ตอนที่ 20 : Chapter 11 : ต่างสถานที่ ต่างเวลา ต่างความรู้สึก? (Still the same?) 50%
Chapter 11 : ต่างสถานที่ ต่างเวลา ต่างความรู้สึก? (Still the same?)
แม้เวณิกาไม่อยากเชื่อว่า ชาลี เด็กชายชาวอเมริกันตัวสูงผอมเก้งก้างที่เธอเคยรู้จักเมื่อหลายปีก่อน กับชาร์ลส์ แอชตัน วินเทอร์ เจ้าของโรงแรมหรูในลาสเวกัส มหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลก ผู้แสนหล่อเหลาตระการตา หุ่นล่ำ ทรงอำนาจ และเร่าร้อนด้วยเสน่ห์ดิบๆแบบบุรุษเพศคือคนคนเดียวกัน แต่มันก็เป็นไปแล้ว
และเขาทั้งร้ายกาจ แถมเจ้าเล่ห์ขึ้นมากเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว เวณิกาอยากได้ชาลีคนเดิมที่น่ารักและตลกกว่าผู้ชายบ้าอำนาจคนนี้กลับมาจริงๆ
“ผมรู้ว่าคุณโกรธมากที่ผมไม่ได้ไปพบตามสัญญาในปีที่ห้า และจากวันนั้นเราก็ไม่ได้พบกันอีกเลย” ชาร์ลส์มองด้วยแววตาเว้าวอน น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเปี่ยมความจริงใจ “เราสองคนอาจเล่นสนุกกับโชคชะตามากเกินไปโดยไม่ยอมขอข้อมูลไว้ติดต่อกัน แต่ทุกปีเราก็ยังได้พบกันเหมือนเดิม ไม่มีปีไหนผิดพลาด มันทำให้เรายิ่งคึกคะนองตามประสาวัยรุ่นและอยากทดสอบโชคชะตาต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายโชคชะตาก็ให้บทเรียนกับเราบ้าง โชคชะตาทำให้เราคลาดกันไปสิบเอ็ดปี จนไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะได้กลับมาพบกันอีก นี่อาจเป็นโอกาสแก้ตัวครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย คุณจะปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆเหรอเวย์”
แค่สบตาหญิงสาว เขาก็รู้ว่าเธอยังรู้สึกเหมือนเดิมเช่นเดียวกัน กาลเวลาไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย มันอาจเบาบางลงเมื่อห่างกัน แต่ไม่เคยสูญสลาย เมื่อได้พบ ได้เห็นหน้า สบตาอย่างลึกซึ้ง ทุกอย่างก็กลับมายังจุดเดิมได้อย่างรวดเร็ว
เวณิกานิ่งงัน รู้สึกร้อนผ่าวตรงขอบตา หญิงสาวเม้มริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์อันอ่อนไหว แพขนตาหนาหลุบต่ำ ยิ่งนึกถึงวันวาน น้ำตายิ่งพานจะไหลออกมาให้ได้ ชาร์ลส์พูดถูก เธอไม่เคยลืมเรื่องราวดีๆและความผูกพันระหว่างกันตลอดสี่ปีที่รู้จัก จดจำได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน อยากจะลบลืมออกจากสมอง แต่มันก็ยังไม่เลือนรางไปไหน ไม่รู้ทำไมเขาถึงมีอิทธิพลกับเธอมากขนาดนี้
“แล้วปีนั้นคุณหายไปไหน ทำไมถึงไม่มาตามสัญญา” เธอตัดพ้อ รู้ว่าตัวเองงี่เง่าที่โกรธ เพราะชาร์ลส์อาจมีเหตุให้มาไม่ได้จริงๆ ที่สำคัญการแต่งงานของเขาบ่งบอกว่าเรื่องราวในอดีตของเธอกับเขาเป็นเพียงความทรงจำอันน่าประทับใจเท่านั้น เขาจึงเลือกอยู่กับปัจจุบัน เริ่มต้นชีวิตคู่กับผู้หญิงที่เขารักและพร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันในอนาคต
เธออดงุนงงไม่ได้ที่ชายหนุ่มพูดเหมือนรอคอยจะพบมาตลอด ทั้งที่ไม่ใช่!
“เรื่องมันยาวมาก ผมอยากนั่งคุยดีๆ ไม่ใช่ยืนเล่าบนฟุตบาธอย่างนี้” ดวงตาสีเทาทอดมองอ่อนโยน
หญิงสาวชั่งใจว่าควรจะฟังเหตุผลของเขาหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากรู้ แต่อีกใจที่ยังเคืองอยู่บอกให้ปฏิเสธ
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เรื่องตอนเด็กก็ส่วนเรื่องตอนเด็ก มันจบไปแล้ว ตอนนี้เราสองคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ไม่มีทางสานสัมพันธ์ต่อได้” เธอควรอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีต!
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เรื่องตอนเด็กมันสำคัญมากต่างหาก มันทำให้เราสานสัมพันธ์ต่อได้ง่ายขึ้น” ถ้าเธอพูดว่าระหว่างรู้จักกันไม่รู้สึกผูกพันเลยสักนิด เขาจะไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะไม่มีทางที่คนรู้จักกันสี่ปีจะไม่รู้สึกอย่างนั้น แม้ว่าแต่ละปีจะเจอกันแค่เดือนกว่าๆก็ตาม
“แดดดี๊กับพี่เวย์คุยอะไรกันคะ หนูไม่เห็นเข้าใจเลย” คนตัวเล็กเอ่ยแทรกพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“แดดดี๊กำลังขอให้พี่เวย์มาเป็นหม่ามี้ของแองจี้ไวๆไงคะ” ชาร์ลส์หันไปยิ้มให้ลูกสาว เรื่องที่เขากับเวณิกาคุยกันคงซับซ้อนเกินกว่าเด็กห้าขวบจะตามทันจริงๆ
“คุณนี่จริงๆเลยนะ จะให้ฉันยอมเล่นละครให้ได้เลยใช่ไหม” เวณิกาถอนหายใจพรืด
“แน่นอน คนอย่างผมพูดแล้วไม่คืนคำ”
“ตกลงคุณอยากสานสัมพันธ์ต่อ หรือแค่อยากให้ฉันเล่นละครเพื่อทำให้…” ดวงตากลมโตเลื่อนไปมองแองจี้ “มีความสุข”
“ทั้งสองอย่าง” ชาร์ลส์เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วจึงตัดสินใจบอกอย่างเปิดเผย “โอเค เอาตรงๆเลยนะ ที่ผมวางแผนขอคุณแต่งงานนี่ก็เพื่อหาทางอยู่ใกล้ชิดคุณและสานต่อความสัมพันธ์ของเรา แล้วบังเอิญแองจี้ก็อยากให้คุณมาเป็นแม่ของแกพอดี”
“ถ้าตอนนี้ภรรยาของคุณยังอยู่ คุณจะยังตื๊อฉันแบบนี้ไหม” เวณิกาถามแบบไม่อ้อมค้อม
“อย่าพาลสิเวย์ ผมบอกแล้วว่าเรื่องมันยาว แต่ถ้าคุณได้ฟัง คุณจะเข้าใจทุกอย่าง” ชาร์ลส์ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เขารู้ว่าเวลาไหนควรแสดงอำนาจ เวลาไหนควรโอนอ่อนผ่อนตาม
“ไม่ละค่ะ”
“น่าเสียดายนะถ้าเราจะจากกันไปเฉยๆ ทั้งที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเหมาะเจาะเหมือนใครบางคนบนฟ้ากำหนดไว้แล้ว ที่สำคัญการที่คุณยังใส่สร้อยข้อมือไพลินที่ผมให้ไว้ แสดงว่าคุณไม่เคยลืมเรื่องราวระหว่างเราเลย ผมพูดถูกใช่ไหม” ชาร์ลส์เชื่อในเรื่องพรหมลิขิต และเชื่อความรู้สึก เขาไม่รู้จะอธิบายยังไง เวณิกามีแรงดึงดูดเกินกว่าหัวใจจะต้านทานได้ เธอเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข หัวใจเขาเต้นในจังหวะที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่ออยู่กับเวณิกา และเขาก็ไม่รู้สึกฝืนตัวเองเมื่ออยู่กับหญิงสาว
เธอคือ ‘คนที่ใช่’ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
“แต่ตอนนี้ฉันถอดมันออกแล้ว”
“การจะใส่หรือไม่ใส่มันไม่สำคัญหรอก ถอดออกแล้วไม่ได้หมายความว่าคุณจะลืมความทรงจำของเราได้ทันที ใจคุณรู้ดีว่าความรู้สึกของตัวเองตอนนี้เป็นยังไง คุณเชื่อในพรหมลิขิตเหมือนกัน ผมรู้ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เล่นกับโชคชะตาโดยไม่เคยขอข้อมูลติดต่อกันเลย เพราะเราต่างคนต่างเชื่อว่าถ้ามีวาสนาต่อกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องได้เจอ”
“ฉันจะกำหนดชีวิตตัวเอง ไม่ใช่ให้ฟ้ากำหนด” เวณิกาเชิดหน้าเอ่ยอย่างทระนง ยอมรับว่าเขาเป็นนักโน้มน้าวที่เก่งมากจนเธอเกือบจะเผลอคล้อยตาม
“หมายความว่าคุณจะรับข้อเสนอของผม?” คิ้วหนาเลิกสูงขึ้นเชิงถาม
“เปล่า”
“คุณจะปฏิเสธ?” ดวงตาสีควันบุหรี่มีประกายบางอย่างที่ทำให้ใจสั่นหวั่นไหวเมื่อสบตา
“เปล่า” เวณิกาเสมองไปทางอื่น ยิ่งอยู่ใกล้ ความหล่อเหลาและร้อนแรงของเขายิ่งมีอิทธิพลจนยากจะต้านทาน น่าเจ็บใจนัก!
“แล้วคุณหมายความว่ายังไง” ไปๆมาๆชาร์ลส์เป็นฝ่ายงงเสียเอง นี่สินะที่ว่ากันว่าผู้หญิงเป็นเพศที่คาดเดาได้ยากที่สุด
“ฉันอยากไปตัดสินใจก่อนหนึ่งวัน” เวณิกาหาทางปลีกตัวจากชายหนุ่ม เพราะถ้าคุยกันต่อยังไงก็ไม่ได้ข้อสรุปง่ายๆ
“ว่าไงนะ? ผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหม” เขาคิดว่าเวณิกาจะยืนกรานไม่รับเงื่อนไข แต่กลายเป็นว่าเธอจะเอาไปพิจารณาแทน
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบ แค่บอกว่าจะเอาไปคิด” จริงๆไม่ต้องคิดก็มีคำตอบแล้ว
“ได้ครับ ผมให้เวลาคุณคิดหนึ่งวัน” เขายิ้มอย่างพึงพอใจที่หญิงสาวไม่ตัดรอนเสียทีเดียว “พรุ่งนี้ผมจะรอฟังคำตอบ”
“ค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เวณิกากำลังจะเดินออกมา แต่ขาก็ชะงักเมื่อเสียงทุ้มห้าวเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวเวย์ จะไม่ไปกินไอติมด้วยกันจริงเหรอ”
หญิงสาวกลอกตาขึ้นฟ้าและหันกลับไปมอง “นึกว่าจะลืมไปแล้วซะอีก”
ชาร์ลส์ไม่ตอบ เขายิ้มหวาน และสบตาเธอราวจะสะกดให้ใจอ่อน
“พี่เวย์ไปด้วยกันนะค้า ถ้าพี่เวย์ไม่ไป หนูไม่ได้ตุ๊กตาบาร์บี้ตัวใหม่แน่เลย ไปนะคะพี่เวย์” คนตัวเล็กอ้อนใหญ่ ดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกายไร้เดียงสา
เวณิกาอึกอัก เห็นหน้าเด็กน้อยแล้วใจอ่อนยวบ คิดแล้วก็น่าโกรธชาร์ลส์ที่ใช้เด็กบริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ
“คุณจะทำให้แองจี้เสียเด็กนะคะ” เธอหันไปตำหนิคนเป็นพ่อ
“ผมก็แค่ให้รางวัลลูกเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เสียหายเลย คุณซีเรียสเกินไปไหมเวย์” ชาร์ลส์ยังหัวเราะได้
“แต่ถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ อนาคตไม่ดีแน่ มันจะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เด็กจนติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว ต่อไปถ้าคุณไม่มีรางวัลให้ แกก็จะไม่ยอมทำอะไรเลย” ถึงเธอจะไม่เคยมีลูกเป็นของตัวเอง แต่ก็รู้ว่านี่เป็นวิธีเลี้ยงลูกที่ผิดมาก
“ผมเลี้ยงลูกไม่เป็นนี่นา คุณมาช่วยหน่อยสิ” ชาร์ลส์ฉวยโอกาสตีเนียน
เวณิกาหมั่นไส้เขาเหลือทน “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันต้องไปแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะให้คำตอบคุณแล้วกัน ไม่ต้องตามมานะ” เธอตัดบท ก่อนจะเดินเชิดออกมาพลางถอนหายใจโล่งอกที่ในที่สุดหาทางปลีกตัวได้
“อย่าลืมสัญญานะ” เสียงของชาร์ลส์ดังตามมา แต่หญิงสาวก็ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
ดินเนอร์ของเวณิกาจบลงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนถนนสตริป ใจจริงเธออยากเลือกร้านที่สงบหน่อย แต่สำหรับลาสเวกัสที่มีฉายาว่าเมืองแห่งบาป การมองหาความสงบเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าหาบ่อน้ำกลางทะเลทราย
อ้อ ยกเว้นจะอยู่ในห้องพักของตัวเอง
หญิงสาวนั่งทานสเต๊กแซลมอนกับสลัดซีซาร์ซึ่งสั่งมาพลางพยายามทอดอารมณ์ไปกับเสียงเพลงสนุกสนาน ทว่ายังมีเรื่องชาร์ลส์รบกวนจิตใจไม่หายมาตั้งแต่ช่วงกลางวัน เลยไม่ค่อยจะเบิกบานตามเพลงเท่าไหร่
ข้อเสนอของเขาน่าสนใจจริงๆให้ตายเถอะ!
แม้ปากเธอจะบอกว่าไม่ แต่ใจอดคิดเสียดายไม่ได้
จริงๆนะ!
แต่ชาร์ลส์คือ ‘ความผิดพลาด’ ที่ต้องลบออกจากชีวิตภายในสองสัปดาห์ก่อนกลับเมืองไทย เธอต้องหนีเขาสิ ไม่ใช่เดินเข้าไปหา
โอ๊ย! อุตส่าห์จะมาพักร้อนแบบสบายๆ แต่กลับมีเรื่องให้คิดหนัก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ยอมดื่มเหล้าตามที่รัญชิดาคะยั้นคะยอเลย ถ้าไม่เมา เธอก็คงไม่ต้องตกเป็นของผู้ชายเผด็จการอย่างชาร์ลส์ แอชตัน วินเทอร์!
ถ้าไม่รับข้อเสนอของชายหนุ่ม เขาคงตามติดยิ่งกว่าเงาจนเที่ยวไม่สนุก แต่ถึงรับก็ไม่ได้การันตีว่าจะสบายใจเหมือนกัน เอาไงดีนะ
เวณิกาเคี้ยวสเต๊กแซลมอนรสเลิศไปครุ่นคิดไป คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว แล้วจู่ๆก็นึกถึงสุภาษิตไทยอันหนึ่งขึ้นมา เขาว่ากันว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง หรือว่าเธอจะใช้แผนนี้ดี
สมองของหญิงสาวสว่างวาบเมื่อปิ๊งไอเดียเด็ด ไหนๆความบริสุทธิ์ที่เสียไปก็เรียกกลับมาไม่ได้แล้ว พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสน่าจะดีกว่า เพราะหนีไปก็เหนื่อยเปล่า คนมีอิทธิพลอย่างเขาไม่มีทางตามหาเธอไม่เจอ
เอาน่ายัยเวย์ พักฟรี กินฟรี เที่ยวฟรี พร้อมโบนัสอีกสามล้าน ใช่! ตั้งสามล้านเลยนะ!
เธอจะหาเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ได้ที่ไหนในเวลาอันรวดเร็ว นี่เขาเรียกว่าลาภลอยชัดๆ แม้จะหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีแค่ไหน แต่ก็ยอมรับแบบไม่อายว่าสั่นคลอนกับข้อเสนอไปไม่น้อย เพราะเงินสามล้านจะทำให้เธอเป็นอิสระจากใครบางคนที่เมืองไทยเร็วขึ้นด้วย
ในเมื่อชาร์ลส์อยากให้เล่นพ่อแม่ลูกนัก เธอก็ตกลงเสียเลย งานนี้มีแต่ได้กับได้ อีกอย่างอดกลัวไม่ได้ที่ชายหนุ่มขู่ว่าจะรายงานพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเธอให้ธนัท เจ้าของโรงแรมดุจวิมานที่เธอทำงานอยู่รู้ เพราะแม้ว่าชาร์ลส์จะปั้นน้ำเป็นตัวแค่ไหน แต่การที่ชายหนุ่มรู้จักธนัทเป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าคำพูดของเขาคงมีน้ำหนักมากกว่าเธอที่เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ
เธอไม่ยอมหลุดจากตำแหน่งหรอกนะ ยังไงก็ต้องรักษาหน้าที่การงานซึ่งเป็นความใฝ่ฝันแต่เด็กไว้ให้ได้ เพราะงั้นตกลงตามที่เขาต้องการดูจะเป็นทางเลือกที่สมควรที่สุด
แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำตัวเป็นลูกแมวเชื่องๆให้เขาจับจูงไปทางไหนก็ได้ งานนี้ต้องมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ และแน่นอนว่าเธอจะเขียนเอง เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคนลอบจัด!
เอาละ ตกลงตามนี้ เธอตัดสินใจแล้ว
เวณิกาบอกตัวเองอย่างหนักแน่น ดวงตากลมโตเป็นประกายแรงกล้า งานนี้เธอจะไม่ยอมเสียตัวฟรีๆ!
ฝากผลงานอีบุ๊กทั้งสองเรื่องด้วยจ้า
![]() |
|
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
