คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ♕ PHARABITIA ♕ :: 4 ::
4
ท้องฟ้าเริ่มมืดอีกครั้ง ไม่นานนักช่วงเวลาของการรับประทานอาหารค่ำก็มาถึง ตอนนี้ภายในห้องโถงกำลังเต็มไปด้วยนามัสทุกระดับชั้นรวมไปถึงกลุ่มเพื่อนของมิเกล ทั้งหมดกระจ่างว่าทำไมเจเคถึงทำแบบนั้น มินทร์เล่าทุกอย่างให้ฮาร์ท ลีออย และนาวาฟัง พวกเขาคิดว่ามันไม่แปลกที่เทียเมอร์จะละเอียดอ่อนกับเรื่องนี้ รวมไปถึงเหตุผลที่ทำให้สงสัยมันก็มากพอให้หมายหัว
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี หากมิเกลเป็นกบฏจริง ๆ กลุ่มเพื่อนของเธอก็ต้องเป็นเช่นกัน ฉะนั้นสิ่งที่เทียเมอร์ทำในตอนนี้ มันคือการจับแพะ
“วีรัสคนนั้นน่ะเหรอที่มีกรินประจำกายเป็นละองไพรพญา”
“เป็นไปได้ไงกัน ละองไพรพญาเนี่ยนะ”
“นั่นแหละ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ฉันได้ยินวีรัสปีหนึ่งเล่ามาว่าเธออาจจะเป็นกบฏ”
“กบฏอีกแล้วเหรอ แต่กรินประจำกายของเธอเป็นสัตว์วิเศษของพาราบิเตียนะ”
“ก็ใช่.. แต่เธอไม่รู้ชื่อที่แท้จริงของมัน นั่นแปลว่าเธออาจจะบังคับมันมา”
ไม่เข้าใจว่าทำไมข่าวถึงกระจายตัวได้เร็วขนาดนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงนามัสทุกชั้นปีก็รู้เรื่องราวของเธอกันหมด มิเกลกำลังถูกมองเป็นกบฏ และเธอกลัวจริง ๆ เลยว่าเรื่องนี้จะถึงหูของมาครอสและโมเดียในที่สุด
“นี่มิเกล อย่าไปฟังนะ”
นาวาเองก็ใช่ว่าจะสบายใจ แค่มองเพียงผ่านตาก็รู้ว่ามิเกลอยากจะตบปากคนพวกนั้นแค่ไหน
“ไม่เป็นไร ฉันโอเค”
โกหกทั้งเพ มิเกลพูดออกมาหน้าตายทั้งที่ในใจเดือดปุด ๆ เธอแค่อยากรอให้ถึงวันนั้น วันที่เธอจะได้ฟาดกลับสวย ๆ
“เอาล่ะทุกคนฟังทางนี้หน่อย”
และในขณะนั้นศาสตราจารย์เดียร์ก็เอ่ยขึ้นพร้อมสารในมือ ช่วงเย็นของทุกวันคือช่วงเวลาแห่งการแจ้งข่าวสารและสิ่งที่นามัสควรรู้ ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหาร ศาสตราจารย์ที่ต้องการประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ในเวลานี้
“ฉันมีข่าวจะแจ้งให้พวกคุณทราบสองเรื่อง กรุณาเงียบฟัง”
“เรื่องแรกในวันพรุ่งนี้ จะมีการจับฉลากเพื่อการประลองครั้งแรกจำนวนสองคู่ หากใครรู้ว่าตนเป็นวีรัส ก็จงเตรียมตัวให้พร้อม”
“ส่วนเรื่องที่สอง ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน นามัสชั้นปีที่สามทุกห้องจะมีการสอบก่อนเรียนรายวิชายุทธศาสตร์ ฉันหวังว่าพวกคุณจะมาได้ทันเวลาก่อนเริ่มเรียนคาบแรก”
“วันนี้ก็มีเท่าที่กล่าวมา หากอิ่มหนำสำราญ ก็ทยอยกันกลับปราสาทได้”
สิ้นจากเสียง นามัสแต่ละชั้นปีก็เริ่มทยอยกันกลับ โดยเฉพาะมิเกลที่ขอแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนก่อนที่จะทานอาหารกันเสร็จ เธอต้องการอยู่คนเดียว และหากได้พักผ่อนอีกสักหน่อยทุกอย่างอาจจะดีขึ้น
ในวันนี้มิเกลเสียพลังงานไปค่อนข้างมาก ภายในห้องตอนนี้กำลังอบอวลไปด้วยกลิ่นของเทียนหอม เธอทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะถอดเครื่องแบบพร้อมโยนลงตะกร้า แอบเหลือบมองอินทรธนูที่ขาดครึ่งพร้อมรอยไหม้ครู่หนึ่ง หากนี่เป็นการขู่ ก็ขอบอกเลยว่าเจเคทำมันได้ดีจริง ๆ
“ทำไมกลับมาเช้าจัง”
มิเกลหลุดออกจากภวังค์ เธอหันมองโอเล็ทที่เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าของเธอดูไม่สดใส รอยยิ้มเองก็หายไป มิเกลคิดอยู่ในใจ เธอหวังเพียงอย่างเดียวว่าโอเล็ทจะไม่เป็นเหมือนคนอื่น ๆ
“ฉันง่วงแล้วน่ะ เลยขึ้นมาก่อน”
“ได้ยินว่าทะเลาะกับเทียเมอร์มา”
โอเล็ทถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกพร้อมแขวนเอาไว้บนราวไม้ มิเกลเข้าใจถึงจุดประสงค์ของเทียเมอร์ แต่วิธีที่เขาใช้มันดูโหดร้ายเกินไปสำหรับวีรัสฝึกหัดคนหนึ่ง
“เราไม่คุยกันเรื่องนี้ได้ไหม” มิเกลตอบกลับเสียงแข็ง เธอไม่อยากคิดถึงมันอีก
“ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้เราต้องเรียนกับเขา ไม่ใช่แค่กับคุณเจเค แต่กับคุณเวนดี้ด้วย”
คงมีสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้รออยู่ข้างหน้า พรุ่งนี้ในคาบของเวนดี้เธอจะต้องถูกอ่านอดีต ซึ่งหากมันปรากฏสิ่งที่เทียเมอร์ต้องการเธอจะรอดพ้น แต่หากมันไม่ปรากฏเธอก็ต้องตาย
“ถ้าอ่างกีดัสไม่ปรากฏอดีต คุณเจเคจะฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ”
มือไม้มันสั่นไปหมด เธอไม่รู้ว่าทำไมทุกอย่างถึงเลวร้ายได้ขนาดนี้ มิเกลเองก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่วีรัส เธออาจจะเป็นกบฏจริง ๆ อย่างที่ใครต่อใครต้องการ และหากมันเป็นเช่นนั้น ก็ถึงเวลาที่เธอต้องทำอะไรสักอย่างระหว่างหนีกับเผชิญหน้ากับมัน
“ไม่รู้สิ คุณเจเคไม่ใช่คนที่จะขู่เล่น ๆ ด้วย”
ใจชื้นขึ้นเยอะเมื่อโอเล็ทพูดแบบนั้น
“ฉันไปบอกลาพ่อกับแม่ก่อนดีไหมนะ..”
มิเกลเล่นเสียงติดตลก หัวใจของเธอแทบจะทะลุออกมาทุกครั้งที่หายใจ มันยากที่จะยิ้มแต่มิเกลก็ยังยิ้ม เธอพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครเห็นด้านที่อ่อนแอของตัวเอง
“กังวลไปทำไม เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเธอคือวีรัส”
มิเกลรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทำไมถึงได้กังวลเรื่องอ่างกีดัสทั้งที่ตนยืนยันเองว่าไม่ใช่กบฏ
“นั่นน่ะสิ.. ทำไมฉันต้องกังวลด้วย”
“ขอพูดในฐานะของเชื้อราชวงศ์นะ ถ้าจะหนี ก็หนีตั้งแต่ตอนนี้ซะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
หนีงั้นเหรอ?
“ทำไมถึง.. พูดให้ฉันหนีล่ะ”
มิเกลหันขวับมองโอเล็ททันทีที่ได้ยินคำนั้น เธอไม่ควรพูดแบบนั้นออกมาสิ เธอไม่ควรพูดว่ามิเกลควรหนี การที่เธอเอ่ยคำนั้นออกมาทันทำให้มิเกลรู้ในทันทีว่าแท้จริงโอเล็ทเองก็ต้องการกำจัดเธอไม่ต่างจากเทียเมอร์ โอเล็ทเชื่ออย่างในสนิทใจเลยด้วยซ้ำว่ามิเกลคือกบฎ ทุกอย่างที่เธอทำมันคือการจับพิรุธ การเข้ามาตีสนิท การได้เป็นเพื่อนร่วมห้อง ทุกอย่างถูกตระเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว
“เออ..”
“ทุกอย่างที่เธอทำ มันจอมปลอมสินะ”
มิเกลถอนหายใจ สิ่งที่โอเล็ทพูดออกมามันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ ในตอนนี้หากจะให้มาอยู่ร่วมห้องกันคงไม่ดีเท่าไหร่
“อาจจะทำให้ผิดหวังนะ แต่ฉันไม่หนีหรอก”
“ยังไงอ่างกีดัสก็ต้องอ่านอดีตของฉันได้แน่ ๆ”
ว่าจบ มิเกลก็ฉีกยิ้มกว้างและเดินไปยังหน้าต่างที่เปิดอยู่ เธอกระโดดขึ้นไปยืนบนวงกบก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งและ..
ทิ้งตัวลงมา
โอเล็ทวิ่งตามมายังหน้าต่างก่อนจะวาดมองร่างเล็กที่กำลังพุ่งตัวไปยังที่ไหนสักแห่ง คำพูดและสีหน้าของมิเกลต่างจากความวิตกเมื่อครู่ลิบลับ เธอรู้ว่ายังไงอ่างกีดัสก็ต้องอ่านอดีตของเธอได้ แต่ที่เธอกังวลก็เพราะอดีตนั้นคืออะไรล่ะ หากเป็นอดีตของเธอจริง ๆ ก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่วางเอาไว้มันกำลังตาลปัตร
ความมืดของรัตติกาลทำให้ดวงดาวในวันนี้สว่างกว่าทุกวัน มิเกลออกจากปราสาททั้งที่มันกำลังจะถึงสองทุ่ม เธอรู้สึกโกรธและหัวเสียราวกับกำลังมีไฟมารนที่อก มันทั้งผิดหวังและเสียใจที่โอเล็ทเข้าหาเพียงเพราะต้องการจับตามองเธอ มิเกลควรทำตามที่โอเล็ทแนะนำ เธอควรหนีไปตั้งแต่ตอนนี้ เธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง รู้ว่ากาเวมชิ้นไหนสร้างตนขึ้นมา รู้ว่าทำไมเขาละอองนารีถึงบอกนามเท็จ เธอรู้ทุกอย่าง เพียงแต่เธอต้องการให้มันเป็นแบบนี้
ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอโกหก มันจะเป็นยังไงนะ?
“คุณโลเวล.. คุณต้องช่วยฉันนะ”
และมิเกลก็เอ่ยนามของใครคนหนึ่งที่เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว เธอคิดและยืนนิ่ง ๆ อยู่กลางลมหนาวที่กำลังก่อตัวขึ้น แอบเหลือบมองต้นแสงที่กระทบผิวเล็กน้อย วงสว่างจากดวงจันทร์ในคืนนี้ดูจะเหน็บเย็นกว่าเบื้องล่างเสียอีก
“อะไรน่ะ..”
และก็มีสิ่งที่ดึงมิเกลออกจากความคิดเหล่านั้น เธอจ้องมองลูกไฟสีฟ้าที่กำลังกระเพื่อมตัวช้า ๆ มันจุดเป็นทางลึกเข้าไปในป่า หนำซ้ำยังมีเสียงประหลาดคลอเป็นจังหวะหนัก ๆ ดังขึ้นไม่หยุด
“เสียงเหมือน.. สัตว์วิเศษ”
มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะส่งเสียงแบบนั้นออกมาได้ มิเกลไม่รอช้าที่จะตามลูกไฟนั้นเข้าไป ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ เสียงร้องของมันก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเบื้องล่างเริ่มแฉะไปด้วยน้ำที่ส่งกลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งออกมา
มีสัตว์วิเศษได้รับบาดเจ็บ
“นี่มันน้ำคร่ำนิ”
มิเกลหยุดฝีเท้าของตัวเอง เธอหักกิ่งไม้ด้านข้างก่อนจะร่ายเวทเรียกเปลวเพลิงเพื่อนำทาง เปลวสว่างเพียงหรี่ริบไม่ได้ทำให้รอบข้างดูอันตรายน้อยลง ที่นี่มีกรินวิเศษมากมายที่พร้อมขย้ำเธอให้กลายเป็นศพ มิเกลต้องรีบหาว่าน้ำคร่ำนี้เป็นของสัตว์วิเศษตนใดและรีบออกไปจากตรงนี้
อือ..
“อยู่นี่เอง”
มิเกลตัวแข็ง เธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ขนาดใหญ่เบื้องหลัง เธอเจอแล้ว.. สัตว์วิเศษที่ต้องการความช่วยเหลือ
“ช่วยข้าด้วย..”
มิเกลรีบหันขวับปะทะกับกรินวิเศษตนนั้นทันที มันคือคาวีเผือก ดวงตาวาวราวเพทายพร้อมเรือนกายสีเม็ดข้าว เธอคือผู้รักษาสมดุลของไพรสีครามแห่งนี้ และในอีกอึดใจข้างหน้าเธอกำลังจะให้กำเนิดทายาท
“ช่วยข้าด้วยท่านผู้วิเศษ ลูกของข้า..”
“ดะ.. เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง อยู่นิ่ง ๆ ก่อนนะ”
มิเกลกรวดตัวเข้าหาแม่คาวีพร้อมใช้เวทตรวจหาลูกน้อยในครรภ์ นี่เป็นท้องแรก.. ปากมดลูกยังเปิดไม่เต็มที่ ลูกน้อยเองก็ตัวใหญ่เกินไป ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะดูอิดโรยขนาดนี้
“เธอทำอะไรน่ะ”
แต่ในขณะนั้น
มิเกลหันขวับมองตามเสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ดังขึ้น และนั้นก็ทำให้เธอต้องอ้าปากค้างเพราะคนตรงหน้าคือเทียเมอร์ห้าอย่างเจโฮป
“คุณเจโฮป!”
“เธอมาทำอะไรที่นี่!?”
เขากรรโชกเสียง มิเกลรีบคิดคำแก้ตัวเมื่อสีหน้าเจโฮปในตอนนี้ไม่ได้เป็นมิตรเอาซะเลย ในอ้อมอกของเขาในตอนนี้คือใบหญ้า ‘พีพีรา’ พืชสมุนไพรที่ช่วยในการทำคลอดคนและสัตว์
เขาก็คงมาช่วยแม่โคเหมือนกัน
“ฉะ.. ฉันเดินผ่านมาค่ะ”
“เดินผ่าน? เธอจะไปไหนถึงต้องเดินผ่านไพรสีคราม”
หาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ มิเกลขอยอมรับผิดทุกอย่างหากเจโฮปจะเลิกสนใจเธอและกลับมาช่วยเหลือแม่โคที่ดูเหมือนจะสิ้นใจลงทุกที
“ไว้เราค่อยคุยกันดีกว่าค่ะ ถ้าคุณเจโฮปมาที่นี่เพื่อช่วยเธอ ก็ได้โปรดสนใจเธอก่อนเถอะ”
เจโฮปนิ่งไป ไม่ต่างจากมิเกลที่กลั้นใจบอก เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำมันผิด แต่ในขณะนี้ชีวิตของลูกน้อยและตัวแม่โคเองสำคัญกว่า
“งั้นเธอออกไปจากที่นี่ มันอันตราย”
“ไม่ค่ะ ฉันจะอยู่ แม่โคขอให้ฉันช่วย ฉันก็ต้องได้ช่วย”
“เธอคุยกับคาวีเผือกรู้เรื่องเหรอ?”
“จะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องตอนนี้เราควรสนใจเหรอคะ ฉันบอกว่าสนใจแม่โคก่อนไง!”
ไม่รู้ว่าอารมณ์มันปะทุขึ้นเมื่อไหร่ จากที่มิเกลควรจะกลัวเจโฮป กลับเป็นเจโฮปเองที่กลัวเธอ
“อะ! เออ ได้! งั้นเธอเอาสมุนไพรไปให้แม่โคกิน เอาไป!”
“ค่ะ!”
เจโฮปโยนก้อนสมุนไพรให้กับมิเกลรับเอาไว้ เธอรีบนำมันไปวางให้กับแม่โคทานทันที สรรพคุณของพีพีราจะช่วยลดอาการเจ็บจากการคลอดบุตร และยังช่วยเพิ่มพลังให้กับแม่โคด้วย
“เชื่อใจเรานะคะ”
มิเกลลูบหน้าท้องของแม่โคเบา ๆ ให้เธอได้ผ่อนคลาย แอบหันกลับมามองเจโฮปที่เริ่มเก็บชายเสื้อเตรียมดึงลูกน้อยออกมา เขาใช้มือหนาจับขาทั้งสองที่โผล่พ้นช่องคลอดพร้อมออกแรงตามจังหวะเบ่ง แต่เป็นเพราะลูกน้อยที่ตัวใหญ่เกินไป มิเกลจึงรีบเข้ามาช่วยอีกแรงเพราะลำพังเจโฮปคนเดียวคงไม่พอ
“เราจะนับสาม แม่โคออกแรงเบ่งตามนั้นนะคะ”
มิเกลบอกแม่โคที่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เจโฮปนิ่งไปพักใหญ่เพราะไม่เคยเห็นวีรัสคนไหนสื่อสารกับกรินวิเศษรู้เรื่อง เขาพยายามคิดถึงช่วงที่มิเกลแนะนำตัว ถ้าจำไม่ผิดพลังของเธอคือการสร้างภาพลวงตา
เธอโกหกงั้นเหรอ? เธอโกหกอีกแล้ว..
“หนึ่ง สอง สาม อื้อออออ!”
“อีกรอบ!”
“อื้ออออ!!!”
“ออกแรงหน่อยมิเกล!”
“ก็ออกแรงอยู่เนี่ยยยยยย!”
พรวด!!
และแล้วทั้งเจโฮปและมิเกลก็ต้องฉีกยิ้มกว้างเมื่อลูกโคกำเนิดออกมาได้สำเร็จ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ทำคลอดกรินวิเศษและเธอก็ทำมันได้ ยิ่งลูกน้อยดูสมบูรณ์แข็งแรงมิเกลก็ยิ่งรู้สึกตื้นตันใจ หากร้องไห้ออกมาตอนนี้ได้เธอคงร้องไห้ไปแล้ว
“โอเค ดีแล้ว ๆ ”
เจโฮปรีบถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองมาเช็ดบริเวณลำตัวของลูกน้อย มิเกลเองที่เห็นแบบนั้นจึงกลับมาสนใจแม่โคพร้อมใช้เวทของตัวเองบรรเทาอาการปวด มนตราสีเขม่าลอยตัวเหนืออากาศพร้อมเกล็ดสะท้อนสีใส เธอกำลังทำในสิ่งที่ควรทำ แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดสนใจที่เจโฮปไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น
“เธอทำอะไรน่ะ”
“รักษาแม่โคค่ะ”
“รักษาเหรอ?”
มิเกลพยักใบหน้ากลับ พลังรักษางั้นเหรอ?
“ใช่ค่ะ ฉันรักษาแม่โคได้”
“ถ้าเธอรักษาสิ่งมีชีวิตได้ ก็แปลว่าเธอคือวีรัสการรักษาน่ะสิ”
“!”
หลังจากมิเกลใช้เวทรักษาอยู่นมนาน แม่โคก็เริ่มมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะลุกขึ้นตรวจดูลูกน้อยของตัวเอง นี่เป็นเวทการรักษาขั้นพื้นฐานของวีรัสการรักษา ไหนจะเรื่องที่เธอสามารถคุยกับกรินวิเศษได้อีก ผู้ครอบครองอำนาจนี้สามารถทำมันได้หากต้องการ กาเวมชิ้นที่ 1 เป็นกาเวมชิ้นที่สำคัญที่สุด และหากมิเกลเป็นวีรัสการรักษาจริง ๆ ก็ไม่แปลกที่เธอจะไม่เหมือนคนอื่น
“ถ้าเธอเป็นวีรัสการรักษาจริง ๆ ก็ไม่แปลกที่เธอจะมีกรินประจำกายเป็นละองไพรพญา ไหนจะการสื่อสารกับสัตว์วิเศษอีก”
ไม่นะ.. โดนจับได้แล้ว
“อ่า.. ไม่ใช่หรอกมั้งคะ”
สะเพร่า สะเพร่าที่สุด ลืมไปสนิทว่าคนตรงหน้านี้คือเทียเมอร์ เขารู้แล้ว.. เขารู้ถึงสิ่งที่มิเกลต้องการปกปิด
“ต้องใช่สิ ถ้าไม่ใช่เธอจะรักษาคาวีเผือกได้ยังไง”
สายตาคาดคั้นของเจโฮปในตอนนี้กำลังกดดันให้มิเกลพูดบางอย่างออกมา ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว การให้เจโฮปเข้าใจไปแบบนั้นอาจจะดีกับตัวเธอเองก็ได้
“แล้วแบบนี้.. ฉันยังต้องอ่านอดีตผ่านอ่างกีดัสอยู่ไหมคะ?”
ปัญหาของมิเกลในตอนนี้คืออ่างกีดัส โลเวลไมได้บอกให้เธอเตรียมการสำหรับเรื่องนี้ อย่างที่เคยกล่าว หากอดีตที่อ่านออกมาเป็นอดีตของเธอจริง ๆ ก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่วางเอาไว้อาจจะพังไม่เป็นท่า
“ทำไม? ไม่อยากอ่านอดีตเหรอ?”
“คือ..”
“เธอกำลังปกปิดอะไรบางอย่างสินะ บางอย่างในอดีต..”
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมคนตรงหน้าคือหัวไวได้ขนาดนั้น เขาสามารถพูดในสิ่งที่มิเกลคิดออกมาได้เป็นฉาก ๆ
“ฉะ.. ฉันแค่ได้ยินมาว่าการอ่านอดีตมันเจ็บมาก ฉันแค่ไม่อยากเจ็บตัวน่ะค่ะ”
“…”
“เอาเป็นว่า จะใช่หรือไม่ใช่วีรัสการรักษา รอให้การประลองเป็นตัวบอกดีกว่าค่ะ จริงไหมคะ?”
เจโฮปเงียบเป็นคำตอบ เด็กนี่พิรุธเยอะจนทำให้เจโฮปแอบเอ็นดู ที่จริงมันก็ถูกของเธอ อย่าพึ่งตีโพยตีพายและปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการดีกว่า
“ก็ได้"
แค่ได้ยินคำนี้มิเกลก็โล่งอกโล่งใจ
"แต่มีอีกเรื่องเธอต้องเคลียร์กับฉัน”
เจโฮปยิ้มยกโหนกแก้มพร้อมหัวเราะแหยะ ยังมีอีกเรื่องระหว่างเธอและเขาที่ต้องสะสางหากจำไม่ผิดกฎของอากาเธียร์มีหนึ่งข้อที่ห้ามไม่ให้ใครเข้ามายังไพรสีครามก่อนได้รับอนุญาต ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์วิเศษที่ดุร้ายและสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย หากกรินที่เจอไม่ใช่คาวีเผือกมิเกลจะทำยังไง
“เรื่องอะไรเหรอคะ?”
“กฎข้อที่ยี่สิบสามของอากาเธียร์ ท่องให้ฟังหน่อย”
อยู่ดี ๆ มาถามถึงกฎของอากาเธียร์ มิเกลคิดถึงกฎข้อนั้นพร้อมเตรียมท่อง แต่ก็ต้องหัวเราะแหยะออกมาไม่ต่างจากเขา มิเกลต้องโดนหักคะแนนความประพฤติซึ่งมันก็มากทีเดียว
“ฉันขอหักคะแนนเธอห้าสิบคะแนน ข้อหาที่ออกมาเดินเพ่นพ่านยามวิกาล”
มิเกลจึปาก เธอกะว่าจะตีเนียนและไม่รื้อฟื้นมันแล้วเชียว เท่าที่จำได้มิเกลโดนหักคะแนนไปแล้วในวิชาการเวลาของวีตั้ง 20 คะแนน แต่กลับเจโฮปเธอต้องโดนหักคะแนนทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าเรียนไปอีก 50 คะแนน เพียงแค่นี้ก็พอรู้ว่าอนาคตนั้นคงหนีไม่พ้นการบำเพ็ญประโยชน์ครั้งใหญ่
“แต่ฉันก็ช่วยคาวีเผือกนะคะยี่สิบคะแนนก็พอ..”
มิเกลชูสองนิ้ว
“แปดสิบคะแนน”
“สามสิบก็ได้ค่ะ”
“หนึ่งร้อยคะแนน”
“ใจร้ายชะมัด!”
“สองร้อยคะแนน ดิบ”
“ไม่ได้นะคะ คะแนนดิบไม่ได้นะ!”
“กลับปราสาทได้แล้ว”
“อย่าหักคะแนนดิบนะคะ”
“สามร้อยคะแนน”
“กลับก็ได้ค่ะ!”
และมิเกลก็จำเป็นต้องจ้ำอ้าวออกจากไพรสีครามทันที เธอหันมาโบกมือลาคาวีเผือกพร้อมทำหน้าบึ้งตึงใส่เจโฮปไปอีกที เขาหัวเราะออกมาน้อย ๆ กับท่าทีของคนตรงหน้า เห็นแบบนี้เธอเองก็ห่วงคะแนนของตัวเองพอสมควร
ถึงเวลาพักผ่อนแล้วมิเกล พรุ่งนี้เธอต้องเจอกับอะไรอีกมาก..
ความคิดเห็น