คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ♕ PHARABITIA ♕ :: 5 ::
5
เป็นอีกครั้งที่ตะวันร้อนแรงชวนแสบผิว ร่างเล็กที่กำลังคลุกตัวอยู่บนเตียงนอนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ความว่างเปล่าอย่างเช้าวันก่อน โอเล็ทชันตัวขึ้นอย่างลำบากพลางบิดขี้เกียจและเพ่งมองหญิงสาวที่กำลังนั่งสางผมอยู่ริมหน้าต่าง
มิเกลตื่นเช้า!
“ตื่นแล้วเหรอ?” มิเกลถาม
“อืม แล้วเธอกลับมาเมื่อไหร่” โอเล็ทไม่รับรู้เลยว่ามิเกลกลับมาเมื่อไหร่ เป็นเพราะเธออ่อนเพลียจึงหลับตั้งแต่หัวค่ำ
“สามทุ่มน่ะ รีบเตรียมตัวได้แล้ว เดี๋ยวจะไปโรงเรียนไม่ทันนะ”
“เป็นอะไรของเธอเนี่ย อยู่ ๆ ก็ตื่นเช้า แถมยัง..”
“ไม่รู้สิ ตื่นมาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ เมื่อวานฉันไปป่าสีครามมา ได้ช่วยคาวีเผือกด้วยนะ”
“ป่าสีครามเหรอ!”
โอเล็ทแทบจะเป็นลมเมื่อได้ยินคำคำนั้น หากศาสตราจารย์คนอื่นรู้เข้าไม่เพียงมิเกลที่จะโดนทำโทษ แต่ยังรวมไปถึงโอเล็ทที่ไม่ดูแลหรือตักเตือนเพื่อนร่วมห้องของตัวเองด้วย
“จะพูดดังทำไมเนี่ย”
“แล้วใครบอกให้เธอไปล่ะ” โอเล็ทแผดเสียงดุ
“ไม่รู้สิ ไม่เห็นมีใครสั่งฉันนะ ฉันไปเอง”
“ฉันหมายถึง ทำไมเธอถึงไป ในเมื่อกฎก็มีอยู่ว่าห้ามไปยุ่งกับไพรสีคราม ที่นั่นอันตรายมากนะ”
โอเล็ทตีอกของตัวเองที่ร้อนรุม ๆ ในขณะที่มิเกลไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เธอเป็นปีติมาก ๆ ที่สักครั้งในชีวิตได้เหยียบเข้าไปในเขตที่โรงเรียนและอาจารย์ต่างย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามเข้าไป
“ก็ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ รู้ไหมว่ามันผิดหวังแค่ไหนที่รู้ว่าเธอทำทุกอย่างไปเพื่อจับตามองฉัน”
“และใครบอกให้เธอมาคาดหวัง ฉันไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิดมาตั้งแต่แรกแล้ว”
เหลือเชื่อเลย..
“เสียแรงที่เคยปลื้มเธอ..” มิเกลพูดเสียงเบา
“เธอไว้ใจใครไม่ได้หรอกนะในอากาเธียร์ แม้แต่คนที่เธอคิดว่าดีนักดีหนา ภายในอาจจะเน่าเฟะไม่เหลือชิ้นดี ส่วนเรื่องเมื่อคืนอย่าไปบอกใครเชียว ถ้าฉันโดนทำโทษหรือโดนหักคะแนนไปด้วย เธอจะต้องรับผิดชอบ”
และโอเล็ทก็หยิบเสื้อผ้าของตัวเองเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำไป มิเกลสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในตัวของโอเล็ท เธอไม่ใช่คนที่เลวร้ายจากคำพูดเมื่อครู่ โอเล็ทพยายามเตือนมิเกลเป็นนัย ๆ และเธอหวังเหลือเกินว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นจะช่วยมิเกลได้
เธอเป็นคนยังไงกันแน่โอเล็ท?
วันนี้โรงเรียนอากาเธียร์ยังคงเอิกเกริกเฉกเช่นเมื่อวาน หลังเสร็จจากคาบยุทธศาสตร์ ก็ถึงเวลาที่วีรัสปีที่หนึ่งจะรวมตัวกันอีกครั้งในคาบวิชาการต่อสู้ด้วยกรินประจำกายและพลังมนตราของตัวเอง มิเกลและมินทร์นัดเจอกันที่ปราการฝังตะวันตก ก่อนจะเดินทางไปยังลานอเนกประสงค์ของปราสาทการสังหารที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“หวังว่าจะไม่ตีกันนะ เธอกับเทียเมอร์หกน่ะ”
มินทร์เอ่ยแซวหลังจากทั้งสองทิ้งตัวลงสู่พื้นที่ถูกปูด้วยหญ้าเบอร์มิวด้า มิเกลยังเป็นกังวลอยู่เล็ก ๆ เธอกลัวว่าเจเคจะไม่ชอบขี้หน้าเธอจนพาลไปลงกับคะแนน
“เขาเป็นอาจารย์นะ คงรู้อยู่ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”
“วีรัสชั้นปีที่หนึ่ง ทางนี้”
เจเคปรากฏตัวขึ้นพร้อมด้วยสัตว์ประจำกายของเขาอย่าง พิจิกอสุรา แมงป่องน้ำเงินลำตัวมหึมาที่กำลังวาดสายตามองวีรัสพร้อมส่งเสียงคลื่นต่ำ ๆ ออกมาให้ใจหวิวขนลุกเล่น
“สวยจัง..” มินทร์พึมพำ
“ใช่.. สวยมาก”
มินทร์และมิเกลเข้ามารวมตัวกับวีรัสที่เหลือก่อนจะอ้าปากค้างเพราะกรินวิเศษตรงหน้า พวกเขาไม่สามารถละสายตาออกจากมันได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว รูปลักษณ์ที่ดูน่าหวั่นหวาดกลับโอ่โถงและคลุ้งกรุนไปด้วยพลัง ผิวกายของมันแต้มแต่งลายน้ำเงินตั้งแต่หัวจรดปลายหาง ไม่ต่างจากลูกตาวาวราวกับเหล็กสะท้อน นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นกรินประจำกายของเทียเมอร์ ไม่ใช่บ่อย ๆ ที่พวกมันจะปรากฏตัวให้เห็นโดยเฉพาะระยะห่างเพียงคืบลมหายใจ
“ผมขอแนะนำตัวก่อน ผม เจเค เป็นเทียเมอร์ลำดับที่หก การสังหาร เปิดสอนการต่อสู้ด้วยกรินประจำกายและพลังมนตราของทุกคน คะแนนที่ผมจะให้มาจากคะแนนสอบจำนวนหนึ่งพันคะแนนเท่านั้น ไม่มีคะแนนเก็บ ไม่มีคะแนนจิตพิสัย”
เจเคเริ่มแนะนำตัวเองและอธิบายหน่วยวัดผล เพียงหางเสียงของหนึ่งพันคะแนนก็ทำให้วีรัสภายในชั้นเรียนเสียวสันหลัง
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้ผมจะมาบอกว่ากรินวิเศษสามารถทำอะไรได้บ้าง”
เจเคใช้สัญลักษณ์มือในการควบคุมแถวของวีรัสฝึกหัดทั้งหมดในที่นี้ พวกเขาเรียงตัวเป็นวงเพื่อให้เจเคและกรินประจำกายก้าวเข้ามายังจุดศูนย์กลาง พิจิกอสุราเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่เบื้องหน้า เพียงครู่เดียวลำตัวมหึมานั้นก็หดเล็กลงเหลือเท่าบ่าของอาจารย์ผู้สอน
“อย่างที่พวกคุณเห็น มันสามารถขยายร่างกายให้ใหญ่หรือเล็กเท่าไหร่ก็ได้ แต่ผมไม่ได้จะมาสอนเรื่องนี้ในคาบเรียนที่พวกคุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านิสัยใจคอที่แท้จริงของกรินประจำกายของตนเองเป็นยังไง”
“สัตว์วิเศษมีอัธยาศัยที่ต่างกันออกไป ทั้งสงบเรียบร้อย สนุกสนานร่าเริง หรือแม้กระทั่งผยองในตน”
“และดูเหมือนอำนาจวิเศษจะรู้ดีว่ากรินตนไหนเหมาะสมกับเรามากที่สุด ฉะนั้นพวกมันจึงมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกับเรา”
“ในวันนี้ ผมอยากให้ทุกคนเรียนรู้สัตว์วิเศษของตัวเอง และนำเสนอในแบบของคุณ เพราะคุณไม่ใช่คนเลือกพวกมัน อำนาจกาเวมต่างหากที่เลือก เลือก.. เพื่อที่จะตายแทนคุณ”
“ผมให้เวลาพวกคุณหนึ่งชั่วโมง แยกย้าย”
รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ทุกคำพูดของเจเคมันทรงพลังมาก เขาแสดงให้เห็นว่านี่คือมิตรที่จะอยู่กับเราไปตลอดสิ้นชีวิน มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่จะต้องเรียนรู้ตัวของเรา แต่เราต่างหากที่ต้องเรียนรู้พวกมัน
“ดีนะที่วันนี้กรินวิเศษของคุณไม่ได้สร้างปัญหาเหมือนเมื่อวาน”
“แม่ร่วง!”
มิเกลสะดุ้งจนตัวโยกเมื่ออยู่ ๆ เจเคก็โผล่มาอยู่ด้านหลัง เขากระซิบข้าง ๆ ใบหูพร้อมบ่อยลมร้อน ๆ ออกมา เธอภาวนาเรื่องนั้นตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเมื่อครู่ที่สติกระเจิง และดูเหมือนมันจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีขนาดที่เรียกแล้วก็ไม่ออกมา
“มันคงกลัวคุณนั่นแหละค่ะ”
“กลัวผม? ฮ่า ๆ”
มันน่าขำตรงไหนเนี่ย? มิเกลหันขวับมองเจเคที่พ่นเสียงหัวเราะออกมา เมื่อกี้เธอไม่ได้เล่นตลกให้เขาดูสักหน่อย
“ฮ่า ๆ ๆ ตลกอะไรคะ?”
มิเกลหัวเราะแห้ง เธออยากรู้จริง ๆ ว่าสีหน้าของเธอตอนนี้มันยังจริงจังไม่พอรึไง
“ดูพูดเข้า ผมเป็นเทียเมอร์นะ”
ทำตัวเสียมารยาทไปอีกแล้ว
“ขอโทษนะคะ ฉันลืมตัวน่ะค่ะ”
แบบนี้ต้องเอาคืนสักหน่อย
“ไม่เป็นไร ผมจะลืมใส่คะแนนให้คุณบ้างก็แล้วกัน^^”
“ฮะ..”
อาจารย์โรงเรียนนี้มันอะไรเนี่ย.. ทำไมถึงได้หักคะแนนกันเป็นว่าเล่น?
ก๊อก ก๊อก..
เสียงเคาะประตูบานโตดังขึ้นเบา ๆ ชายหนุ่มที่กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมเอกสารสำหรับการประลองในวันอาทิตย์เงยใบหน้าขึ้นมอง เขาคลายเวทสีแดงที่เป็นเสมือนกลอนประตูพลางเจียดหางตามองร่างสูงหนึ่งในเทียเมอร์ที่แง้มใบหน้าเข้ามาทักทาย ชูก้าเอนหลังพิงพนักก่อนจะวางปากกาในมือลงและเอ่ยถามธุระ
“มีอะไร”
“เรื่องมิเกล พอมีเวลาให้ข้าปรึกษาสักนิดไหม”
เรียวนิ้วถูกดีดเป็นสัญญาณพร้อมบานประตูที่กระแทกตัวปิดลง เพียงเขาได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้หน้าอกก็กระเพื่อมไม่เป็นจังหวะ เจโฮปทิ้งตัวนั่งด้านหน้า เอกสารไม่ว่าจะข้อมูลของวีรัสคนไหนกระจายเป็นฝุ่นลอยกลุ่มไปตั้งอยู่อีกโต๊ะที่ว่างอยู่
“ว่ามา”
“เมื่อวานข้าเจอนาง และนางก็ทำในสิ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าแปลกใจ”
“คราวนี้อะไรอีกล่ะ”
แค่น้ำเสียงเจโฮปก็พอเดาได้ว่าชูก้าหน่ายกับเธอขนาดไหน
"คือ.."
"..."
“นางอาจจะเป็นวีรัสการรักษา”
“ฮะ?!”
ชูก้าร้องสงสัย เอาอะไรมาพูดว่าคนอย่างเธอคือวีรัสที่ในอนาคตอาจจะได้รับหน้าที่ที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต ชูก้าจ้องใบหน้าของคนตรงหน้าด้วยสายตาดุ ๆ เสียเวลาชีวิตไปตั้งหลายนาทีเพื่อมาฟังเรื่องไร้สาระ
“ข้าพูดจริง ๆ นางรักษาแม่โคได้ ข้าเห็นมากับตา”
เจโฮปตบโต๊ะไปที เขารู้ว่ามันเชื่อยาก แต่มันคงไม่ยากไปกว่าการเห็นมากับตาแล้วเลือกที่จะปิดเอาไว้
“เจ้ากำลังจะบอกอะไร"
รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นช้าลง ชูก้าอยากให้เจโฮปพูดมันออกมา สิ่งที่เขากำลังคิด
“นางโกหกเรา"
“ฮึ?”
"นางรู้อยู่แล้วว่าตนเองเป็นวีรัสด้านอะไร แต่นางเลือกที่จะไม่บอก”
และสิ่งที่เจโฮปว่ามาก็ทำให้ภายในห้องเงียบเชียบลงกว่าเดิม การจะใช้เวทของตนได้นั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนระดับหนึ่ง และก่อนจะฝึกฝนจะเริ่มต้นขึ้นเธอจะต้องรู้ก่อนว่าตนมีพลังอำนาจอะไรในมือ มิเกลกำลังหลอกทุกคน และเจโฮปนำเรื่องนี้มาบอกเฉพาะชูก้าเพราะเขาอยากให้เทียเมอร์การสังหารช่วยจับจ้อง
“เอาง่าย ๆ ก็คือ นางเป็นเกียร์น่า”
ชูก้าจับใจความได้ดังนั้น แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทั้งหมด
“ข้ารู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น อย่าลืมว่าคนอุปการะมิเกลคือมาครอสและโมเดีย”
“ที่ข้ามาบอกเจ้าก็เพื่อให้เจ้าช่วยเป็นหูเป็นตาอีกแรง”
“เจ้าช่วยข้าได้ใช่ไหม?”
ชูก้าเลือกที่จะเงียบ นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของเขา คนที่เจโฮปควรไปขอความช่วยเหลือคือโรสและเจเคซึ่งเป็นอัครราชองครักษ์เหมือนกัน
“ทำไมต้องเป็นข้าล่ะ” ชูก้าถามขึ้น เขากอดอกเอาไว้แน่นในขณะที่เจโฮปหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ก็เพราะ..”
“…”
“เจ้ากล้าที่จะฆ่านาง”
“คนต่อไป..”
เมื่อเวลาหมดลงเจเคก็เริ่มให้วีรัสแต่ละคนออกมาแนะนำสัตว์วิเศษของตัวเอง พวกเขาทั้งหมดนั่งล้อมเป็นวงกลมโดยหากถึงคราวของใครคนนั้นก็จะออกไปยืนตรงกลาง มิเกลเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของเจเคจ้องมองมาทางเธอ ในมือคือปากกาและกระดาษวัดผลที่พร้อมจดข้อมูลกรินวิเศษของแต่ละคนลงไป
“เริ่มเลยครับคุณมิเกล”
“ค่ะ”
“มันชื่อ ละองไพรพญาค่ะ มีนิสัยที่ทั้งขี้เล่นและสุขุม มีความเป็นผู้นำสูง เด็ดขาดและกล้าหาญ สิ่งที่มันโดดเด่นเป็นพิเศษคือน้ำตาของมัน น้ำตาของเขาละอองนารีสามารถให้กำเนิดสัตว์วิเศษได้หนึ่งตน ประมาณนี้ค่ะ”
เจเคจรดปลายปากกาขนนกลงบนกระดาษวัดผลครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นมองมิเกลที่ยืนนิ่ง
“แค่นี้เหรอครับ?”
เท่าที่เคยได้ยินมา ละองไพรพญาทำได้มากกว่านั้น
“ค่ะ”
มิเกลเปิดเผยความสามารถของละองไพรพญามากกว่านั้นไม่ได้ ส่วนรากของอำนาจที่มหาศาลนำพามาซึ่งความจริงเกี่ยวกับมิเกลเช่นกัน และมันยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงเวลาที่มิเกลจะทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นใคร
“ผมว่ามันยังน้อยไปสำหรับละองไพรพญา ฉะนั้นผมจะให้การบ้าน”
เมื่อเห็นว่า 1 ชั่วโมงของมิเกลนั้นสูญเปล่า เจเคจึงอยากให้การบ้านเธอสักหัวข้อเผื่อว่ามันจะทำให้เธอกระตือรือร้นขึ้น มิเกลพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด เธอเองก็ไม่รอด วีรัสทุกคนในที่นี้ต่างได้การบ้านกลับไปทำกันทั้งนั้น
“หาพลังมนตราของละองไพรพญาอีกหนึ่งข้อ ไม่ยากไปใช่ไหม?”
ถือว่าง่ายมากหากให้เทียบกับการบ้านของวีรัสคนอื่น ๆ
“ได้ค่ะ ไม่ยากเลย”
“ดี คนต่อไป..”
ถือว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ค่อยยังชั่วที่เจเคไม่ได้มีอคติกับมิเกลจนทำให้คาบเรียนมาคุ เขาเป็นกันเองและรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร และนั่นทำให้วีรัสคนอื่น ๆ สามารถเข้าหาเธอได้โดยไม่ต้องกังวลถึงอันตราย
คาบต่อไปคือคาบของเวนดี้ วินาทีที่มิเกลหวั่นหวาดมากที่สุด เธอภาวนาอยู่ในใจเสมอขอให้สิ่งที่อ่างกีดัสอ่านได้ไม่ใช่อดีตที่เธออยากเร้น แต่เป็นอดีตที่ถูกแต้มแต่งขึ้นใหม่อย่างที่ควรจะเป็น
ความคิดเห็น