ตอนที่ 12 : Chapter 11 :: บทลงโทษ (100%)
Chapter 11
บทลงโทษ
07: 50 P.M.
ผมกับพ่อลงบันไดมาจากชั้นสอง พอดีกับที่พี่ภูย่างเท้าเข้ามาในบ้านพร้อมกับผู้ชายอีกคน...
ผู้ชายคนนั้นสวมชุดนักศึกษา ดูอายุไล่เลี่ยกัน ตัวสูงเกือบเท่าพี่ภู น่าจะเกือบร้อยแปดสิบ รูปร่างสูงโปร่งค่อนไปทางผอม ผิวขาวจัด หน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ดูหวานจนผู้หญิงยังอาย เห็นแวบแรกผมจำได้ทันทีเลยล่ะ ว่าหมอนี่คือคนเดียวกับในรูปที่ถูกแท็กมาหน้าวอลพี่ภูบ่อยๆ คนที่จูบปากกับพี่ภูในผับ แถมยังพาไปกินไอติมด้วยกัน
...จะพามันมาที่บ้านทำไม
“หวัดดีครับ” ผู้ชายที่ยืนข้างพี่ภูยกมือไหว้พ่อเมื่อพวกเราเดินมาเผชิญหน้ากัน
“นี่กายเพื่อนผมครับ” พี่ภูแนะนำ
“อืม” พ่อยิ้มรับ เป็นร้อยยิ้มบางที่ผมดูออกว่าถูกปั้นแต่งขึ้นมาตามมารยาทเท่านั้น “กินอะไรมารึยัง มากินมื้อเย็นด้วยกันเลยสิ”
“ยังเลยครับ ว่าจะกลับมากินที่บ้านพอดี”
ตั้งแต่กลับมาอยู่ไทยพี่ภูกินข้าวที่บ้านแทบจะนับครั้งได้ แล้วนี่อะไร จู่ๆ ก็แบกท้องกลับมากินมื้อเย็น แถมยังพาผู้ชายคนนี้มาด้วย จะเอามาเปิดตัวรึไง คิดว่าผมจะยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ
ไม่มีทาง!
“แล้วนี่แม่ไปไหนครับ” ผมถามขึ้นเมื่อพวกเรามานั่งรวมตัวกันที่โต๊ะกินข้าวและอาหารถูกเสิร์ฟพร้อมแล้ว แต่เก้าอี้ประจำของแม่กลับว่างเปล่า
ปกติแม่ก็ไม่ค่อยจะอยู่บ้านหรอก แต่ในวันที่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว แถมพี่ภูยังพาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านด้วยแบบนี้ แม่น่าจะอยู่กินมื้อเย็นด้วยกันสิ
“บินไปอเมริกาตั้งแต่บ่ายแล้วครับ เห็นว่าต้องไปดูงาน เสร็จแล้วคงอยู่ชอปปิงต่อ อีกสามสี่วันนู่นแหละกว่าจะกลับ”
เป็นแบบนี้ทุกที ตั้งแต่เด็กแล้วที่พ่อต้องเป็นคนเลี้ยงผม ใกล้ชิดกับผมมากกว่าแม่ ความสัมพันธ์ของพวกเราถึงได้ออกมาในรูปแบบที่บิดเบี้ยวต่างจากครอบครัวอื่นๆ ถ้าถามว่าผมรักแม่ไหม สนิทกับแม่รึเปล่า...รักสิ และพวกเราก็สนิทกันในระดับนึง แม้จะดูเหมือนแม่ไม่ค่อยใส่ใจดูแลผมกับพี่ภูมากนัก แต่ผมก็ดูออกว่าแม่รักพวกเรามากแค่ไหน
พูดถึงแม่ ผมก็อยากเล่าอะไรเกี่ยวกับคุณผู้หญิงของบ้านนี้สักเล็กน้อย...แม่ของผมเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง ถึงจะพลาดพลั้งมีพี่ภูตั้งแต่อายุสิบเจ็ด แต่แม่ก็ยังมีอนาคตที่สวยหรู ตอนนี้แม่อายุสามสิบหกปี เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โตทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณคุณตาที่ล่วงลับ ที่ทำให้เส้นทางชีวิตของแม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ และทำให้แม่ได้แต่งงานกับพ่อจนมีผมออกมา
...ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่า ผมจะได้เจอกับพ่อที่รักผมขนาดนี้รึเปล่า
“เป็นอะไร ทำหน้ายุ่งเชียว คิดถึงแม่เหรอครับ” พ่อลูบหัวผม
“นิดหน่อยครับ ไม่เจอหน้ามาสามวันแล้วเนี่ย พ่อล่ะ ไม่คิดถึงแม่บ้างเหรอ”
“ก็ต้องคิดถึงสิ...” พ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ เอื้อมมือผ่านด้านหลังผมไปเพื่อตักกับข้าว จังหวะที่ใบหน้าของพ่อเคลื่อนเข้ามาใกล้จนแทบชิดแก้มของผม พ่อก็กระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า “คิดถึงในฐานะเพื่อนครับ..อย่าขี้หึงนักสิ”
ผมอมยิ้ม แอบถอดรองเท้าสลิปเปอร์ออกจากเท้าซ้าย แล้ววางฝ่าเท้าเล็กๆ ข้างนั้นลงบนเท้าไซส์สี่สิบสามของพ่อ ขยับปลายนิ้วเขี่ยนิ้วเท้าของพ่อไปมาหวังจะให้อีกฝ่ายจั๊กจี้ แต่พ่อกลับแค่ยิ้มขำ
“กินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาดๆ”
ปลาสำลีนึ่งมะนาวที่พ่อตักเมื่อกี้ถูกวางใส่จานของผม โดยที่แขนแข็งแรงยังโอบไหล่ผมเอาไว้ ขนาดตัวที่โตกว่ามากจึงดูเหมือนผมตกอยู่ในอ้อมกอดของพ่อเลยล่ะ ทำเอาผมต้องกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม ระหว่างนั้นผมแอบเหลือบมองพี่ภู เห็นอีกฝ่ายกำลังกินข้าวไปพลางคุยกับคนข้างๆ ไปพลางโดยไม่สนใจผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยสักนิด จากที่อยากจะยิ้ม หน้าผมเลยเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงแทน
“น้าตะวันกับน้องธารดูสนิทกันดีนะครับ ผมกับพ่อนี่แทบไม่ได้คุยกันเลย” พี่กายพูดขึ้น เขามองพ่อสลับกับผมแล้วส่งมายิ้มให้ แต่ผมไม่ได้ยิ้มตอบ กลับทำหน้านิ่งแบบบอกชัดว่าไม่ต้องการจะคุยด้วย
“ตอนเด็กๆ ก็สนิทกับพ่อกันทั้งนั้นล่ะ อีกหน่อยพอโตขึ้นก็ติดเพื่อน ติดแฟนมากกว่าพ่อ” พ่อบอกยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มเอ็นดูที่ไม่ได้ปั้นแต่งเหมือนก่อนหน้านี้
“นั่นสิครับ” พี่กายมองพ่อด้วยแววตาชื่นชมแต่แฝงประกายบางอย่างที่ผมไม่ชอบใจนัก “ว่าแต่น้าตะวันนี่ยังดูหนุ่มอยู่เลยนะครับ ไม่คิดว่าจะมีลูกชายโตขนาดน้องธารแล้ว ตอนเห็นแวบแรกนี่อึ้งไปเลย นึกว่าภูมีญาติเป็นนายแบบซะอีก”
พ่อยิ้มรับ ไม่ได้ตอบอะไร
หมอนี่คงรู้จากพี่ภูมาบ้างแล้วว่าพ่อไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของพี่ภู ถึงไม่ได้พูดกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับพี่ภูเลย อยากรู้จริงๆ ว่าเขากับพี่ภูสนิทกันถึงขั้นไหน พี่ภูถึงกล้าเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังมากขนาดนี้
“อากาศร้อนจังนะครับช่วงนี้” พูดพลางมือพี่กายก็ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกสองเม็ดแล้วกระพือคอเสื้อขึ้นลง ทำให้ผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นแนวกระดูกไหปลาร้ากับหน้าอกขาวๆ ที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยของเขาอย่างชัดเจน
...และแน่นอนว่าพ่อก็ต้องเห็นมันด้วย
พี่ภูที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่กายถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “เดี๋ยวกูบอกแม่บ้านให้หรี่แอร์ให้ไหม”
พี่กายยักไหล่ “ไม่เป็นไร”
ผมมองพี่กายด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร แต่เขากลับปั้นหน้ายิ้มกินข้าวต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้ที่ทำไปทั้งหมดนั่นจงใจจะยั่วพ่อหรือยั่วให้พี่ภูหึงกันแน่ แต่ไม่ว่าจะทำเพราะอะไร อย่างหนึ่งที่ผมรับรู้ได้จากการกระทำ สีหน้า และท่าทางของเขา
...หมอนี่ฉลาด ควบคุมอารมณ์ได้ดี และคงร้ายไม่เบาเลย
หลังกินมื้อค่ำเสร็จ ผมก็กลับขึ้นห้องมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอน รอพ่อที่ยังเคลียร์งานอยู่อีกห้อง ระหว่างนี้ไม่ว่าผมจะอ่านหนังสือฆ่าเวลา เล่นเกม หรือแชทกับเพื่อน สติของผมกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำเลยสักนิด
พี่ภูกับกายกำลังทำอะไรกันอยู่นะ
ความกระวนกระวายใจทำให้ผมต้องลุกออกจากเตียง เดินไปที่ห้องของพี่ภู เคาะประตูตามมารยาทสองครั้งก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้าไปด้านใน
แม้ว่าห้องพี่ภูค่อนข้างกว้างและจัดแบ่งเป็นโซนอย่างชัดเจน แต่สามารถมองเห็นเตียงได้ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา เพราะมันเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่สะดุดตาที่สุด ทว่าบนนั้นกลับไม่มีแม้แต่เงาของคนทั้งคู่ ผ้าปูเตียงถูกคลุมไว้อย่างดีราวกับยังไม่ถูกใช้งาน นั่นจึงทำให้ผมยิ้มออก
“น้าตะวันเป็นเกย์ป่ะวะ”
ประโยคนี้ดังขึ้นเบาๆ ขณะที่ผมเดินผ่านตู้หนังสือและชั้นวางของลึกเข้าไปในห้อง มันก้องกังวานเล็กน้อยเหมือนกับคนพูดอยู่ในที่แคบๆ
ซ่าาา
เสียงน้ำจากฝักบัวถูกเปิด ก่อนที่พี่ภูจะตอบคำถามนั้น
“สงสัย ก็เลยไปยั่วเขางั้นสิ”
“อา...กูว่าน้าตะวันกับธารดูแปลกๆ ว่ะ อ๊ะ! ฮึก...อ้า....” เสียงพูดของพี่กายสั่นเครือ ก่อนที่คำพูดทั้งหมดจะเงียบหาย กลายเป็นเสียงครางปนหอบสะท้าน
รอยยิ้มของผมแข็งค้าง เท้าทั้งสองข้างชะงักกึกเมื่อเดินมาถึงเตียง รู้สึกเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็งทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า...
เบื้องหลังบานประตูห้องน้ำแบบกระจกฝ้า เงาร่างสองร่างกำลังกอดรัดกันแนบแน่น ฝ่ามือคู่หนึ่งวางอยู่บนบานกระจก ขณะที่ฝ่ามืออีกคู่สอดประสานอยู่ด้านหลัง เสียงครางกระเส่าปนเปไปกับเสียงสายน้ำดังสะท้อนออกมาจากห้องแคบๆ นั่นไม่น่าตื่นตะลึงเท่ากับเสียงบางอย่างที่กำลังกระแทกกระทั้นเข้าหากันอย่างรุนแรง
“อ๊ะๆๆ บ...เบาหน่อยสิวะ อ๊า!”
“อา...ไหนบอกชอบแรงๆ ไง”
ผมยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ความรู้สึกเปียกชื้นที่สัมผัสกับฝ่ามือทั้งสองข้างทำให้รู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้ ขาที่สั่นเทาของผมค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกจากห้องนี้ไป
กึก! ปัง!
ประตูถูกกระชากเปิด ก่อนจะกระแทกปิดอย่างแรง โดยไม่สนว่าคนด้านในจะได้ยิน
ผมวิ่งกลับเข้าห้องของตัวเอง ปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนคว่ำบนเตียง ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับคนบ้า ขณะเดียวกันก็ใช้มือทั้งสองข้างปิดหูเอาไว้ ผมไม่อยากมองเห็นหรือได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่ทั้งภาพและเสียงยังคงชัดเจนราวกับทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
ทำไมถึงทำแบบนี้! ทำไม!
ทั้งที่เคยบอกว่ารักผม ทั้งที่เคยจูบกันและสัมผัสร่างกายของผมราวกับต้องการซะขนาดนั้น แต่กลับไปทำมันกับคนอื่น มันเจ็บยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าพี่กฤษนอกใจซะอีก
ถึงจะพยายามบอกตัวเองแค่ไหนว่ามันเป็นแค่เซ็กส์...เซ็กส์ในโลกของผู้ใหญ่พี่ผมพยายามทำความเข้าใจ แต่คงยอมรับมันไม่ได้ง่ายๆ เซ็กส์ที่แม้แต่ผมเองยังสนุกไปกับมัน แต่กลับปฏิเสธที่จะให้คนที่ผมรักทำกับคนอื่น
เกลียด!
เกลียดตัวเองชะมัด!
เมื่อไหร่นะผมถึงจะโต ถึงจะเข้าใจโลกของผู้ใหญ่...เมื่อไหร่ที่ผมจะกำจัดความรู้สึกเจ็บบ้าๆ นี่ และเลิกโง่งมกับความรักได้สักที!
“เด็กน้อยของพ่อหลับไปซะแล้ว”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อาจจะสิบห้านาที ครึ่งชั่วโมง หรือหนึ่งชั่วโมงที่ผมร้องไห้จนงีบหลับไป ก่อนที่เสียงกระซิบทุ้มต่ำนุ่มนวลของพ่อดังปลุกผมเบาๆ ที่ข้างหู
“กี่โมงแล้วครับ ไหนบอกว่ากินข้าวอิ่มแล้วจะลงโทษธารไง” ผมไม่รีรอที่จะยื่นมือขึ้นโอบกอดบ่ากว้าง แล้วซบหน้าเข้ารับไออุ่นจากอกของพ่อ สัมผัสของพ่อทำให้จิตใจของผมสงบลงได้เสมอ
“ฮึๆ” พ่อหัวเราะในลำคอ “ขี้อ้อนจริงนะเรา อยากโดนพ่อลงโทษนักรึไง”
“ก็อยู่ที่ว่าพ่อจะลงโทษธารแบบไหน...” ผมพูดเสียงอู้อี้ “ลงโทษแบบที่ธารชอบได้ไหม”
พ่อทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียง ก่อนจะดึงแขนทั้งสองข้างของผมออกอย่างนุ่มนวล “ห้าทุ่มแล้วครับ ถ้าง่วงแล้วก็นอนดีไหม ไว้พ่อค่อยลงโทษพรุ่งนี้ก็ได้”
“ธารยังไม่ง่วง” ผมคว้าชายเสื้อยืดสีขาวของพ่อเลิกขึ้นอย่างดึงดัน แต่พ่อกลับกุมมือของผมไว้ไม่ยอมให้ผมถอดเสื้อออกง่ายๆ
“เป็นอะไรไปครับ วันนี้ดูแปลกๆ นะ”
ผมก็แค่...อยากลบภาพที่ยังตามหลอกหลอนผมแม้แต่ในฝันออกไปจากหัวสักที
“พ่อเหนื่อยเหรอครับ ไม่อยากทำเหรอ”
“พ่อไม่อยากทำเพราะเห็นเราง่วงต่างหาก”
“แต่ธารอยากทำ...นะ...นะครับ” ผมอ้อน
ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากนอกหน้าต่างส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา ผมเห็นได้เลือนรางว่าพ่อส่งยิ้มบางมาให้ พร้อมกับที่มือข้างหนึ่งยื่นมาลูบหัวผมเบาๆ
“ถ้าอยากทำก็ถอดเสื้อผ้าออกสิ”
60%
v
v
“ถ้าอยากทำก็ถอดเสื้อผ้าออกสิ”
ใบหน้าของผมเริ่มเห่อร้อนเมื่อถูกพ่อจ้องมองด้วยสายตาวับวาว แต่ผมก็เลือกที่จะข่มความอาย แล้วปลดกระดุมชุดนอนออก ถอดเสื้อทิ้งไป แล้วเลื่อนมือลงดึงกางเกงขายาวพร้อมกับอันเดอร์แวร์หลุดจากเท้า ปล่อยให้มันตกลงบนพื้นห้อง
พ่อดันไหล่ทั้งสองข้างของผมให้เอนตัวลงนอน แล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมทั้งที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ก่อนที่พ่อจะกดจูบลงบนหน้าผากผม เลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปาก สัมผัสเพียงแผ่วเบาแล้วผละห่าง
“เปิดไฟนะครับ พ่ออยากเห็นเราชัดๆ” พ่อกระซิบบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง แต่ผมรีบคว้ามือข้างนั้นไว้
“ไม่เอานะ ธารชอบแบบนี้มากกว่า”
ผมโกหก...เวลาที่แสงสีส้มจากโคมไฟส่องกระทบร่างกายของพ่อ มันดูเร่าร้อนจนผมแทบละลาย ยิ่งได้เห็นกล้ามเนื้อที่เบียดชิดลงมาบนตัวผม กับสีหน้าที่ราวกับอยากจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัว ยิ่งทำให้เซ็กส์ของพ่อร้อนแรงขึ้นหลายเท่า แน่นอนว่าผมชอบมัน แต่ที่ไม่อยากเปิดไฟเพราะกลัวว่าพ่อจะเห็น ว่าดวงตาของผมบวมช้ำมากแค่ไหน
“ก็ได้ครับ” พ่อบอกอย่างเอาใจ แล้วเลื่อนมือลงไปดึงลิ้นชักโต๊ะแทน หยิบเจลหล่อลื่นออกมา บีบมันลงบนฝ่ามือข้างขวา ก่อนจะโยนกลับไว้ที่เดิม
จากนั้น...
------------------------------CUT NC-----------------------------
สารบัญ NC อยู่ในโน้ตเพจ Pie2Na นะครับ (ซ้ายมือมีให้คลิกโน้ต) >>คลิก<<
...สุดท้ายพ่อก็ไม่ได้ทำมัน และไม่รู้ว่าผมต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ถึงจะได้เรียนรู้เซ็กส์ในแบบของผู้ใหญ่สักที
“พ่อรักธารนะครับ”
“ธารก็รักพ่อนะ”
มือใหญ่โตของพ่อลูบเบาๆ บนหัวผม ก่อนจะพลิกตัวนอนลงข้างๆ แล้วดึงผมเข้าไปกอด “นอนนะครับคนดี” เสียงทุ้มๆ ของพ่อกระซิบบอกใกล้หู
“นอนทั้งอย่างนี้เลยเหรอครับ” ผมถามเพราะตัวเราเปรอะเปื้อนไปหมด และตอนนี้ก็คงจะเลอะผ้านวมกับผ้าปูเตียงด้วย ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดแล้วเห็นเข้าจะคิดยังไง
“ไม่ชอบเหรอ ได้อารมณ์หวิวดีออก” พ่อกดจูบบนหัวผม
“ก็ดีครับ” ผมยิ้มบอก ลูบฝ่ามือลงบนหน้าอกแข็งแกร่งที่มีเสื้อยืดสีขาวกั้นอยู่ จนถึงตอนนี้พ่อก็ไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออก จึงมีเพียงแต่ผมคนเดียวที่เปลือยกายล่อนจ้อน
“อย่าซนสิครับ เดี๋ยวก็เหนื่อยอีกรอบหรอก”
“พ่ออะ”
“ฮึๆ” พ่อหัวเราะขำในลำคอ
ผ่านไปพักใหญ่ห้องก็ตกเข้าสู่ความเงียบ หน้าอกของพ่อกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะคงที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังหลับสนิท วันนี้คงทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ไหนจะต้องปวดหัวกับลูกชายดื้อๆ อย่างผมอีก
ผมถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ อาจเพราะเพิ่งตื่นเลยยังไม่รู้สึกง่วง พยายามข่มตาหลับแต่ภาพคนสองคนที่กอดรัดแทบจะกลืนเป็นร่างเดียวกลับโผล่เข้ามาในความคิด หัวสมองของผมว่างเปล่าแค่เฉพาะตอนมีเซ็กส์กับพ่อเท่านั้น แม้ว่ามันจะดีแค่ไหน แต่พอต้องกลับมาอยู่กับตัวเอง ภาพนั้นก็ย้อนกลับมาอีก ถ้าเมื่อกี้ผมทำให้ตัวเองเหนื่อยจนสลบไปเลยก็คงดี
ผมยกแขนพ่อออกจากเอวแล้วค่อยๆ ลุกจากเตียง ใช้ทิชชูเช็ดทำความสะอาดร่างกายลวกๆ แล้วหยิบชุดนอนที่วางเพ่นพ่านอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม ก่อนจะย่างเท้าไปที่ประตูห้องอย่างเงียบกริบ คิดว่าจะลงไปชั้นล่างเพื่อหาเหล้าแรงๆ ดื่มให้หยุดคิดฟุ้งซ่าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วพบกับพี่กายที่กำลังยืนเอนหลังพิงกำแพง เล่นมือถืออยู่หน้าห้องพี่ภู
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ เก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วเอ่ยทัก “ไง เสียงดังจังนะ ดังจนพี่ตื่นเลย”
“.....”
“เวลาแม่นายกับไอ้ภูอยู่บ้าน ไม่ได้ยินบ้างเลยเหรอ”
“หมายถึงอะไร”
“อ่อ...แม่ไม่ค่อยอยู่บ้านนี่นา ภูมันก็กลับดึกแทบทุกคืน พวกแม่บ้านก็ไม่ค่อยขึ้นมาชั้นบน” เขาพูดแล้วพยักหน้าเออออกับตัวเอง “คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน หรือไม่...ก็ไปทำกันในห้องน้ำสิ เก็บเสียงดี”
....!!!
Pie2Na
เมื่อคืนวานไม่ได้มาอัพเพราะตันครับ กะว่าสั้นๆอัพทันแน่ แต่เขียนไม่ออกจริงๆ
ไม่ชอบเขียนฉาก NC เลย เขียนยากมาก TT__TT
แต่!! ยังไงธารมันต้องเสียตัวคืนนี้แหละ ไม่ฟันธงแล้วกันว่าตอนหน้าจะมี NC รึเปล่า
เพราะกลัวเนื้อเรื่องมันจะยืดเยื้อ แต่สปอยล์แรงๆ ไปเลยว่า ทีมพี่ภูฟินแน่ๆ ^__^
ไว้เจอกันนะครับ ฝากเม้นด้วยน้า ขอบคุณและฝันดี
เออเรื่องแท็ก ถ้าโพสต์ในเฟสบุ๊ค ตั้งค่าพลับบลิชด้วยซี พี่มองไม่เห็นนน
และอย่าลืมพูดคุยถึงเรื่องนี้ แอบนินทาพี่กฤษ ธาร อติณ พี่ภู พ่อตะวัน ใครก็แล้วแต่!
ติดแท็ก #ฮาเร็มของธาร ในเฟสบุ๊คกับทวิสเตอร์นะครับบบ
ชอบเรื่องนี้ กด โหวตให้ดาว ที่รูปอติณ กดAdd Favที่รูปพี่ภูครับ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กายแรงเนาะ แต่งงกับธารเหมือนกันนะปากบอกรักพี่ภู แต่ก็หวงพ่อตะวัน คือยังไงอะอันนี้ไม่เก็ท
ncในไหนอ่าไรท์
ที่อยากให้รู้คืออีตาภู ไม่ใช่อีนี่ พูดจาน่าตบจริง(อุ้ย ของขึ้น)
นี่ขนาดไรท์ไม่ถนัดยังเขียนได้ขนาดนี้ถ้าถนัดเลือดคนอ่านคงหมดตัวเป็นแน่แท้
ว่าธารยั่วแล้ว ไรท์แม่งยั่วกว่าธารอีกอะ สปอยมาซะโอ้ยยจะทนรอไม่ไหวละ
มาต่อไวๆเลยนะ รับผิดชอบเลยย จะคลั่งตายแล้วว
แต่ฉากคัทคือเรียกเลือดมากเลยนะคะ อ่านแล้วแทบจะเอาทิชชู่มาอุดจมูก (ฮาาา) คุณพ่อร้อนแรงมากกกกกก (บวก ก ไก่ไปสิบล้านตัว) ขนาดไรท์บอกเขียนยาก แต่ก็เขียนออกมาดีเลยน๊าาา สู้ๆ นะคะ รอติดตามอยู่เน้อ ^^
เคะได้เคะน่าจะฟินนะจ้ะ
(หรือเรื่องนี้หักมุม พี่ภูเคะ
กายเมะ-.,-) //โดนกระทืบ
รอต่อจ้าา มาไวๆเด้ออ
ขอบคุณน้าาาา กำลังใจเพียบบ
พ่อตะวัน คือ รักที่อยู่เคียงข้างตลอดเวลา ชัดเจน แต่สัมผัสไม่ได้
พี่กฤษ คือ ตัวแทนตัวตายของพี่ภูที่ถูกเขี่ยตกเวทีเพราะตัวจริงกลับมา และตอนนี้เป็นแค่ของเล่นของธาร
พี่อติณ คือ ดีงามสำหรับเรา55555 แต่ยังไม่กล้าเชียร์ลงขัน เพราะยังรู้จักไม่ดีพอ
น้องตุลย์ คือ ความสบายใจหนึ่งเดียวในเรื่องนี้
ชอบการผูกปมของนักเขียนมากเลยค่ะ
รออ่านส่วนที่เหลือค่ะ