ตอนที่ 7 : Chapter 06 :: ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง
Chapter 6
ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่พี่ชายของผมกลับมาอยู่ที่บ้าน แต่พวกเราแทบไม่ได้พูดคุยกันเลย และความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาก็ดูเหมือนจะห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ
แม่คงสังเกตเห็นและอยากให้พวกเราสนิทกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ หลังจากผมพ้นโทษ (?) ถูกกักบริเวณ ถึงได้ให้พี่ภูเป็นคนมารับมาส่งผมไปโรงเรียน เพราะยังไงโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ก็เป็นทางผ่านไปมหาลัยพี่ภูพอดี แต่อย่างที่รู้กันว่าเด็กมหาลัยไม่ได้เรียนตั้งแต่เช้าถึงเย็นอย่างเด็กมัธยม วันไหนที่พี่ภูมีเรียนสาย เลิกเรียนเร็ว พ่อก็จะเป็นคนมารับมาส่งผมแทน
วันนี้เป็นวันที่พี่ภูต้องมารับผมกลับบ้าน แต่ทุกทีกว่าพี่ภูจะมาถึงก็เลยเวลาเลิกเรียนผมไปเกือบชั่วโมงนู่นแหละ ผมเลยมานั่งรอในร้านนมสดข้างโรงเรียน มีบาสนั่งเป็นเพื่อน ส่วนเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มไปเรียนพิเศษกันหมดแล้ว
“ธาร วันนี้มีการบ้านไรบ้างป่ะ”
“มี แต่จำไม่ได้ เพราะไม่ได้จำ”
“สัตว์”
บาสเงยหน้าขึ้นมาด่าผมเสร็จก็คว้าโกโก้ปั่นไปดูดแล้วก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ถึงมันจะมานั่งเป็นเพื่อนก็เหมือนผมนั่งคนเดียวนั่นแหละ เพราะมันเอาแต่เล่นเกม ส่วนผมก็พอๆ กัน...กำลังเช็คฟีดข่าวในเฟสบุ๊ค
เหมือนนิ้วมือจะทำงานไวกว่าสมอง เพราะทั้งที่ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลิกสนใจพี่ภู แต่ผมดันกดเข้าไปดูหน้าเฟสบุ๊คของพี่มันจนได้ โพสแรกที่เจอก็ทำเอาอารมณ์ผมเดือดปุดๆ มันคือโพสที่ผู้ชายคนหนึ่งแท็กมา เป็นรูปพี่ภูกำลังกินไอศกรีมอยู่ น่าจะถูกถ่ายตอนเผลอเพราะพี่ภูไม่ได้เงยหน้าขึ้นเก๊กหล่ออะไร แค็ปชั่นชวนหมั่นไส้ว่า ‘ขนาดตอนกินยังหล่อเลย J’ แต่ดันมีคนกดไลท์ตั้งสี่พันกว่า
ที่สำคัญคือมันถูกโพสเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน และเช็คอินที่ร้านไอศกรีมในห้างหรูข้างๆ มหาลัยพี่ภู
นี่สินะเหตุผลที่มารับผมช้าแทบทุกครั้ง...
ผมกดเข้าไปอ่านคอมเมนท์เกือบร้อยคอมเม้นใต้ภาพ มีคนชมว่าหล่อบ้างล่ะ น่ารักบ้างล่ะ จีบได้ไหม โสดรึเปล่า ยิ่งอ่านผมก็ยิ่งหงุดหงิด สุดท้ายนิ้วมือก็ทำงานไวกว่าสมองอีกเหมือนเคย ถึงได้เผลอ (?) เมนท์ไปว่า...
กินให้อร่อยนะครับ ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวธารกลับเอง
ไม่ถึงหนึ่งนาทีมีคนมากดไลท์คอมเมนท์ของผมห้าสิบกว่าคน และเมนท์ตอบอีกเกือบยี่สิบคอมเมนท์ ที่ทำให้ผมแปลกใจคือพี่กฤษมากดไลท์คอมเมนท์นี้ด้วย หรือว่าพี่กฤษกับพี่ภูจะรู้จักกัน...จริงสิ สองคนนี้เรียนปีเดียวกัน มหาลัยเดียวกัน ถ้าจะเป็นเพื่อนกันในเฟสบุ๊คก็คงไม่แปลก
พอหายสงสัย ผมก็หันมาไล่อ่านคอมเมนท์ที่ตอบคอมเมนท์ของผม...
นี่ใครเอ่ย? เป็นอะไรกับพี่ภูครับ?
น่ารักจัง แฟนพี่ภูเหรอ?
@Ahpuhp Uhp คนนี้ใคร?
คอมเมนท์นี้แท็กเฟสบุ๊คพี่ภูตรงๆ เจ้าของคอมเมนท์ก็คือคนที่โพสรูปนี้ ด้วยความอยากรู้ผมเลยกดเข้าไปส่องเฟสบุ๊คของเขา หมอนี่เป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าหล่อเลยแหละ ขาว ตี๋ หน้าหวาน คงจะตรงสเป็คพี่ภูทุกอย่าง แต่หน้าคุ้นๆ แฮะ...
อ้อ คนเดียวกับผู้ชายที่พี่ภูจูบปากด้วยในผับ!
“คิดว่าหล่อนักรึไง”
“ฮ้ะ?”
“กูไม่ได้พูดกับมึง”
บาสหันซ้ายหันขวาพอไม่เจอคนที่ผมคุยด้วยมันก็ส่ายหน้ายิ้มขำ แล้วก้มหน้าก้มตาเล่นเกมต่อ เป็นจังหวะเดี๋ยวกับที่มือถือของผมสั่นเตือนพอดี
ผมเช็คแจ้งเตือนในเฟสบุ๊ค แอบตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็มีคนไม่รู้จักแอดมาเกือบห้าสิบคน ทักแชทมาอีกหกคน แต่ผมเลือกที่จะปล่อยมันทิ้งไว้ ไว้ค่อยคิดอีกทีว่าจะกดรับหรือตอบแชทดีรึเปล่า เพราะตอนนี้ผมต้องไล่อ่านคอมเมนท์ใหม่ๆ ที่เมนท์ตอบคอมเมนท์ของผม มีคอมเมนท์หนึ่งจากพี่ภูบอกว่า...
รออยู่นั่นแหละ กำลังไป
อืม...รอก็รอ ระหว่างนี้ผมควรตอบคำถามเพื่อนๆ ของพี่ภูไหมนะ อย่างเช่นว่า...ผมกับพี่ภูเป็นอะไรกัน? เพราะดูเหมือนพี่ภูไม่คิดจะตอบคอมเมนท์พวกนี้แน่ๆ
...แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่รู้สิ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน ปล่อยให้เดาผิดๆ ถูกกันไปก็ดี จะได้ไม่ต้องมีคนมายุ่มย่ามกับพี่ภูมากนัก
ตัดสินใจได้อย่างนั้นผมก็กดออกจากเฟสบุ๊ค แล้วเข้าโปรแกรมไลน์เพื่อตอบข้อความที่ยังไม่เปิดอ่าน
P’ Krit : ธารรู้จักกับภูด้วยเหรอ
ข้อความล่าสุดจากพี่กฤษเพิ่งถูกส่งมาเมื่อห้านาทีที่แล้ว
ช่วงที่ผมถูกกักบริเวณ ผมกับพี่กฤษไม่ได้เจอกันเลย เพราะตอนเช้าเวลาพ่อมาส่งผมที่โรงเรียนก็ต้องจอดรถรอจนผมเดินเข้าประตูก่อน ตอนกลับก็มารอรับ ผมเองอยากหนีหน้าพี่กฤษอยู่แล้วเลยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไม่ไปเจอเขา ทั้งที่ถ้าผมอยากเจอจริงๆ จะโดดเรียนไปหาก็ได้ เราเลยได้แต่โทรคุย เฟสไทม์ หรือแชทหากันเท่านั้น
เพราะผมก็ยังใจไม่แข็งพอที่จะเลิกกับพี่กฤษอย่างจริงจัง...
Thara Than: อือ
Thara Than: พี่ชายธารเอง พี่กฤษรู้จักกับพี่ภูได้ยังไงครับ?
ผมพิมพ์ตอบพี่กฤษ ระหว่างรออีกฝ่ายตอบกลับ ผมก็เปิดอ่านข้อความจากพี่ติณ พวกเราแอดไลน์กันตั้งแต่วันที่แลกเบอร์โทรแล้ว แต่เพิ่งมาสนิทและเริ่มคุยไลน์กันเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนนี่เอง เพราะต้องเจอกันที่สปอร์ตคลับทุกเสาร์อาทิตย์
Atin”: น้องตุลย์บอกว่าอยากกินไอติมกับพี่ธาร
ข้อความนี้ถูกส่งมาพร้อมกับรูปถ่ายของน้องตุลย์ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงสำหรับเด็กในร้านไอศกรีมแบรนด์ดัง และกำลังตักไอศกรีมรสช็อกโกแลตเข้าปากด้วยท่าทางมูมมาม จนปากกับแก้มเลอะเทอะเป็นสีน้ำตาลไปหมด ทำเอาผมต้องยิ้มกว้างกับความน่ารัก
Thara Than: งั้นเสาร์นี้ไปกินกันนะครับ อยากอยู่เล่นกับน้องตุลย์ก่อนกลับบ้าน
Atin”: พ่อธารไม่ว่าเหรอครับ ปกติเห็นตามประกบไม่ห่างเลย ดูท่าจะหวงลูกชายน่าดู
พี่อติณตอบกลับมาแทบจะทันที สงสัยกำลังเล่นมือถืออยู่
Thara Than: อืม...ถ้ารู้ก็คงจะดุมั้งครับ แต่ธารไม่ถูกกักบริเวณแล้ว คงแอบหนีคุณพ่อไปได้ :P
Atin”: ดื้อเงียบนะเรา
ผมส่งสติ๊กเกอร์รูปเด็กผู้ชายนั่งคุกเข่าหัวเราะน้ำตาเล็ดไป ก่อนจะเปิดอ่านข้อความของพี่กฤษ
P’ Krit: โลกกลมดีจัง พี่กับภูเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมแล้ว
Thara Than: สนิทกันไหมครับ
ผมรอข้อความตอบกลับจากพี่กฤษอย่างจดจ่อ ชักจะกังวลขึ้นมาแล้วสิ เพราะผมไม่อยากให้พี่ภูรู้เรื่องระหว่างผมกับพี่กฤษ ถึงพี่ภูจะไม่ใช่คนปากโป้งที่จะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อกับแม่ และไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของผมเลยสักครั้ง แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีถ้าเขาจะรู้เรื่องนี้
P’ Krit: ไม่เชิง แค่ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย
ถ้าไปเที่ยวด้วยกันบ่อยก็ต้องมีโอกาสคุยกันบ่อยๆ ด้วยสิ...แต่พี่กฤษยังไม่รู้ว่าผมเป็นน้องชายพี่ภู งั้นแสดงว่าสองคนนี้ยังไม่เคยคุยกันถึงเรื่องของผม
Thara Than: อย่าบอกพี่ภูนะครับว่าพวกเราเคยคบกัน ธารไม่อยากให้เรื่องถึงหูแม่
ผมโกหก...ผมแค่ไม่อยากให้พี่ภูรู้แค่นั้นเอง
P’ Krit: โอเค
P’ Krit: เฟสไทม์ได้ไหม คิดถึง อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า
ผมกำลังจะพิมพ์ตอบก็มีคนโทรเข้ามาพอดี เบอร์ที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือเบอร์พี่ชายผมเอง
หลังจากรับสายพี่ภูที่โทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว ผมก็เดินออกจากร้านไปยังรถ BMW Z4 สีดำที่จอดรออยู่ข้างรั้วโรงเรียน
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าของรถที่นั่งหน้าขรึมอยู่หลังพวงมาลัย ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ
พี่ภูไม่แม้แต่จะพูดหรือเหลือบมองมาทางผม ทันทีที่ประตูรถปิดลงเขาก็ขับออกไปเงียบๆ ทำเอาผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมา อย่างน้อยพี่ภูก็ควรถามผมสักนิดว่าผมรอนานรึเปล่า ถามว่าผมเรียนเหนื่อยไหม ถามอย่างเป็นห่วงแบบที่พี่ชายคนอื่นเขาทำกัน
“พี่ภู พี่จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“.....”
“ผมก็ทำอย่างที่พี่ต้องการแล้วไง คอยอยู่ห่างๆ ไม่ไปทำให้พี่รำคาญ แต่อย่างน้อยเวลาอยู่ด้วยกันอย่างตอนนี้ พี่จะคุยกับผมบ้างไม่ได้เลยเหรอ”
“นายไม่กลัวพี่แล้วรึไง”
ผมชะงัก...นึกถึงคืนนั้นที่ถูกพี่ภูบีบคอจนหายใจไม่ออก ยังจำติดตาว่าพี่ภูมองผมด้วยสีหน้าเย็นชาแค่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่เพราะความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กระหว่างพวกเราสองคน ผมจึงยังอยากที่จะอยู่ใกล้ๆ พี่ภู อยากพูดคุยกับเขา และอยากได้พี่ชายคนเดิมของผมกลับมา
“ไม่” ผมตอบปฏิเสธไปทันที แต่ก็ทำเป็นปากเก่งไปงั้นเอง
“.....”
“ทำไมพี่ต้องทำเหมือนเกลียดผมนัก ทั้งๆ ที่พี่เคยบอกว่ารักผม ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจงั้นเหรอ พี่บอกผมมาสิ ผมจะได้ปรับปรุงตัว”
แม้ว่าผมจะยังไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่าแววตาของคนเราไม่มีทางโกหก ถึงการกระทำของพี่ภูจะแสดงออกว่ารำคาญหรือเกลียดผมแค่ไหน แต่หลายครั้งที่แววตาของเขามันสื่อความหมายในทางตรงกันข้าม ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเสี่ยง...อยากจะลองเชื่อว่าในคืนนั้น พี่ภูไม่ได้อยากจะทำร้ายผมจริงๆ
“พี่เคยบอกนายตอนไหนว่าพี่รักนาย” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“พี่จำไม่ได้เหรอ” ผมมองหน้าพี่ภู “คืนที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้วจะส่งพี่ไปเรียนต่างประเทศ พี่ภูให้ธารเข้าไปในห้อง กอดธาร...แล้วก็บอกว่าพี่ภูรักธาร” ผมหลุดเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนอย่างเมื่อก่อน ตอนที่ผมกับพี่ภูยังสนิทกัน
พี่ภูชะงักไปนิด เขาหักพวกมาลัย เลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง ก่อนจะหันมามองหน้าผมตรงๆ “ตอนนั้นพี่ก็แค่โกหกนาย”
“ตอนนี้ต่างหากที่พี่กำลังโกหก”
“แล้วไง ต่อให้พี่พูดความจริง เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งแปดปีแล้ว ความรู้สึกของพี่มันไม่เหมือนเดิมแล้วธาร”
“อ๋อ...พี่ก็เลยจูบปากกับผู้ชายในผับ แถมยังชวนหมอนั่นไปกินไอติมด้วยกันใช่ไหม” ผมหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเพราะอารมณ์ล้วนๆ แต่ไหนๆ ก็พูดไปแล้ว ผมก็จะพูดให้มันจบในวันนี้
“ธาร!” พี่ภูลูบหน้า “รู้ตัวใช่ไหมว่าเพิ่งพูดอะไรออกมา”
“รู้สิ ตอนนี้ธารไม่ใช่เด็กแล้ว ธารรู้ว่าสิ่งที่พี่ภูเคยทำกับธารมันหมายความว่ายังไง แต่ในเมื่อความรู้สึกของพี่ภูมันไม่เหมือนเดิม เราก็แค่ทำให้ทุกอย่างถูกต้อง...กลับมาเป็นแค่พี่ชายกับน้องชายเหมือนอย่างพี่น้องในครอบครัวอื่นๆ ไงครับ”
“ได้ พี่จะพยายาม” พี่ภูจ้องหน้าผม “พี่จะทำตัวเป็นพี่ที่แสนดี ทำเป็นลืมๆ ไปว่าพี่เคยทำระยำอะไรไว้กับน้องชายตัวเองบ้าง!”
ผมกัดปาก ก้มหน้าหลบสายตาพี่ภู “ถึงพี่ภูจะคิดอย่างนั้น แต่ธารไม่เคยรังเกียจในสิ่งที่พี่ทำเลยนะ”
“.....”
ถ้าพี่ภูคิดว่าเรื่องที่เขาทำกับผมมันเป็นความผิดร้ายแรง แล้วสิ่งที่ผมกับพ่อกำลังทำอยู่ล่ะ...มันไม่เรียกว่าระยำยิ่งกว่าเหรอ ทั้งๆ ที่คนที่ควรจะนอนกอดพ่อทุกคืนคือแม่ แต่ผมกับทำหน้าที่นั้นแทน จนตอนนี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่า คำว่า ‘ศีลธรรม’ มันเป็นยังไง ‘ผิด’ หรือ ‘ถูก’ มีหน้าตาแบบไหน
ผมรู้แค่ว่าอะไรคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นและเย้ายวนจนผมอยากจะกระโจนเข้าใส่...
“ธารถามจริงๆ นะพี่ภู” ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนข้างตัวที่หันกลับไปจดจ่ออยู่บนถนน ไม่อาจเดาได้เลยว่าภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมและเฉยชาของพี่ภู เขาซ่อนความรู้สึกยังไงเอาไว้ “ความรู้สึกของพี่ภูมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เหรอ...พี่ภู...เกลียดธารแล้วจริงๆ ใช่ไหม”
“.....”
ปลายนิ้วของผมเย็นเฉียบ หัวใจเต้นระรัวกับสิ่งที่กำลังจะทำ...ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดมันผิด...ว่าพี่ภูไม่ได้รักผมแล้ว และพวกเราควรกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น
ผมเอื้อมมือไปจับใบหน้าของพี่ภูให้หันมา ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบเขา...
พี่ภูนิ่งอึ้งด้วยความตกใจแล้วจับไหล่ของผมดันออกห่างอย่างแรง
“ทำบ้าอะไร!” เขาตวาด
“จูบไง” ผมบอกอย่างดื้อดึงพร้อมกับเอื้อมมือไปจับใบหน้าของพี่ภูแล้วกดจูบลงอีกครั้ง บดเบียดเร่งเร้าอย่างต้องการเอาชนะ จนในที่สุดพี่ภูก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เมื่อเขายื่นมือมาจับเอวของผม และยอมเผยอกลีบปากขึ้น ปล่อยให้ผมไล้เล็มริมฝีปากของเขาตามแต่ใจ
รสจูบของผมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยั่วยวนและเชื่องช้า ขบเม้มริมฝีปากล่างของพี่ภูเบาๆ ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างช่ำชอง
เสียงลมหายใจหอบกระชั้นของพวกเราทั้งคู่ดังก้องอยู่ในที่แคบๆ พี่ภูดึงชายเสื้อของผมออกจากกางเกง ก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะสอดเข้าไปด้านใน ลูบไล้ตามแผ่นหลัง ขณะเดียวกันผมก็ขยับตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักของพี่ภู โดยที่ปากของพวกเราทั้งคู่ยังดูดดุนกันและกันอย่างไม่ยอมถอยห่าง
จ๊วบ...
ผมเป็นฝ่ายถอนจูบออกก่อน ก่อนจะก้มลงดูดเม้มที่ซอกคอของพี่ภูจนเกิดเสียงดังชวนน่าอาย
“อือ...”
เสียงครางอย่างพอใจดังลอดออกมาจากปากของพี่ภู เมื่อผมลูบไล้ฝ่ามือไปตามแผงอกของเขา ไล้ต่ำลงมายังกล้ามเนื้อหน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมกางเกงยีนของพี่ภูออก
“ธาร...หยุดก่อน” พี่ภูบอกด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่าพร้อมกับรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว จนผมต้องยอมผละออกจากซอกคอของพี่ภู แล้วเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความขัดใจ
“พอแล้ว” พี่ภูจ้องหน้าผม สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ อย่างพยายามควบคุมตัวเอง
“ธารชนะ” ผมกระซิบบอก แนบหน้าผากของตัวเองลงบนหน้าผากของพี่ภู ให้ปลายจมูกของเราสัมผัสกัน หลุบสายตาลง ก่อนจะขบริมฝีปากล่างของพี่ภูอย่างยั่วยวน
“.....”
“ไม่ชอบเล่นแบบนี้แล้วเหรอครับ ตอนเด็กๆ ยังชอบมาชวนธารเล่นบ่อยๆ เลย” ผมขยับสะโพก บดเบียดเคล้าคลึงกับหน้าตักของพี่ภู
ผมเคยคิดว่าตัวเองไม่พร้อมสำหรับเซ็กซ์ แต่ที่จริงแล้วเพราะผมกำลังรอใครสักคนที่ผมต้องการจะทำมันกับเขาต่างหาก...แล้วคนๆ นั้นก็คือพี่ภู
“ธาร!” พี่ภูตวาดเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือของผมออก เปลี่ยนมาจับเอวของผมไว้ไม่ให้ขยับแทน
“ก็ได้” ผมบอกอย่างยอมแพ้ แล้วยอมลุกออกจากตักของพี่ภูมานั่งที่เก้าอี้ข้างคนขับดีๆ “วันนี้ก่อนกลับบ้านเราแวะไปกินไอติมกันดีกว่าครับ พี่ภูยังพาเพื่อนคนนั้นไปกินได้เลย งั้นก็พาธารไปบ้างสิ”
พี่ภูยกมือเสยผมแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ เขานิ่งเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ลงไปจากรถ”
“.....” ผมหันมองพี่ภูอย่างไม่เข้าใจ
“พี่บอกให้ลงไปจากรถ!”
พี่ภูไล่ผมงั้นเหรอ! ทั้งที่เมื่อกี้เราเพิ่งจะจูบกันเนี่ยนะ!?
ผมคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายกับคนในรถว่า “ธารไม่ใช่เด็กหกขวบหน้าโง่ที่จะโดนพี่ภูหลอกได้ง่ายๆ อีกแล้ว เพราะงั้นเชิญพี่หลอกตัวเองไปคนเดียวเถอะครับ”
ปัง!
ทันทีที่ประตูรถถูกกระแทกปิดลง รถคันหรูของพี่ภูก็กระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่บนฟุตบาธ
พี่จะเล่นอย่างงี้ใช่ไหมพี่ภู...ได้! ธารจะทำให้พี่เห็นว่าน้องชายของพี่คนนี้ไม่ใช่เด็กผู้ชายใส่ซื่อ หัวอ่อนคนเดิมที่พี่เคยรู้จัก ดูซิว่าพี่จะทนทำท่าทีเฉยชากับธารไปได้ถึงเมื่อไหร่!
ผมล้วงมือถือออกมากดโทรหาคนที่ไม่ควรเจอหน้าที่สุด รออยู่ไม่กี่วินาทีปลายสายก็กดรับ ก่อนที่เสียงทุ้มๆ น่าฟังของเขาจะเอ่ยทัก
“ไงธาร ยอมโทรหาพี่แล้วเหรอ”
“พี่กฤษมารับธารหน่อยสิ ธารอยู่ที่...” ผมบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เพราะยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้นได้
“เป็นอะไรรึเปล่า” พี่กฤษถามอย่างเป็นห่วง คงฟังออกว่าผมอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่
“โทษทีครับที่เผลอพูดไม่ดีด้วย พอดีมีเรื่องน่าโมโหนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไร รออยู่นั่นนะ พี่กำลังขับรถไปทางนั้นพอดี อีกไม่เกินสิบนาทีจะไปรับ”
“ครับ” ผมกำลังจะกดตัดสาย แต่เสียงพี่กฤษดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ธาร อย่าเพิ่งวางสาย พี่เป็นห่วง”
“.....”
“รอให้พี่ไปถึงก่อนค่อยวางนะ”
“ครับ” เราสองคนต่างก็เงียบไปจนกระทั่งผมเห็นรถพี่กฤษกำลังขับใกล้เข้ามา “ขอธารไปนั่งเล่นที่คอนโดพี่กฤษนะครับ”
“ได้สิ”
ผมกดตัดสายเมื่อรถสปอร์ตสีดำจอดเทียบริมฟุตบาธห่างออกไปไม่กี่ฟุต
Pie2Na
รู้สึกว่าธารก็ไม่เบานะ เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แอบร่าน (ไม่) นิดหน่อย
อาจเพราะพ่อตามใจมากไปมั้ง....หรือว่าคนเขียนคิดไปเอง?
พูดคุยถึงเรื่องนี้ แอบนินทาพี่กฤษ ธาร อติณ พี่ภู พ่อตะวัน ใครก็แล้วแต่!
ติดแท็ก #ฮาเร็มของธาร ในเฟสบุ๊คกับทวิสเตอร์นะครับบบ
ไว้พายจะเข้าไปอ่านบ้างงง เล่นกันเยอะๆนะ อยากรู้ววว!
ขอบคุณครับ ^^
ชอบเรื่องนี้ กด โหวตให้ดาว ที่รูปอติณ กดAdd Favที่รูปพี่ภูครับ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ในบรรดาผช.ทั้งหมด เอาดีๆคือเชียร์อตินดูอบอุ่นสุดแล้ว 555
รียมาอัพต่อน้า รอยู่ค่ะ 😌
รียมาอัพต่อน้า รอยู่ค่ะ 😌
ความจริงแล้วเราคิดว่าธารจะโทรหาอติณซะอีก
คิดถึงอติณแฃะน้องตุลย์น๊าาาาาาาา