ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SVEN] ♕ PHARABITIA :: BLOOD OF HATE #1 ♕ พาราบิเตีย :: โลหิตชังชาด #จักรวาลอมาล่า

    ลำดับตอนที่ #13 : ♕ PHARABITIA ♕ :: 11 ::

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 67


     

    11

     

    “เธอคือวีรัสการรักษา มิเกลเป็นวีรัสการรักษา!!”

    “เธอคือเทียเมอร์หนึ่งคนต่อไป..”

    วีเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองอาร์เอ็มที่วาดยิ้มสั้น ๆ

    “คุณมิเกลลุกขึ้นครับ เกิดอะไรขึ้น!”

    ทุกคนในรัศมีของสนามต่างลุกขึ้นมุ่งมองร่างของหญิงสาวในกลุ่มหมอกที่กำลังเจือจาง มิเกลลุกขึ้น บาดแผลของเธอถูกวงน้ำสีขาวรักษาจนหายเป็นปลิดทิ้ง แน่นอนว่าเธอยังรู้สึกเจ็บ เจ็บมากจนไม่สามารถเคลื่อนขยับตัวได้ แต่ในร่างกายมันร้องกำทวนเป็นฟืนเป็นไฟ เธอจะแพ้ในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

    “ไอ้นี่.. มันเจ็บนะเว้ย!”

    หญิงสาวพึมพำเบา ๆ กิรันหันขวับมามองแต่ก็ต้องขาอ่อนจนเกือบทรุดเมื่อเธอกะเผลกขาตรงมาและทำสีหน้าดั่งไฟมาระกำลังระเบิด

    “ทำไมแกไม่ตาย..”

    “เสียใจล่ะสิ”

    ระยะห่างของกิรันและมิเกลอยู่ไกลกันมาก แต่เสียงของมิเกลนั้นกลับกำทวนจนกิรันถอยหลังติดกำแพง

    “อย่าเข้ามานะ”

    เป็นกิรันที่ไม่คิดจะสู้กลับ เธอถูกปลายแหลมของทวนยาวแทงทะลุร่างทั้งร่าง ไม่มีทางที่จะฟื้นขึ้นมาเดินดุ่ม ๆ แบบนี้

    “แกแพ้แล้ว..”

    พูดจบ ลำโซ่ยาวก็เข้ารัดตัวของกิรันเอาไว้แน่น เขาพยายามดิ้นแต่ก็ต้องแพ้ให้กับแรงมหาศาลของมิเกล เธอยกตัวของกิรันลอยเด่น ปลายโซ่อีกด้านเคลื่อนตัวราวอสรพิษ มันกำลังพันธนาการร่างทั้งร่างของกิรันเอาไว้แน่น และในที่สุด

    กรอก!

    “!!”

    เสียงกระดูกหัก กระดูกของกิรันหักทั้งร่าง.. มิเกลทิ้งกิรันลงพื้นพร้อมเรียกเส้นโซ่ทั้งหมดกลับคืน เธอเงยใบหน้าขึ้นมองทั้งอัฒจันทร์ที่นิ่งไร้ซึ่งการไหวติง พวกเขาไม่มีปฏิกิริยา ไม่แสดงท่าทางและยังสั่นกลัว

    “นับสิ”

    มิเกลตวัดสายตามองไคและไอม์ พวกเขาสะดุ้งและเริ่มนับ 1 ถึง 10 อีกครั้ง

    “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า..”

    “ตกลงเธอเป็นวีรัสการรักษาจริง ๆ เหรอ?”

    ซันเดินขึ้นมายืนตรงหน้าของอาร์เอ็มเพื่อไถ่ถามให้แน่ชัด ซึ่งเขาไม่พูดอะไรนอกจากพยักศีรษะและยิ้มมุมปากเล็กน้อย

    "หก”

    “เจ็ด”

    “แปด”

    “มิเกลชนะแล้วค่ะน้า” ลีออยสะกิดโมเดียและมาครอสเพื่อให้รู้ว่าลูกสาวของตัวเองนั้นชนะการประลองแล้ว

    “เก้า”

    “สิบ”

    “และผู้ชนะในครั้งนี้ คือคุณมิเกลครับ”

    ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีเสียงปรบมือใดๆ

    “ลูกแม่เก่งที่สุดเลย!!”

    และในความเงียบเหล่านั้น มิเกลก็หันมองโมเดียที่เกาะขอบสนามพลางตะโกนออกมาดัง ๆ ว่าลูกของฉันเก่งที่สุด มิเกลโค้งคำนับอย่างถ่อมตน ยิ้มแป้นจนตาเป็นสระอิ กลุ่มเพื่อนของเธอเริ่มเปล่งเสียงอีกครั้ง ตะโกนเป็นชื่อของเธอดัง ๆ เพื่อประกาศถึงชัยชนะ

    “มิเกล! มิเกล! มิเกล!”

    “การแข่งขันรอบรกผ่านไปแล้ว ขอเชิญเทียเมอร์ และอาจารย์ทุกท่านเข้าร่วมการประชุมที่ห้องอเนกประสงค์ด่วนค่ะ”

    โรสพูดขึ้น ทุกฝ่ายแยกตัวทำตามหน้าที่ของตัวเอง เจเคกวักมือเรียกมิเกลจากด้านข้าง มินทร์รีบวิ่งลงมายังห้องเก็บตัวของคนน้อง มาครอสและโมเดียดีใจใหญ่ ซันเองก็ถูกนำตัวออกไปหากถึงเวลาพัก คงไม่ดีสักเท่าไหร่ที่จะให้เขามานั่งรอการประชุมหรือเตรียมการสำหรับรอบถัดไป

    “ผมขอไปฟังการประชุมด้วยได้ไหม” 

    ซันหันกลับมาถามไวท์หลังจากเดินผ่านหมากประตูเข้ามาภายในปราสาท ไมโคเองเมื่อเห็นว่าซันและไวท์จะพูดคุยกันก็แยกตัวออกมา

    “ไม่ได้ ที่จริงหลานได้รับอนุญาตให้อยู่ในการประลองเพียงชั่วโมงเดียว” ไวท์ค้าน

    “ใครออกคำสั่ง” ซันถามกลับ เขาทำสีหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่

    “พ่อของหลานไง ทำไม เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”

    “ใช่ และผมขอให้คุณอนุญาต”

    “แลกกับอะไรล่ะ”

    “?!..”

    ซันขมวดคิ้ว ไวท์ก้าวเข้าเข้าหาหลานชายเล็กน้อยจนระยะเรียกประชิด พลังมนตราของซันคือการอ่านใจ แต่กับไวท์ เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่

    “ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไร หยุดซะ”

    “คำว่าหยุดใช้กับฉันไม่ได้หรอก”

    ตัวของซันสั่น มือทั้งสองข้างกำเป็นหมัดเอาไว้แน่น เซลรันไม่เคยรับฟังความคิดของซัน เขากล่าวโทษลูกชายของตัวเองเพราะอดีตที่ทำให้ซันต้องโกรธแค้นต่ออาณาจักร ถึงจะชิงรังแค่ไหนนี่ก็คือบ้าน ซันไม่มีวันให้ไวท์ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ

    “ถ้าไม่มีอะไรจะแลก ก็ไม่อนุญาต”

    ไวท์กดคำชัดก่อนจะเดินจากไปทิ้งเอาไว้เพียงซันที่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ สักวันหากซันได้ขึ้นเป็นราชา เขาจะไม่มีวันให้ไวท์เดินลอยหน้าลอยตาอยู่ในอาณาจักรนี้อีกเด็ดขาด

    “เจ้าไม่ต้องห่วง ถ้าได้ข่าวเรื่องหญิงคนนั้นข้าจะมารายงาน” ไมโคเดินเข้ามาพลางตบไหล่ของซันเบาๆ

    “ฝากด้วย”

     

     

     

    “เก่งมาก ๆ”

    “ขอบคุณค่ะ^^”

    มิเกลเดินตรงเข้ามาหาเจเค เขาลูบเรือนผมของเธอเบา ๆ พร้อมส่งยิ้มให้กับความสำเร็จ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เธอมีอำนาจของกาเวมชิ้นที่สำคัญที่สุดอยู่ในตัว และมันไม่ใช่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนโอเล็ท

    “ได้ยินที่โรสตะโกนไหม เธอเป็นวีรัสการรักษามิเกล”

    เจเคเอ่ยบอกให้มิเกลได้รู้ เขาแทบคลั่งเมื่อเห็นในสิ่งที่แม้กระทั่งเทียเมอร์หนึ่งก็ยังทำไม่ได้ สำหรับอาร์เอ็มเขาทำได้เพียงรักษา และการรักษานั้นไม่ใช่การที่อยู่ ๆ บาดแผลจะหายวับไปกับตาแบบนี้

    “จริงเหรอคะ!”

    ยังไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง แม้จะทราบอยู่แก่ใจแต่มิเกลก็ต้องแสร้งทำเป็นประหลาดใจกับคำนั้น

    “ถามอย่างสิ ทำไมเธอถึงไม่บอกเรื่องที่เธอสมานบาดแผลได้กับเทียเมอร์ล่ะ”

    แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่เจเคสงสัย ตั้งแต่เกิดมาคงมีสักครั้งที่มิเกลหกล้มไม่ก็โดนมีดบาด เธอต้องรู้อยู่แล้วว่าตนเองสามารถสมานบาดแผลได้ แต่ทำไมถึงเลือกที่จะไม่บอกเทียเมอร์

    “พอฉันรู้ว่าวีรัสมีการแบ่งอำนาจวิเศษออกเป็นด้านต่าง ๆ ในวันที่แนะนำตัวฉันจึงเลือกที่จะบอกว่าไม่รู้ เพราะฉันไม่ได้เข้าพิธีผลึกนามค่ะ”

    “วีรัสการรักษา.. ตลอดพันปีมีวีรัสแค่สองคนทีได้รับพลังนั้น คุณอาร์เอ็มและโอเล็ท”

    “ใครจะไปเชื่อว่าฉันคือวีรัสการรักษา ถ้าฉันบอกว่าตัวเองสมานบาดแผลได้ ทุกคนจะยิ่งคิดว่าฉันเป็นเกียร์น่า"

    “ฉันต้องได้การยืนยันจากอ่างกีดัสก่อนว่าตนคือพาราเดียนจริง ๆ จากนั้นก็ค่อยแสดงความสามารถของตนเองในสนาม เพื่อให้ทุกคนรู้อย่างทั่วกัน”

    เธอเตรียมการมาหมดทุกอย่างแล้ว มิเกลพยายามอธิบายทุกความเป็นไปได้นั้นกับเจเค  วีรัสการรักษาคนแรกในรอบพันปี เป็นเด็กกำพร้า หนำซ้ำวีและเวนดี้ไม่สามารถเห็นนิมิตรในอนาคตและอดีตได้ เธอต้องทำทุกอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะแบบนั้นถึงจะสามารถล้างมลทินให้กับตนได้ในวันนี้

    “เก่งมาก.. งั้นเดี๋ยวเธอรออยู่ที่นี่และเตรียมตัวสำหรับรอบสุดท้ายซะ ฉันจะต้องไปประชุมเพื่อคุยเรื่องนี้สักหน่อย”

    “มิเกล!”

    สิ้นเสียงของเจเคมินทร์ก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมตรงเข้าหามิเกล เขาจับไหล่ของเธอแน่น ๆ ก่อนจะหมุนเป็นลูกข่างเพื่อให้แน่ใจว่ามิเกลไม่บาดเจ็บตรงไหน 

    “โล่งอก เมื่อกี้ทำได้ไงน่ะ แผลเธอ?” มินทร์เอ่ยถาม เขายังไม่หยุดใช้มือปลาหมึกตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของเธอ

    “นี่ขนาดคุณมินทร์ก็ยังไม่รู้เหรอคุณมิเกล” เจเคเอ่ยถามอย่างฉงนเมื่อมินทร์ที่เป็นถึงพี่ชายยังไม่รู้ในสิ่งที่มิเกลตระเตรียมเอาไว้

    “ครับ? เรื่องอะไรเหรอครับ”

    “ที่เธอสามารถสมานบาดแผลเองได้ เป็นเพราะเธอคือวีรัสการรักษาครับ”

    “ฮะ!”

    มินทร์อ้าปากค้าง เขาก้าวถอยหลังทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

    “วีรัสการรักษา จริงเหรอ..”

    “ฉันว่าใช่นะ”

    “มิเกล!!!”

    “อะไร!!”

    “วีรัสการรักษาเนี่ยนะ!”

    “ใช่ ฉันเป็นวีรัสการรักษา!”

    โผเข้ากอดกันอัตโนมัติ เจเคถึงกับกุมขมับกับสองพี่น้องที่กำลังตะโกนใส่หน้ากัน เขาเดินเข้ามาแทรกกลางทั้งสองก่อนจะผลักมินทร์และมิเกลออกห่าง

    “จะไปไหนคะ” และมิเกลทักขึ้น

    “ประชุมไง”

    “อ๋อออออออ”

     

     

    “ในฐานะที่ผมเป็นพี่เลี้ยงให้กับมิเกลในการประลองครั้งนี้ สิ่งที่เธอได้กระทำคือสิ่งที่ตัวของเธอมี ไม่ใช่เพราะสมุนไพรหรือยาบำรุงที่ผมให้ทาน อำนาจวิเศษในตัวของเธอช่วยให้เธอฟื้นขึ้นมาจากความตาย ฉะนั้นจึงยืนยันได้ว่า มิเกลเป็นวีรัสการรักษาครับ”

    เสียงเรียบของเจเคกล่าวบอกกับเทียเมอร์ คณาอาจารย์ ทหารพาราบิเตีย และตัวแทนหัวหน้าราษฎรในแต่ละสตาร์ทัม แน่นอนพวกเขาต่างยังสงสัยและพยายามตั้งคำถาม ในเมื่อเธอเป็นถึงวีรัสการรักษา ทำไมพ่อและแม่ถึงกล้าทิ้งเธอเอาไว้ที่นั่น

    แน่นอนว่ามันไม่สามารถหาคำตอบเรื่องนั้นได้ การยืนยันตัวตนของมิเกลจบลงนับแต่บัดนี้ เธอคือคนของพาราบิเตียตามที่อ่างกีดัสกล่าว และเป็นวีรัสการรักษาตามที่การประลองพิสูจน์

    “แต่ดูเหมือนเธอจะรู้เกี่ยวกับอำนาจวิเศษของตนเองอยู่แล้วนะ เมื่อไม่นานมานี้ฉันเห็นมากับตาว่าเธอรักษาสัตว์วิเศษได้ แต่เธอเลือกที่จะไม่บอกเรา" 

    เป็นเจโฮปที่จุดชนวนอีกครั้ง เราอยากจะทราบจุดประงสงค์ที่มิเกลปิดบัง ซึ่งเหมาะเจาะพอดีที่มิเกลได้ให้เหตุผลมาแล้ว

    “เธอรู้ไม่ว่าพลังที่ตนมีคืออำนาจวิเศษด้านต่าง ๆ ของกาเวมครับ พอรู้ว่าการรักษาคืออำนาจของกาเวมที่สร้างเธอขึ้นมา เธอก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าตนคือวีรัสการรักษาจริง ๆ เพราะเธอไม่ได้เข้าพิธีผลึกนาม”

    “ฉะนั้นเธอจึงรอให้มีการอ่านอดีตผ่านอ่างกีดัสและเข้าร่วมการประลอง เพื่อพิสูจน์สำหรับทุกอย่าง”

    เป็นวีที่อธิบาย และเนื้อความที่เขาอธิบายออกมานั้นตรงกับที่มิเกลเอ่ยทุกอย่าง สายตาของเจโฮปขัดเคืองเล็กน้อย ไม่ต่างจากชูก้าที่กำลังทบทวนในสิ่งที่เจโฮปเคยกล่าว

    “แล้ว.. ทำไมอยู่ ๆ กาเวมชิ้นที่หนึ่งถึงสร้างวีรัสมาตั้งสองคนในรอบพันปี เกิดอะไรขึ้นกัน”

    เมื่อเหตุผลของมิเกลจบลงเวนดี้ก็ตั้งคำถามใหม่ขึ้น มันแปลกมาก ๆ มีวีรัสการรักษาถึงคนในรอบพันปี 

    “ข้า.. ต้องไปแล้วน่ะ”

    และคำตอบของอาร์เอ็ม ก็ทำเอาเหล่าเทียเมอร์และคนในที่ประชุมนิ่งงัน

    “หมายความว่าอะไร เจ้าจะไปไหน” เจโฮปถามย้ำ

    “ร่างกายของข้าอ่อนแอลงมาก กาเวมต้องเลือกผู้ถือครองคนใหม่”

    “...”

    “ข้ากำลังจะตาย ก่อนที่ร่างกายของข้าจะสลายไป พวกเจ้าต้องทำให้พวกเธอพร้อม คนที่เหมาะสมที่สุดจะได้มาแทนข้า”

    เป็นเพราะกาเวมชิ้นที่สำคัญที่สุดอ่อนแอ ชิ้นส่วนอื่น ๆ จึงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย อาร์เอ็มมีชีวิตอยู่มาแล้วนับพันปี สังขารของเขาร่วงโรยไปตามกาลเวลา เพราะแบบนี้วีรัสการรักษาจึงถูกสร้างขึ้นมาถึงสองคน เพื่อให้เหล่าเทียเมอร์ค้นหาคนที่เหมาะสมที่สุด

    “อาร์เอ็ม..”

    “แยกย้ายกันเถอะ การประลองยังไม่จบ”

    ใจหาย พวกเขากำลังใจหาย

    “เร็ว.. อย่าให้พวกเขารอนาน”

    อาร์เอ็มกล่าวด้วยเสียงนุ่ม

    ทั้งห้องประชุมลุกขึ้นและแยกตัวออกไป พวกเขายังมีหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ว่าจะชูก้าหรือเวนดี้ที่มีธุระดูแลมาลอนและอานา เจโฮปเเละอาร์เอ็มที่ต้องเรียกคืนจิตวิญญาณของกิรัน วีกับโรสที่ต้องทำหน้าที่กรรมการ และเจเคที่ต้องตามดูมิเกลหลังการแข่งขัน

    พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องทำ ไม่มีเวลามานั่งเสียใจ

     

     

    “มิเกล!”

    เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นหลังใช้มือกวาดผ้าม่านเข้ามาภายในห้อง มิเกลลุกขึ้นและโผเข้ากอดมาครอสและโมเดียจมอก ตามเข้ามาด้วยนาวา ฮาร์ทและลีออย

    “แม่ หนูคือวีรัสการรักษาแหละ!” 

    มิเกลดีใจใหญ่ ต่อไปนี้จะไม่มีใครกล้าพูดคำหยาบคายแบบนั้น ทั้งสายตาและพฤติกรรมแย่ ๆ มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเธอและครอบครัวอีก

    “วีรัสการรักษา.. ใช่กาเวมชิ้นที่หนึ่งรึเปล่าลูก”

    “ใช่! หัวใจของพาราบิเตียสร้างหนูขึ้นมา"

    “เมื่อใดที่หัวใจพาราบิเตียอยู่ในกำมือของนาง นางจะทำลายมันด้วยตัวของนางเอง”

    “สวัสดีครับ ผมเซนต์ฮาร์ฟ เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนอากาเธียร์ เมื่อหลายวันที่ผ่านมาได้มีวีรัสหนึ่งคนเป็นที่ต้องสงสัยเพราะเธอไม่สามารถระบุอำนาจวิเศษของตัวเองได้ แต่ในวันนี้ เราขอยืนยันว่าเธอคือวีรัสการรักษา เป็นคนของพาราบิเตีย ทางเราขออภัยหากทำให้ครอบครัวของเธอหรือตัวเธอเองได้รับความกดดัน แต่เพื่อความปลอดภัยต่ออาณาจักรเราจึงไม่สามารถเลี่ยงมันได้”

    “ยังไงผมก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นอีก และขออภัยอย่างยิ่งกับความเจ็บปวดที่เราได้สร้างขึ้น ขอโทษด้วยครับ”

    แม้จะไม่มีใครกระทำผิด แต่เมื่อมีฝ่ายที่ต้องเจ็บปวดพวกเขาก็ต้องขอโทษ เซนต์ฮาร์ฟขึ้นมาพูดด้วยตัวของตัวเอง มิเกลและกลุ่มเพื่อนรวมไปถึงมาครอสและโมเดียเงียบฟังเสียงที่กำทวนไปทั่วพาราบิเตีย รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยประโยคยาวเหยียดนั้นก็มีการขอโทษ

    “เขาออกมาขอโทษกันเเล้ว รอดเเล้วนะมิเกล" ลีออยว่า เธอตบลงบนบ่าของมิเกลเบา ๆ

    “ดีแล้ว จบสักที เดี๋ยวต้องไปแข่งในรอบสุดท้ายนิ เตรียมตัวหรือยัง”

     มาครอสถาม มิเกลมองหน้าโมเดียสลับกับมินทร์ แน่นอนว่าเธอเตรียมตัวมาแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด

    “แน่นอนสิ หนูจะเอารางวัลมาให้ได้” มิเกลยิ้มแฉ่ง เธอไม่มั่นใจหรอก แต่ก็ต้องลองพยายาม

    “ต้องชนะให้ได้นะมิเกล แม่เชื่อว่าลูกทำได้”

    ตรงข้าม สิ่งที่โมเดียอยากบอกมันตรงข้าม เธออยากให้มิเกลแพ้ อยากให้มิเกลกลับบ้าน อยากให้มิเกลไปจากที่นี่ มันกำลังจะเป็นจริง คำทำนายนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

    “แม่ก็ให้แต่มิเกลชนะ แล้วผมอะ” มินทร์สะดีดสะดิ้งใหญ่ ทำสีหน้าไม่พอใจพลางพ่นลมกระฟัดกระเฟียด

    “แกเป็นพี่ เสียสละเถอะ”

    “อ้าว!”

    “คุยกันสนุกเลยนะครับ”

    และในขณะนั้น เจเคก็ปรากฏตัวขึ้น

    “อ้าวคุณเจเค สวัสดีครับ” มาครอสเอ่ยทักทาย เจเคเข้ามาพร้อมจับมือและโค้งตัวลง

    “สวัสดีครับ คืออีกห้านาที มิเกลจะต้องเตรียมตัวแล้ว รบกวนทุกคนออกไปด้วยนะครับ”

    เมื่อได้ยินดังนั้นกลุ่มเพื่อนและมาครอสกับโมเดียก็รีบบอกลามิเกลก่อนจะทยอยกันออกไป มิเกลโบกมือซ้ายขวาพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เธอต้องเฝ้ามองการแข่งขันของทั้งมาลอนและอานา ไม่ว่าจะใครที่ได้เข้ารอบ มิเกลจะต้องเรียนรู้การต่อสู้ของพวกเขาและปรับมาใช้กับตนเอง

    “ฟังให้ดีนะมิเกล..” และเจเค ก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ

    “คะ?”

    “ถ้าเข้ารอบต่อไป อาร์เอ็มจะกลายเป็นพี่เลี้ยงของเธอ ฉะนั้นต่อจากนี้เธอไม่ต้องกลัวว่าใครจะล้มเธอได้ สิ่งที่เธอต้องทำมีเพียงล้มฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น”

    มิเกลพยักหน้างึก ๆ เจเคเป็นเพียงพี่เลี้ยงชั่วคราวของมิเกลเท่านั้น วีรัสแต่ละคนจะได้เทียเมอร์ในสาขาวิชาของตัวเองเป็นผู้ดูแล ในตอนนี้มิเกลรู้อำนาจวิเศษของตัวเองแล้ว นั่นหมายความว่าการแข่งขันครั้งหน้าจะไม่ใช่เจเคอีกต่อไป

    ส่วนเรื่องการประลอง สิ่งเดียวที่มิเกลทำได้คือต้องล้มฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น มิเกลสามารถแพ้ได้หากเธอประมาท ฝีมือไม่ถึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องห่วง ตราบใดที่ร่างกายของมิเกลฟื้นฟูเร็วกว่าผู้อื่น เธอสามารถชนะได้ทุกเมื่อ

    “ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นพี่เลี้ยงให้ฉัน” มิเกลยิ้มส่งกลับ

    “ฉันยินดี ขอโทษด้วย.. เรื่องวันนั้น”

    แม้มันผ่านมาหลายวันแล้วแต่ก็ยังรู้สึกติดค้าง เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมละองไพรพญาถึงเลือกเธอ

    “เช่นกันค่ะ”

     

     

     

     

     

    “เวนซอล”

    เธอเป็นของเขามาโดยตลอด เป็นของเขามาโดยตลอด..

    “พาข้ามาที่นี่ทำไมเหรอ?”

    เวนซอลหันขวับมองชายหนุ่มที่พาถือวิสาสะพาเธอออกมานอกอาณาจักรทั้งที่ไม่ควร คาร์เรนอยากมอบอะไรให้บางอย่าง บางอย่างที่สำคัญต่อตัวเขามาก ๆ

    “ข้ามีอะไรจะบอก”

    คาร์เรนเงียบเสียง ทูตวิญญาณหลากสันสีปรากฏกายขึ้นพร้อมกะพริบแสง มันกำลังเป็นสักขีพยาน.. ทุกสิ่งชีวิตโดยรอบต้นมิเกลแห่งนี้กำลังเป็นสักขีพยานให้กับทั้งสอง..

    “ข้ารักเจ้า แต่งงานกับข้าได้ไหม?”

    เธอนิ่ง.. จากมิตรสนิทถูกเชื่อมเป็นความรัก เขาอยากครอบครองเธอ อยากครอบครองเธอก่อนที่เธอจะเป็นของใคร

    “คาร์เรน..”

    และเขา.. ก็หยิบ แหวนมรกต วงนั้นขึ้นมา

    “ไม่ได้..”

    เวนซอลก้มศีรษะลง เธอจำเป็นต้องปฏิเสธเพราะในตอนนี้.. เธอไม่ได้รักเขา

    “ทำไมล่ะ”

    เชือกถัก.. ข้ารับเชือกถักจากเทรย์มาแล้ว”

    มันสายไปแล้ว เธอไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว

     

     

    อาจจะไม่มีใครเชื่อ แต่มันเป็นจริงไปแล้วเมื่อมิเกลได้ผ่านเข้ารอบต่อไป หลังจากอานาและมาลอนเจอกันคนที่ชนะกลับเป็นอานา เพราะร่างกายที่ไม่พร้อมของมาลอนทำให้เขาเสียโอกาสไป ส่วนอานา เธอค่อนข้างประมาทเมื่อได้เจอกับมิเกล ตกใจง่ายและกังวลว่าตัวเองจะแพ้ จึงเป็นเหตุให้มิเกลสามารถทำคะแนนและเอาชนะเธอได้

    เมื่อการประลองจบลง ราษฎรก็ทยอยกลับสตาร์ทัม เช่นเดียวกับมิเกลและกลุ่มเพื่อนที่แยกย้ายกันกลับปราสาท วันนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากลาย ทั้งสนุก สุข  โกรธ และกลัว  มิเกลได้เรียนรู้และลองสัมผัสถึงความตายดูสักครั้ง และแน่นอนว่ามันเกินกว่าที่มิเกลจะรับได้จริง ๆ

    ผืนปีกสีถ่านโต้แผ่นลมมายังอาณาจักรมืดที่ใครต่อใครต่างเกรงกล้า ร่างสูงทิ้งตัวลงพลางก้าวเท้ามายังโพรงไม้ที่ด้านในคือแหล่งพักพิงของเหล่าเกียร์น่า การเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายด้วยใบไม้และกิ่งก้านเฌอทมก่อร่างเป็นรังขนาดใหญ่  ปัจจุบันอาณาจักรอัสโมดายแบ่งออกเป็นชุมชนเล็ก ๆ หลายสิบชุมชนกระจายตัวอยู่ทั่วแผ่นดิน พวกเขาเร้นกายอยู่อย่างงันเงียบภายใต้เงาของหมอกหนาที่กักขังประชากร เกียร์น่าออกจากอัสโมดายไม่ได้ เช่นเดียวกันกับที่คนภายนอกเอง ก็ไม่สามารถเข้ามายังที่แห่งนี้ได้เช่นกัน

    และในเวลาที่จันทรางันเงียบเช่นนี้ ก็ถึงคราวที่นิทานก่อนนอนจะถูกเล่าขึ้น เด็ก ๆ พากันมานั่งตรงลานกว้างพร้อมผลไม้และเครื่องดื่ม เวนมัทพยายามเลี่ยงโดยเบาเสียงฝีเท้า แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเพทายได้ยินและหันกลับมา

    “พี่เวนมัท!”

    เพทายคือลูกพี่ลูกน้องของเวนมัท เจ้าเด็กน้อยเมื่อเห็นว่าพี่ชายกลับมาก็โผเข้ากอด เวเซียที่กำลังกล่าวกล่อมนิทานชะงักเสียงพร้อมหันมอง เขาคือผู้นำของเหล่าเกียร์น่าในชุมชนแห่งนี้ และยังเป็นพ่อของเวนมัทอีกด้วย

    “ข้าไม่เจอเจ้านานเลยนะเวนมัท” 

    หญิงชราท่านหนึ่งในกลุ่มแม่บ้านเอ่ยขึ้น ยามเย็นเช่นนี้ชุมชนบ้านเกิดของเวนมัทมักรวมตัวกันทำกิจกรรมจิปาถะ บ้างก็สร้างงานสาน บ้างก็เล่าขานเรื่องขบขัน เวนมัทไม่ได้กลับมาที่นี่นานมาก ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายหน้าหายตาไป งานบ้านเมืองไม่แตะ งานบ้านเกิดไม่ต้อง เขาทำตัวเป็นเด็กอายุสิบขวบที่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ  ซึ่งวันนี้คือวันแรกในรอบเดือนที่เขาโผล่หน้ามาให้คนในชุมชนเห็น

    “สวัสดีครับท่านแม่เฒ่า”

    “เวเซีย จะดีกว่านี้รึเปล่าถ้าเจ้าให้ลูกชายของเจ้ารับงานลาดตระเวน"

    เวเซียหน้าเสียเล็กน้อย เขาถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นมายืนเทียบเบื้องหน้าของเวนมัท เวเซียรู้ว่าตอนนี้เวนมัทกำลังทำอะไรอยู่ และเขาเบื่อเต็มทนกับการที่คนทั้งชุมชนมองเวนมัทเป็นเด็กไม่เอาไหนทั้งที่ตนเป็นถึงผู้นำ

    “ลูกชายข้ามีงานต้องทำอยู่แล้ว ท่านแม่เฒ่าวางใจเถอะ"

    เวเซียใช้มือหนาเบี่ยงให้เวนมัทมาอยู่ด้านหลัง แม่เฒ่าผู้นั้นรู้ดีว่าเวนมัทมีอำนาจที่เหนือกว่าเกียร์น่าทั้งอาณาจักรเพราะตนไม่ใช่เพียงเกียร์น่า ฉะนั้นเธอจึงอยากให้เวนมัทใช้อำนาจนั้นให้สมกับที่ได้มาสักนิด 

    “ข้าจะวางใจได้ก็ต่อเมื่อเวนมัททำประโยชน์ได้แก่อาณาจักรบ้าง อย่าลืมว่าเจ้าทำอะไรลงไปด้วยเวเซีย”

    “ครับ..”

    เวเซียตอบเสียงค่อย เขารู้ตัวเองดี เวนมัทก็เช่นกัน ความรักที่นำมาซึ่งอาเพศเกิดขึ้นอีกครั้งในรอบพันปี ทั้งที่ทั้งหมดเป็นแผนการและไม่ใช่ความจริง แต่เวเซียก็ต้องอยู่กับสายตาและคำพิพากษาของทุกคนไปตลอดชีวิต เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×