ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SVEN] ♕ PHARABITIA :: BLOOD OF HATE #1 ♕ พาราบิเตีย :: โลหิตชังชาด #จักรวาลอมาล่า

    ลำดับตอนที่ #3 : ♕ PHARABITIA ♕ :: 1 ::

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 67


                                                                    

    1

     

    เพียงไม่กี่นาทีที่ลู่ปีกนำพาสองพี่น้องมายังศูนย์กลางอาณาจักร ที่แห่งนี้ลอยเด่นขึ้นเหนือสตาร์ทัมและถูกอุ้มโอบโดยกลุ่มเมฆ เบื้องล่างคือทะเลสาบกว้าง มันทำหน้าที่ค้ำจุนอากาเธียร์ด้วยมนตรามหาศาล ปราสาทตระกูลอดิศรยังคงตระหง่านเป็นหมายของผู้มาเยือน ถัดออกไปไม่ไกลคือโรงเรียนอากาเธียร์ สถานที่บ่มเพาะวิชาให้กับวีรัสและนามัสในอีกอึดใจข้างหน้า

    มินทร์และมิเกลมองดูเหล่ากรินวิหคบินโฉบผ่านตาต้อนรับวีรัสที่กำลังมาถึง บัดนี้ อากาเธียร์กำลังครึกครื้นไปด้วยนามัสในแต่ละชั้นปี บุรุษและสตรีในเครื่องแบบสูทกระดุมสองแถว เนื้อผ้านิ่มดำขลับแต่งประดับลูกเล่นตามขลิบ ผ้าคลุมเนื้อกำมะหยี่ลาดยาวกลัดด้วยเม็ดตราสัญลักษณ์แห่งพาราบิเตีย สองพี่น้องรีบทิ้งตัวลงสูงพื้นดิน ชะลอฝีเท้าพลางก้าวเข้าสู่ป้อมปราการ

    “ที่นี่สวยเป็นบ้าเลย”

    มิเกลพึมพำ ดอกไม้ของที่นี่ส่งกลิ่นหอมกว่าที่ไหน ๆ เธอมองดูผืนผ้าต่วนเงาที่ถูกจับกลีบอย่างประณีตประดับตัวปราสาท ไหนจะโคมกระดาษหลากสีสันที่จุดเป็นทางทั้งซ้ายขวา มิเกลชะงักฝีเท้า หยุดสังเกตสัตว์วิเศษมากมายในนาม กริน ที่กำลังทำหน้าที่เป็นทูตนำทางให้กับนามัสชั้นปีแรก ไม่แปลกใจที่แผ่นดินอมาล่ายกให้อากาเธียร์เป็นเมืองศูนย์กลางที่งามที่สุด พวกเขาทำให้ทุกคนที่ก้าวเท้าเข้ามาประหลาดใจอย่างเหลือเชื่อ

    “มินทร์ มิเกล ทางนี้!”

    น้ำเสียงที่คุ้นหูตะโกนเรียก ทั้งสองหันขวับมองชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังยืนรออยู่มุมหนึ่งของสวนทางทิศใต้ของปราสาท ฮาร์ท ลีออย และนาวา พวกเขาเป็นทั้งมิตรและเครือญาติ เกิดและเติบโตด้วยกันเคียงคู่เมืองแห่งแสงอาทิตย์ สตาร์ทัมโฟนสร้างครอบครัวให้มินทร์และมิเกลตั้งแต่ยังแบเบาะ จึงไม่แปลก หากทั้งห้าจะสนิทชิดเชื้อกันเป็นพิเศษ

    เริ่มต้นด้วยฮาร์ทและลีออย ทั้งคู่เป็นแฝดชายหญิงเพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักร ช่วงอายุมากกว่ามินทร์ มิเกล และนาวา 2 ปี จึงมีประสบการณ์และรู้หลักกฎเกณฑ์ของอากาเธียร์มาแล้วพอสมควร ส่วนนาวา หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับมินทร์และมิเกล เธอเป็นผู้แจกจ่ายความสุขให้กับกลุ่ม และมักเชื่อมสันติหากมีสงครามระหว่างมินทร์และมิเกลเกิดขึ้น

    “กว่าจะมากัน รอมิเกลสินะ” เสียงหวานกล่าวขบขัน ใบหน้าเขียนยิ้มขึ้นมุมปาก มินทร์ชำเลืองมองมิเกลเล็ก ๆ มันเกิดขึ้นบ่อยจนทุกคนรู้ดี

    “ก็ใช่น่ะสิ”

    “ฉันขอโทษ ~ ”

    “ช่างมันเถอะ รีบเข้าไปกันดีกว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว”

    ลีออยว่า แต่ถึงอย่างไรทั้งคู่ก็มาทันพิธีเปิดภาคเรียนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เมื่อรู้ดังนั้นก็ไม่มีใครอยู่เฉย ทั้งหมดรีบทยอยกันเข้าปราสาทพร้อมนามัสคนอื่น ๆ ทันที

     

    มันยังคงตื่นตาตื่นใจมากกว่านี้ มิเกลอ้าปากค้างไม่ต่างจากมินทร์ข้าง ๆ ทั้งห้าเข้ามายังห้องโถงใหญ่ของปราสาทที่ใช้เป็นจุดนัดรวมและชี้แจงกะเกณฑ์ เสาคอลัมน์สองซ้ายขวาถูกสลักเป็นสัตว์วิเศษของเทียเมอร์ทั้ง 7 เบื้องล่างคือพื้นหินอ่อนขัดเงาสะท้อนกับกำแพงสีถ่าน มิเกลไม่คิดว่าที่นี่จะสวยได้ขนาดนี้ ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของมาครอสแต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ท่านจะพาเข้ามายังอากาเธียร์

    “นามัสทุกท่าน หากผู้ใดเข้ามาถึงยังปราสาทแล้ว ให้รวมแถวตามระดับชั้นปีเพื่อรับฟังคำชี้แจงและตารางเรียนในเวลานี้”

    น้ำเสียงทุ้มนุ่มป่าวประกาศ ผู้คนจากด้านนอกเริ่มทยอยเข้ามาภายในปราสาทตามคำสั่ง หัวใจของมิเกลกระทุ้งหนัก ๆ เมื่อเห็นถึงปริมาณนามัสที่มากขึ้น รุ่นพี่ชั้นปีก่อน ๆ ต่างดูน่าเกรงขาม อกกว้างไม่ว่าจะชายหรือหญิงถูกประดับด้วยเข็มกลัดแสดงถึงชัยชนะและกิตติศัพท์ในด้านต่าง ๆ ทั้งกีฬา การเรียน และความรับผิดชอบในด้านอื่นๆ

    มินทร์ มิเกลและนาวารีบรวมแถวกับนามัสชั้นปีที่ 1 ในทันที ส่วนฮาร์ทและลีออยแยกไปรวมกับนามัสชั้นปีที่ 4 ก่อนที่คณาจารย์ในแต่ละภาควิชาจะออกมาต้อนรับพร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม

    “เทียเมอร์เองก็เป็นอาจารย์ไม่ใช่เหรอ ทำไมดูเหมือนศาสตราจารย์แต่ละคนจะเป็นแค่กาซัสทั้งหมดเลย..” มิเกลและนาวาหันมองมินทร์ที่ยิงคำพูดออกมา ก่อนจะชำเลืองมองตามเล็กน้อยโดยไม่คิดอะไร

    “ฉันเคยได้ยินจากฮาร์ทมาว่าพวกเขาจะรอวีรัสฝึกหัดด้านนอกนะ มันคนละสายการสอนกัน” นาวากล่าว หลุบเสียงลงให้เบาที่สุด

    "ยินดีต้อนรับเข้าสู่อากาเธียร์สำหรับนามัสชั้นปีที่หนึ่ง และฉันดีใจที่เราได้เจอกันอีก สำหรับนามัสชั้นปีที่สองสามและสี่  อึดใจข้างหน้า พวกคุณจะได้เป็นหนึ่งในนักเรียนของอากาเธียร์โดยสมบูรณ์ พวกคุณไม่จำเป็นต้องทำทุกสิ่งให้ดีเพื่อใคร เพียงเรียนรู้และทำมันให้ดีในแบบที่คุณต้องการก็พอ"

    ศาสตราจารย์หญิงนาม เดียร์ พลีดิลอย เอ่ยกล่าวพร้อมชี้แจงหน้าที่ของนามัสทุกคนต่อจากนี้ ก่อนที่ลมเหนือศีรษะจะสร้างประกายสีทองปรากฏเป็นม้วนกระดาษที่ข้างในคือหมายเลขห้องสำหรับนามัสชั้นปีที่ 1 และตารางสอนที่ทางอากาเธียร์จัดสรรมาให้เฉพาะบุคคล

    "ตกลงอยู่ห้องไหน" มิเกลกระซิบถามนาวาที่อยู่ใกล้ ๆ

    "ห้องสอง!"

    "เจ๋ง ~ "

    ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เรียนห้องเดียวกับเพื่อนสนิท นามัสจะรู้หมายเลขห้องในวันนี้ ส่วนวีรัสทุกคนจะรู้ก่อนหน้าตามลำดับขั้นของตัวเอง นาวาอยู่ห้อง 2 มิเกลเองก็อยู่ขั้นที่ 2 นั่นแปลว่าจำพวกวิชาพื้นฐานพวกเธอจะได้เรียนด้วยกัน

    "เงียบกันหน่อยซิ" และก็โดนมินทร์ดุไปที

    "โอ๋ ๆ อยู่คนเดียวก็เหงาหน่อยนะ" แต่คิดเหรอว่ามิเกลจะกลัว 

    “ฉันไม่มีคำแนะนำอะไรมาก แต่ก่อนที่พวกคุณจะแยกย้าย ศาสตราจารย์ เซนต์ฮาล์ฟ อยากกล่าวอะไรสักหน่อย”

    เมื่อเห็นว่าอาจารย์ใหญ่ของอากาเธียร์อยากเอ่ยกล่าวอะไรสักสองสามคำ นามัสภายในห้องโถงใหญ่ของปราสาทจึงเงียบเสียงลงเป็นเกียรติให้แก่เขา ดวงตามากไปด้วยความจัดเจนกวาดมองนามัสทุกชั้นปีพลางฉีกรอยยิ้มบาง กระทาชายผู้นี้เป็นวีรัสเฉกเช่นมินทร์และมิเกล และยังเป็นวีรัสที่อาวุโสที่สุดของพาราบิเตียด้วย

    “การเรียนของอากาเธียร์เต็มไปด้วยความกดดันเสมอตั้งแต่ผมรู้จักที่นี่ เรามีหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดที่สุดของแผ่นดินอมาล่า พวกคุณต่างเข้ามาด้วยความสมัครใจ เรารับเลือกทุกท่านโดยไม่มีการคัดออก แต่พวกคุณจะต้องพิสูจน์ให้เราเห็นด้วยว่าคุณพร้อมที่จะอยู่ที่นี่ พร้อมที่จะเป็นนักเรียนของเรา เพราะหากคุณทำในสิ่งที่ตรงข้ามเพียงสามครั้ง เราขอเชิญคุณออกในทันที"

    "หากเข้าใจแล้ว นามัสชั้นปีที่สองถึงปีที่สี่แยกย้ายตามตารางสอน ส่วนปีที่หนึ่งพบศาสตราจารย์ เพอร์มัวล่า ครับ"

    จุกกันไปกว่าครึ่งโรงเรียน นามัสช่วงชั้นที่ 2 - 4 แยกย้ายเข้าเรียนตามตารางสอนที่ตนได้ในทันที เหลือไว้เพียงนามัสชั้นปีที่ 1 ที่ยังต้องอยู่รอศาสตราจารย์หญิงนำทางเข้าสู่ปราสาท

    “ขออนุญาตนะคะ นามัสทั่วไปแยกทางไปเจออาจารย์เพอร์มัวล่าทางนั้นเลยค่ะ ส่วนใครที่เป็นวีรัสฝึกหัดตามฉันมาทางนี้”

    ทั้งสามต้องแยกกันเสียแล้ว นาวากล่าวลามินทร์และมิเกลที่เบี่ยงตัวตามวีรัสคนอื่น ๆ ไปพวกเขาก้าวผ่านโถงทางเดินปราสาทเรียนของนามัสมาถึงลานอเนกประสงค์ทางทิศใต้ของปราสาทลินลีฟทาย รุ่นพี่วีรัสหยุดฝีเท้าของเธอลงพร้อมหันกลับมา มิเกลและวีรัสคนอื่น ๆ เข้าแถวหน้ากระดานรับฟังคำของเทียเมอร์ผู้ดูแล ขณะนี้.. เบื้องหน้าของเธอคือบุคคลเรืองอำนาจผู้อยู่จุดสูงสุดของพาราบิเตีย

    นี่สินะผู้ถูกเลือก 

    พวกเขาคือคนที่กาเวมเห็นควรในการครอบครองผลึกล้ำค่า นี่เป็นครั้งแรกของวีรัสฝึกหัดทุกคนที่ได้เจอกับเทียเมอร์ผู้ดูแล ในครั้งที่มีการทดสอบ ผู้คุมเป็นเพียงรุ่นพี่และทหารวีรัส ส่วนเทียเมอร์นั้นคอยประเมินเป็นรายบุคคลบนหอคอยเพื่อไม่ให้วีรัสฝึกหัดรู้สึกเกร็งจนเกินไป

    “สวัสดี ผมเทียเมอร์ลำดับที่หนึ่ง อาร์เอ็ม พวกเราทั้งเจ็ดคนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของวีรัสทุกระดับชั้น วันนี้ พวกเราจะมาทำความรู้จักพวกคุณให้ดีขึ้น โปรดแนะนำตัว ชื่อ สกุล กรินและอาวุธประจำกาย พลังมนตรา รวมไปถึงการเป็นวีรัสด้านอะไร เริ่มจากทางซ้ายก่อน”

    “ฮะ?!”

    อาร์เอ็มกล่าวขึ้นพร้อมก้าวเท้าออกมา ดวงตาคมกวาดมองทุกคนเบื้องหน้าอย่างบัญชา มิเกลหลุดสงสัยออกมาตัวใหญ่ ๆ ถ้าได้ยินไม่ผิดเมื่อครู่อาร์เอ็มพูดถึงสิ่งที่มิเกลไม่รู้เกี่ยวกับตัวเอง

    “มินทร์ อะไรคือวีรัสด้านอะไร”

    “อะไรคือวีรัสด้านอะไร เธอจะถามถึงอะไร”

    “ฉันถามว่าคุณอาร์เอ็มพูดถึงอะไร ที่บอกว่าวีรัสด้านอะไร”

    “อะแฮม!”

    มินทร์และมิเกลสะดุ้ง เทียเมอร์ลำดับที่ 4 อย่างเวนดี้ส่งสายตาดุ ๆ กลับมาเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเสียมารยาท ในเรื่องของสัตว์ประจำกายกับอาวุธของเธอมันพอรู้อยู่ แต่การเป็นวีรัสด้านอะไรมันดูงง ๆ ไปเสียหน่อย

    "ยินดีที่ได้รู้จัก คุณวิน ไลโกไฮ "

    มิเกลเริ่มจับทางได้หลังจากการแนะนำตัวดำเนินต่อไปจนคนที่สามถึงสี่ วีรัสด้านอะไรที่อาร์เอ็มหมายถึงอำนาจวิเศษที่ให้กำเนิดวีรัสทุกคน มิเกลพยายามขอร้องให้มินทร์ช่วยเบา ๆ ถึงจะรู้ว่าการเป็นวีรัสด้านอะไรคืออะไร แต่เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองเป็นวีรัสด้านไหน

    “มินทร์ ช่วยหน่อยไม่ได้รึไง” มิเกลสะกิดคนพี่ไปที แน่นอนว่ามินทร์เริ่มรำคาญ เขาน่าจะบอกเรื่องนี้ก่อน หากกระดุกกระดิกอีกรอบมีหวังเทียเมอร์ 4 คงได้ลากออกไปคุย

    “ถ้าไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ แค่นั้น”

    และมันก็แค่นั้นจริง ๆ หลังจากพูดจบเขาก็เงียบ เงียบและเงียบ ในเมื่อได้รับคำแนะนำมาแบบนี้ก็ตามนั้น ไม่รู้ก็แค่บอกว่าไม่รู้

    “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ โอเล็ท เวฮาร์ท กรินประจำกายของฉันคือจิ้งจอกสิบสองหาง อาวุธคือกระบองเพลิง พลังมนตราคือควบคุมบาดแผลที่ตนเองสร้าง ส่วนอำนาจวิเศษที่สร้างฉันขึ้นมา คือการสังหารและ.. การรักษาค่ะ”

    มิเกลหันขวับมองต้นเสียงเพราะคุ้นกับชื่อของเธอ โอเล็ท เวฮาร์ท บุตรธิดาของ ไวท์ เวฮาร์ท ท่านอนุชาของราชาเซลรัน  หากจำไม่ผิด เธอคือคนที่ได้คะแนนเต็มในรอบการทดสอบที่ผ่านมา

    “นี่เป็นครั้งแรกของพาราบิเตียเลยสำหรับวีรัสที่มีสองด้าน เธอทำให้หลายคนประหลาดใจนะ”

    “ท่านพ่อบอกว่า เมื่อฉันอายุครบสิบเก้าปี ฉันจะต้องเลือกหนึ่งด้านเพื่อควบคุมมันให้เต็มความสามารถ ยังไงก็แนะนำฉันด้วยนะคะ” 

    สิ้นจากเสียงเสียงปรบมือของวีรัสคนอื่น ๆ ก็ดังขั้น  มิเกลอ้าปากค้างเพราะนี่คือตัวเต็งของนามัสชั้นปีที่ 1  โอเล็ทเพียบพร้อมและเต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะแบบนี้เทียเมอร์ทุกคนจึงไม่ละสายตาไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว

    “ฉันยินดีนะหากเธอจะเลือกการรักษา”

    อาร์เอ็มว่าก่อนที่โอเล็ทจะโค้งศีรษะลงและถอยหลังกลับ ไม่ต้องแปลกใจหากเขาจะกล่าวเช่นนั้น ไม่เคยมีวีรัสคนใดในพาราบิเตียได้รับพลังการรักษาเลยสักคน อาร์เอ็มถือครองกาเวมลำดับที่ 1 นี้มานานจวบจนปัจจุบัน ฉะนั้นโอเล็ทจึงเป็นวีรัสคนแรกที่ได้รับอำนาจวิเศษนี้

    “คนต่อไป”

    มิเกลสะดุ้งเล็กน้อยเพราะยังอึ้งกับโอเล็ทไม่หาย เธอหันกลับมามองเทียเมอร์ทั้งเจ็ดที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละอารมณ์ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด และหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจและแนะนำให้เธอรู้จักอำนาจวิเศษของตัวเอง

    “เร็วครับ เราไม่มีเวลามารอคุณหรอกนะ”

    เสียงทุ้มของเทียเมอร์ลำดับที่ 3 อย่างชูก้าเอ่ยสะกิด มิเกลสะดุ้งอีกครั้งก่อนจะหายใจเข้าลึก ๆ และพ่นลมออกมาหนัก ๆ

    “คือ.. ฉันชื่อ มิเกล พลีดิลอย กรินประจำกายของฉันคือเขาละอองนารี ส่วนอาวุธประจำกายคือโซ่กระดูก พลังคือสร้างภาพลวงตา แต่ว่า.. ฉันยังไม่รู้เลยค่ะว่าตัวเองเป็นวีรัสด้านอะไร”

    มิเกลยิ้มแห้ง เธอกะพริบตาปริบ ๆ เผื่อมันจะสร้างความน่าเอ็นดูให้กับตัวเองได้บ้าง ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อเทียเมอร์ลำดับที่ 2 อย่างวีนั้นเผลอยิ้มและหันไปทางอื่น

    “ไม่มีวีรัสคนไหนไม่รู้หรอก”

    เทียเมอร์ลำดับที่ 7 อย่างโรส เอ่ยอย่างสงสัย เธอไม่เคยเห็นวีรัสคนไหนไม่รู้อำนาจวิเศษของตัวเองมาก่อน มันควรเป็นสิ่งแรกที่เธอต้องรู้ด้วยซ้ำ

    “ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ พึ่งเคยได้ยินเมื่อครู่นี้เอง”

    “ในวันที่เกิด พ่อกับแม่ของเธอไม่ได้พาเธอมาที่ปราสาทเทียเมอร์เหรอ?”

    ชูก้ายิงคำถามใหญ่ ในวันที่วีรัสได้ถือกำเนิดขึ้นผู้เป็นบิดาและมารดาจะต้องเดินทางพาพวกเขามายังปราสาทรวมของเทียเมอร์เพื่อให้อำนาจวิเศษเลือกว่าผู้นั้นคือวีรัสด้านอะไร การที่มิเกลไม่รู้ นั่นแปลว่าในวันนั้นเธอไม่ได้เข้าร่วมพิธี

    “เธอคือลูกเต้าเหล่าใคร”

    มิเกลกลืนน้ำลายลงอึกโต มันกำลังกลายเป็นเรื่อง มินทร์รีบคว้ามือของมิเกลมาจับแน่น ๆ ทันทีที่รู้ว่าน้องสาวของตัวเองกำลังรู้สึกประหม่า ถ้าปล่อยให้มิเกลออกตัวเพียงคนเดียวคงได้พังไม่เป็นท่า

    “พ่อของเราคือคุณมาครอสครับ ส่วนแม่ของเราคือคุณโมเดีย พวกคุณน่าจะรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี”

    มือของมิเกลเย็นมาก เขาไม่ปล่อยให้มิเกลฉายเดี่ยวหรอก ถ้าจะโดนก็โดนกันทั้งสองคนนี้แหละ

    “พวกคุณสองคนเป็นอะไรกัน” อาร์เอ็มถามกลับ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้สถานะของมิเกลและมินทร์

    “เราเป็นพี่น้องกันแต่ต่างสายเลือด แม่เจอมิเกลถูกทิ้งเอาไว้ในป่าของสตาร์ทัมตอนออกไปเก็บลูกมะเดื่อ เธอจึงไม่ได้เข้าร่วมพิธีนั้น แม่บอกผมมาแบบนี้ครับ”

    มินทร์ตัดสินใจที่จะบอกความลับของครอบครัว มิเกลรู้เรื่องนี้อยู่แล้วจึงไม่ได้คัดค้านอะไร แม้ว่าพาราบิเตียจะเป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยความรุ่งเรืองแต่ก็ใช่ว่าประชากรจะได้คุณภาพไปเสียทั้งหมด บางครั้งพวกเขาก็ผิดพลาดและตัดสินใจทำในสิ่งที่เลวร้ายเพื่อตัวเอง

    “อย่างนี้เองสินะ..” อาร์เอ็มเสียงค่อย แต่นั่นกลับทำให้เทียเมอร์ลำดับที่ 6 อย่างเจเคเริ่มคิดอะไรบางอย่างออก แล้วหากเธอไม่ใช่วีรัสล่ะ หากสิ่งที่มินทร์กล่าวออกมาเป็นเรื่องโกหก

    “ถ้าอย่างนั้น เราจะรู้ได้ยังไงว่าเธอคือวีรัสด้านไหน พิธีกรรมนั้นใช้ได้เพียงวีรัสที่ยังเป็นทารก เมื่อเติบใหญ่ขึ้นจิตของเธอคงแข็งแกร่งเกินกว่าจะเข้าถึง”

    โรสลองหาหนทาง พิธีกรรมนั้นเป็นเพียงการเข้าถึงจิตวิญญาณส่วนที่ลึกที่สุดเพื่อหาว่าอำนาจไหนที่สร้างวีรัสขึ้นมา ก่อนจะจดรายชื่อนั้นลงบนศิลาเพื่อยืนยันตัวตน แต่การที่มิเกลไม่เคยเข้าร่วมพิธีกรรมนั้น และเทียเมอร์เองก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่มินทร์พูดออกมามันน่าเชื่อถือมากแค่ไหน มิเกลจึงไม่ใช่คนที่ควรปล่อยไปหรือละสายตา

    “เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน คนต่อไปก่อน มันจะไม่ทันเวลา”

    อาร์เอ็มขอผ่านเสียก่อน วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกซึ่งแน่นอนว่ามีอีกหลายอย่างต้องทำ มิเกลถอนหายใจออกมายาว ๆ ไม่ต่างจากมินทร์ เขาเลื่อนมือขึ้นลูบไหล่บางของคนน้องช้า ๆ เพื่อคลายกังวล ไม่คิดไม่ฝันว่ามินทร์จะใช้วิธีนี้ แต่นั่นก็ยังดีกว่าให้พวกเทียเมอร์ตีโพยตีพายโดยไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง

    “ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนอีกครั้ง ก่อนจากกัน มีกฎเฉพาะของวีรัสหนึ่งประการคือ ห้ามใช้เวทในทางที่ผิดหรือทำร้ายผู้อื่น และจะมีการประลองทุกๆ อาทิตย์โดยไม่แบ่งชั้นปี หากฝ่าฝืน ทางเราจะหักคะแนนและมีบทลงโทษ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงนามัสชั้นปีที่หนึ่งทุกคนจะถูกเรียกรวมอีกครั้ง เพื่อประจำยังหอพักของตัวเอง และนี่คือตารางเรียนของพวกคุณ”

    ว่าจบ ลมเหนือศีรษะก็หมุนวนเกิดเป็นพายุเล็ก ๆ พร้อมด้วยกระดาษที่ปรากฏขึ้นมา วีรัสฝึกหัดทุกคนเอื้อมหยิบพลางเปิดตรวจสอบดู ก่อนจะพบว่าตารางเรียนนั้นดูโหดร้ายกว่ามากถ้าให้เทียบกับนามัสในปีเดียวกัน

    “หวังว่าจะได้เจอกันในชั้นเรียน ส่วนคุณมิเกล เมื่อถึงคาบของเวนดี้เธอจะอ่านอดีตของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณคือวีรัส เตรียมตัวเอาไว้ด้วย”

    “ขอให้พวกคุณโชคดี แยกย้ายได้”

    สิ้นเสียง หมากประตูของวีก็ปรากฏขึ้นพร้อมเทียเมอร์ที่หายลับเข้าไป วีรัสทั้งหมดแยกย้ายทำภารกิจก่อนการรวมแถวในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มิเกลทรุดตัวลงเมื่ออาร์เอ็มพูดทิ้งเอาไว้แบบนั้น เธอจะต้องได้อ่านอดีต ซึ่งแน่ชัดแล้วว่าในตอนนี้เหล่าเทียเมอร์ไม่เชื่อในสิ่งที่มินทร์พูดสักเท่าไหร่

    “ฉันขอโทษ ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่” มินทร์แทบจะยกมือไหว้มิเกลที่เมินเธอเมื่อครู่ ส่วนมิเกลก็กุมขมับที่ไม่เตรียมพร้อมตัวเองมาให้ดีก่อน

    “ไม่เป็นไร ก็แค่อ่านอดีต ที่เทียเมอร์ทำคงมีเหตุผล”

    “นั่นสิ..”

    “เฮ้อ...”

    หลายครั้งที่มิเกลได้ยินข่าวเกี่ยวกับกบฏจากอาณาจักรใกล้เคียงอย่าง ‘อัสโมดาย’ 

    ที่นั่นเต็มไปด้วยอสุรกายและหมอกหนา แผ่นดินอมาล่าไม่ต้อนรับพวกเขา โดยเฉพาะพาราบิเตียที่กลับกลายเป็นอาณาจักรคู่ขนาน ประชากรของอาณาจักรนี้เรียกตัวเองว่า ‘เกียร์น่า’ มีปีกและเวทมนตร์แสนวิเศษไม่ต่างจากวีรัส และนั่นทำให้เทียเมอร์ต้องทำในสิ่งที่ควรจะทำ เพื่อความปลอดภัยของตระกูลเจ้าปกครอง

     

     

    ห้องสมุดของอาร์เอ็มบัดนี้กลับกลายเป็นห้องประชุม สิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดขึ้นมันได้กลับมาอีกครั้ง โรสเพียงโกหก การไม่รู้เกี่ยวกับอำนาจวิเศษของตนเองเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งมันกลายเป็นปมในใจของเธอ  สุดท้ายแล้วโรสจะต้องตัดสินใจ ทั้งที่การตัดสินใจนั้นผิดพลาดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

    “เวนดี้ เจ้าเห็นอะไรบ้าง”

    เจเคเอ่ยถามหลังจากเห็นเวนดี้เป็นกังวล เธอคงอ่านอะไรได้บางอย่างในอดีตของมิเกล

    “ข้า..”

    “ไม่เป็นไรเวนดี้ พูดออกมา”

    “ข้าไม่เห็นอะไรเลย ไม่มีอะไรอยู่ในอดีตของนาง"

    "ข้าไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้" 

    เทียเมอร์ลำดับที่ 6 อย่างเจโฮปเล่นเสียงติดตลกเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่เวนดี้พูดจะเกี่ยวกับอะไรทำนองนั้น

    มิเกลคืออีกหนึ่งที่เวนดี้ไม่สามารถอ่านอดีตได้ ถึงจะเป็นถึงเทียเมอร์แต่ก็มีหลายครั้งที่พลังของเธออ่อนแอ เวนดี้พยายามที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่ออ่านเรื่องราวของมิเกล แต่จิตของเธอนั้นแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยกำแพงหนา เวนดี้จึงไม่สามารถตอบได้อย่างแน่ชัดว่ามิเกลคือใครและมาจากไหน

    “แล้วเจ้าล่ะวี เจ้าเห็นอะไรบ้าง”

    เวนดี้หันขวับมองวีที่ไม่ออกความเห็นใด ๆ เขาเงียบและลองนึก อย่างน้อยวีที่เป็นถึงเทียเมอร์ลำดับสองคงตอบได้ แต่..

    “ข้าไม่เห็นอะไร สิ่งเดียวที่ข้าจะแนะนำมีเพียงอ่างกีดัสเท่านั้น”

    เขาเองก็ไม่เห็น..

    อ่างกีดัส เมื่อใดที่ผิวนทีกระทบหยดน้ำตาของฮูกเหมันต์ เมื่อนั้นมันจะปรากฏอดีตที่เที่ยงแท้และไม่คาดเคลื่อน อ่างจะฉายภาพเป็นเหตุการณ์ในความทรงจำ ไม่ว่าช่วงเวลานั้นจะเลือนลางและเจือจางแค่ไหน อ่างกีดัสก็สามารถทำให้แจ่มชัดราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

    วีและเวนดี้เห็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น แต่ด้วยมนตราของกาเวม ทำให้บางคราบางครั้งสิ่งที่พ่วงมาด้วยคือการเห็นนิมิต มันจะปรากฏเพียงชั่วครู่และหายไป แต่สำหรับมิเกลพวกเขาสัมผัสถึงมันไม่ได้ แม้จะพยายามขนาดไหนก็ไม่ได้

    “ฆ่านางเถอะ”

    เทียเมอร์ทั้งหมดหันขวับมองชูก้าที่เด็ดขาดออกมา 

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ในกรณีของมิเกลแทบจะไม่มีทางออก นอกจากเธอจะไม่ได้เข้าพิธีผลึกนาม  วีและเวนดี้เองก็ไม่เห็นอะไรในตัวของเธอ และนั่นแปลว่าหากอ่างกีดัสอ่านอดีตของเธอไม่ได้ มิเกลก็ต้องตายอยู่ดี

    “ฆ่าเหรอ? ถ้านางบริสุทธิ์ล่ะ เคยมีวีรัสเป็นเช่นนี้มาก่อ - ”

    “และส่วนมากถึงมากที่สุดเป็นพวกกบฏที่แฝงตัวเข้ามา”

    หลายปีที่โรสเฝ้าภาวนาขออย่าให้มันเกิดขึ้นอีก และสุดท้ายมิเกลก็ทำให้สิ่งที่เธอร้องขอพังไม่เป็นท่า โรสคือหัวหน้าอัครราชองครักษ์ขององค์ราชาและรัชทายาท มีเลือดนับสิบที่เปื้อนมือเธอ และหลายครั้งที่มันคือเลือดเนื้อของผู้คนในอาณาจักรเดียวกัน

    “ชูก้า!” โรสย้ำคำ

    “เจ้านี่มันอ่อนหัดเสียจริงโรส”

    เข้าทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น ชูก้าเดินออกจากห้องประชุมในทันทีที่หมดคำคิดเห็น ความคิดของโรสกำลังทำให้ตระกูลลินลีฟทายเป็นอันตราย แต่มันคงจะดีกว่านี้หากทุกอย่างถูกยืนยันไม่ใช่การสันนิษฐานไปเอง

    “นี่ชูก้า! ชูก้า!”

    “ปล่อยมันไปเถอะโรส”

    เจเคเข้ามาคั่นกลางให้โรสใจเย็นลงหลังจากเธอเหมือนจะตามออกไปเอาเรื่อง

    “ทำไมไม่เข้าใจกันบ้างเนี่ย นางก็แค่เด็กเอง” โรสพ่นเสียงอย่างหงุดหงิด

    “เอาล่ะ ๆ " 

    อาร์เอ็มกล่าวขึ้นพร้อมตบโต๊ะไปพลาง

    "จะไม่มีใครทำอะไรมิเกลจนกว่าเราจะรู้ตัวตนของนาง ข้าสัญญา”

    เมื่อเห็นว่าเหล่าเทียเมอร์เริ่มมีน้ำโหอาร์เอ็มจึงต้องจัดการกับความเห็นเชิงบวกก่อน เขาจะไม่ยอมให้มิเกลเป็นอะไรจนว่าจะรู้ถึงตัวตนของเธอ แม้ว่าระยะเวลาที่เธอยังอยู่ในอากาเธียร์จะเป็นอันตรายต่อราชวงศ์มากก็ตาม

    “ข้าใจร้ายเกินไปรึเปล่าที่เห็นด้วยกับชูก้า” เวนดี้ว่าขึ้นพลางเจียดเสียงอย่างรำคาญ

    “เวนดี้”

    “มองความเป็นจริงบ้างเถอะโรส เราเป็นเทียเมอร์นะ”

    สิ้นจากเสียงเวนดี้ก็เป็นอีกคนที่เดินออกจากห้องประชุมไป โรสทำได้เพียงกัดฟันเอาไว้แน่น ทำยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของมิเกลเท่านั้น

    “แยกย้ายกันก่อนเถอะ สงครามครั้งนี้ยังอีกยาว ~”

    ดูเหมือนจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลยกับคนคนนี้ เจโฮปยิ้มร่าและเดินออกจากห้องไป ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้พวกเขามีตารางสอนสำหรับวีรัสชั้นปีที่สองถึงปีที่สี่ อีกเพียงไม่นานชั้นปีดังกล่าวจะถูกเรียกรวมเพื่อทดสอบเวทในช่วงเวลาที่โรงเรียนมีอำนาจอยู่นอกเหนือการควบคุม

    ..

    มันควรเป็นความลับระหว่างเทียเมอร์ แต่น่าเสียดายที่หนึ่งในนามัสเผลอไปได้ยินเข้า เธอนั่งประติดประต่อเรื่องราวในตรอกเก็บเอกสารที่อยู่ทางด้านซ้ายของห้องสมุด มุมยิ้มบาง ๆ ถูกแต้มเป็นรอย

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×