ตอนที่ 21 : บทที่ 9 (1) 100% 13012562 11012563 โปรโมชั่น ebook ถึง 19 มค.ุ63
E-BOOK ธาราหวนรัก
![]() |
|
ธาราหวนรัก
บทที่ ๙ (๑)
ในที่สุดประมัตก็มานั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าประจันหน้ากับ ‘อดีต’ แฟนสาวของตัวเองอยู่บนโซฟาคนละตัวภายในห้องพักของเธอเอง
“พี่มัต หิวไหมคะ กินอะไรมาหรือยัง?”
แม้จะยังหวาดกลัวกับการต้องเผชิญหน้าและโทสะที่ยังคงกรุ่นๆ ของอีกฝ่าย แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองยังคงเป็นห่วงเขามากมายอยู่ดี
หลายเดือนที่ไม่ได้พบหน้ากันไม่ได้ทำให้เธอรักเขาน้อยลงไปเลยสักนิด ศศิรินธารตระหนักรู้ในสิ่งนี้ดีเสียยิ่งกว่าการรู้จักตัวเองเสียอีก
เธอแพ้เขา แพ้หัวใจของตัวเองอยู่ร่ำไป…
ปรมัตเหลือบตามองใบหน้าของผู้หญิงที่เคยเดินตามหลังเขามาทั้งชีวิต คนที่เป็น ‘อดีต’ แฟนและกล้าทิ้งเขามาไกลถึงปารีสโดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน
การเจอกันครั้งสุดท้ายนั่นคือเขาโกรธจนถึงขนาดประกาศ ‘เลิก’ กับเธอมาด้วยซ้ำที่เธอกล้าทิ้งเขามาเรียนต่อเสียหลายปีเช่นนี้
ลึกๆ ลงไปในหัวใจทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแม้เธอจะไม่ได้ขอเลิกเขาก่อนอย่างเป็นทางการ แต่การที่หญิงสาวเลือกมาเรียนต่อหลายปีที่นี่นั่นก็คือการบอกลาในแบบของศศิรินธาร
และนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้เช่นกัน!
“หนูรินยังห่วงด้วยหรือว่าพี่จะกินหรือไม่กินอะไร ตอนนี้ในใจของหนูรินก็คงหายใจเข้าหายใจออกเป็นไอ้หมอนั่น” ปรมัตพูดอย่างพาลเต็มที่
ใครไม่มาเป็นเขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่หญิงสาวคนนี้ทำนั้นทำให้เขาเจ็บมากแค่ไหน คนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังและทิ้งกันมาอย่างเลือดเย็นที่สุด!
“พี่มัตอย่าพูดอย่างนี้สิคะ พี่มัตก็รู้ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่หนูรินก็เป็นห่วงพี่มัตเสมอ ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลยนะคะ ไม่มีใครสามารถทำให้ความห่วงใยที่หนูรินมีต่อพี่มัตลดน้อยลงไปได้เลย จริงๆ นะคะ”
ศศิรินธารพูดกับเขาด้วยความจริงที่อยู่ภายในใจ เธอรู้ว่าหากดึงดันและไม่พูดสิ่งที่เธอรู้สึกออกมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะมีโอกาสได้พูดกับเขาเช่นนี้อีก
ปรมัตผ่ายผอมและกลายเป็นคนละคนจนเธอแทบจะร้องไห้ ก่อนนี้เขาเคยมีเธอดูแลมาตลอดเพราะเธอรู้ดีว่าเขาใส่ใจตัวเองน้อยมาก
ถ้าไม่ได้ไปออกงานหรือไปทำอะไรเพื่อภาพลักษณ์ของธุรกิจชายหนุ่มก็แทบจะไม่ใส่ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ ปรมัตหายใจเข้าออกเป็นงานอยู่ตลอดเวลา
“หิวแล้ว มีอะไรกินบ้าง?”
เพราะความจริงใจของหญิงสาวทำให้เขาไม่อยากทำลายช่วงเวลาดีๆ อันน้อยนิดที่ยังหลงเหลือไว้ต่อกันนี้ทิ้งไปเสีย
ที่สำคัญเขาคิดถึงรสมือของคนตรงหน้าจับหัวใจทีเดียว
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาหารนอกบ้านแสนจะไม่อร่อยจนกระทั่งไม่มีอาหารในบ้านให้กินอีกต่อไป!
ศศิรินธารยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“พี่มัตรอตรงนี้นะคะ มีข้าวเย็นอยู่เดี๋ยวหนูรินจะไปทำข้าวผัดให้ อุ่นซุปหมูสามชั้นกับผักสามอย่างอย่างที่พี่มัตชอบ อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมคะ?” เธอเอียงคอถาม
“ไม่ล่ะ หนูรินอยากให้พี่กินอะไรพี่ก็จะกินอย่างนั้น รู้ไหมว่าหนูรินไม่อยู่พี่ปวดหัวมากกับเรื่องนี้ วันๆ ชอบมีแต่คนมาถามว่าพี่อยากจะกินอะไร ใครจะไปนั่งเสียเวลาคิด!”
เขาพูดอย่างรำคาญ เพราะความเคยชินที่หญิงสาวตรงหน้าคิดและดูแลเรื่องอาหารการกินของเขามาตลอดทำให้ปรมัตไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องนี้เมื่อไม่มีเธอคอยดูแลให้อีกต่อไป
“พี่มัตก็เลยเลือกไม่กินอย่างนั้นหรือคะ?” ศศิรินธารถามเสียงอ่อย รู้สึกผิดกับเขาเหลือเกิน แต่การได้เห็นคนตรงหน้าเป็นเช่นนี้นั่นก็เป็นเพราะเธอ เขาผอมลงไปมากจริงๆ
น้ำเสียงเศร้าๆ ของเธอทำให้อีกฝ่ายชะงักงัน
คล้ายห้วงเวลาที่หัวใจของคนสองคนที่สัมผัสถึงกันได้หวนกลับมาหาอีกครั้ง ความเข้าใจ ความเอาใจใส่และเอื้ออาทรเช่นนี้
เขาคิดถึงมันเหลือเกิน…
“ไม่ใช่หรอก ช่วงนี้พี่กำลังยุ่งมากกับโปรเจกส์ใหม่ที่ออกอากาศไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เลยไม่ค่อยมีเวลากิน หนูรินไม่ต้องห่วง”
เขารีบพูดเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายโทษตัวเอง ถึงอย่างไรเขาก็รู้จักศศิรินธารดีกว่าใครทั้งนั้น
หญิงสาวผู้ไม่เคยโทษใครเลยสักคนและมักจะรับเอาความผิดนั้นไว้กับตัวอย่างเงียบๆ
“แต่ถ้าหนูรินอยู่ พี่มัตก็คงจะกินข้าวได้เป็นเวลามากกว่านี้” เธอพึมพำ ไม่อาจกลั้นหยดน้ำตาเอาไว้ได้
“นั่นสิ ถ้าเป็นหนูรินพี่คงยอมกินข้าว…” เขากระซิบตอบกลับเสียงหม่น
ความเศร้าอาดูรกำลังกัดกินหัวใจของคนทั้งคู่
ปรมัตไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองทำพลาดไปตรงไหน ถึงทำให้ผู้หญิงตรงหน้าทิ้งเขามาอย่างนี้…
“ถ้าอย่างนั้น รอแป๊บนะคะ เดี๋ยวหนูรินไปผัดข้าวให้”
เป็นศศิรินธารที่พาตัวเองกลับมาได้ก่อน หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความนัยอันแสนเปราะบางและเจ็บปวดนั้น
เธอจากมาแล้ว…
กาลเวลาได้หมุนผ่านไปทั้งหมดแล้ว
ไม่ว่าช่วงเวลาที่ดีหรือร้าย ไม่ควรมีสิ่งใดให้ต้องกลับไปหวนหาสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือ?
…………………….
ทว่าปรมัตไม่ได้นั่งรออยู่ที่โซฟาอย่างที่ศศิรินธารคิด เขาลุกขึ้นตามหญิงสาวเข้าไปในครัวเล็กๆ ของเธอ
เมื่อหญิงสาวรื้อผักและไข่ออกมาจากตู้เย็นก็ต้องขยับตัวไปอีกด้านเมื่อมีใครอีกคนเข้ามาเบียดชิด อากาศพลันอบอ้าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“พี่มัตเข้ามาทำไมคะ ในนี้มันแคบ ออกไปรอข้างนอกเถอะค่ะเดี๋ยวหนูรินจัดการให้ หิวมากเหรอคะ?”
แม้เธอจะไล่แต่ก็ยังถามเขาอย่างห่วงใย
“ใช่ หิว หิวมากด้วย และพี่จะไม่ออกไป” เขายืนกรานเสียงเข้ม
“แต่มันจะยิ่งทำให้ช้าลงนะคะ”
หญิงสาวค้านเสียงอ่อย พยายามคงน้ำเสียงให้อ่อนโยนเข้าไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องโกรธขึ้นมาอีกคำรบ
“พี่จะตักข้าว จานอยู่ไหน?”
ได้เบียดชิดกันอยู่กับเธอเช่นนี้
เรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมออกไปให้โง่ เขาจะต้องเอาคืนเวลาเกือบสี่เดือนที่เสียไปให้คุ้มเสียก่อน!
ศศิรินธารทำท่าอ่อนใจแล้วชี้มือไปบนตู้เหนือศีรษะ
ปรมัตจึงเอื้อมมือขึ้นไปหยิบก็เท่ากับว่าเขากักเธอเอาไว้ในอ้อมแขนได้กลายๆ นั่นเอง
พวงแก้มอิ่มแต้มสีขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้เลยสักนิด
นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ใกล้ชิดเขาเช่นนี้…
กลิ่นน้ำหอมของเขาที่เธอเป็นคนเลือกให้และชายหนุ่มก็ใช้กลิ่นนี้มาตลอด บัดนี้มันอวลกลิ่นอยู่รอบๆ ตัวเธอ
เก็บกักเธอเอาไว้ภายใต้ความทรงจำและความรู้สึกที่หวนย้อนกลับมายามได้มีเขาอยู่ชิดใกล้อีกครั้ง
คิดถึงและแสนอาลัยในเวลาเดียวกัน…
ลมหายใจอุ่นร้อนที่ปัดผ่านยามร่างสูงของเขาเอื้อมมือขึ้นไปหยิบจานทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน
ความหวั่นไหวอาลัยยิ่งทบทวีเสียจนรวดร้าว จะมีครั้งใดที่หัวใจต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้
ทั้งที่ยังรักอยู่เต็มอกแต่ต้องย้ำเตือนตัวเองว่ากลับไปไม่ได้อีกแล้ว!
“เป็นอะไร ทำไมตัวสั่นเชียว” น้ำเสียงทุ้มห้าวนั้นกระซิบชิดริมหู
เขาช่างร้ายนัก ไม่คิดจะปล่อยเธอไปเลยสักครั้งเลยหรือไร?
“ปละ เปล่าค่ะ” หญิงสาวละล่ำละลักตอบ
แข้งขาพาลอ่อนแรงแต่ก็พยายามฝืนตัวเอาไว้ไม่ให้พิงร่างที่กำลังคุกคามเธออยู่ตอนนี้เอนตัวไปพิงเคาท์เตอร์ด้านหลังแทนเพื่อให้เธอสามารถยืนอยู่ได้โดยที่ไม่พ่ายแพ้อย่างหมดรูปไปเสียทีเดียว
“งั้นก็ตั้งใจผัดข้าวได้แล้ว พี่หิว…”
เขาจงใจก้มลงมากระซิบแนบชิด
กระทั่งลมหายใจร้อนผ่าวนั้นเป่ารดลงมาอย่างยามใจ ประกายตาวาววามนั้นยากจะบอกได้ว่าเขาหิวข้าวหรือหิวสิ่งใดกันแน่
หัวใจของศศิรินธารดั่งต้องมนตร์
หญิงสาวอยากจะยอมแพ้แล้วก้มลงศิโรราบแด่ชายผู้เป็นเจ้าของหนึ่งเดียวในหัวใจเสียเดี๋ยวนั้น
แต่ก่อนที่ความอดทนของเธอจะสิ้นสุดลง ราชสีห์เช่นปรมัตก็ผละจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะห้าวทุ้มในลำคอ
ศศิรินธารยกฝ่ามือของตัวเองทาบอก หรี่ตามองตามแผ่นหลังสูงใหญ่ที่เอี้ยวตัวกลับหลังไปเปิดฝาหม้อหุงข้าวแล้วฮัมเพลงออกมาเบาๆ คล้ายเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีเสียเต็มประดา
เปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับชายเจ้าพายุที่มาเคาะประตูห้องของเธอแทบพังเมื่อครู่ใหญ่อย่างสิ้นเชิง
ราชสีห์กำลังเล่นเกมกับหนูอยู่ใช่ไหม?
ศศิรินธารกะพริบตาแล้วสงบจิตใจของตัวเองเสียใหม่ หญิงสาวหันหลังให้เขาแล้วจัดการล้างผัก ก่อนจะหั่นด้วยมือสั่นๆ หากไม่เพราะเธอมีความชำนาญมากเสียแล้ว ก็ไม่แน่ว่ามีดอาจจะพลาดมาโดนนิ้วมือเสียก็เป็นได้
โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของเธอนั้น คนที่หันหลังให้ไปตักข้าวเสียเมื่อครู่นั้นหันกลับมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเธอไม่ต่างกันเลยสักนิด
คนสองคนที่เคยมีแต่ความรู้สึกดีๆ ต่อกัน เดินมาถึงจุดที่ต่างต้องเฝ้ามองแผ่นหลังของอีกฝ่ายได้เท่านั้นเองหรือ?
ไม่นานนักคนที่เริ่มหายใจหายคอได้สะดวกขึ้นและจดจ่อสมาธิกับกระทะบนเตาก็เริ่มรับรู้ถึงสายตาที่จับจ้องอยู่จากเบื้องหลังของเธออีกครั้ง
หากหญิงสาวพยายามข่มใจเอาไว้แล้วหยิบกระเทียมสับลงไปผัด จากนั้นจึงตอกไข่แล้วผัดเร็วๆ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายนิดหน่อยแล้วก็หยิบช้อนเล็กตักเข้าปากชิมโดยไม่ได้เป่าก่อน
“โอ๊ะ!”
ความร้อนลวกผ่านกะทันหันแทบทำให้เธอปล่อยช้อนในมือทิ้งไปเสีย
มือแข็งแรงเอื้อมมาจากด้านหลังแล้วหยิบช้อนจากมือของเธอไปแทบจะทันที
“ร้อนเหรอ ทำไมไม่เป่าก่อน?”
เขาพูดด้วยความตกใจแล้วก้มลงใช้ปากของตัวเองเป่าลมอุ่นๆ ลงไปเหนือริมฝีปากของหญิงสาวทันทีด้วยความกังวลอย่างลืมตัว
ทั้งหมดนี้เป็นปฏิกิริยาคุ้นชินโดยอัตโนมัติที่ไม่มีใครทันได้ตั้งตัวหรือเตรียมหัวใจมารับมือกับมันมาก่อนเลยสักนิด
…………………
“พี่มัต…”
ชื่อของเขาเล็ดลอดออกจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม
แววตาแสนตระหนกนั้นห้ามเรียวปากหยักที่ขยับเข้ามาใกล้จนเกือบจะได้ลิ้มชิมความหอมหวานอยู่รอมร่อ
ความคิดถึงที่กัดกร่อนหัวใจมานานเกือบสี่เดือนทำให้ปรมัตแทบเป็นบ้า
เขาปรารถนาจะขยับบุกตะลุยฝ่าฟันไปข้างหน้า อยากจะประกาศตัวตนและสั่งสอนให้เธอได้รู้ว่าเธอเป็นของเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ขอข้าวค่ะ”
น้ำเสียงสั่นๆ นั้นกระซิบใกล้เรียวปากหยักที่ขบเม้มตัวเองจนแทบจะเป็นเส้นตรงเพื่อข่มใจตัวเองเอาไว้
ชายหนุ่มยกจานเทข้าวลงไปในกระทะอย่างกระแทกกระทั้น
ขณะที่ศศิรินธารรีบหลุบตาลงต่ำแล้วหันไปตั้งหน้าตั้งตาผัดข้าวในกระทะเสียงดังโดยไม่หันกลับมาดูใบหน้าถมึงทึงของผู้ชายที่ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังของเธออีกเลย
ปรมัตกัดฟันกรอด…
รับรู้ถึงท่าทีที่คอยแต่จะหนีและแววตาตื่นกลัวของเธอแม้ว่าเจ้าตัวพร้อมจะเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาได้ทุกวินาทีก็ตาม
เขามันน่ากลัวนักหรือ?
ผู้หญิงบ้า คอยดูเถอะเขาจะคิดบัญชีทบต้นทบดอกเสียให้เข็ด!
คิดได้แบบนั้นคนตัวโตก็ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่แนบชิดด้านหลังของศศิรินธารโดยไม่คิดที่จะขยับตัวออกห่างไปแต่อย่างใด
แววตาคมคร้ามก้มลงมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาว จงใจมองจนแทบจะทะลุไปให้ถึงก้อนเนื้อในอกข้างซ้าย
มองคิ้ว มองตา มองแก้ม มองริมฝีปากรูปกระจับ มองมือของเธอที่หยิบผักใส่ลงไปผัดทั้งที่มันสั่นเสียจนเขารู้สึกได้
แต่ในเมื่อเธอช่างใจร้ายกับเขานัก เขาก็ไม่คิดจะใจดีตอบเธอเช่นกัน!
“จานค่ะ”
เสียงกระซิบแหบแห้งของเจ้าตัวดังขึ้นเมื่อปิดเตาไฟ
นั่นทำให้คนมองเหยียดยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้มหน้า เอื้อมมือที่ถือจานไปรอ กระทั่งจมูกของเขาปัดผ่านพวงแก้มสีอิ่มสีแดงระเรื่อเป็นลูกตำลึงสุกของเธอ
กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เขาคุ้นชินผสมกับกลิ่นอาหารอบอวลไม่ทำให้ชายหนุ่มนึกรังเกียจแต่อย่างใด เพราะนี่คือกลิ่นที่เขาเคยคุ้นชินมาตลอด
กลิ่นแบบนี้ที่ทำให้หัวใจของเขาเคยอบอุ่นและหมดกังวล
แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายย่นคอหนี ไม่ยอมรับการคุกคามอย่างโจ่งแจ้งของเขาง่ายๆ แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอม
ฝ่ามืออีกข้างที่ว่างเอื้อมไปจับมือของศศิรินธารที่กำตะหลิวเอาไว้ จากนั้นก็บังคับมือเธอตักข้าวในกระทะมาใส่จานที่เขาถือรออยู่
ทำให้ตอนนี้เธอถูกเขาโอบกักเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบชิด แม้จะรับรู้ถึงอาการขัดขืนเล็กๆ นั่น แต่เขาก็ไม่คิดยอมผ่อนปรน
เมื่อคิดจะผลักไสเขาออกห่างจากชีวิต ศศิรินธารจะต้องได้เรียนรู้ว่าการถูกบุกจู่โจมที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร!
ปรมัตคิดอย่างครึ้มใจ เขาจงใจทอดเวลาตักข้าวให้นานออกไปอีกนิดโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะอึดอัดมากแค่ไหน
ใครๆ ต่างก็ตราหน้าว่าเขาเป็นตัวร้าย เป็นผู้ชายเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจจนทุกคนพากันครั่นคร้ามหวั่นกลัวกันไปหมด
ยกเว้นหญิงสาวในอ้อมกอดเท่านั้นที่แทบไม่เคยได้เห็นภาคซาตานของเขา
ถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะได้เรียนรู้ว่าการปฏิเสธผู้ชายอย่างเขาแล้วจะต้องพบเจอกับสิ่งใด!
“หมดแล้วค่ะ”
น้ำเสียงสั่นๆ ของศศิรินธารทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าคร้ามนั้นโค้งแต้มขึ้นอีกนิด ก่อนจะก้มลงมากระซิบปัดผ่านริมฝีปากของหญิงสาวจนเจ้าตัวผงะ
“แล้วไง?”
“พะ พี่มัต ถอยก่อนสิคะ หนูรินจะอุ่นซุป ไหนว่าหิว?”
ศศิรินธารก็คือศศิรินธาร เมื่อรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบก็มักจะใช้ไม้ตายเดิม ลูกอ้อนที่เขาต้องใจอ่อนทุกครั้งไป
“ก็อุ่นสิ พี่ไม่ได้ห้ามเสียหน่อย” ปรมัตกระซิบ
เลื่อนจานข้าวผัดไปตั้งไว้บนเคาเตอร์แล้วหยิบกระทะออกไปวางบนอ่างล้าง จากนั้นก็เอื้อมมือมาหยิบหม้อซุปไปตั้งบนเตาให้
ทั้งหมดนี้เขาไม่ขยับกายออกห่างจากเธอเลยแม้แต่ก้าวเดียว!
ศศิรินธารอยากจะร้องไห้
รู้ดีว่าเขาจงใจจะกลั่นแกล้งยั่วประสาทเธอ อยากจะเอาชนะ หรือกระทั่งสั่งสอนให้เธอรู้สำนึกแล้วยอมพ่ายแพ้ไปเสีย
แต่หากทำเช่นนั้นได้ แล้วเธอจะหนีเขามาทำไมตั้งไกลเช่นนี้?
หญิงสาวเอื้อมมือไปหมายจะเปิดไฟแต่ก็พบฝ่ามืออุ่นๆ ของเขาเอื้อมมากุมมือเธอไว้อีกทอด
เธอพยายามจะสะบัดแต่กลับทำได้ไม่ถนัดเพราะเขากักเธอเอาไว้ในอ้อมกอดโดยไม่ยอมผ่อนปรนเลยสักนิด
“อย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ มันไม่มีประโยชน์”
เธอร้องค้าน ด้วยหวังให้เขาเห็นใจ
“แล้วเราอยากจะให้พี่ทำยังไง ไหนลองบอกมาซิ?”
น้ำเสียงห้าวทุ้มถามกลับทันควัน
เป็นคำถามที่นอนก้นอยู่ในหัวใจของเขามานานหลายเดือนเช่นกัน
“ไม่ต้องทำยังไงคะ แค่กลับไปก็พอ…” เธอพูดเสียงสั่น
ไม่รู้ว่าการห้ามเขาหรือห้ามหัวใจตัวเอง อย่างไหนมันจะยากยิ่งกว่ากันเสียแล้ว…
................................
หลอกล่อกันน่าดูววว
มีความสุขกับการอ่านนะคะ
ใครไม่อยากรอ สามารถโหลด E-BOOK ธาราหวนรักได้แล้วที่ MEB ค่ะ ส่วนรูปเล่มยังสามารถสั่งจองได้ติดต่อได้ที่เพจสำนักพิมพ์ปองรักและเพจระฆังเงินค่ะ
*** แจ้งเลื่อนส่ง ธาราหวนรัก โดย ระฆังเงิน ***
จากกำหนดจัดส่งเดิมวันที่ 10 มกราคม 2563 แต่เนื่องจากเกิดความผิดพลาดจากการพิมพ์เล็กน้อย โดยโรงพิมพ์กำลังแก้ไข จึงทำให้กำหนดเสร็จล่าช้ากว่าเดิม
หากมีความคืบหน้า สำนักพิมพ์จะแจ้งให้ทราบต่อไปค่ะ
ขอบพระคุณและขออภัยค่ะ
ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ
ระฆังเงิน
11 01 2563 22:39
E-BOOK ธาราหวนรัก
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
สวัสดีค่ะ เข้าใจกันหรือยังว่าทำไมหนูรินถึงต้องหนีมาไกล ก็เพราะนางรู้ว่าถ้ายังอยู่ใกล้ๆ กันจะเป็นแบบนี้ อยู่ใกล้กันก็ต้องใจอ่อนและอดเป็นห่วงเป็นใยเฮียไม่ได้อยู่ดีแถมเฮียก็ยังรู้มาก ดักทางได้ถูกตลอด บอกแล้วว่าเฮียน่ะร้ายยยย มีความสุขกับการอ่านนะคะ ระฆังเงิน 10 01 2562 0:02
สวัสดีค่ะ ความคิดถึง ความอาดูร อบอวลอยู่ในห้องนี้จนเต็มเลยว่าไหม? มีความสุขกับการอ่านนะคะ รัก ระฆังเงิน 11 01 2562 20:35
สวัสดีค่ะ เฮียมัตมันร้ายสุดอะไรสุด ว่ามะ? แต่ร้ายแค่ไหนก็ห่วงน้องตลอด อิอิ รัก ระฆังเงิน 12 01 2562 10:08
สวัสดีค่ะ มาดูเฮียมัตหงุดหงิดงุ่นง่านโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียวแล้วก็คิดแกล้งน้องอีกแล้ว หนูรินลูกกก ไหวไหม? รัก ระฆังเงิน 13 01 2562 20:22
โอ้ยยย บีบหัวใจ
มีความสุขกับการอ่านนะคะ
ใครไม่อยากรอ สามารถโหลด E-BOOK ธาราหวนรักได้แล้วที่ MEB ค่ะ ส่วนรูปเล่มยังสามารถสั่งจองได้ติดต่อได้ที่เพจสำนักพิมพ์ปองรักและเพจระฆังเงินค่ะ
ใครที่สั่งจองไว้แล้วสนพ.จะจัดส่งประมาณวันที่ 10 มกราคม 2563 ค่ะ รัก ระฆังเงิน 8 01 2563 0:00
โอ้ยยย ใจสั่นแทน
มีความสุขกับการอ่านนะคะ
ใครไม่อยากรอ สามารถโหลด E-BOOK ธาราหวนรักได้แล้วที่ MEB ค่ะ ส่วนรูปเล่มยังสามารถสั่งจองได้ติดต่อได้ที่เพจสำนักพิมพ์ปองรักและเพจระฆังเงินค่ะ
*** แจ้งเลื่อนส่ง ธาราหวนรัก โดย ระฆังเงิน จากกำหนดจัดส่งเดิมวันที่ 10 มกราคม 2563 แต่เนื่องจากเกิดความผิดพลาดจากการพิมพ์เล็กน้อย โดยโรงพิมพ์กำลังแก้ไข จึงทำให้กำหนดเสร็จล่าช้ากว่าเดิม
หากมีความคืบหน้า สำนักพิมพ์จะแจ้งให้ทราบต่อไปค่ะ
ขอบพระคุณและขออภัยค่ะ
ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ รัก ระฆังเงิน 9 01 2563 0:00 11 01 2563 1:17
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

181 ความคิดเห็น
-
#94 ParinParinyaphas (จากตอนที่ 21)วันที่ 12 มกราคม 2562 / 05:36อย่าทำให้ใจอ่อนไปมากกว่านี้นะเฮีย#940
-
#93 ParinParinyaphas (จากตอนที่ 21)วันที่ 10 มกราคม 2562 / 23:11ยอมรับ เสียทีทั้ง 2 คนจะได้ไม่มีใครเสียใจ่อไป#930
-
#92 Papa24579 (จากตอนที่ 21)วันที่ 10 มกราคม 2562 / 11:36ก้อเฮียทำตัวเฮียเองนะคะ. บอกเลิกน้องทำมัย. แล้วมาอยู่นี่ได้งัยคะ ใครเชิญเฮียมาเนี่ย#920