คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดเทอมวันแรก
--------------------------------------- มหาวิทยาลัย xxxx
วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมาทำงานเป็นอาจารย์ที่นี่ หลังจากทั้งสอบสารพัดไม่ว่าจะเป็นข้อเขียน สอบสัมภาษณ์และสอบสอน ไม่รู้จะเอามาเป็นอาจารย์หรือจะเอามากู้โลก จนในที่สุดผมก็ได้เข้ามาทำงานที่นี่ จะว่าด้วยความสามารถล้วน ๆ ก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอก ของแบบนี้ ก็ได้เพื่อนม๊าช่วยอีกนิดนึง .............. เอ๊า นิดเดียวจริง ๆ นะ หุ หุ
“อื้มม ตรงนี้เป็นโต๊ะทำงานของอาจารย์นะคะ ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอดเลยค่ะ” หัวหน้าสาขาวิชาพาผมเดินเข้ามาในห้องทำงานอาจารย์ ที่ถูกกั้นอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ที่นี่ก็จัดว่าหรูหราพอสมควรเลยนะครับ
“ขอบคุณมากเลยนะครับ ........ ส่วนเอ่อ เรื่องสอน .............” ผมถามอย่างประหม่าครับ เพราะเค้าให้ผมมาเริ่มงานวันที่เปิดเทอมวันแรกเลยน่ะครับ
“อ๋อ ก็ตามที่เราได้เคยหารือกันไว้ ตอนที่อาจารย์มารับงานเมื่ออาทิตย์ที่แล้วน่ะค่ะ อาจารย์ไม่ต้องห่วงนะคะ วิชานี้พี่เป็นผู้ประสานงานเองค่ะ มีอะไรก็คุยกับพี่ได้ตลอด สู้ ๆ นะคะ ถ้าไม่มีอะไรพี่ไปก่อนนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณ หัวหน้าสาขาที่เรียกตัวเองว่า พี่ ทั้งที่จริง ๆ ก็คงอายุอานามราว ๆ แม่ผมนั่นแหล่ะครับ
ผมยืนอยู่อย่างเก้ ๆ กัง ๆ หันไปสบตากับอาจารย์ฝรั่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“Hi I’m Jone, Nice to meet you” อ.จอห์น ทักมาอย่างอบอุ่นครับ ดูอายุอานามน่าจะรุ่นคุณปู่ละ ผมเหลือบตาไปมองป้ายชื่อที่ติดอยู่บน พาร์ทิชั่น ‘Prof. Dr.Jonh H. Mcqiure’ อื้มมม คงสมอายุแก ละหล่ะ
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ตามประสาเด็กใหม่ แหม มาใหม่อ่ะ นะครับ ต้องสร้างมิตร มากกว่าก่อศัตรู อ.จอห์น แกก็โบกมือตอบมา ตามประสาผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กอ่ะนะครับ
“I’m Pheem Preechanontra, Nice to meet you too”
“Welcome พูดกับผมเป็นภาษาไทยก็ได้ ฝรั่งที่นี่พูดไทยได้ทั้งนั้นแหล่ะ ห้า ห้า” นั่น ......... ผมพลางยิ้มแหะ ๆ
พอทักทาย อ.จอห์น พอเป็นพิธี ผมก็ค่อย ๆ ทอยเอาของในกระเป๋าจัดลงบนโต๊ะ พื้นที่สำหรับอาจารย์ 1 คน นี่ก็ค่อนข้างกว้างครับ มีตู้ใส่ของให้ด้วย ผมคงต้องค่อย ๆ เอาของจากที่บ้านมาไว้
“อ.ภีม ปรีชานันท์ ใช่ไหมคะ” ผมเงยหน้าขึ้น พบกับ ผู้หญิงซึ่งมีรูปหน้าสวยคมขำ ทรวดทรงองเอว ได้รูป จริง ๆ จะว่าได้รูปก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอกครับ สะบึมซะขนาดนั้น แหม่ ...
“ขะ ครับ ผมเอง”
“ดร.มาวิกา ให้ แพท เอาตารางสอนมาให้อาจารย์นะค่ะ แพท เป็นเลขาของสาขาเรานะคะ มีอะไร อ. สามารถประสานงาน ผ่านแพท ได้เลยค่ะ” ดร.มาวิกา คือหัวหน้าสาขา ผมคนเมื่อกี้นั่นแหล่ะครับ
“อ่อ ขอบคุณครับ” ผมรับตารางสอนอันนั้นมาอย่าง งง ๆ
“สำหรับวันนี้ คลาสแรกของอาจารย์จะเริ่มตอน 9.30 นะคะ ........ อ่อ ดร.มาวิกา ฝากมาบอกว่า อย่าสายเกิน 15 นาที นะคะ เพราะจะมี Inspector มาตรวจสอบนะค่ะ ว่าอาจารย์เข้าห้องสายหรือเปล่า ......... ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนรายงานน่ะค่ะ” อื้มม ผมก็พอได้ยินมาบ้างนะครับ ว่าที่นี่แม้ว่าจะจ้างแพง แต่ก็เคี่ยวใช่ย่อย ผมคงต้องใช้เวลาปรับตัวซักพัก
“ครับ ขอบคุณมากครับ คุณแพท” ผมรับฟังเธออย่างแข็งขันครับ แหม ใครจะอยากเข้าห้องเย็นเสียตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานละครับ ผมเผลอสบตาเธอ แล้วส่งสายตาให้อย่างเคยตัว แหม่ ก็นึกว่าอยู่ ตักสุรา ห้า ห้า
“ค่ะ อ. มีอะไรก็โทรหาแพท ได้เลยนะคะ แพทเอาเบอร์โทรภายในมาติดไว้ให้ อ. ตรงข้างตู้นี่แล้วน่ะค่ะ” เธอพลางผายมือ ไปทางกระดาษที่ติดอยู่ตรงตู้นั้น พร้อมส่งสายตาตอบกลับมา แล้วก็ค่อย ๆ เดินหันหลังไป
“สวยจัง” ผมเผลอ รำพึงออกมา เบา ๆ พร้อม ๆ กับเสียงกระแอม ของ อ.จอห์น ที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด
“ผมขอเตือน อ. ว่าอย่าเล่นกับไฟดีกว่านะครับ”
“แหะ ๆ” แหม สำบัดสำนวน นี่เป็นฝรั่งจริง ๆ หรือเปล่าเนี้ย
-------------------------------- ห้องเรียน
ตึกเรียนที่นี่ จะต้องเดินทางระหว่างชั้นด้วยลิฟท์ครับ พอออกจากลิฟต์ก็จะเจอห้องเรียนเลย แต่ที่ขัดใจผมสุด ๆ คงจะเป็นกระจกใสแจ๋ว ที่คั้นระหว่างห้องเรียนต่าง ๆ ไว้ครับ ทุกคนเลยนะเห็นกันทุกห้อง ทุกวิชาที่เรียนในชั้นเดียวกันเลยครับ แบบนี้ ผมจะไปมีสมาธิสอนได้ยังไง อะไรจะไม่ไว้ใจกันขนาดนั้น
ผมเดินเข้าห้องไปพร้อม ๆ กับนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชานี้ครับ ผมเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ พอเห็นนักศึกษาเริ่มเข้ามากันหมดละ ผมก็พบว่านักศึกษาเกินครึ่งน่าจะเป็นคนไทยครับ ส่วนที่เหลือก็น่าจะเป็นเอเชียชาติอื่น พวกญี่ปุ่น เกาหลี อะไรทำนองนี้ กับ พวกหัวทอง ๆ อีกนิดหน่อยซึ่งผมก็ไม่เคยแยกออกซักทีว่ามจากประเทศอะไร แน่นอนครับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (ผู้เขียนขอเขียนเป็นภาษาไทยนะครับ แต่จริง ๆ แล้วเวลาพระเอกเราคุยกับนักศึกษาตอนที่อยู่ในมหาวิทยลัยเค้าจะต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษน่ะครับ)
“ยินดีต้อนรับ นักศึกษาสู่วันเปิดภาคเรียน และผมดีใจที่ นศ. เลือกเรียนวิชานี้ เพราะเป็นวิชาสำคัญที่ นศ.จะต้องใช้ความรู้เพื่อการเรียนในรายวิชาที่สูงขึ้น ผมชื่อ อ.ภีม ปรีชานันท์ พวกคุณจะเรียกผมว่า อ.ภีม ก็ได้”
ผมก็เริ่มพล่าม ๆ บลา ๆ ๆ ๆ ๆ อะไรไป แบบตอนที่ อ. ปกติเค้าจะทำกันในคลาสแรกนั่นแหล่ะครับ พอดีตอนเรียนโท ผมก็รับจ๊อบเป็นผู้ช่วยสอนด้วยน่ะครับ เลยไม่เชิงว่าจะไม่เคยสอนซะทีเดียว ในขณะที่ผมกำลังพล่ามอยู่นั้น
“อ. ครับ” มี นศ. คนนึงยกมือขึ้น
“อ่าว เชิญ ครับ ว่ายังไง”
“ทำไมในหนังสืออีกเล่ม ไม่ได้บอกแบบนี้น่ะครับ อ.” เอาไงหล่ะ ผมเจอเด็กลองดีเข้าแล้ว
“แล้วเล่มนั้นเค้าว่าไว้ยังไงหล่ะ” ผมพยายามรักษามาดครับ ไม่ให้เสียดีกรี เด็กนอก
“อื้มม ผมก็จำไม่คอยได้น่ะครับ เดี๋ยวคราวหน้า จะเอาเล่มนั้นมาให้ อ. ดูนะครับ” เอ่อ ... นี่ มึงกวนทีน กรูอยู่ใช่ไหมเนี่ยยยย
หึ หึ แล้วตลอดคลาส ไอ่เด็กเวร นั่นมันก็กวนผม ไม่หยุด ไม่หย่อน จะบร้าตาย ทำไมผมต้องมาเจอแบบนี้ตั้งแต่คาบแรกเนี่ย แถมไม่พอ เด็กที่เหลือแทนที่จะห้ามปรามเพื่อนมัน ก็กลับหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ และที่ทำให้ผมแน่ใจสุด ๆ ว่ามันกวนประสาทผมอยู่คือ แววตา ที่กำชัยชนะไว้ หลังจากที่มันทำผมประสาทเสียได้ทุกครั้ง
“เอาหล่ะ นักศึกษา ให้ทุกคนไปอ่าน กรณีศึกษาก่อนบทที่ 1 มา แล้วเราจะมาถาม-ตอบ กันในคลาสหน้า วันนี้เลิกชั้น”
“อ. เดี๋ยวผมช่วย อ. นะครับ” เจ้าเด็กรายเดิมนั่นแหล่ะ ครับ รีบกุลีกุจอ เค้ามาช่วยผมถืองานที่ นศ เพิ่งส่งมา ดูไปดูมาก็คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะครับ คงจะแค่ เป็นพวกไฮเปอร์อะไรทำนองนั้น ผมอาจจะคิดไปเอง
“ขอบใจ” ผมเดินนำ ออกมาจากห้องไปที่ลิฟต์ พอผมเดินไปท่ามกลาง นศ ที่รอลิฟต์อยู่เหมือนกัน ทุกคนก็หลีกทางให้ครับ เป็น อ. นี่มันดีจริง ๆ
“เฮ้ยย เบสบอล มึงกะติดลิฟต์ไปกับ อ. นี่มึงขี้เกียจเบียดใช่ไหม” เป็น นศ. อีกคนทักมาครับ
“เออ ดิวะ แม่ง ร้อนจะตาย คนก็แม่งเยอะ เมื่อไหร่จะได้ลงไป” โถ่ ในที่สุดก็แสดงธาตุแท้ ผมหลงนึกว่ามันจิเป็นคนดี
พออยู่ในลิฟต์กัน 2 คน ผมถึงมีเวลาได้สังเกตใบหน้าเจ้าเด็กนี่ มันเป็นคนสูงมากครับ น่าจะเกิน 180 รูปหน้าเรียวและปากนิด จมูกหน่อยนั่น ก็พอคงพอจะเดาได้ว่า คงเป็นพวกลูกคนจีน แน่ ๆ ครับ เพราะเด็กที่นี่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นคนไทย ก็บ้านมีกะตังค์กันทั้งนั้น
“ผมหล่ออ่าดิ อ. มองใหญ่เลย” เจ้าหน้าทะเล้นนั้น ยังคงกวนทีนอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเป็น อ. ผมทำได้เพียงกรอกตา มองเพดานลิฟต์ กับความหลงตัวเองของมัน
“คุณชื่ออะไร” ผมถามไปตามมารยาทครับ เป็น อ. ก็ต้องรู้จัก นศ ไว้
“บริพัฒน์ จรัสพงษ์ เบสบอล ครับ อ. ” พูดไม่พอ ยักคิ้ว ด้วยนี่สิ นี่มันทำกับ อ. ทุกคนแบบนี้หรือเปล่าเนี่ย
พร้อม ๆ กับที่ประตูลิฟต์เปิดออก และมันก็ยื่น เอกสารมาให้ผม
“อ่ะ อ. ” ผมทำหน้างง ครับ
“ก็จะเอามาไว้ที่โต๊ะ ผมให้ไม่ใช่เหรอ”
“มาให้ละไง แต่ผมจะลงลิฟต์ต่อไปละ ถ้าไปที่โต๊ะ อ. ละกลับมา ผมก็เจอพวกนั้นเบียดอ่าดิ” มันพูดพลางยักคิ้ว อย่างผู้มีชัยครับ
“เออ ๆ ๆ นิสัย ๆ ๆ ๆ” ผมเริ่มจะลดทอนความสุภาพกับมันลงครับ ผมรับเอกสารคืนมา อย่างปลง ๆ ครับ ถ้าผมเจอแบบไอ่นี่ ซัก สิบ คน ผมคงกลับไปทำงานที่ โรงงานกับ ป๊า ดีกว่า
เป็นบุญของผมครับ วันนั้น ทั้งวัน คลาส ที่เหลือของผมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ............ แต่ ชีวิตมันคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าผมไม่พบว่า ขณะที่ผมกำลังจิกลับบ้าน
“ชิบหาย !! ยางรั่ว” ผมหน้าถอดสีอยู่ข้าง ๆ รถ
‘ทำไงดีเนี่ยยยย ละที่นี่ มันบางนานะ ผมจะไปหาใครมาซ่อมให้ละเนี่ย โหยยยย’
‘ฮ้า !!! คุณแพท ผมของต้องไหว้วาน เลขาสุดสวยซะแล้ว เอ ... ขอติดรถไปด้วยเลยดีไหมนะ อิ อิ’ แผนการสร้างวิกฤตให้เป็นโอกาสของผมคงจะได้สานต่อถ้าไม่มี เอ่อออ
“ปิ๊มมมม ๆ ๆ ๆ แป๊ม ๆ ๆ ๆ”
‘ใครฟะ ชีวิตกรูยิ่ง ประสบเคราะห์กรรมอยู่’
รถสปอร์ตแพงระยับ มาจอดอยู่หน้าผม พร้อม ๆ กับกระจกที่ลดลง
“รถ อ. เสียเหรอ” ผมมองหน้าตัวเองผ่านเงาสะท้อนของแว่นกันแดดราคาแพงบนใบหน้าขาว ๆ นั่น
“เบสบอล” ผมอุทานออกไป
“โหย นี่ อ. จำผมได้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ”
“อ่ะ อื้มมม รถผมเสียน่ะ” ผมตอบไปอย่างไม่ใส่ใจครับ ตัดความรำคาญไป เพราะจะรีบไปสานฝันให้เป็นจริง
“อ. มากับผมดิ เดี๋ยวไปส่ง บ้าน อ.อยู่ไหนอ่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปกับคนในออฟฟิส ดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นเห็นจะไม่ดี” ผมตอบไปตามความจริง ครับ เดี๋ยวใครมาเห็นละจะคิดว่า ผมสนิทกับ นศ แล้วลำเอียงให้คะแนนเยอะ
“โหย อ. ผมไม่ข่มขืน อ.หรอก มา ๆ ๆ ๆ ขึ้นรถ”
“อะ ......... ไอบ้า ไม่ใช่แบบนั้นว๊อยยย” แต่ก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใดครับ มันลงรถมาแล้วลากผมไปอีกฝั่งของรถ
“เฮ้ยยย ๆ ๆ ๆ ๆ ทำไร ๆ ๆ ไม่ไป ไม่ไป” แต่ก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใดครับ ร่างสูงนั้นเปิดประตูแล้วดันผมเข้าไปในรถ
“หน่า อ. ไม่ต้องเกรงใจหรอก เดี๋ยวผมไปส่ง” เอ่อออ นี่มึงคิดว่ากรูเกรงใจมึง อยู่เหรอเนี่ย
เอ้า เลยตามเลย “ผมไม่ได้มีอะไรหรอก แต่ไม่อยากให้ นศ คนอื่นมาเห็น เดี๋ยวเค้าจะว่าผมสนิทกับคุณเท่านั้นเอง”
“อ่าว .......... ละ สนิท กับผมมันไม่ดียังไง ” เฮ้ออ ป่วยจะพูดเด็กหนอเด็ก
“สบายใจเถอะ อ. ฟิมล์รถผมมืดซะขนาดนี้ ใครจะมาเห็น” ก็จริงนะครับ ถ้าเมื่อกี้มันไม่ลดกระจกลงผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร
“แล้วบ้าน อ.อยู่ไหนอ่ะ” มันพูดพร้อมออกรถครับ จะขับเร็วไปไหน ยังไม่ออกจาก ม. เลยนะเนี่ย
“บางกะปิ ………. แต่ไม่เป็นไร คุณไปส่งผมตรงหัวหมากก็พอ เดี๋ยวผมต่อรถไปเอง”
“เฮ้ยย จริงดิ บ้านผมอยู่ลาดพร้าวนี่เอง ไกล้กันอยู่ละ เดี๋ยวส่งถึงบ้านเลยก็ได้ อ.”
“ละเดี๋ยวคุณเข้าบ้านเลยเหรอ” ผมถามไปตามมารยาท ครับ
“ช่าย แล้วออกมาใหม่”
“อื้มม .....”
“อ. ไม่อยากรู้เหรอ ว่าผมจะออกไปไหน”
“ทำไมผมต้องอยากรู้เรื่องของคุณด้วย” ถ้าเป็น นศ หญิงก็ไปอย่างว่าไหมครับ แต่ก็พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ ถ้าเป็น นศ หญิง ผมไม่มีทางมาด้วยหรอกครับ ไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
“อ.ภีม อ่ะ คำก็คุณ สองคำก็คุณ เรียกชื่อผมไม่ได้เหรอ”
“บริพัฒน์”
“โด่ว เมื่อกี้ เจอกันยังเรียกเบสบอลอยู่เลย” เฮ้อออ ถ้ากรูไม่นั่งรถมึงมานะ “เบสบอล”
“ต้องแบบนี้ดิ”
มันพาผมมาตามทางเรื่อย ๆ ครับ แอร์เย็น ๆ พร้อม ๆ กับเพลงแจ็ส ที่มันเปิดด้วยเครื่องเสียงดี ๆ นี่มันทำเอาผมเคลิ้มเหมือนกันนะ
“อ.ไกล้ถึงบ้าน อ.แล้วนะ ไปทางไหนต่ออ่ะ”
อื้มม ข้างหน้านี่เลย รถค่อย ๆ ชลอ จอดตรงหน้าบ้านผม
“อื้มม ขอบใจนะ”
“ไว้ใช้บริการใหม่ได้ครับ อ. ว่าแต่ บ้าน อ. ใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย”
“คงใหญ่สู้บ้าน เบสบอล ไม่ได้หรอก ผมไปหล่ะ เจอกัน”
“บ๊าย บายครับ อ.” หึ บ๊าย บายเหรอ นี่คือคำที่ไว้ใช้ร่ำลาครูบาอาจารย์หรือไง ห๊า แต่ .............. มันมาส่งเรา
“อื้ม บ๊าย บาย”
ผมลากสังขาร ลงไปเปิดกดกริ่งประตูบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน ซักพัก ป้าพิศมัย แม่บ้านคู่ทุกข์คู่ยากของบ้านเราก็โผล่มา
“อ่าว คุณภีม ละรถละคะ”
“ไว้ ภีม เล่าให้ฟังทีหลังนะ ขอไปนอนก่อน” ผมพูดพลางหอมแก้ม ป้าพิศมัยครับ ป้าเค้าเลี้ยงผมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก รักไม่ต่างจากม๊า เลยครับ
---------------------------------- ตักสุรา
“เจี้ยย ทำไมมึงต้องนัดมาวันนี้วะ พรุ่งนี้กูทำงานอ่ะ” นี่ไอจักร ซี้ผมครับ มันยังคงบ่นอย่างต่อเนื่อง
“กูก็ทำเหมือนกันแหล่ะ มึงอย่าบ่นมากเลย ก็ไหนมึงสัญญาว่า พอกูได้ทำงานละมึงจะพากูมาเลี้ยงไง” ผมทวงสัญญาแบบหน้าด้าน ๆ ครับ จักรมันเป็นเพื่อนสนิทผมมาตั้งแต่อนุบาลละครับ เรียนมาด้วยกัน จนโต ขนาดเรียน ป.ตรี ถึงจะคนละคณะ แต่ก็ยังเป็น ม. เดียวกันครับ
“เออ ๆ ๆ กูไม่ได้จะไม่เลี้ยง แต่ แหม่ ทำอย่างกับวัยรุ่น ไอ่ห่า เรียกปุ๊บ ก็จะให้กูออกมาปั๊บ” ใช่ครับ พอผมนอนตอนเย็นจนอิ่ม ผมก็โทรจิก มันออกมาเลย ห้า ห้า ห้า
“แหม่ กูกับมึงก็ไปเรียนที่อื่นตั้งนาน กว่าจะได้กลับมาเจอกัน ตอนนั้นให้ไปเมกาด้วยกันก็ดันไปออส ตอนนี้เรียกเวลาของเพื่อนฝูงกลับมาดิว้า” อิ อิ ผมแถเก่งไหมครับ
“เอ๊า ชน !!” ผมก๊ง กับมันไปก่อนครับ ก่อนเหยื่อรายอื่น ๆ ที่ผมจิกไว้ตั้งแต่หัวค่ำจะตามมากันจนครบ
“ว่าแต่ น้องแนน แฟนมึงเป็นไงบ้างวะ ยังคบกันอยู่ไหม” สตั๊น กันเลยทีเดียว
“เอ่ออ ไม่รู้ว่ะ ตั้งแต่กลับมากูยังไม่ได้โทรหาเค้าเลย” ผมตอบไปตามจริง ครับ
“แสรดดด มึงคิดว่ามึงอยู่สมัยสุโขทัย เหรอว๊า เฟซบุ๊ค สไกป์ สารพัด จู่ ๆ มึงก็ไม่ติดต่อเค้าดาด ๆ เนี่ยนะ”
“อ่ะ ........ อื้มม…… กูไม่รู้วะ กูก็แค่รู้สึกว่า แบบ มันไม่ใช่แล้วอ่ะ” มือใหญ่ ๆ ของไอจักรเอื้อมมา ตบหน้าผากผมครับ
“สัด เจ็บนะโว้ยย” ผมด่ามัน พลางลูบหน้าผากไปทาง
“เชี้ย หมั่นไส้ ว่ะ แม่งงง มึงทำแบบนี้กับน้องเค้าได้ไงวะ นึกอยากจะทิ้งก็ทิ้ง”
“เฮ้ยยย กูไม่ได้จะทิ้ง แค่แบบ ยังไม่ได้เคลียร์เฉย ๆ อ่ะ”
“ว่าแต่กูเหอะ สาวโต๊ะนั้น แม่งมองมึงเหมือนจะกินไปทั้งตัวละ” ผมพยายามเบี่ยงประเด็น ก่อนที่มันจะเค้นผมไปมากกว่านี้
“เออ กูว่า มองมึงมากกว่าว่ะ มึงมัน ตี๋เซี๊ยะ เทรนนิยม ไม่เหมือนกูแม่ง รูปชั่วตัวดำ”
“เวอร์ ไอ่ห่า อย่างมึงไม่หล่อ พระเอกทีวี ตัวดำ ๆ ก็แม่งไม่ได้เกิดกันหมดละ”
‘และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม โปรดบอกความในใจให้ฉันรู้ทีนะเธอ’ โหย เพลงมือถือไอจักร โครตเก่า
“อะไรนะ เดี๋ยวตำรวจมา .............. หา จะไม่มาละ”
“ไรวะ จักร”
“พวกไอต่อ บอกว่าเพื่อนมันที่เป็นตำรวจจะเข้าตักสุราอ่ะ มันเลยจะไม่มากันละ เดี๋ยวเซ็ง แสรดดด”
“ซะงั้น ................. ก็ไม่เป็นไร กูกับมึงสองคน ก็พอละเน๊อะ” ผมเป็นคนชวนก็ไม่อยากให้งานกร่อยครับ
“เออ ๆ ๆ กินไปเรื่อย ๆ ละกัน ตำรวจมาก็ค่อยเช็คบิล พวกเราไม่มีปัญหาอยู่ละ”
แต่ ................ เอ๊ะ ผมเห็นคนหน้าคุ้น ๆ อยู่เป็นกลุ่ม ๆ ๆ
“ชิบหาย !!”
“ไรวะ ภีม”
“นศ ว่ะ แม่ง ..........” ผมลืมคิดไปเลยครับ ว่าพอทำงานเป็น อ. แล้วอาจจะมาเจอ นศ ในที่แบบนี้ได้
“เชี้ย ช่างมันเถอะ มันคงไม่ทันสังเกตเห็นมึงหรอก คนเยอะจะตาย”
แต่ ............. ก็ไว้ใจไม่ได้ครับ ผมพยายามเพ่งมองเข้าไป เห็น เด็กผู้ชาย สอง คนพยายาม หิ้วปีกใครอีกคนอยู่
‘เบสบอล’
หึ หึ ผมรู้สึกยิ้มเยาะ อยู่ในใจครับ กลางวันยังทำเป็นเก่งอยู่เลย กลางคืนต้องให้คนหิ้วปีกซะงั้น บ่ะมีไกด์จริง ๆ ว๊ะ ห้า ห้ ห้า ห้า
.
.
.
“ตำรวจมา !!” เสียงเด็กที่อยู่ในร้านตะโกนลั่น พวกอายุไม่ถึงก็วิ่งกันชุลมุนเลยครับ ยิ่งกว่าคนตีกัน พวกผมที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ก็เช็คบิลไปเรียบร้อยแล้วหล่ะครับ
ผมเองก็อาราม จรรยาบรรณ อ. ใหม่ มันแรงกล้าอ่ะนะครับ จิ หาว่าคุย อิ อิ ผมก็พยายามมองหา พวก นศ กลุ่มนั้น แต่ก็ไม่อยู่ละ คงรอดปลอดภัยกันเป็นที่เรียบร้อยละหล่ะ แต่ ........... แล้วไอตัวยาว ๆ ที่นอนอยู่บนโซฟานั่นหล่ะ เชี้ยยยละ
“เบสบอล !!”
ผมปรี่เข้าไป “เฮ้ยยย ตื่นดิ ตำรวจมา ๆ ๆ เบสบอล ๆ” แม่งหลับลึกเลย มันคงเมามาก ผมเลยต้องพยายามหามมันออกมาจากตรงนั้น “แม่ง เพื่อนมึงไม่รักเลยเหรอวะ แสรดดด” ตัวก็เสือกใหญ่ซะผมแทบจะประคองไม่ไหว
“มากูช่วย นี่เด็กมึงเหรอวะ” ดีจักรเข้ามาชาร์ตตัวมันอีกข้าง
ผมกับจักร กึ่งลากกึ่งวิ่งพามันไปที่รถผมครับ
“เออ ๆ ๆ มึงยัด ๆ มันเข้าไปในรถก่อนกัน แม่งเมาไม่รู้เรื่องเลย ขนาดลากมันมาขนาดนี้ มันยังไม่ตื่นเลย” ผมบอกจักร
“ละมึงจะเอาไงต่อวะ”
“ไม่รู้ว่า เดี๋ยวคงต้องเอาไปไว้บ้านกูก่อนแม่ง ปล่อยไว้ กลัวมันโดนจับไปโรงพักว่ะ”
“มึงเป็นคนจิตใจดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” เชี้ย จักรมันยังมีอารมณ์มากวนตีนผมนะครับ
“กู เทพบุตร โว๊ยยย”
“เออ ๆ ๆ ขับรถดี ๆ ละกัน ............ เออ ภีม รถคันที่มึงจอดไว้ที่ ม. อ่ะ กูบอกให้เค้าไปซ่อมให้เรียบร้อยละนะโว๊ยย”
“เออ ๆ ขอบใจว่ะ เพื่อน” บ้านจักรเป็นกิจการ จำหน่ายรถยนต์ครับ เลยมีช่างในเครื่องเพียบ ผมก็พลอยสบายไปด้วย อิ อิ
ผมสตาร์ทรถพร้อม ๆ กับหันไปมองคนข้าง ๆ “แล้วกูจะเอายังไงกับมึงดีเนี่ย”
--------------------------------------------------------- บ้านพีม
“ว๊ายย คุณพีม นี่ใครคะ” ผมพยามลากเบสบอลขึ้นไปบนบ้านครับ
“อ่ะ เอ่อ .......... น้องที่ ม . อ่ะ ป้าพิศมัย” ขืนบอกว่า เป็น นศ. ละม๊า กับ ป๊า รู้คงมองผมไม่ขึ้นอ่ะครับ
“หูย คงเมามากนะคะ เดี๋ยว ป้าไปเตรียมน้ำกับผ้ามาเช็ด ตัวคุณเค้าให้นะคะ”
“ขอบคุณคร้าบบ รักป้าพิศมัย ที่สุดเลย”
“คร้า เรื่องอ้อนนี่ไม่มีใครเกินจริง ๆ”
ในที่สุดผมก็ลากมันมาบนเตียงได้สำเร็จครับ ป้าพิศมัยเอาน้ำกับผ้ามาเตรียมไว้ให้
“หึ หึ เมาเหมือนหมาเลยนะมึง เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดกินเหล้า ไอ่บ้า” ผมพลางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดตามันครับ คงจะเช็ดได้แค่แถว ๆ นี้แหล่ะครับ “อื้มมมมม” นั่น มันรู้ตัวแล้วครับ คงเพราะความเย็นของน้ำ
“ที่ไหนเนี่ย”
“บ้านผมเอง เบสบอลเมา แล้วตำรวจมานะ ผมอยู่ที่นั่นพอดี เลยพาเบสบอลมานี่แหล่ะ”
“บ้านพี่ภีมเหรอ”
“อะ ฮึ่มมม อ.ภีม ไม่ใช่พี่พีม”
“พี่พีม ..............” มันพูดพลางจับมือไปกอด
“เฮ้ยยย ๆ ๆ ๆ ๆ ทำไร ๆ ๆ ”
“หนาว …………” สงสัย แอร์ห้องผมเย็นไปครับ แต่จริง ๆ เปิดประมาณนี้ แล้วห่มผ้ามันจะพอดีแหล่ะครับ
ผมเลยพยายามจะขืนมือออก เพื่อห่มผ้าให้มัน แต่ยิ่งดึงก็ยิ่งแน่น
“เฮ้ยย ปล่อยดิวะ วันนี้จะได้นอนไหมเนี่ย”
แต่ .......... มันดึงผมพรวดเดียว เข้าไปกอดเลย ............... “เชี้ย มึงปล่อยกูนะ มึงทำไรเนี่ย”
“หนาวอ่ะ หนาววววว”
ใบหน้าสลึมสะลือนั้น ปรือตาขึ้นมานิดหน่อย พร้อมกับ แนบริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นบนหน้าผากผม
“พี่ภีม”
เอ่อ ..................... คือ ช็อค คือ ทำยังไงต่อเหรอ ยังไงดี ๆ
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ความคิดเห็น