ตอนที่ 31 : Chapter 25 :: ปลอบโยน (100%)
Chapter 25
ปลอบโยน
[Special Part: Make]
ผมกับฝ้ายเรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี เริ่มจากความเป็นเพื่อน ก่อนที่ฝ้ายจะขอผมเป็นแฟนตอนปีสาม ตกลงคบกันง่ายๆ เพราะเห็นว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถึงจะใช้คำว่าแฟน ความรู้สึกกลับไม่เคยเกินเลยมากกว่านั้น ยิ่งพอเรียนจบฝ้ายต้องไปทำงานจังหวัดอื่น เรายิ่งเริ่มห่างกัน มาเจอหน้าแค่นานๆ ครั้งและโทรหาบ้างเวลามีปัญหาต้องปรึกษา เราไม่ได้บอกเลิกอย่างชัดเจนและทุกคนเข้าใจว่ายังคบกัน แต่พวกเราสองคนรู้ดีว่าความสัมพันธ์อยู่ในขอบเขตคำว่าเพื่อน
สำหรับผมวาสำคัญที่สุด...สำคัญมากกว่าฝ้ายและทุกคน เพราะเขาเป็นน้องชายเพียงคนเดียวที่ผมมี
แต่พอวาถาม ความคิดที่อยากให้พวกเรากลับมาเป็นพี่น้องกันอย่างที่ควรเป็น ทำให้ผมจงใจพูดโกหก และกลายเป็นผมเองที่เสียใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นน้องร้องไห้ เข้ามากอด อ้อนวอนให้ผมเลือกเขาแทนที่ฝ้าย
ผมจงใจพูดเสียงดังใส่น้อง ทั้งที่น้องไม่ได้ทำอะไรผิด แกล้งทำเป็นห่วงฝ้าย ทั้งที่ผมเป็นห่วงน้องมากกว่าใครทั้งหมด บังคับตัวเองไม่ให้ดึงวาเข้ามากอดและได้แต่มองร่างเล็กๆ นั่นวิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่รั้งไว้
ผมเคยคิดว่าสามารถควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน แต่กลายเป็นผมเองที่ยิ่งถลำลึก ที่ทำได้ตอนนี้คือรอให้วาตัดใจ ส่วนผมก็ต้องพยายามหักห้ามใจตัวเอง มองวาเป็นแค่น้องชายคนหนึ่ง ถึงจะไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้ก็ตาม
“ไม่มีอะไรแล้ว กลับไปกินข้าวเถอะ” ผมปล่อยมือฝ้ายแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
[End Make’s Part]
“ถึงแล้ว” เสียงพูดจากคนด้านหน้าปลุกผมจากภวังค์ พอเหวี่ยงขาลงจากรถถึงเพิ่งสังเกตว่าพวกเรายืนอยู่บนสะพานคอนกรีตแคบๆ ที่สองข้างทางเป็นป่า ใต้สะพานมีลำธารกว้างราวสองเมตร แสงอาทิตย์ยามบ่ายถูกร่มเงาต้นไม้บดบังจนแทบไม่มีแดดส่องถึง อากาศเย็นสบายแต่ใจผมไม่ได้เย็นตาม
“กูจะกลับบ้าน มึงพากูมาที่ไหนวะเนี่ย” ผมบ่นไม่จริงจังนัก น้ำตาหยุดไหลลงชั่วขณะ แต่พอคิดถึงภาพที่พี่เมฆดูแลผู้หญิงคนนั้น มันก็ไหลลงมาอีกจนต้องเบี่ยงหน้ามองไปที่ลำธารเพราะไม่อยากให้ต้นเห็น
“พามาชมธรรมชาติ...ร้องไห้ขนาดนี้หลังกูเปียกน้ำตาเปียกขี้มูกหมดแล้วมั้ง”
“.....” ผมไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยเลยยืนร้องไห้เงียบๆ ไม่สนที่จะถูกเพื่อนมองว่าอ่อนแอ ในหัวผมมันมีแต่ภาพพี่เมฆเต็มไปหมดจนไม่เหลือพื้นที่ให้กังวลเรื่องอื่น คนด้านข้างก็คงรู้ว่าผมยังไม่พร้อมจะคุยด้วย มันเลยเงียบตาม แล้วฉุดแขนผมให้นั่งห้อยขาลงตรงขอบสะพาน ก่อนจะดึงหัวไปซบกับไหล่มัน
“เวลาที่มึงมีความสุข มึงจะลืมกูก็ได้...แต่เวลาที่เสียใจ อย่าลืมนึกถึงกูนะ” เงียบอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จู่ๆ ต้นก็พูดขึ้นพลางยกแขนมาโอบไหล่ผมแล้วดึงตัวเข้าไปกอด แถมยังลูบหลังให้ยังกับผมเป็นเด็กน้อย ทั้งที่ต้นสูงกว่าแค่สามเซ็นฯ และตัวพอๆ กัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าอ้อมแขนของมันก็อุ่นดี “...กูจะคอยอยู่ข้างๆ มึง”
“เลี่ยนว่ะ”
“วุ้ย เสียบรรยากาศหมด” ต้นบ่นปนขำก่อนจะละมือข้างหนึ่งมาช่วยเกลี่ยเช็ดน้ำตาบนแก้มให้
“เออ แต่ยังไงก็...ขอบใจนะ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก มึงก็น่าจะรู้ว่ากูทำไปเพื่ออะไร”
“.....”
“ถึงมึงจะไม่ให้โอกาสกู แต่ขอแค่ให้กูได้อยู่ข้างๆ มึงก็พอ”
“พูดมาก” ผมซุกหน้ากับไหล่เพื่อน บ่นเสียงอู้อี้พลางจับมือที่ยังวุ่นวายอยู่กับแก้มตัวเอง ดึงลงมาวางบนตัก กุมเอาไว้ถ่ายทอดความอบอุ่น...ผมกำลังเสียใจและต้นก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
ผมยังไม่เจอหน้าพี่เมฆเลยตั้งแต่เมื่อวาน เขาคงยังไม่พร้อมจะคุยกับผม เมื่อเช้าพี่ขุนเลยเป็นคนไปส่งที่โรงเรียนแทน พอเลิกเรียนผมก็ติดรถต้นกลับมาบ้าน ตอนที่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้ามาจอดในโรงจอดรถ ผมทันเห็นเรือนร่างสูงกำยำของคนที่เฝ้าคิดถึงหายลับไปหลังบานประตูบ้านพอดี
“เอาไง จะเข้าไปไหม” ต้นคงเห็นรถจิ๊บสีดำของพี่เมฆจอดอยู่ใกล้ๆ กันเลยหันมาถาม มันยังนั่งกวมอยู่บนรถโดยมีผมซ้อนท้ายด้านหลัง
“อืม...เขามาแล้วก็คุยๆ กันให้เคลียร์ดีกว่า” ผมถอดหมวกกันน็อกยื่นให้เจ้าของ แล้วเหวี่ยงเท้าลงจากรถ เดินนำเข้าไปในบ้าน
มาถึงหน้าห้องรับแขก ได้ยินเสียงพี่เมฆกับแม่คุยกันดังมาจากด้านใน แต่เพราะยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้าอีกฝ่ายทันที เลยชะงักเท้า ก้าวไปหลบอยู่หลังกำแพง ต้นเองก็พอเข้าใจเลยยืนเป็นเพื่อนเงียบๆ
“วาบอกว่าติดรถเพื่อนกลับมา อีกเดี๋ยวคงถึง...ดูน้องอารมณ์ไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อวาน พอถามถึงเมฆก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าวันนี้ถึงไม่ไปรับไปส่งน้องที่โรงเรียนเอง”
“นิดหน่อยครับ”
ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่พอได้ยินเรื่องตัวเอง มันก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่าพี่เมฆจะพูดถึงผมยังไง
“น้องยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อวันก่อนเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วมันเรื่องอะไร บอกแม่ได้ไหม”
“อย่ามาใช้คำว่า ‘แม่’ กับผม ผมไม่ชอบ”
“แต่ยังไงวันนี้ แม่ก็ตั้งใจจะบอกวาแล้วว่าเมฆเป็นลูกแม่อีกคน...” ผมแอบมอง เห็นแม่ยื่นมือไปจับมือพี่เมฆ พูดเสียงอ้อนวอน “แม่ขอเรียกแทนตัวเองแบบนี้ได้ไหม”
“ผมยินดีรับวาเป็นน้องชาย...แต่กับคุณผมยอมรับในฐานะแม่ไม่ได้”
สองคนนั้นพูดเรื่องอะไรกัน…
“แม่รู้ว่าเคยทำผิดกับเมฆมาก แต่ที่แม่ทิ้งเมฆไปเพราะแม่ทนอยู่กับพ่อลูกต่อไปไม่ได้...แม่ทนไม่ได้” แม่เริ่มร้องไห้ ผมเองก็ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ
ประวัติพี่เมฆจากหน้านิตยสาร คำพูดแปลกๆ ของทุกคน และท่าทีของพ่อกับแม่ที่มีต่อเขา เป็นเหมือนจิ๊กซอที่ต่อเข้าหากัน ทำให้ผมคิดตกในที่สุดว่าเรื่องทุกอย่างเป็นมายังไง...
ผมกับพี่เมฆ...พวกเราเป็นพี่น้องกัน
[Special Part: Make]
“อย่ามาโกหก!” คำพูดของผู้หญิงตรงหน้าทำให้ผมโมโหจนหลุดตะคอกใส่เธอเสียงดัง โดยไม่คำนึงว่าใครในบ้านนี้จะได้ยินเรื่องที่เราทะเลาะกัน ผมดึงมือของเธอที่กุมมือผมไว้ออก พูดความจริงจากสิ่งที่เข้าใจและเห็นมากับตาตัวเองตั้งแต่เพิ่งรู้ความ
“ฐานะทางบ้านเราตอนนั้นเรียกได้ว่าร่ำรวยถ้าเทียบกับคนอื่นในหมู่บ้าน พ่อดูแลคุณดีทุกอย่าง งานบ้านแทบไม่เคยต้องแตะ มีหน้าทีแค่เลี้ยงดูผม...ถ้าคุณไม่แต่งเข้าบ้านพ่อก็คงต้องอยู่กับแม่จนๆ หามื้อกินมื้อ ลำบากกว่านี้...อยู่กับพ่อมีอะไรที่คุณต้องทนงั้นเหรอ!?” ยิ่งพูด ผมก็ยิ่งอารมณ์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เธอ เอาแต่ยกมือขึ้นปิดหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“.....”
“พ่อดีกับคุณมาก ดีจนไม่มีใครคิดว่าพอจบงานศพยายแล้วคุณจะหอบเสื้อผ้าหนีไป...คุณคงยังไม่รู้ว่าคืนนั้นพ่อขับรถออกไปตามคุณจนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เจ็ดขวบ” ผมจับไหล่คนตรงหน้า บีบแรงจนเส้นเอ็นปูดโปนตามแขน
ตอนนั้นผมไม่เหลือใคร ปู่ย่าตายายเสียไปหมดแล้ว แถมพ่อกับแม่ยังเป็นลูกคนเดียว จะมีก็แต่พวกญาติห่างๆ ทางฝั่งพ่อที่หวังรับผมไปเลี้ยงเพื่อฮุบเอาสมบัติ ผมเลยไม่ยอมตกลงไปอยู่กับใคร
โชคดีที่คนบ้านใกล้เคียงเห็นผมเป็นลูกหลาน แวะเวียนหิ้วกับข้าวมาเยี่ยมเกือบทุกวัน และผู้ใหญ่บ้านนึกสงสาร เข้ามาดูแลเรื่องมรดกให้ เวลานั้นเรื่องสิทธิถือครองที่ดินตามเขตชนบทไม่ใช่อะไรที่ยุ่งยาก ทรัพย์สินทุกอย่างจึงกลายเป็นของผมอย่างชอบธรรมในที่สุด
“ขนาดชีวิต พ่อยังให้คุณ ยังมีอะไรที่คุณต้องการจากพ่ออีก”
“เมฆ...ก่อนหน้านี้แม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องในอดีตเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจลูก แต่แม่ทนไม่ได้ที่ลูกจะเกลียดแม่แบบนี้ ถ้าแม่ไม่พูดลูกคงไม่มีวันให้อภัย” เธอสะอื้นไห้ ยื่นมือที่เคยผลักไสผมออกจากชีวิต ดึงมือผมไปกุมไว้อีกครั้ง
“อะไรล่ะที่ผมควรรู้ ลองเล่ามาสิ เผื่อผมจะเกลียดคุณน้อยลง”
ผู้หญิงตรงหน้ายกหลังมือปาดน้ำตา พยายามกลั้นสะอื้น สงบสติอารมณ์ตัวเองแล้วเริ่มพูด “พ่อของลูกแก่กว่าแม่เกือบยี่สิบปี ตอนที่แต่งงานกัน พ่ออายุสามสิบกว่าแล้ว แต่แม่เพิ่งจะอายุสิบหก”
“นี่เหรอเหตุผลที่คุณหนีไป...คุณรังเกียจที่พ่อแก่กว่าคุณ?”
“ไม่ใช่นะเมฆ” เธอส่ายหน้า “แม่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น...แต่แม่ไม่เคยรักเขา”
“แล้วมาแต่งงานกับพ่อทำไม ยายขายคุณให้พ่อหรือไง” สมัยนั้นการถูกคลุมถุงชนเกิดขึ้นทั่วไป แต่ถ้าเธอคิดหนี ก็ควรหนีไปตั้งแต่ต้น ไม่ใช่อยู่กินกับพ่อจนคลอดผมออกมา!
“ไม่ใช่…ยายไม่เคยบังคับแม่”
“งั้นเพราะอะไร...” ผมยกมือลูบหน้า บอกตัวเองให้ใจเย็นลง ฟังเธอเล่าต่อ
“พ่อเมฆเจอแม่ครั้งแรกในงานศพปู่ของลูกตอนแม่อายุสิบห้า พ่อเขาเพิ่งย้ายกลับมาหมู่บ้านเราหลังจากไปทำงานที่กรุงเทพฯ นานหลายปี...เขาเข้ามาคุยกับแม่ เริ่มชอบแม่ตั้งแต่ตอนนั้น” เวลาพูดถึงพ่อแววตาของเธอไม่มีความสุขอยู่เลย ดูคล้ายคนที่โกรธแค้นและหวาดกลัวกับอดีต มันไม่ใช่การเสแสร้ง จนผมนึกกลัวสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะเล่าต่อไป…
“เมื่อก่อนยายไม่มีเงินพอจะซื้อจักรยานให้แม่ เวลาไปโรงเรียนแม่ต้องเดินเข้าป่าผ่านกระท่อมหลังนั้นเพราะมันเป็นทางลัด พ่อของลูกเขาชอบไปที่นั่น เอาแต่ดื่มเหล้า เมาหนักแทบทุกวัน ใช้เงินใช้สมบัติที่มี ไม่ยอมทำงาน”
“.....”
“มีอยู่วันหนึ่งแม่กลับจากโรงเรียน เจอพ่อของลูกดื่มเหล้าเมาอยู่ที่กระท่อมเหมือนทุกที...แต่วันนั้นเขากลับเข้ามาหาแม่ จับตัวแม่...บังคับให้เป็นของเขา...แม่ท้อง เขาเลยรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน”
สิ่งที่เพิ่งได้ยินทำให้หัวใจของผมเย็นเยียบ...
“แม่เพิ่งจะรู้หลังจากเราแต่งงานกัน ว่าพ่อของลูกย้ายกลับมาเพราะอกหักจากแฟนที่คบกันนานหลายปี...เขาไม่เคยรักแม่เลยเมฆ เขารักผู้หญิงอีกคนมาตลอด เขาใช้แม่เป็นตัวแทนคนอื่น” ผู้หญิงตรงหน้าผมเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักอีกครั้ง และน้ำเสียงกับแววตาของเธอบอกผมว่าทุกอย่างเป็นความจริง
“แม่เองก็ไม่เคยรักเขา แต่ทั้งที่รังเกียจ ไม่อยากให้เขามาแตะต้องตัวแม่ เขากลับยังบังคับแม่ทุกครั้งที่เขาต้องการ...ทำเหมือนแม่ไม่ใช่คน”
“.....”
“แม่ทนใช้ชีวิตแบบนั้นมาหลายปีเพราะยังต้องดูแลยายของเมฆที่ป่วยเป็นมะเร็ง กระทั่งยายเสีย...ยอมรับว่าตอนนั้นแม่เกลียดพ่อมากพอที่จะเห็นแก่ตัว ตัดสินใจทิ้งลูกแล้วหนีไป”
“ที่ผมโกรธยิ่งกว่าคุณหนีไป คือคุณไม่เคยใช้ใจมองในสิ่งที่พ่อทำ...หลังจากที่ผมเกิดมา คุณเคยเห็นพ่อดื่มเหล้าเมาอีกงั้นเหรอ”
“.....” เธอไม่พูด แต่กลับก้มหน้าหลบแล้วส่ายหน้าเบาๆ ทั้งน้ำตาแทนคำตอบ
“ผมรู้ว่าพ่อทำผิดต่อคุณ แต่ถ้าคุณลองลบความเกลียดชังแล้วมองดูให้ดี คุณคงเห็น...พ่ออาจจะเคยใช้คุณเป็นตัวแทนคนอื่น แต่ผมรับรู้ได้จากแววตาที่พ่อมองคุณ ว่าพ่อรักคุณมากแค่ไหน”
“.....”
“เวลาที่คุณหลับ พ่อเข้าไปจูบ เข้าไปลูบหัวคุณ ก่อนที่จะจูบผม...ตอนที่คุณสอนผมขี่จักรยานแล้วเราสองคนล้มลงพร้อมกัน คนที่พ่อรีบวิ่งไปช่วยพยุงก็คือคุณ...เวลาที่คุณมัวแต่ป้อนข้าวผม คนที่ตักข้าวให้คุณกินไม่ใช่สามีคุณหรือไง...”
หัวใจในอกคล้ายถูกบีบรัด...ภาพความทรงจำมากมายไหลวนเข้ามาในหัว ภาพที่พ่อมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง แสดงให้ผมเห็นว่าเขารักเธอมากแค่ไหน ภาพที่พวกเขาคอยดูแลผม กอดผมไว้ในอ้อมแขน และภาพในวันสุดท้ายของพ่อ...มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเห็นพ่อร้องไห้ ทรุดลงกับพื้นราวกับทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง เหมือนหัวใจของเขาแหลกสลาย...พ่อรีบหุนหันออกจากบ้านเพื่อตามหาผู้หญิงที่ทิ้งพวกเราไป จากวันนั้นก็ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย
“ผมยังจำทุกอย่างได้ดี แต่คุณกลับไม่มีความทรงจำพวกนั้นอยู่เลย เพราะคุณเกลียดพ่อจนมองผ่านทุกสิ่งที่เขาพยายามทำเพื่อคุณ”
“ใช่...ไม่ว่าเขาดีกับแม่มากแค่ไหน แต่มันก็ลบความเกลียดชังที่แม่มีต่อเขาไม่ได้...แม่ถึงต้องหนีไป” แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดรอบตัวผม ซบหน้าลงกับอก “แม่เกลียดพ่อของเมฆ แต่แม่ไม่เคยลืมลูกได้เลย พอแม่ได้อ่านนิตยสารเล่มนั้นแล้วรู้ว่าพ่อของลูกตาย แม่ถึงกลับมาที่นี่ทันที...แม่คิดถึงลูกมาตลอดนะเมฆ”
“คุณคิดถึงผม?” ผมเค้นเสียง รู้สึกได้เลยว่ามือของตัวเองกำลังสั่น...ทั้งจากความเสียใจ โกรธ และผิดหวัง “คุณไม่ได้ตั้งใจอยากให้ผมเกิดมาตั้งแต่แรก คุณหนีไปแล้วทิ้งผมไว้คนเดียว...นั่นเหรอความคิดถึงของคุณ”
“แม่ขอโทษ” ฝนทิพย์พูดคำเดิมซ้ำๆ มือเรียวลูบแผ่นหลังของผม คล้ายต้องการปลอบโยน ทำราวกับผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ เมื่อหลายปีก่อน น่าเสียดายที่ผมโตเกินกว่าจะอ่อนไหวกับคำพูดไม่กี่คำของเธอ...ผมอาจจะรู้สึกเกลียดเธอน้อยลง แต่ความจริงที่ว่าเธอทิ้งผมไปและผมต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาเกือบยี่สิบปี ทำให้ผมยอมรับเธอในฐานะแม่ไม่ได้
“ผมยกโทษให้คุณไม่ได้” ผมพูด ปล่อยให้เธอกอดโดยไม่พยายามผลักออก “คุณพรากพ่อไปจากผม...ผมก็จะแย่งสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคุณไปเหมือนกัน”
“เมฆหมายถึงอะไร...” ใบหน้าสวยหวานที่คล้ายคลึงกับวาราวกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกันแหงนขึ้นมองผม ดวงตากลมโตของเธอยังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ ทำให้ผมนึกถึงเด็กอีกคนที่คงกำลังร้องไห้อยู่ที่ไหนสักแห่ง
“ลูกชายคุณ...ผมจะแย่งมาเป็นของผม”
“เพราะแบบนี้เองเหรอครับ” เสียงทุ้มหวานสั่นเครือที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ตัวของผมชาดิก
“วา...” ฝนทิพย์คราง เธอรีบปล่อยแขนออกจากตัวผม มองคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าตกใจ
“แค่เพราะอยากแก้แค้นแม่ใช่ไหม พี่เมฆถึงทำเหมือนรักวา เข้ามาดูแลวา...ทำให้วาเป็นของพี่” ผมหันไปเผชิญหน้ากับน้อง ดวงตากลมโตนั่นแห้งเหือดปราศจากน้ำตา แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ผิดหวัง...เสียใจ และเกลียดชัง
“.....”
ผมรู้ดี...เวลาที่คนเรารักใครสักคนมากพอ ถ้าต้องถูกหักหลัง ความรักกลับเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังอย่างง่ายดาย
“วาเกลียดพี่” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่น้องจะหันหลังวิ่งหนีไป นาทีนั้นในอกของผมวูบโหวงเหมือนเพิ่งทำสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตหล่นหาย สมองอื้ออึง ได้แต่นิ่งมองแผ่นหลังผอมบางหายลับจากสายตา โดยไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี
[End Make’s Part]
Pie2Na
มันไม่ได้จะมาม่ามากมายอะไรนะ
อย่าไปกลัว เตรียมไข่เตรียมผักไว้รอ 555
ปล. พายซึ้งฉากแม่ มีใครซึ้งเหมือนกันมั่งอะ 5555
หนังสือยังเปิดจองอยู่นะ กำลังรอภาพเล่มตัวอย่างจากโรงพิมพ์ เดี๋ยวจะโพสต์ลงเพจในดูน้า ^^
ติดตามข่าวสารได้จากเพจ Pie2Na นะครับ
ขอบคุณครับ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

271 ความคิดเห็น
-
#215 xiao li (จากตอนที่ 31)วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 / 23:38ง่าาาาตอนท้ายยี้กินใจงะวาบไปทั้งตัว น้องวาลูก#2150
-
#214 Nannapas Peerasakmatee (จากตอนที่ 31)วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 / 23:16รออ่านอยู่น้าค่ะ#2140
-
#213 matchar_r (จากตอนที่ 31)วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 / 18:35หัวใจวูบเลยค่ะ55555#2130
-
#212 Ampme (จากตอนที่ 31)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 / 23:53ตามตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้เลย#2120
-
#211 Annelida (จากตอนที่ 31)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 / 16:46แล้วเมฆจะทำยังไงต่อไป#2110
-
#210 P-Aresia (จากตอนที่ 31)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 / 13:27ยังรออ่านอยู่นะคะ ><~~#2100
-
#209 CL_badgirl (จากตอนที่ 31)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 / 09:38อ้าาา ค้าางงงจริงไรจริง#2090
-
#208 palmy3050 (จากตอนที่ 31)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 / 04:23อ้าวนพี่ ทำน้องงงได้งั้ย#2080
-
#207 lkminjluvluv (จากตอนที่ 31)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 / 17:12ยังตามอ่านค่ะㅜㅜ#2070
-
#206 pui_songsri (จากตอนที่ 31)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 / 17:12เมฆรู้แต่แรกว่าวาเป็นน้องแท้ๆ ยังถลำลึกไม่บอกวา เราว่าคนที่สงสารที่สุดคือวา#2060
-
#205 IradaKiawsantia (จากตอนที่ 31)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 / 17:11พี่สับสนได้ แต่อย่าใจร้ายกับน้องสิ#2050
-
#204 seal blue (จากตอนที่ 31)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 / 17:10พี่เมฆสับสนไม่เป็นไร แต่อย่าทิ้งน้องวานะT0T(ดราม่าอีกแระ)#2040