ตอนที่ 32 : บทที่ 14 (2) 120% 17052562 23022563 e-book MeB
E-BOOK ธาราหวนรัก
![]() |
|
ธาราหวนรัก
บทที่ ๑๔ (๒)
ทายาทแห่งอนันตภาคยอมพาตัวเองกลับคอนโดฯ ในคืนสุดท้ายก่อนรายการจะออกอากาศในคืนพรุ่งนี้
เขาอยากไปนอนพักสมองเพื่อเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
ชายหนุ่มแตะการ์ดเพื่อเปิดประตูห้อง
เขาเพิ่งรู้สึกว่าร่างกายกำลังล้าอย่างมากจนแทบอยากจะโยนทุกอย่างทิ้งแล้วล้มตัวลงนอนเสียดื้อๆ ในทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน แทบไม่มีแรงเหลือพอจะก้าวไปถึงห้องนอนเสียด้วยซ้ำ!
“กลับมาแล้วเหรอไอ้ตัวดี!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดทำให้เจ้าของห้องหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายทุกส่วนเกร็งตั้งท่ารอรับแรงปะทะทุกรูปแบบ
“พ่อ!”
“นี่แกยังเห็นว่าฉันเป็นพ่ออยู่อีกงั้นเหรอ”
ปรเมศคำราม ไม้เรียวในมือของเขาสั่นระริก ก่อนจะสาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวลูกชายเพียงคนเดียวของตนแล้วฟาดไม้เรียวใส่ไม่ยั้งมือ
ทว่าคนโดนหวนกลับไม่คิดปัดป้อง ปล่อยให้บิดาตีจนเนื้อแตก เลือดไหลซิบ ความเจ็บปวดไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะทานทนได้หรอกหรือ
ปรมัตพยายามมองสบตากับบิดาท่ามกลางแสงสลัว
ทว่าเม็ดเหงื่อไหลซึมเข้าตาจนแสบไปหมด ถึงอย่างนั้นความเจ็บแสบทางร่างกายยังไม่เท่าความเจ็บร้าวในหัวใจ
คนเลวอย่างเขาสมควรจะโดนเช่นนี้อยู่แล้วมิใช่หรือ
ปรเมศตีลูกชายคนเดียวจนหอบโยน
ขณะที่ผู้เป็นลูกชายทรุดกายลงนั่งกอดขาผู้เป็นพ่อแล้วสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจห้าม
นานแค่ไหนแล้วที่บิดาไม่ได้มาเยือนที่นี่
หรือจะพูดให้ถูกก็คือตั้งแต่ที่ท่านโยนคีย์การ์ดห้องนี้ให้เขา ปรเมศก็ไม่เคยมาเยือนห้องแห่งนี้เลย
เขาต้องชั่วร้ายเลวทรามมากแค่ไหนถึงทำให้บิดายอมถ่อมาตีเขาถึงห้องนี้ได้ ปรมัตหลับตาลงอย่างเจ็บปวด...
“แกมันโง่!”
ถ้อยคำนั้นคล้ายจะสั่นเครือ แต่เพราะแสงสลัวทำให้ปรมัตไม่อาจมองเห็นสีหน้าของบิดาได้ชัด
“พ่อเพิ่งรู้เหรอว่ามีลูกชายโง่ๆ อยู่กับเขาด้วยคนหนึ่ง มัตคงทำให้พ่ออับอายขายหน้ามากเลยใช่ไหม พ่อเกลียดมัตหรือเปล่าที่ไปทำร้ายหลานรักของพ่อแบบนั้น” ชายหนุ่มกัดฟันถาม
ทั้งที่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าหากบิดาตอบขึ้นมาจริงๆ เขาจะทนฟังได้ไหม หัวใจของเขาจะเข้มแข็งเพียงพอหรือเปล่า
“ใช่ ฉันควรจะเกลียดแก หนูรินกับพ่อแม่เขาก็ควรจะเกลียดแกด้วย!”
น้ำเสียงของปรเมศเกรี้ยวกราด
โทสะของเขาพุ่งสูง ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนนิ่งเป็นหลักให้ลูกชายเกาะ ไม้เรียวหักคามือของเขา
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยตีปรมัตให้เจ็บเลยสักครั้ง
นั่นเพราะเขาสำนึกอยู่เสมอว่าทำผิดกับแม่ของปรมัต และยิ่งทำผิดกับลูกคนนี้ที่กว่าจะได้คืนกลับสู่อ้อมกอดก็ล่วงผ่านไปหลายปีจนไม่ได้เห็นวัยเด็กของปรมัต
นั่นทำให้เขาพยายามชดเชยและมอบทุกสิ่งที่เด็กชายปรารถนา มองดูลูกไม้ใต้ต้นที่อยากจะออกไปเติบโตและแข็งแกร่งนอกร่มเงาของพ่ออย่างเขา
ปรมัตทำให้เขาเชื่อมั่น ภูมิใจ และไว้วางใจในตัวชายหนุ่มมาตลอด
แต่เขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่าลูกไม้ที่เขาเคยสนับสนุนให้ออกไปเติบโตไกลต้นนั้น แท้จริงแล้วกลับเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นไม้อย่างเขา!
“พ่อ...” ปรมัตคราง
เพียงบิดาพูดเท่านี้ทำไมหัวอกเขาถึงเจ็บลึก มันรวดร้าวไม่ต่างจากตอนที่ศศิรินธารพูดว่ารักเขาเลยสักนิด
หากคำว่ารักของเธอคือคำต้องห้ามที่เขาไม่อยากได้ยิน เพราะรู้ดีว่าเธอพูดคำนั้นเพียงเพื่อผลักไสเขาให้ไกลห่าง
คำว่าเกลียดของปรเมศ รอยไม้ที่เฆี่ยนตีตามตัว และความผิดหวังในแววตา ก็เป็นดั่งค้อนที่ตอกตรึงหัวใจของเขาให้ฝังไปกับทะเลแห่งความเศร้า
“แต่ฉันจะเกลียดแกได้ยังไง ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดแก ฉันก็เป็นคนเดียวที่เกลียดแกไม่ได้...”
น้ำเสียงของปรเมศเจ็บปวด
ความทระนงในน้ำเสียงที่เคยก้องกังวานยามปกครองคนนับร้อยนับพันของเอสป้าเปเปอร์นั้นหายไป
ปรมัตเพิ่งรู้ซึ้งในนาทีนั้นเองว่าการกระทำของเขาไม่เพียงทำร้ายผู้หญิงที่รักเท่านั้น
แต่ยังมีคนที่เขารักอีกคนต้องเจ็บร้าวไม่ต่างกันเลยสักนิด และคนคนนั้นก็ไม่เคยเอ่ยน้ำเสียงทดท้อเช่นนี้ให้เขาได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต!
“พ่อ...” เขากระซิบ
หยดน้ำตาแห่งความเสียใจร่วงหล่น
แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง
เขาก็ยังคงเลือกเหมือนเดิม...
ทำร้ายเธอเช่นเดิม...
ให้เธอเกลียดเขา เธอจะได้อยู่กับเขาไม่ไปไหน!
..............................................
“ฉันให้แกไปอยู่กับเจ้าณัฐเพราะหมอนั่นเป็นคนดี อย่างน้อยก็ดีกว่าฉันมาก แต่แกก็เป็นลูกฉันแท้ๆ ต่อให้มีพ่ออีกกี่คนช่วยเลี้ยง แกก็เป็นสายเลือดของฉัน!” ปรเมศกัดฟันพูดเสียงเข้ม
ปรมัตเงยหน้าขึ้นมองบิดา แม้มองเห็นไม่ชัดแต่เขาคลับคล้ายว่าจะเห็นหยาดน้ำตาเอ่อคลอดวงตาคมกร้าวคู่นั้น
“ขอโทษครับพ่อ” ชายหนุ่มสะอื้น
“มัตอยากจะทำให้พ่อภูมิใจ แต่หนูริน...มัตเสียเธอไปไม่ได้จริงๆ”
ปรมัตก้มกราบเท้าของบิดา ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวในหัวข้อสนทนานั้นเป็นดั่งยอดดวงใจของอีกฝ่าย
หากเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของปรเมศ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะฆ่าเขาไปแล้วด้วยซ้ำที่บังอาจไปล่วงเกินแก้วตาดวงใจของท่านเช่นนี้
“แกคิดว่าที่ฉันโกรธมากขนาดนี้เป็นเพราะฉันเสียใจที่แกทำร้ายหนูรินอย่างนั้นเหรอ”
ปรเมศคำรามเสียงต่ำ รังสีอันตรายแผ่ซ่านออกมาจนคนฟังหนาวสะท้าน
“มัตเลวเอง แต่คนเลวอย่างมัตไม่มีสิทธิ์ครอบครองเธออย่างนั้นเหรอครับ หนูรินเป็นของมัต!”
ปรมัตพูดอย่างดื้อด้าน นิสัยเช่นนี้ช่างถอดแบบเขาและคาริมามาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
ปรเมศส่ายหน้าอย่างเริ่มระอา นึกเห็นใจศศิรินธารไม่น้อยที่ต้องมาเจอคนอย่างลูกชายของเขา
“ทำร้ายเขา ทำให้เขาเป็นของแก แล้วคนที่เจ็บที่สุดแกคิดว่าเป็นหนูรินอย่างนั้นเหรอ”
น้ำเสียงที่ถามไถ่นั้นคล้ายจะคลายโทสะ มีความสงบอยู่ในน้ำเสียง ทว่าถ้อยคำกลับบาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของคนฟัง
“มันเจ็บจริงๆ”
ปรมัตยอมรับพร้อมชกหน้าอกตัวเองหมายจะระบายความอึดอัดคับข้องและความเจ็บปวดในฐานะคนเลวที่ไม่อาจพูดให้ใครฟังได้
“เจ็บตรงนี้จนชาไปหมดแล้ว ยิ่งมัตทำร้ายเธอมากเท่าไร ยิ่งเห็นน้ำตาของเธอ มัตก็ยิ่งทุกข์ทรมาน แต่มัตกลับปล่อยเธอไปไม่ได้ มัตเลวมากเลยใช่ไหมครับพ่อ”
ชายหนุ่มถามบิดาอย่างคนอับจนหนทาง
นัยน์ตาที่เคยฉายแววดุกร้าวบัดนี้กลับสับสนและหวาดหวั่น ความเก็บกดพังทลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ปรเมศถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“พ่อรู้ว่าแกเจ็บ แต่แกต้องทนให้ได้ แกไม่มีทางให้ถอยอีกแล้วนอกจากจะทำให้หนูรินยอมรับแกให้ได้อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นเราทั้งหมดคงต้องตกลงไปในขุมนรกที่ลึกที่สุด” ปรเมศพูดขึ้นมาด้วยเสียงหนักแน่น
เขาไม่ได้ขู่บุตรชายเล่นๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างปรมัตกับศศิรินธารหาใช่ความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้นไม่
หากแต่มีสายใยของสองครอบครัวเป็นเดิมพัน จะเหนียวแน่นหรือแตกสลายก็ขึ้นอยู่กับปรมัตและศศิรินธารเพียงสองคนเท่านั้น!
“พ่อครับ...”
ปรเมศเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้บุตรชายที่เขามักคิดว่าเป็นเด็กอยู่เสมอ บัดนี้ปรมัตเติบโตและมีทางเลือกเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง
ไม่ว่าปลายทางที่อีกฝ่ายมุ่งมั่นฝ่าฟันไปนั้นจะมีศศิรินธารรอคอยอยู่หรือไม่
แต่เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าต่อให้ศศิรินธารไม่คิดจะรอ ปรมัตก็คงมีวิธีอุ้มแบกหญิงสาวไปด้วยกันจนได้นั่นแหละ!
ก็หมอนี่มันเลือดพ่อเต็มตัว
“แกทำได้!”
เขาให้ความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
แววตาที่มองบุตรชายนั้นเป็นแววตาที่ปรมัตไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับจากผู้เป็นบิดา
มันทั้งหนักแน่น เชื่อถือ และเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน จนเขาแทบอยากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“มัต...มัตไม่มั่นใจเลยสักนิด หนูรินเอาแต่ผลักไสมัตออกห่างจากเธออยู่ตลอดเวลา”
ความหวาดหวั่นและลังเลฉายชัดเต็มสองตาของชายหนุ่มผู้เคยพยายามทระนงตนเป็นคนแข็งแกร่งต่อหน้าบิดา
“มัต ถ้าแกเป็นลูกพ่อ แกต้องทำได้ ทนเจ็บให้ได้และคว้าหัวใจของหนูรินกลับมาเหมือนที่พ่อเคยทำได้”
ปรเมศพูดอย่างแน่วแน่โดยไม่ไหวหวั่น
“พ่อหมายความว่ายังไงครับ”
แววตาของปรมัตรอคอย เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ปรเมศไม่ตอบคำถามของบุตรชายในทันที
แต่กลับเอื้อมมือไปเปิดไฟให้สว่าง จึงได้เห็นผลงานของตัวเองตามเนื้อตัวและลำแขนของบุตรชาย ซึ่งยังมีเลือดไหลซึมตามรอยเฆี่ยนตี
“พรุ่งนี้ออกอากาศเป็นตอนแรก แต่เจ้าของรายการมีสภาพอย่างหมาเลย”
ปรเมศพูดพลางส่ายศีรษะ
เขาหัวเราะออกมาก่อนจะออกคำสั่ง “ไปหายามาทา เดี๋ยวพ่อจะเอาผ้าไปชุบน้ำมาเช็ดแผลให้”
.................................
“แต่...” คนเป็นลูกคัดค้าน
นาทีนี้เขาไม่สนใจสิ่งใดมากไปกว่าปริศนาที่บิดาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างเช่น ปรเมศ อนันตภาค เคยทำเรื่องผิดพลาดด้วยหรือ
“ทำแผลก่อนแล้วพ่อจะเล่าให้ฟัง แกจะได้รู้ว่าแกน่ะมันลูกพ่อชัดๆ ไม่ออกนอกแถวเลยสักนิดเดียว”
ปรเมศแยกเขี้ยวพลางกล่าวติดตลก
เขาอุตส่าห์ไว้ใจให้ณัฐภาคช่วยดูแลบุตรชายเพราะหวังจะได้ความใจเย็นของฝ่ายนั้นมาบ้าง
แต่ที่ไหนได้ ต่อให้เขาไม่ค่อยได้อยู่ใกล้บุตรชายแต่ปรมัตกลับเลือดร้อนและเจ้าเล่ห์ร้ายกาจไม่แพ้เขาเลยสักนิด!
หลังจากที่ยอมให้บิดาเช็ดเนื้อตัวและใส่ยาทำแผลให้แต่โดยดี
ปรมัตก็นั่งกดดันเพื่อให้ปรเมศยอมเปิดเผยสิ่งที่เขาทิ้งปริศนาเอาไว้
สายตาที่เคลือบแคลงสงสัยของบุตรชายทำให้คนเป็นพ่อเริ่มรู้สึกอึดอัดจนต้องเสยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
สิ่งที่ยากเย็นและท้าทายที่สุดในชีวิตของคนเราก็คือการยอมรับสิ่งผิดพลาดในอดีตที่เคยทำเอาไว้
และมันจะร้ายแรงเป็นเท่าทวีเมื่อคนที่ยอมสารภาพคือคนที่เคยมองตนด้วยแววตาแห่งความชื่นชมและยกย่อง คนที่เป็นลูกชายที่เขาภาคภูมิใจ
ทว่าสำหรับปรเมศแล้ว แม้จะเป็นเรื่องยากลำบากเพียงใด
สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยทำเลยก็คือการผิดคำพูดกับภรรยาอย่างคาริมาและบุตรทั้งสองอย่างปรมัตและธาราภัทร
“มัตจำได้ไหมว่าตอนเด็กๆ มัตกับแม่ไม่ได้อยู่กับพ่อ” ปรเมศเริ่มต้นอย่างยากลำบาก
“ครับ มัตจำได้ มัตอยู่กับพ่อสินธุ์ที่เกาะพันดาวและรอยตะวัน แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นสายน้ำที่ไปอยู่ที่นั่นมากกว่ามัตเสียอีก”
ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะ เขาไม่ได้เสียใจที่มีเวลาอยู่กับพ่อสินธุ์น้อยลง เพราะมารดามักพาเขากลับไปหาพ่อสินธุ์อยู่บ่อยๆ
และเมื่อครั้งจากพ่อสินธุ์มาสู่บ้านหลังใหม่ของปรเมศนั้นเด็กผู้หญิงที่ชื่อศศิรณัฐและศศิรินธารก็ดึงเอาความสนใจทั้งหมดของเขาไปครอบครอง
“ตอนนั้นแกยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องไปอยู่กับพ่อสินธุ์ แล้วทำไมแกกับแม่ถึงไม่ได้อยู่กับพ่อใช่ไหม”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“ตอนนั้นมัตก็แค่ดีใจว่ามีพ่ออีกคน มีบ้านที่เราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพ่อแม่แล้วก็มัตโดยไม่ต้องอยู่ห่างจากแม่คริมาบ่อยๆ อีก แต่พอมัตโตขึ้นก็พอจะเข้าใจว่าพ่อกับแม่อาจมีความจำเป็นที่ต้องจากกันในตอนนั้น”
ปรมัตพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะหลังจากที่ปรเมศไปรับเขากับมารดากลับมาอยู่ด้วยกัน
บิดาของเขาก็ทำให้ทุกๆ วันเป็นวันที่ดีของครอบครัว และเขารู้ดีว่าบิดามารดานั้นรักกันมากเพียงใด
ความรักที่มั่นคงและสวยงามเช่นนั้นทำให้เขาหวังเสมอว่าจะสามารถพบเจอใครสักคนที่เขาจะรักได้อย่างเช่นบิดามารดารักและดูแลกัน
“มันเป็นเพราะพ่อทำผิดกับแม่คริมาของแก”
ปรเมศสารภาพ และเมื่อปรมัตมองสบตากับบิดาก็เห็นความจริงที่ปรากฏอยู่โดยไม่อาจโต้แย้ง
“พ่อนี่นะครับ”
เขาร้องถาม ด้วยไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่ดีและสมบูรณ์แบบที่สุดของคาริมาจะเคยทำผิดกับเธอมาก่อน
ปรเมศพยักหน้ายอมรับอย่างกล้าหาญ
“ใช่ พ่อนี่แหละเป็นคนที่ทำร้ายแม่ของแก ทำให้คริมาร้องไห้เสียใจจนต้องหอบลูกในท้องหนีไปเพียงลำพัง”
แม้เรื่องราวจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว
แต่ความรวดร้าวในน้ำเสียงของปรเมศยังคงเป็นสิ่งที่ปรมัตสัมผัสได้ ชายหนุ่มมองสบตาบิดาอย่างตื่นตะลึง
“ทำไม”
เขาถามราวกับละเมอ
“เพราะความเลือดร้อน คิดเอาเอง และความเข้าใจแบบผิดๆ ของพ่อที่ทำร้ายแม่ ทำให้แม่ต้องหนีพ่อไป ทำให้พ่อไม่มีโอกาสเห็นแกเกิดและเติบโต” น้ำเสียงของปรเมศสั่นสะท้าน ไหล่ของเขาสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
“พ่อครับ”
“พ่อขอโทษนะมัต”
น้ำตาไหลรินลงจากหางตาของชายผู้เคยยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ ปรมัต อนันตภาค
“แกเป็นคนเดียวที่พ่อติดค้างคำขอโทษนี้...”
ปรเมศสารภาพ วินาทีนั้นเขารู้สึกคล้ายสิ่งที่ติดค้างอยู่ในหัวใจมาเนิ่นนานได้ถูกปลดปล่อย
และโดยไม่รู้ตัวปรมัตผู้ที่มักหนีห่างจากบิดาอยู่เสมอก็ขยับกายเข้าสวมกอดท่านอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ไม่เป็นไร”
คำพูดของปรมัตทำให้ปรเมศหลุดพ้นจากความรู้สึกที่เคยติดค้างในอดีต
ร่างสูงใหญ่เอนพิงไหล่บุตรชาย หลุดอากัปกิริยาที่เคยควบคุมตัวเองได้เป็นนิจ เขาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“พ่อ...” ปรมัตเรียกขาน
ยกมือขึ้นลูบหลังบิดาราวกับปลอบโยน กรอบกำแพงระหว่างพ่อลูกที่เขาเพียรปั้นมาทั้งชีวิตพังทลายลงอย่างน่าประหลาด
“เป็นความโง่ของพ่อเองที่เข้าใจว่าแม่คริมาของแกมีส่วนทำให้เจ้าณัฐทิ้งรดา ศศิรณัฐเองก็เคยเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อคอยประคับประคองและพยายามจะเป็นพ่อให้เขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าพ่อเองก็ทำร้ายแม่และทำให้แม่ของแกหนีไปทั้งที่มีแกอยู่ในท้อง กว่าที่เราทั้งหมดจะกลับมาเข้าใจและสร้างครอบครัวด้วยกันได้อีกครั้ง ก็เรียกว่ามันแทบเป็นปาฏิหาริย์”
ปรเมศสารภาพออกมาจนหมดเปลือก
“แต่ตอนนี้พ่อคือพ่อที่ดีที่สุดของผมและเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดของแม่คริมา พ่ออย่ารู้สึกผิดอีกเลยนะครับ”
น่าแปลกที่ปรมัตไม่อยากเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของผู้ชายตรงหน้า
แม้จะรู้ว่าคนที่เคยสมบูรณ์แบบเช่นปรเมศยังเคยทำสิ่งที่ผิดพลาด แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าความภูมิใจที่เขามีต่อผู้ชายคนนี้ลดน้อยลงเลยสักนิด
“พ่อรู้...แม่คริมาก็บอกพ่ออยู่เสมอ และวันนี้พ่อดีใจที่ได้ยินคำนี้จากมัต ไอ้ลูกชาย”
ปรเมศยีหัวบุตรชายเพียงคนเดียว
ปรมัตยิ้มออกมาได้
น่าประหลาดที่แม้จะยังคงเป็นทุกข์และเจ็บปวดกับความรักที่ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างใจนึก แต่เวลานี้เขากลับไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและสิ้นหวังอีกต่อไปแล้ว
“ครับ”
“ทีนี้แกก็เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมแกถึงต้องทำให้หนูรินยอมรับแกให้ได้อีกครั้ง เพราะถ้าแกทำไม่ได้ คนที่เจ็บที่สุดก็จะเป็นตัวแกเอง พ่อเคยทุกข์ทรมานจากการพรากจากกับแม่คริมาของแกไปหลายปีโดยที่ไม่รู้ว่ามีแกอยู่ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแกห้ามเดินซ้ำรอยพ่อเด็ดขาด!”
ปรเมศยื่นคำขาด โดยที่บุตรชายของเขายังไม่มั่นใจสักนิดว่าจะสามารถกล่อมศศิรินธารได้ด้วยซ้ำ!
ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ!
ธาราหวนรักวางแผงทั่วประเทศแล้วค่ะ
ปล.ใครอ่านธาราหวนรักจบแล้วเป็นอย่างไรมาบอกเล่ากันได้นะคะ รอฟังค่ะ
ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ
ระฆังเงิน
16 02 2563 0:00
23 02 2563 20:32
E-BOOK ธาราหวนรัก
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
สวัสดีค่ะ หากใครที่เคยติดตามชีวิตเฮียมัตมาตั้งแต่เกมรักวิวาห์ปรารถนา(ตอนเด็ก) มาจนถึงเล่ห์รักนางฟ้า และธารหาหวนรักจะเห็นว่าคนเขียนทิ้งเชื้อบางอย่างเอาไว้ ด่านใหญ่ที่สุดอีกด่านของปรมัตมาตั้งแต่ต้นก็คือพ่อของเขานี่เอง แม้ไม่อยากจะเหมือน หรือต่อให้หนีห่าง คนที่ปรมัตอยากให้ภูมิใจมากที่สุดก็คือพ่อ มันทำให้เขากลายเป็นคนกดดันตัวเองมาตลอด หากเขาไม่อาจปลดล็อคด่านนี้ไปได้ เขาก็ไม่อาจไปต่อได้เช่นกัน รัก ระฆังเงิน 6 05 2562 15:42
สวัสดีค่ะ ในโลกนี้บางทีคนที่เข้าใจปรมัตมากที่สุดอาจจะเป็นคนที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยก็เป็นได้ ปรเมศและปรมัตเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนตัวตนของกันและกัน สายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน แม้ไม่ได้คลุกคลีหรือเข้าใจกันตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่ปรมัตเข้าใจพ่อนั่นหมายถึงเขาอาจจะเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น รัก ระฆังเงิน 8 05 2562 1:49
สวัสดีค่ะ ชอบฉากนี้มากๆ คือบทนี้ไม่ใช่บทพระนาง แต่เป็นซีนระหว่างพ่อลูก ลูกชายกำลังหลงทาง คุณพ่อเลยต้องออกโรงเอง แต่มันก็ไม่ง่ายหรอกนะกับการที่ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่สมบูรณ์พร้อมต่อหน้าคนที่เคยเทิดทูนกันมาตลอด มีแต่ความรักเท่านั้นที่ทำได้ รักเฮียเมศตลอดกาล ระฆังเงิน 10052562 1:34
สวัสดีค่ะ มีใครคิดถึงเฮียมัตกับพ่อเมศบ้างเอ่ย ซีนนี้ต้องยกให้เขาทั้งสองคนเลยค่ะ ตอนเขียนนี่ต้องย้อนกลับไปอ่านเกมรักกับเล่ห์รักด้วยเพราะอยากจะเข้าใจทั้งสองคนให้มากที่สุด เขียนไปก็ร้องไป55 รัก ระฆังเงิน 13 05 2562 0:30
สวัสดีค่ะ บางทีผู้ชายเค้าก็ต้องคุยกันแบบลูกผู้ชายอะเนอะ ชีวิตคนเราใครบ้างที่ไม่เคยทำผิดพลาด และอาจมีหลายครั้งที่เราไม่สามารแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นได้ในวันเดียว ทุกสิ่งล้วนต้องใช้เวลาและหัวใจในการแก้ไข มีความสุขกับการอ่านนะคะระฆังเงิน 17 05 2562 1:15
ตอนนี้เขียนไปร้องไห้ไป ฮืออ! ธาราหวนรักวางแผงทั่วประเทศแล้วค่ะ ปล.ใครอ่านธาราหวนรักจบแล้วเป็นอย่างไรมาบอกเล่ากันได้นะคะ รอฟังค่ะ ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ ระฆังเงิน 14 02 2563 0:00 21 02 2563 0:21
รักพ่อลูกคู่นี้มาก! ธาราหวนรักวางแผงทั่วประเทศแล้วค่ะ ปล.ใครอ่านธาราหวนรักจบแล้วเป็นอย่างไรมาบอกเล่ากันได้นะคะ รอฟังค่ะ ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ ระฆังเงิน 15 02 2563 0:00 22 02 2563 21:08
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คิดถึงคริมามากกกก อยากให้ออกเยอะ ๆ ค่ะ
สนุกค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ