ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SVEN] ♕ PHARABITIA :: BLOOD OF HATE #1 ♕ พาราบิเตีย :: โลหิตชังชาด #จักรวาลอมาล่า

    ลำดับตอนที่ #2 : ♕ PHARABITIA ♕ :: INTRO

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 67


     

     

     INTRO 

     

    นิทาน..มิอาจเข้าได้ถึงถ่องแท้ เป็นคำกล่าวของแม่ข้าที่กำลังสิ้นลมหายใจ ในยามที่เกล็ดหิมะสีขาวโพลน เตาผิงตรงหน้าคลุกไปด้วยเปลวเพลิงสร้างความอบอุ่นได้เพียงน้อยนิด ข้าอิงสวมกอดหญิงวัยกลางคนด้วยท่วงทีตรอมจิต ใช้ใบหูแนบฟังเสียงหัวใจดวงน้อยยามรัตติกาล ก่อนที่แม่ของข้า จะเริ่มทวนคำนิทานเรื่องนั้นอีกครั้ง..

    เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้น...เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาอายุครบ 7 ปีของเจ้าชายองค์น้อยนาม ซัน ลินลีฟทาย เมืองอากาเธียร์รื่นเริงไปด้วยนิวในแต่ละสตาร์ทัม ผู้คนหลั่งไหลเข้าเยี่ยมชมนครศิวิไลซ์ เมื่อนั้น..องค์ราชินีของพาราบิเตียได้ตั้งครรภ์บุตรองค์ที่สอง หนึ่งในเทียเมอร์กล่าวว่านางคือหญิง เจ้าชายกำลังมีน้องสาวน่ารักน่าชัง ประชากรทั่วราชปลื้มปีติ แต่หารู้ไม่ว่า..นางคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    วันนั้นในช่วงสาย ขณะที่องค์ราชาและราชินีกำลังเสด็จพบปะกับพลเรือน ได้มีหญิงแก่นางหนึ่งบุกเข้าประชิดพลางจับชายเสื้อของพระนางกระทั่งพระองค์รู้สึกเจ็บ หญิงแก่นางนั้นดวงตาบอดสนิทหนึ่งข้าง นางร้องขอพระองค์ทั้งสองให้ฟังนาง ผู้คนต่างตระหนกและถอยกายออก รับฟังวาจาแหบแห้งด้วยท่าทีหวั่นเกรง

    เจ้าหญิงในครรภ์ของพระมารดา เมื่อจันทราเหลืองทองดั่งบุษราคัม จะต้องมีดวงจิตบริสุทธิ์พรากจาก กระทั่งเมื่อนางอายุครบ 19 ปี นางจะเป็นที่รักใคร่ของประชาชน เฉลียวฉลาด มีความรู้ความสามารถ แต่นางจะกลับใจ..เมื่อใดที่หัวใจของพาราบิเตียอยู่ในกำมือของนาง นางจะทำลายมันด้วยตัวของนางเอง!

    สิ้นประโยค ท้องฟ้าครามเริ่มมืดทมิฬ คำทำนายที่กล่าวออกมาเป็นเฉกเช่นคำสาป ผู้คนละแวกนั้นต่างเอ่ยคำขับไล่ เหล่าองครักษ์เข้าประชิดนำพานางออกไป จะไม่มีผู้ใดเชื่อคำของนางเลยหากว่านางมิใช่เจ้าทำนายจากอาณาจักรอื่นที่อพยพเข้าสู่พาราบิเตียเมื่อ 50 ปีก่อน

    นิว รู้จักนางในนาม ‘ดวงตาสวรรค์’ บ้านเกิดเมืองนอนของนางคือ ‘ทากาลอต’ หลังจากมีสงครามกลางเมือง นางจึงต้องย้ายถิ่นฐานเข้าสู่อาณาจักรใหม่ นางมองเห็นกลุ่มมนตราและโลหิตของผู้บริสุทธิ์ไหลบ่าราวกับมหาสมุทร หญิงสาวในคราบอสูรฝังรากเหง้าเข้าสู่เบื้องลึก หากว่าคำทำนายเป็นเฉกเช่นนี้จริง มีหรือที่หญิงแก่ผู้นี้จะไม่นำมากล่าว...

    แต่แล้ว...ดูเหมือนคำทำนายนั่นจะไม่อาจผิดแท้ ดวงวิญญาณของพระนางถูกแลกด้วยทารกน้อยบริสุทธิ์ กษัตริย์ผู้ปกครองกล่าวบอกไพร่พลให้ตามหาหญิงแก่นางนั้น หากว่าคำทำนายเป็นจริง จะต้องทำเช่นไรถึงจะยุติ

    แต่มันกลับสายไปเสียแล้ว นางสิ้นลมด้วยอายุที่มากโขของนาง ไม่มีผู้ใดเจอะเจอนางอีกเลย เหลือไว้เพียงคำทำนายสุดท้าย..

    ด้วยเหตุจำเป็นนี้ ประชากรลงนามขอให้ ‘ประหาร’ นางทิ้งซะ! พาราบิเตียจะต้องตกอยู่ในอันตราย ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะเก็บนางเอาไว้ หยดน้ำใสพรั่งพรู โลหิตของธิดาองค์น้อยอาบชำระธนูแก้วของหนึ่งในเทียเมอร์ และพาราบิเตีย.. ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง..

    นิทานเรื่องนี้จบลง พร้อมด้วยปริศนาคาใจของข้ามากมาย ด้วยความรับผิดชอบอันสูงลิ่วขีดทางให้เจ้าปกครองกระทำเช่นนั้น ข้าเข้าใจ และมิอาจโต้เถียง แต่เหตุใดกันนิทานที่สมควรจะจบด้วยความสุขถึงต้องแลกมากับหนึ่งชีวิตที่ไร้เดียงสา ตัดสินได้เช่นไรว่านางจะเป็นผู้ทำลายพาราบิเตีย ในเมื่อท่านเองก็สามารถฟูมฟักในสิ่งที่ดีงามนั้นได้..

     

     

     

     

    “มิเกล มินทร์รอนานแล้วนะลูก ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”

    น้ำเสียงนุ่มของ โมเดีย ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่กำลังมือระวิงอยู่ในครัว หลังจากที่อากาเธียร์ได้เปิดรับสมัครนามัสชั้นปีที่ 1 ได้เพียงไม่กี่เดือน เหล่านิวและกาซัสก็ต่างเข้าประลองปัญญากันอย่างเนืองแน่น เรียกได้ว่าในหัวมีเท่าไหร่นำออกมาใช้ให้หมด

    เเต่ด้วยความที่ผู้เป็นพ่อของทั้ง มินทร์เเละมิเกล ครองยศอดีตราชองครักษ์ประจำกายมหาบดินทร์ ด้วยวัยเกษียณ ท่านจึงเลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายกับภรรยาในดินแดนของสตาร์ทัมโฟน ในปีนี้ มิเกลและมินทร์ได้อายุครบ 18 ปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองยังเป็นวีรัสในนามของกาซัส มีพลังและเวทที่ต้องควบคุม ด้วยเหตุนี้เอง ทางอากาเธียร์จึงออกกฎบังคับให้วีรัสทุกคนต้องเข้าศึกษา เพื่อความปลอดภัยและควบคุมการใช้เวทในทางที่ผิด

    “เสร็จแล้วค่ะ!” มิเกลตอบกลับ มือเล็กเอื้อมหยิบกระเป๋าผ้ากำมะหยี่ขึ้นสะพาย

    ขายาวก้าวถี่ลงมายังชั้นล่าง ดวงตาอำพันกวาดมองรอบข้างที่กำลังโกลาหล มิเกลตรงมายังโต๊ะอาหารที่กำลังจัดวางไปด้วยของโปรดก่อนจะเอ่ยทักทายคุณพ่อและคุณแม่เล็กน้อย

    “วันนี้อากาศดีนะคะ”

    “จะดีกว่านี้ หากเธอไม่ทำอะไรชักช้า” สิ้นคำจากคนน้อง มินทร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ขอบ่นสักที 

    “ฉันต้องเก็บของไง นี่ยังเอามาไม่หมดเลย”

    “เราไม่ได้จะย้ายบ้านนะ แล้วนี่ก็บอกแล้วด้วยว่าให้จัดการตั้งแต่เมื่อคืน" 

    ไม่มีอะไรจะเถียง ทั้งมินทร์และโมเดียต่างบอกให้มิเกลจัดการกับสัมภาระตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และสิ่งที่มิเกลทำคือปล่อยเอาไว้แบบนั้น พอเช้ามาเลยต้องวุ่นเพราะของใช้ส่วนตัวไม่ครบ เสื้อตัวนี้หาย เสื้อตัวนั้นขาด ดีแค่ไหนแล้วที่มินทร์ยังรออยู่

    "ค่ะ ๆ มิเกลคนนี้ผิดเองค่ะ" น้อมรับแต่โดยดี มิเกลไม่อยากฟังมินทร์บ่นอีก ทุกวันนี้เขาแทบจะไม่ใช่พี่ชายแล้ว หากเป็นแม่อีกคนได้ก็คงจะเป็น

    “ว่าแต่ รู้คะแนนสอบกันรึยังลูก แม่ได้ยินว่าประกาศเมื่อวานแล้วนะ”

    โมเดียเปลี่ยนเรื่อง กล่าวถามถึงคะแนนสอบรอบทฤษฎีที่พึ่งประกาศออกมาเมื่อวานซืน มันเป็นผลคะแนนเฉพาะของวีรัส พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าสอบเพื่อวัดความสามารถของเวทขั้นพื้นฐานตั้งแต่การควบคุมอำนาจวิเศษ การใช้งาน และการหักห้าม

    “ได้ไปดูแล้วครับ” มินทร์น้ำเสียงใสแจ๋ว

    “เป็นไง ได้เรื่องยังไงบ้าง” มาครอสถาม

    “ผมได้คะแนนอยู่ที่เก้าร้อยเจ็ดสิบคะแนนครับ ขั้นที่หนึ่ง”

    แน่นอนว่าคะแนนที่ได้นั้นทำเอาโมเดียและมาครอสประหลาดใจ คะแนนสอบของวีรัสจะอยู่ที่ 1 พันคะแนน โรงเรียนอากาเธียร์จะคัดเกรดออกเป็น 3 ขั้น เพื่อให้สามารถแยกย่อยกลุ่มคนและเตรียมพร้อมกับเทียเมอร์ในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับทุกคน

    - ขั้นที่ 1 (วีรัสที่ได้คะแนนสอบครั้งแรกตั้งแต่ 900 คะแนนขึ้นไป)

    - ขั้นที่ 2 (วีรัสที่ได้คะแนนสอบครั้งแรกอยู่ระหว่าง 900 – 700 คะแนน)

    - ขั้นที่ 3 (วีรัสที่ได้คะแนนสอบครั้งแรกน้อยกว่า 700 คะแนน)

    “แล้วมิเกลล่ะ?”

    “ลูกได้เพียงเจ็ดร้อยยี่สิบคะแนนเท่านั้นแหละค่ะ...”

    น้ำเสียงค่อย มิเกลทำดีที่สุดเท่าที่ตัวเองสามารถทำได้แล้ว เธอเป็นพะวงอยู่เล็ก ๆ เพราะไม่อยากให้มาครอสละโมเดียผิดหวัง แต่ก็ต้องโบกธงขาวเพราะบางอย่างมันก็เกินความสามารถของเธอ

    “ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว รีบทานข้าวเถอะเดี๋ยวจะไปไม่ทันเอา”

    โมเดียเอ่ยประโลม เธอรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง และมันไม่มีหนทางไหนเลยที่โมเดียจะพามิเกลหลีกหนีออกจากที่นั่น ความจริงของมิเกลจะทำให้ตัวเธอเองเป็นอันตราย ถึงจะไม่ใช่ลูกในไส้แต่มันก็เป็นเวลายาวนานเกือบ 20 ปี ที่โมเดียเลี้ยงดูมิเกลมา

    เธอกลัว แต่ความกลัวของเธอขังมิเกลเอาไว้ที่นี่ไม่ได้

     

    หลังจากทานอาหารกันเสร็จ โมเดียและมาครอสก็เดินทางมาส่งสองพี่น้องยังจัตุรัสเมือง ธงประจำสตาร์ทัมยังคงสะบัดเป็นคลื่นตามผิวลมที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ มิเกลกวาดมองหลายครอบครัวที่มากล่าวอำลาบุตรของตนเอง ก่อนจะหันกลับมามองครอบครัวของตัวเองที่กำลังพ่นเรื่องสนุกออกมาไม่หยุดปาก เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กแล้ว แต่การอยู่โดยไม่มีมาครอสและโมเดียมันรู้สึกเหมือนขาดลมหายใจเฮือกหนึ่งไป

    “พวกเราไปก่อนนะครับ แล้วเจอกัน” มินทร์เอ่ย ก่อนที่ทั้งสองจะโผเข้ากอดโมเดียและมาครอสจมอก

    “โชคดี.. ทั้งสองเลย”

    มินทร์และมิเกลผละกายออกจากสองสามีภรรยา ก่อนจะสยายผืนปีกกว้างเหนือพื้นที่เหยียบย้ำพลางกระพือขึ้นสู่อากาศ พวกเขากำลังตรงดิ่งไปยังอากาเธียร์ โมเดียกุมมือมาครอสเอาไว้แน่น เธอพยายามเก็บความวิตกของตัวเองเอาไว้ สักวันมิเกลจะเป็นหนึ่งเดียวกับคมดาบ ฝนจนแหลมคม หลอมเป็นเหล็กกล้า นั่นคือความจริง.. ที่คงแท้แน่นิรันดร์..

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×