ตอนที่ 15 : Chapter 13 :: เริ่มแผนการ (100%)
Chapter 13
เริ่มแผนการ
[Special Part: Make]
ผมไม่คิดว่าผมจะหวงวาขนาดนี้ ตอนที่ไอ้ดินพยายามจะกวนประสาทผมโดยการหาเศษหาเลยกับร่างกายของน้อง ผมก็แค่หงุดหงิด คงเพราะรู้ดีแก่ใจว่ามันตั้งใจยั่วโมโห
แต่เมื่อกี้...ตอนที่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเจอน้องนอนอยู่ในสภาพล่อแหลมใต้ร่างผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผม และถูกมือสกปรกของมันสัมผัสตัว ผมนึกอยากตัดมือของไอ้นั่นทิ้งแล้วล่ามน้องกับเตียง ขังไว้ในห้องไม่ให้ใครมาแตะต้องอีก ต้องรวบรวมสติข่มอารมณ์อยู่นานพอควรถึงจะเตือนตัวเองได้ว่า สิ่งที่เห็นอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด และผมก็ไม่ควรแสดงด้านเลวร้ายออกมาให้น้องเห็น ไม่ควรทำลายความไว้วางใจที่วามอบให้
...แต่การควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดเลย
“ป่านนี้แม่บ้านน่าจะจัดจัดโต๊ะใกล้เสร็จแล้ว” เห็นสีหน้าสับสนของน้อง ผมจึงแสร้งทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วหาเรื่องพูดกลบเกลื่อน “ลงไปกินข้าวเย็นกันดีกว่า ให้ผู้ใหญ่รอคงไม่เหมาะ”
“ก็ได้ครับ” คนตัวผอมตอบอย่างว่าง่าย
ผมผุดลุกจากเตียง อีกฝ่ายจึงลุกตาม แม้สีหน้าจะยังสงสัยแต่น้องมักฉลาดพอที่จะเก็บคำถามเอาไว้ใช้ในเวลาที่เหมาะสม
[End Make’s Part]
เราไปที่ห้องกินข้าวก่อนเวลาเล็กน้อย นั่งรอจนอาหารถูกยกออกมาครบเจ้าของบ้านก็เข้ามาพอดี พ่อดูไม่แปลกใจที่เห็นพี่เมฆอยู่กินมื้อเย็นด้วย พอหย่อนก้นลงนั่งหัวโต๊ะติดด้านซ้ายมือของผมก็พูดจาทักทายแขกประจำอยู่พักใหญ่กว่าจะเริ่มจัดการอาหารตรงหน้า
“วา เหม่ออะไรฮึเรา เขี่ยกับข้าวเล่น ไม่ยอมกิน” จู่ๆ พ่อที่กำลังคุยกับพี่เมฆอย่างออกรสก็หันมาถาม
“หือ” ผมเงยหน้าขึ้นจากจาน “กำลังคิดว่าจะขอพ่อไปนอนที่กระท่อมน่ะครับ”
ผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่จริงๆ และเหตุผลที่อยากไปค้างกับพี่เมฆคืนนี้ก็เพราะต้องการพิสูจน์ข้อสงสัยที่ยังค้างคาใจ
การถามออกไปตรงๆ อาจง่ายกว่า แต่จู่ๆ จะให้ถามรุ่นพี่ผู้ชายที่สนิทกันว่า...ชอบตัวเองรึเปล่า มันคงไม่เวิร์คหรอกจริงไหม เพราะถ้าทุกอย่างไม่ใช่แบบที่คิดไว้ ระหว่างเราคงกระอักกระอ่วนจนมองหน้ากันไม่ติด
“ไม่อนุญาต” พ่อตักปลาสำลีนึ่งมะนาวมาใส่จานผมพลางพูดต่อ “ลูกยังมีคดีติดตัวอยู่นะ”
ช่วงนี้นอกจากผมจะไม่ค่อยได้อยู่บ้านแล้ว เมื่อเช้ายังแฮงค์กลับมาเจอพ่อในสภาพนั้น พ่อเลยไม่อยากให้อยู่ห่างสายตาและคำว่า ‘ไม่’ ของพ่อคือตามนั้น อ้อนไปมีแต่เปลืองน้ำลายเปล่า ต่างจากแม่ที่แทบจะตามใจผมทุกอย่างแค่หาเหตุผลมาอ้างนิดหน่อยก็ได้แล้ว
“งั้นให้พี่เมฆมาค้างที่นี่ได้ไหมครับ”
ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่วันกี่อาทิตย์กว่าพ่อจะวางใจให้ผมค้างนอกบ้านอีก แล้วผมดันเป็นพวกใจร้อนอยากรู้อะไรก็ต้องรู้ให้ได้ด้วยสิ
“.....”
ทั้งพ่อและพี่เมฆหันมามองผมอย่างแปลกใจ แน่ล่ะ ก็ผมอ้างตลอดว่าที่ไปค้างในป่าเพราะชอบบรรยากาศ แต่จริงๆ ที่ชอบมากกว่าคือเจ้าของกระท่อมหลังนั้น
“นี่วาติดพี่เขาขนาดนี้เลยเหรอ”
“มั้งครับ...ก็วาแทบไม่มีเพื่อนที่นี่เลยนี่”
“แล้วคนที่มาหาเราวันนี้ล่ะ...หรือว่าเป็นแฟน?”
“ไม่ใช่สักหน่อยพ่อ!”
ผมเหลือบมองพี่เมฆ อีกฝ่ายก้มหน้ากินข้าวต่ออย่างเงียบๆ ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟังที่พวกเราคุยกันนัก การที่โดนผมจูบอาจจะทำให้เขาเริ่มตงิดใจเรื่องรสนิยมทางเพศของผม แต่ยังไงผมก็อยากเป็นคนบอกพี่เมฆเองกับปากมากกว่า แล้วอีกอย่าง...ผมยังไม่ได้เตรียมใจมา ถ้าจู่ๆ ต้องถูกคนที่ชอบมองด้วยสายตารังเกียจ ผมคงทนไม่ไหว
“พ่อจะเชื่อแล้วกัน” คงคาดเดาสีหน้าท่าทางลูกชายตัวเองออกว่าต้องโดนโกรธแน่ถ้ายังพูดเรื่องนี้ต่อ พ่อถึงวกกลับเข้าหัวข้อที่ผมถามค้างไว้ “จะให้พี่เมฆค้างที่นี่ก็ได้ บ้านเรามีตั้งหลายห้อง แต่พี่เมฆจะยอมค้างเหรอ” ท้ายประโยคพ่อหันไปมองพี่เมฆเป็นเชิงถาม
“ถ้าน้าอาทิตย์ไม่ว่าอะไร ผมก็ไม่ขัด”
“เอาสิ น้าก็อยากให้เราสนิทกับน้องมากขึ้น เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ น้าจะบอกให้แม่บ้านเตรียมห้องนอนแขกไว้ให้”
“ขอบคุณครับ”
ถึงจะแปลกใจนิดหน่อยกับเหตุผลที่พ่อยอมให้พี่เมฆค้างบ้านเรา แต่ตอนนี้ความคิดเข้าข้างตัวเองกำลังทำให้ผมมีความสุขจนลืมสงสัย เกือบหลุดยิ้มโง่ๆ ออกมา
...แม่ไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อย แสดงว่าผมคือเหตุผลเดียวที่พี่เมฆยอมตอบรับคำชวน เขาเองก็คงอยากใช้เวลาร่วมกันให้นานขึ้นใช่ไหม?
ยังไงคืนนี้ผมก็ต้องหาทางนอนห้องเดียวกับพี่เมฆให้ได้...ไม่ใช่แค่เพราะผมอยากอยู่ใกล้ๆ พี่เขา แต่เพราะข้อสงสัยที่ต้องการพิสูจน์นั่นด้วย
สามทุ่มกว่า
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนลายทางเรียบง่าย ผมมานอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง รอคนที่กำลังกลับไปเอาข้าวของที่กระท่อม
ตอนแรกพี่เมฆตั้งใจจะมาค้างบ้านผมแค่คืนเดียว แต่ดูท่าแล้วว่าพ่อคงไม่ยอมให้ผมอยู่ห่างสายตาไปอีกพักใหญ่ เลยบอกให้พี่เมฆขนเสื้อผ้ามาเผื่อไว้สักสามสี่วัน วันไหนเบื่อๆ เวลาพี่เมฆไปรับที่โรงเรียนมาส่งบ้าน จะได้ชวนให้ค้างด้วยกันซะเลย
ขณะกำลังตอบไลน์เพื่อนอยู่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยไม่เคาะก่อน ผมหันมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ก่อนจะกดปิดหน้าจอมือถือ วางลงข้างตัวทั้งที่ยังพิมพ์ข้อความค้างไว้
“เอาของไปเก็บแล้วเหรอครับ” ตอนเปิดประตูเข้ามาไม่เห็นอีกฝ่ายวางกระเป๋าอะไรไว้หน้าห้อง เลยคิดว่าคงเอาไปเก็บเรียบร้อยแล้ว
“อืม” พี่เมฆที่ยังสวมเสื้อยืด กางเกงยีนขาดๆ ชุดเดิมนั่งลงบนเตียง ผมจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งคุยกันดีๆ “ขุนมาเจอพอดี เลยอาสาเอาไปเก็บให้”
“พี่ขุนนี่ขยันดีจัง ไว้วาจะขอให้พ่อขึ้นเงินเดือนให้” จริงๆ พี่ขุนมีหน้าที่แค่ขับรถกับทำสวน แต่พี่เขามักอาสาช่วยงานคนอื่นอยู่ตลอด และยังเก็บความลับได้ดีด้วย
“.....”
“พี่เมฆอึดอัดไหมครับที่ต้องมาค้างบ้านวา”
“ไม่หรอก...พี่แค่เกรงใจน้าอาทิตย์”
“ปกติพ่อไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรอกครับ ดูท่าทางพ่อจะดีใจด้วยซ้ำที่มีพี่เมฆมาคอยเป็นหูเป็นตาช่วยดูลูกชายให้อีกคน”
“พ่อวาอาจจะเสียใจทีหลังที่ไว้ใจพี่”
“ทำไมล่ะ”
ยังไม่ได้ฟังคำตอบ ประตูห้องก็ถูกเคาะเบาๆ สามครั้งก่อนที่คนที่กำลังถูกพูดถึงจะเปิดประตูเข้ามา ส่งยิ้มอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ให้พวกเราทั้งคู่
“ไงเด็กๆ ง่วงกันรึยัง เอานมอุ่นๆ สักแก้วก่อนนอนไหม”
“ของผมขอเบียร์สักกระป๋องแทนดีกว่าครับ” พี่เมฆตอบยิ้มๆ แล้วผุดลุกจากเตียง “พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อือ”
“น้าให้แม่บ้านเอาไวน์ไปเสิร์ฟที่ห้องแล้ว ดื่มแทนไปก่อนแล้วกัน เบียร์ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ” พ่อตบบ่าพี่เมฆที่เดินสวนกัน ก่อนจะสาวเท้ามาหาผมแล้วนั่งลงข้างๆ ในท่าเอนหลังพิงหัวเตียง ยกขาขึ้นมาวางไขว้กัน ทำราวกับตัวเองเป็นเจ้าของห้อง
“อะไร” ผมมองอย่างระแวง ก็ครั้งล่าสุดที่พ่อเข้ามานั่งบนเตียงในห้องนอนผมตอนกลางคืนคือสมัยที่ผมยังเรียนชั้นประถม เลยรู้สึกแปลกๆ
“เปล่า พอก็แค่อยากมาส่งลูกเข้านอน” ท่อนแขนแข็งแรงสอดเข้ามาโอบไหล่ผมไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะหอมแก้มผมแรงๆ ตอหนวดที่เริ่มขึ้นทิ่มโดนแก้ม ทั้งเจ็บทั้งจักจี้จนผมหลุดหัวเราะ
“อะไรของพ่อเนี่ย” ผมบ่นขำๆ พอมองไปทางประตูห้องก็เห็นว่าพี่เมฆเพิ่งเดินออกไป อีกฝ่ายหยุดมองพวกเราครู่หนึ่ง ก่อนจะงับประตูปิดลง
คิดไปเองรึเปล่านะที่รู้สึกว่าสายตาคมกริบคู่นั้นมันน่ากลัว...เป็นสายตาเดียวกับที่พี่เมฆใช้มองผมก่อนหน้านี้
“อยากฟังนิทานเรื่องอะไร เดี๋ยวพ่อเล่าให้ฟัง” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ข้างหูดึงให้ผมกลับไปสนใจคนข้างๆ อีกครั้ง
“วาไม่ใช่เด็กแปดขวบแล้วพ่อ”
“งั้นทำอะไรดี คุยกันหน่อยไหม...วามีเรื่องอะไรอยากเล่าให้พ่อฟังรึเปล่า”
“......” ผมส่ายหน้ายิ้มๆ “วาง่วงแล้ว”
“โอเค งั้นก็นอน เราหลับแล้วพ่อจะออกไป”
“ทำไมจู่ๆ นึกอยากส่งวาเข้านอนเนี่ย”
ช่วงที่ผมเริ่มเข้าประถมปลาย พ่อทำงานหนักขึ้น เหนื่อยจนไม่ค่อยมาส่งผมเข้านอน แล้วไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมไม่เคยได้ฟังนิทานก่อนนอนอีก พอพ่อมาทำเหมือนผมเป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างเมื่อก่อน มันเลยออกจะเขินอยู่นิดหน่อย แต่ก็...อบอุ่นดี
“รู้สึกลูกชายทำตัวห่างเหิน เลยต้องกระชับสัมพันธ์” คนตัวสูงยักไหล่แล้วเอื้อมมือไปปิดสวิตซ์ไฟข้างหัวเตียง แสงสีส้มจากโคมไฟติดผนังเหนือเตียงนอนดับพรึบ ทำให้รอบด้านมืดสนิทพอเห็นสิ่งรอบตัวแค่รางๆ
“เอามือถือมา”
“.....” ผมคลำหามือถือที่วางไว้ข้างตัวยื่นส่งให้ พ่อกดปิดเครื่องแล้วเอามันไปเก็บไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะบอกให้ผมนอนลงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมบนตัวผม
“นอนได้แล้ว” ริมฝีปากอุ่นๆ กดจูบลงบนหน้าผากผมทีหนึ่ง
“ฝันดีครับ”
จบประโยคนั้นทั้งห้องก็ตกเข้าสู่ความเงียบ ผมหลับตาลง นอนนิ่งๆ อยู่พักใหญ่ คนที่นั่งพิงหัวเตียงลูบหัวผมอยู่ก็หยุดมือแล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น เสียงฝีเท้าที่ก้าวห่างออกไปแทบจะเงียบกริบ ตามด้วยเสียงเปิดปิดประตูเบาๆ
ผมรอจนแน่ใจว่าพ่อกลับเข้าห้องนอนตัวเองไปแล้ว จึงค่อยลุกจากเตียง เดินออกนอกห้องอย่างเงียบเชียบ เข้าไปในห้องนอนสำหรับแขกโดยไม่เคาะบอกล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้พ่อได้ยินเข้าแล้วเกิดนึกสงสัยออกมาดู
Pie2Na
เอ้าาาา น้องธารรรรร หนูทำไมไปเข้าห้องปู้ชายยยย 55
ตอนหน้าพี่เมฆโดยอ้อยทั้งต้นฟาดแน่ ฮ่าๆ
ชอบเรื่องนี้ลากเพื่อนมาอ่านกันเยอะๆ น้า เขาอยากอ่านคอมเม้น T^T
ขอบคุณครับ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

271 ความคิดเห็น
-
#142 Aunchiree (จากตอนที่ 15)วันที่ 14 มกราคม 2561 / 14:55น้องวา ทำไมหนูทำแบบนี้#1420
-
#103 Noo (จากตอนที่ 15)วันที่ 12 ธันวาคม 2560 / 15:10ลุ้นๆวานี่ร้ายน้าาาาอิอิ#1030
-
#100 palmy3050 (จากตอนที่ 15)วันที่ 6 ธันวาคม 2560 / 12:07ทำไมเราบาป จิ้นพ่อกับน้อง ต้องกลับไปอ่านธานละ#1000
-
#99 qazbbnielk (จากตอนที่ 15)วันที่ 6 ธันวาคม 2560 / 01:34โอ้ยยยย มันดีเกินจนนึกภาพไม่ออกว่าถ้ามันดราม่า ชั้นจะรู้สึกยังไง ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ#990
-
#98 Popularpong (จากตอนที่ 15)วันที่ 5 ธันวาคม 2560 / 16:23เดินเข้าไปไม่ได้นะลูกกกกกอันตรายยยยย#980