ตอนที่ 10 : บทที่3 (2)
วางจำหน่ายทางอีบุ๊กแล้วค่ะ
แพรแก้วมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้า วันนี้เธอมาเองโดยโทรไปบอกรติมาล่วงหน้าแล้วว่าไม่ต้องขับรถมารับเพราะเธอออกจากบ้านแต่เช้า อีกอย่างไม่อยากเป็นภาระให้เพื่อนสาวเพราะการที่เธอรีบออกเช่นนี้รติมาจะต้องเร่งเวลากว่าเดิมอีกเท่าตัว
ดวงตากลมโตกวาดสายตาตรวจงานที่เพียรจดเมื่อคืนอย่างละเอียดถี่ถ้วน คำพูดร้ายกาจเมื่อคืนของแดเนียลยังคงวนเวียนกัดกินใจเธอจนถึงตอนนี้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเก็บคำพูดพวกนั้นมาทำร้ายตัวเองด้วย อาจเพราะเขาสะกิดแผลใหญ่ในใจมันเป็นปมด้อยที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด ไม่น่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าคนที่เคยเจอหน้ากันครั้งแรกอย่างชายหนุ่มจะมาเป็นห่วงเป็นใยเธอ ช่างน่าสมเพชจริงๆ นะแพรแก้ว
“อ้าวน้องแพร มาทำงานแต่เช้าเลยนะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตามเสียงทักแล้วพบว่าคืออารียาพี่คนที่คอยฝึกงานให้เธอนั่นเอง
“สวัสดีค่ะพี่อิน แพรรีบมาตรวจรายละเอียดโครงการใหม่น่ะค่ะ กลัวจะมีอะไรผิดพลาดเพราะเขียนมือด้วย” ยกมือไหว้คนอายุมากกว่าแล้วอธิบายถึงเหตุผลที่จำเป็นต้องพาร่างมาทำงานแต่เช้าตรู่
“จริงสิ…พี่ก็ลืมบอกแพรไปว่าเครื่องปริ้นเตอร์นี่มันเสียอยู่ ถ้าจะปริ้นให้ไปปริ้นที่โต๊ะพี่ก็ได้ แล้วนี่อย่าบอกนะว่านั่งจดรายละเอียดทั้งหมดเองเลยเหรอ” ถามอย่างตกใจเพราะดูจากเอกสารที่แพรแก้วนั่งตรวจแล้วมันมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบแผ่นเห็นจะได้
“ค่ะพี่อินแพรนั่งจดทั้งวันเลย ท่านประธานเขาต้องการด่วนค่ะ” เจ้าของเสียงหวานตอบแล้วส่งยิ้มให้ “แต่แพรเอาไปไฟล์ไปปริ้นที่บ้านแล้วค่ะ ที่จดเพราะเผื่อๆ เอาไว้ กลัวมันจะมีอะไรผิดพลาด”
“พี่โทรให้ช่างเขามาตรวจแล้วแต่ไม่รู้จะมาตอนไหน ถ้ายังไงแพรจะใช้เครื่องปริ้นเตอร์ไปหาพี่ที่โต๊ะนะ ว่าแต่...วันแรกท่านประธานก็ให้งานชิ้นใหญ่แบบนี้เลยเหรอ” อารียาถามเบาอย่างสงสัย แต่ถึงกระนั้นบุคคลที่สามที่เพิ่งเดินเข้ามาในวงสนทนากับได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน
“แล้วการที่ผมต้องการให้เลขาคนใหม่ที่เพิ่งมาทำงานวันแรกหารายละเอียดโครงการนี้มันผิดตรงไหน ?” เสียงเข้มจากทางด้านหลังทำเอาหญิงสาวทั้งสองเสียวสันหลังวาบ อารียาแทบยืนไม่อยู่เมื่อหันไปมองเจ้าของเสียง ดวงตาคมเข้มทอดมองมาอย่างไม่พอใจทำเอาขนลุกซู่
“ท่านประธานเอ่อ...ขอประทานโทษค่ะ” รีบก้มหัวขอโทษขอโพยเสียงสั่น
“ท่าทางคุณอาจจะอยากเปลี่ยนตำแหน่งจากเลขาผู้จัดการไปเป็นสาวประชาสัมพันธ์นะ ชอบซักถามไม่ใช่เหรอ” แววตาดุดันจ้องมองเลขารองประธานอย่างตำหนิติเตียน “อย่าให้มีครั้งหน้าอีก ไปทำงานได้แล้ว”
“ค่ะๆ ท่าน” อารียารีบกระวีกระวาดเดินออกไปจากบริเวณนี้ฉับพลัน แพรแก้วได้แต่ส่งสายมองตามไปอย่างเป็นห่วง แต่เมื่อหันกลับมาต้องรีบก้มหน้าลงอย่างประหม่าเมื่อเห็นว่าแดเนียลยืนจ้องหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอไม่กล้าสบตาเขาอีกเลยเขาอาจจะมองเธออย่างสมเพชที่ดันไปทึกทักเอาเองว่าเขาเป็นห่วงเธอ
“ตามฉันมา เอางานที่สั่งเมื่อวานเข้ามาด้วยหวังว่าคงเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ” ชายหนุ่มสั่งสั้นๆ แล้วเดินเข้าห้องไป แพรแก้วรีบหอบแฟ้มที่มีเอกสารที่ตรวจตราอย่างมั่นใจแล้วตามเข้าไปทันที
วางแฟ้มรายละเอียดที่ดินโครงการใหม่ตามที่เขาสั่งไว้บนโต๊ะ และก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าวยืนกุมมือที่หน้าท้องอย่างเรียบร้อย “รายละเอียดทั้งหมด ดิฉันรวบรวมมาให้แล้วค่ะท่านประธาน”
“อืม ออกไปได้แล้ว” เขาตอบโดยไม่ได้เงยหน้ามองเธอแพรแก้วเป่าปากอย่างโล่งใจก่อนจะโค้งศีรษะลงเล็กน้อยค่อยๆ ก้าวเดินออกจากห้องไปด้วยความหวังที่เริ่มสว่างขึ้น
สรุปแล้ว...เธอเป็นเลขาของผู้บริหารเต็มตัวแล้วสินะ แม้จะแปลกใจและพยายามตั้งรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แทบไม่ทันก็ตาม แต่นี่ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เรียนจบ
-----------------------------------------------------------------------
สนามบินเชียงใหม่
แพรแก้วพยายามเร่งฝีเท้าตามร่างสูงที่เดินนำไปก่อน ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วที่เธอพยายามระงับความตื่นเต้นเอาไว้ข้างใน นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองขึ้นเครื่องบินทั้งกลัวทั้งประหม่าไปในเวลาเดียวกัน ที่นั่งของแดเนียลกับเธอนั้นค่อนข้างสะดวกสบายเหมือนว่าราคาก็น่าจะแพงกว่าด้วย
ย้อนไปเมื่อห้าวันก่อน
‘เตรียมตัวด้วยล่ะ อาทิตย์หน้าต้องไปเชียงใหม่’
‘แพรด้วยเหรอคะ’
‘ก็ใช่น่ะสิ แปลกใจอะไร’
‘เปล่าค่ะ’
ตอนนี้เธอทำงานได้สองอาทิตย์กว่าๆ แล้ว ทุกอย่างราบรื่นดี แม้จะมีบางครั้งที่เกร็งๆ กับสายตาของแดเนียล เวลางานนั้นเขาดุจนเธอไม่อยากให้งานผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เขาเข้มงวดและจริงจังกับงานมากถึงมากที่สุด ไม่แปลกใจที่ชายหนุ่มจะเป็นคนขึ้นมาดูที่ดินที่จะสร้างคอนโดด้วยตัวเอง ทั้งที่ความจริงยกหน้าที่นี้ให้คนอื่นก็ได้
“ข้อที่หนึ่ง” ร่างบางหยุดชะงักเมื่อคนที่กำลังพูดถึง หยุดยืนรอเธอแถมยังจ้องหน้าแบบไม่สบอารมณ์ หญิงสาวยืนตัวลีบรับฟังคำตำหนิ “ฉันไม่ชอบคนชักช้า ทุกวินาทีของฉันมีค่า ช่วยจำไว้ด้วย !”
“ขอโทษค่ะ” แพรแก้วรีบโค้งศีรษะขอโทษทันที ภายในใจกำลังหวาดหวั่นเพราะผู้ชายคนนี้บางทีก็ดูเหมือนจะดี แต่บางครั้งก็ดูร้ายสุดขีด
โดยเฉพาะ...แววตาของเขา