ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายเลือดแห่งตำนาน

    ลำดับตอนที่ #2 : เส้นทางเริ่มบรรจบ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 54


     

    เส้นทางเริ่มบรรจบ

    “คืนนี้เรานอนที่เรานอนที่เมืองนี้กันน่ะฟ็อซ” เสียงชวนคุยเจื้อยแจ้วมาจากเด็กผู้ชายผมสีดำยุ่ง ตาสีแดงกำลังสองประกายระยิบระยับพร้อมมองบ้านเรือนรอยข้าง

    “ไม่เอาจะกลับไปนอนบ้าน” เสียงงอนๆ มาจากสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กขนสีส้มฟูฟอง ที่กำลังเดินมาตามอยู่ข้าง

    “งั้นฟ็อซก็กลับไปเลยเพราะเราจะนอนที่นี้และก็ไม่กลับบ้านด้วย”เด็กหนุ่มข้างกลายก็ไม่ยอมน้อยหน้าทำเสียงงอนกลับแถมส่งค้อนมาให้วงเบอเล่อ เล่นเอาเจ้าจิ้งจอกต้องรีบกระโดดขึ้นไปเกาะบนหัวแล้วส่งเสียงง้อเป็นการใหญ่

    “ก็ได้ๆ อย่าเพิ่งงอนซินอนที่เมืองนี้ก็ได้ คาเรนอยู่ที่ไหนฟ็อซก็จะอยู่นั้น จะไปกับคาเรนไม่ทิ้งให้ห่างเลย”

    “งั้นนอนที่โน้นน่ะ”เด็กหนุ่มส่งเสียงดีใจสลัดความโกรธหายไปอย่างกลับคนล่ะคน แล้วชี้ไปที่โรงแรมที่อยู่ข้างหน้าที่สภาพโทรมสุดๆ จนให้ความรู้สึกว่ามันสามารถพังลงมาได้ทุกเมื่อ

    “เฮ้ออออออ เอางั้นก็ได้ แต่มันโทรมไปไหมอ่ะ” เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยมองโรงแรมข้างหน้าแล้วรู้สึกใจคอห่อเหี่ยว

    “ก็ตอนนี้เงินเราใกล้จะหมดแล้วนิ”

    “งั้นกลับบ้านกัน”ฟ็อคพยายามโน่มน้าวเต็มที่และทำทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

    “ไม่ เราจะเข้าโรงเรียนนั้นให้ได้”เด็กหนุ่มพูดพร้อมความมุ่งมั้นเต็มเปลี่ยม

    “ก็ได้ๆ แต่ขอเปลี่ยนโรงแรมหน่อยได้ไหมน่ะ”

     

    ในคืนนี้พระจันทร์ส่องสว่างเป็นพิเศษเพราะพรุ่งนี้ก็จะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง คาเรนกำลังเหมอมองดูท้องฟ้า แต่แล้วก็สายตาสะดุดเข้ากับสิ่งที่อยู่บนหลังคาห่างออกไป

    “ฟ๊อซ มีร่างสามร่างกำลังวิ่งตามกันอยู่ ไปดูกันเถอะ” ก่อนที่ฟ๊อซจะได้ทันห้ามเจ้านายของเค้าก็กระโดดตามร่างทั้งสามไปทันที

     

    ในซอยตันแคบๆด้านล่างที่คาเรนแอบมองอยู่นั้น มีคนสามคนอยู่ สองคนใส่ชุดดำทั้งชุด ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มอายุน่าจะรุ่นราวเดียวกับคาเรนผมสีน้ำตาลทองใส่ชุดด้วยสีขาวและสีฟ้าให้ความรู้สึกที่บริสุทธิ์แม้ว่าชุดนั้นจะดูเก่ามากๆแล้วก็ตาม

    “ยอมคืนของที่ขโมยมาซะเถอะ แล้วก็ตามฉันไปมอบตัวเดี๋ยวนี้เลย” เสียงเด็กหนุ่มพูดขึ้น อย่าไม่กลัวเกรง

    “อย่ามาพูดมากไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลับไปดูนมแม่ ไป๊”ผู้ชายที่ปิดหน้าปิดตาใส่ชุดดำตะโกนเสียงดังแม้ว่าน้ำเสียงจะสั้นเพราะความกลัวก็ตาม

    “อ้าว ไอ้แก่นี้วอนซะแล้วอุส่าพูดดีๆด้วย พวกแกสู้ฉันไม่ได้หรอกน่ะเพราะฉันนั้น ยอมซะดี”เด็กหนุ่มพูดอย่างอารมณ์เสียพร้อมก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแต่เล่นเอาคนสองคนนั้นรีบถ่อยห่างออกไปอย่างรนราน

    “แน่จริงก็เข้ามาจับเลย” ร่างอีกร่างหนึ่งพูดเสร็จก็วิ่งเข้ามาหา เด็กหนุ่มทันทีแต่ความเร็วของคนนั้นไม่อาจเทียบได้กับเด็กหนุ่มเพราะเพียงแค่กระพริบตาเค้าก็ไปโพล่อยู่หลังคนที่วิ่งเข้าใส่แล้วซัดมือเข้าไปที่ท้ายทอยทำให้คนๆนั้นสลบไปในทันที

    “เอาทีนี้ก็ตาแกแล้ว”เด็กหนุ่มเอี๊ยวตัวหลบดาบที่ฟันลงมาแล้วหันกลับใช้เท้าเตะเข้าไปที่ท้องของผู้ชายคนนั้นแล้ว วินาทีก็มาเค้าก็สลบไปเพราะโดนตีที่ท้ายทอยเข้าเหมือนเช่นเดียวกับคนแรก

    “เอ๊า คนที่แอบดูอยู่น่ะ ออกมาได้แล้วมั้ง”เด็กหนุ่มคนนั้นเงยขึ้นมามองคาเรนกับฟ๊อซที่แอบบมองอยู่ เมื่อถูกจับได้คาเรนกับฟ๊อซจึงกระโดดลงมายื่นข้างๆเด็กหนุ่มคนนั้น

    “หวัดดี นายเก่งๆจริงๆเลย เอาชนะแบบสองต่อหนึ่ง ภายในพริบตาด้วย สุดยอดมากเลย”คาเรนรีบเข้าไปตีซี้กับเด็กหนุ่มพอได้สังเกตเด็กหนุ่มข้างหน้าทำให้เห็นว่าเค้ามีดวงตาสีเขียวใส ดูเข้ากันดีกับผมสีน้ำตาลทองแล้วยังรับไปใบหน้าแม้ว่าเด็กคนข้างหน้าจะใส่แว่น ก็ไม่ทำให้เค้าดูลดความหล่อลงเลย

    “โอ้โฮ้ ทั้งเก่งขนานนี้แล้วยังหล่อลากไส้ออกมากองเลยน่ะเนี่ยตาสีเขียวดังมรกต ผม...”คาเรนกำลังจะพยายามเลียคนข้างหน้าเต็มที่แต่ก็ต้องชะงัก

    “หยุดเลย ไม่ต้องพูด บอกมาว่าตามฉันมาทำไม”น้ำเสียงของคนตรงหน้าฟังดูหงุดหงิด

    “ก็แค่อยากดูอะไรแปลกนิดหน่อย ก็เลยตามมา แต่ก็ไม่เห็นมีไรน่าสนใจ เสียเวลาชะมัด กลับกันเถอะคาเรน”ฟ๊อซเป็นฝ่ายตอบแทนแล้วก็พยายามดึงชายกางเกงของคาเรน ฟ๊อซรู้สึกไปชอบคนตรงหน้าอย่างมากผิดกับคาเรน

    “เดี๋ยวก่อน ฉันอยากรู้จักเค้า ฉันชื่อคาเรน ครอส”คาเรนหันไปคุยกับเด็กหนุ่มข้างหน้าเพราะรู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษ

    คนข้างหน้ามีแววแปลกๆขึ้นมาในตาแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วแต่ซึ่งนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของฟ๊อซไปได้

    “ฉันชื่อมีร์ แลนซ์เทริน เป็นนักบุญน่ะ ยินดีที่รู้จักน่ะ”

    แล้วก่อนที่ฟ๊อซจะได้พูดอะไรออกไปก็ถูกเจ้านายตัดหน้าไปก่อน

    “คือพวกเรากำลังจะไปสมัครเรียนที่โรงเรียนนักรบเลโอรัสน่ะ นายสนใจร่วมทางไปกับเราไหม

    “นายไปชวนเค้าทำไม มานี้เลยมาคุยกัน”ฟ๊อซดึงเจ้ายายออกมาคุยให้ไกลจาก

    “คาเรน นายก็รู้ว่าชีวิตนายมันเสี่ยงแค่ไหน นายจะไปชวนเค้าให้ไปกับเราทำไม พรุ่งนี้ก็พระจันทร์เต็มดวงแล้วด้วย”ฟ๊อซส่งสายตาหงุดหงิดปนเป็นห่วงมาให้ซึ่งมันดูไม่ค่อยเข้ากับร่างน่ารักๆนั้นซักเท่าไหร่

    “เหอะน่าอย่าคิดมากเลย อย่าไงถ้าเค้าเป็นอันตรายเราก็ชิงหนีเอาซิ เรื่องนี้เราเก่งจะตายไม่ต้องห่วงหรอก แล้วที่สำคัญน่ะ ฉันว่าจะเอาเค้าไว้ช่วยเราหาเงินซักหน่อยน่ะ” คาเรนนั่งยองๆคุยกับฟ๊อซ

    “อย่างไง”

    “ก็เห็นฝีมือเค้าไหมล่ะ ฉันว่าเราจะเก็บพวกมีค่าหัวรายทางระหว่างที่เราไปสมัครเรียนหาเงินเอาไว้กินไว้ใช่หน่อยน่ะ”

    “นายแน่ใจน่ะ”ฟ๊อซยังคงไม่ไว้ใจตามเดิม

    “แน่ใจซิ นายลองนึกดูน่ะ ดูจากฝีมือของเค้าเราสามารถของความช่วยเหลือได้ตลอด แล้วแถมยังดูท่าจะเป็นพวกบ้า ความยุติธรรมอีกต่างหาก เพราะงั้นเราก็จะให้เค้าไปตามเก็บค่าหัว แล้วเราก็ช่วยเหลือเค้านิดๆหน่อยๆแล้วก็ขอแบ่งเงินกับเค้า เห็นไหมสบายๆเห็นๆ” แล้วฟ๊อซก็โดนเจ้านายหว่านร้อมจนนึกภาพตัวเองกำลังนอนอยู่บนก่อนเงินเช่นเดียวกันกับคาเรนแล้วทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกันโดยทันที

    “ว่าไงนายสนใจจะร่วมทางไปกับเราไหม”คาเรนเดินกับถามเด็กหนุ่มที่ยืนรออยู่

    “ก็ได้ฉันกำลังจะไปโรงเรียนนั้นอยู่พอดี”

    “แหมดีจัง งั้นคืนนี้ นายไปพักกับฉันก่อนก็ได้ แล้วเราจะจัดการอย่างไงกํบสองคนนี้ล่ะ”เมื่อคาเรนได้รับคำตอบว่ามีร์จะไปด้วยจึงหันไปสนใจกับสองคนที่นอนสลบอยู่แล้วก็เริ่มคิดคำนวนว่าถ้าเอาไปส่งให้ทหารจะได้เงินซักเท่าไหร่

    “ฉันจับตาดูนายอยู่น่ะ”มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหลังมีร์เค้าจำได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงของฟ๊อซเพียงแต่ว่ามันกลับดูน่ากลัวขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอกฉันก็จะจ้องมองพวกนายเหมือนกัน” มีร์หันกลับไปนั่งลงข้างหน้าของจิ้งจอก ยิ้มให้น้อย แล้วเอามือไปลูบหัวแต่ยังไม่ทันที่ มือจะได้สัมผัสกับเส้นขน ก็เกิดไฟลุกขึ้นที่มีร์ซะก่อน แล้วฟ๊อซก็วิ่งไปหาเจ้าของอย่างไม่สนใจ

    “เราเอาไปขึ้นเงินกันดีกว่าคาเรน”



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×