้อย่างกับผมเกิดที่นั่นจริง ๆ
“แล้วท่านเชิญผมมาทำไมเหรอครับ” ผมไม่อารัมภบท อะไรละครับ เพราะคุยเสร็จผมว่าจะแวะไปกินข้าวเที่ยงกับพิมน่ะครับ การจราจรแบบนี้เราต้องเผื่อเวลาครับ
“คือที่เกาหลีหน่ะ ค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เป็นรูปเหมือนของชาวเกาหลีที่เป็นชนชั้นสูงในสมัยพระเจ้าซุกจงน่ะครับ” พระเจ้าซุกจงเหรอ ผมเริ่มสนใจครับ
“แล้วยังไงเหรอครับ ท่านทูต”
“คนที่เกาหลีเค้าเคยเห็นคุณอิงคพัฒน์ทางโทรทัศน์น่ะครับ แล้วต่างเห็นตรงกันว่า คุณมีใบหน้าคล้ายกับภาพนั้นมาก เพียงแต่ในรูปเป็นคนอายุน้อยน่ะครับ น่าจะราว ๆ 16 – 18 ” ท่านทูตพูดไปพลางจิบชาไป หนวดท่านทูตน่าลองจิบคาปูชิโน่มากครับ ว่าจะติดหนวดไหม 55+
“ทางเกาหลีเองเลยอยากเชิญคุณอิงคพัฒน์ไปร่วมในการฉลองครบรอบ 1,000 ปี ราชวงศ์โชซอนน่ะครับ มันเป็นนโยบายของรัฐบาลเกาหลีในการส่งเสริมการท่องเที่ยวครับ ”
“ทางเรายินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาว ค่าเครื่องบินชั้น 1st class ให้กับคุณอิงคพัฒน์และผู้ติดตาม 1 ท่านครับ” เอ๋ ผู้ติดตามเหรอ น่าสนใจนะเนี่ย พาพิมไปเที่ยวดีไหมเนี่ย
“แล้วจะให้ผมไปเมื่อไหร่หรือครับท่าน”
“เพราะเป็นเรื่องค่อนข้างกะทันหัน ผมเลยต้องคุยกับคุณอิงคพัฒน์ด้วยตัวเองน่ะครับ คือ อีก 2 วัน”
“ 2 วัน” ผมเผลอตะโกนเสียงดังครับ ก็แหม อะไรมันจะด่วนขนาดนี้ แต่ปากผมเร็วกว่าความคิดครับ
“ตกลงครับท่าน”
---------------------------------- กรุงโซล ------------------------------------------
“พิมจ๋า อิงมาถึงแล้วนะ” ผมคุยโทรศัพท์กับพิม พลางดันรถเข็นไปข้างหน้าครับ
“งอนจริง ๆ แล้วนะอิง อะไรจะด่วนขนาดนี้ห๊ะ” เสียงปลายสายกระเง้ากระงอดครับ
“แหม อิงก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันอ่ะ พิม ก็อย่างที่บอกแหล่ะ ผู้ใหญ่ขอมา อิงมา สองสามวัน เองเดี๋ยวซื้อ สกินฟู้ด ไปฝากน้า”
“ไม่เอาอ่า ต้องเป็นครีมหอยทากนะอิง เค้ากำลังฮิต พิมลองตัวอย่างแล้วใช้ดีมาก ๆ ๆ” ฮิ ฮิ พิมไม่ได้โกรธจริง ๆ หรอกครับผมรู้ แต่เพราะพิมติดงานน่ะครับ และมันก็ค่อนข้างกะทันหัน ผมเลยต้องมาคนเดียว
“ได้เลย ๆ ผมจะเอาไปให้พิมใช้อาบได้ทั้งปีเลย 555555555+”
“เวอร์ละอิง ละอยู่นู่นระวังตัวนะอิง แต่จริง ๆ อิงก็สื่อสารได้อยู่ละ พิมคงไม่ต้องห่วงอะไรหรอก”
“รักพิมนะครับ” ผมหยอดคำหวานไปครับ จะได้หายงอน
“อื้มม โอเค ๆ พิมไปทำงานก่อนละ เที่ยวให้สนุกละกัน รักอิงเหมือนกัน” แฟนผมน่ารักที่สุดดดดดด
พอออกมาจากสนามบิน ก็มีรถจากโรงแรมพาผมเข้าโรงแรมครับ วิวทิวทัศน์รอบ ๆ เปลี่ยนไปมากเลยครับ มีตึกขึ้นเต็มไปหมด เจริญขึ้นเสียยิ่งกว่าตอนผมมาแข่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จริง ๆ คราวที่แล้วผมก็แอบกลัวนะครับว่า ผมอาจจะหลับไปอีกก็ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และคราวนี้มาเกาหลีอีกครั้งเพราะรูปนั่น ผมอยากจะเห็นมันจริง ๆ ครับว่ามันใช่รูปเดียวกับที่ผมเคยวาดไว้ตอนนั้นไหม จะได้ช่วยยืนยันอีกทางหนึ่งครับว่าผมไม่ได้ฝันไปจริง ๆ
พอถึงที่พักผมก็เก็บของครับ ผมก็ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ ในการเที่ยวดูโน่นนี่นั่นไปครับ เพราะงานเริ่มจริงๆ ช่วงบ่าย หาอะไรอร่อย ๆ กิน แต่จริง ๆ ผมคิดว่าอาหารเกาหลีที่ผมกินมันไม่ค่อยถูกปากผมเท่าไหร่ครับ ไม่เหมือนอาหารตอนที่ผมหลับไป อันนั้นอร่อยกว่ามาก พอไกล้ถึงเวลาผมก็นั่งรถไฟใต้ดินไปที่งาน ครับ งานจัดที่พระราชวังที่ผมเคยมาเที่ยวนั่นแหล่ะครับ
พอไปถึงผมก็เจอคนที่คอยประสานงานครับ งานคนเยอะมาก ตำรวจเยอะมากด้วยครับ อาจเพราะมีรัฐมนตรีมาร่วมเปิดงานด้วยน่ะครับ
“คุณอิงคพัฒน์ใช่ไหมครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมกับผู้ประสานงานก็ทักทายไปตามเรื่องครับ
“ผมได้ยินเรื่องคุณมานานแล้วนะครับ” เอ๋ เรื่องผมเหรอครับ คงไปเห็นผมตอนการแข่งขันสินะ
“คุณอาของผมเคยพบกับคุณตอนคุณเด็ก ๆ น่ะครับ ท่านบอกว่าคุณมีใบหน้าเหมือนกับ ภาพวาดชนชั้นสูงของโชซอนมาก ท่านเคยพยายามคุยกับคุณแต่ตอนนั้นดูเหมือนคุณจะพูดภาษาของเราไม่ได้เลย น่าประทับใจนะครับ ที่คุณกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองไทย และคุณยังใช้ภาษาของเราได้ดีมาก ๆ เราถึงหาคุณพบได้ง่ายน่ะครับ”
“คุณอาของคุณเคยเจอผมเหรอครับ เอ๋ ” ผมนึกไม่ออกจริง ๆ ครับว่าตอนไหน
“เชิญด้านในเลยครับ ๆ ๆ” พอผมไปถึงห้องรับรองก็ดูเหมือนจะมีแขกวีไอพีเยอะเหมือนกันครับ ซักพักก็มีคนมาบอกว่างานกำลังจะเริ่มแล้วให้ออกไปได้เลย
พอไปถึงก็เป็นรัฐมนตรีกระทรวงอะไรไม่รู้ของเกาหลี กล่าวเปิดงานครับ และก็มีการแสดงนี่นู่นนั่น เสร็จแล้วสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึงครับ เค้ายกภาพนั้นออกมาแล้ว
“มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายเกิดขึ้นบนโลกนะคะ และหนึ่งในนั้นคือการที่มีผู้มีชื่อเสียงจากประเทศไทย กลับมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับนายน้อยในรัชสมัยของพระเจ้าซุกจงนะคะ ” พิธีกรกล่าวครับพร้อมเชิญผมขึ้นไปยืนบนเวที
“พวกท่านเชิญชมเลยค่ะ” เอิ่มมม ผมไม่ใช่แพนด้านะคร้าบบบบบบ พิธีกรดึงผ้าที่คลุมรูปไว้ออก
ถึงผมจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็พูดไม่ออกเลยทีเดียวครับ เป็นรูปนั้นจริง ๆ ด้วย ผู้เข้าร่วมงานก็คุยกันอื้ออึงทีเดียวครับว่าภาพนั้นคล้ายกับผมมาก ๆ ก็จะไม่คล้ายได้ยังไงหล่ะครับ ก็มันเป็นรูปผม นี่เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีเลยครับ ว่าเรื่องทั้งหมดผมไม่ได้ฝันไป ผมต้องพยายามกลั้นน้ำตาไว้ครับ บรรยายความรู้สึกไม่ได้เลยครับว่าเป็นยังไง เพียงแต่รู้สึกถึงช่วงเวลาที่เป็นความทรงจำสีจาง ๆ อันนั้น
พอเสร็จงานผมก็ขอตัวเข้ามาชมพระราชวัง ณ ครับ เพราะงานนั้นจัดที่ข้างหน้าวังน่ะครับ ไม่ได้จัดข้างในวัง นักท่องเที่ยวเดินถ่ายรูปกันไป คุยกันไป ผมค่อย ๆ เดินทอดน่องช้า ๆ ครับ สถานที่ที่คุ้นเคยอันนี้ทำให้ผมอดคิดถึงเรื่องตอนนั้นไม่ได้ พระราชาเองป่านนี้ก็คงไปเกิดใหม่ไม่รู้กี่ชาติแล้วนะครับั 555+ ผมอดยิ้มให้กับช่วงเวลาอันลักลั่นนี้ไม่ได้ เผลอแป๊บเดียวผมก็เดินมาถึงจุดที่เป็นที่พักขององค์รัชทายาทครับ ที่นี่สินะ พี่ผมต้องเข้า ๆ ออก ๆ อยู่บ่อย ๆ ในช่วงเวลานั้น
ผมเดินทะลุผ่านเข้ามาจากประตูใหญ่ครับ มายืนอยู่หน้า ทงตงกุง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเลยครับ รัฐบาลเกาหลีเค้าอนุรักษ์ปูชนียสถานไว้ได้ดีมาก จริง ๆ วังนี้เคยถูกทำลายไปในสมัยญี่ปุ่นยึดเกาหลีนะครับ แต่รัฐบาลเกาหลีก็บูรณะจนกลับมาในสภาพดีได้อีก ผมหลับตาสูดกลิ่นบรรยากาศครับ พลางนึกไปถึงพิม ถ้าได้มาด้วยกันก็คงดี
“ยองกัม ท่านคืออิงยองกัมใช่หรือไม่” เสียงชายหนุ่มที่คุ้นหูผมครับ ใครกันมาเรียกผมแบบนี้ในเวลานี้นะ ผมหันไปมองเจ้าของเสียงครับ
“ยองกัม ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ท่านควรจะนอนอยู่ที่ตำหนักนอกวังสิ เกิดอะไรขึ้นท่านฟื้นตั้งแต่เมื่อใดกัน” ชิน ครับ แต่เป็นชินที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้ว อะไรกันผมงง ไปหมด ผมพลางหันไปรอบ ๆ ครับ นักท่องเที่ยวพวกนั้นหายไปไหนหมด ทำไมมีแต่คนแต่งตัวแบบนี้
“อิงยองกัม” ชินเรียกผมซ้ำครับ ไม่นะ นี่ผมกลับมาที่นี่อีกแล้วเหรอ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ความคิดเห็น