คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : บทที่4 คนข้างกาย 6
“จะนอนตรงนี้ใช่ไหม” เสียงทุ้มนั้นอยู่ใกล้ๆ พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่า ธนภัทรเดินกลับมาหาเธอ ไม่รู้เพราะว่ามันมืดหรืออย่างไร ทำไมเขาถึงได้เข้ามาใกล้มากขนาดนี้ทั้งที่เธอยืนถือไฟฉายอยู่ เขาก็น่าจะมองเห็นว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้เพราะแสงสว่างมันก็น่าจะมากพอ
เธอเลือกที่จะถอยหลังออกมามากกว่าที่จะยืนทำร้ายหัวใจตัวเอง บอกตรงๆ ว่าตอนนี้เธอนอนไม่หลับแล้ว มือบางคว้ามือหนามาก่อนจะยัดไฟฉายใส่มือเขา บางทีที่ธนภัทรเดินกลับมาคงเพราะทางมันมืดเลยรอเธอ...
“พี่พีเอาไฟฉายไปเถอะค่ะ ผิงนอนไม่หลับ ว่าจะไปนั่งดูดาวตรงจุดชมวิวเสียหน่อย”
“ไปสิ ฉันว่าจะไปพอดี” พัทราวีที่เดินนำไปก่อนถึงกับหันกับมามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะผูกโบว์ได้อยู่แล้ว
“ทำไมล่ะ เธอไปได้คนเดียวหรือไง”
“...” ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร จึงได้แต่เงียบอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเธออยากจะนอนมองดาวเงียบๆ ละก็คงเดินหนีกลับไปนอนในเต็นท์แล้ว
แต่เพราะบนภูเขาสูงๆ นี่มองเห็นดวงดาวที่สว่างไสวแบบชัดเจนจนเธอไม่อยากจะละสายตา โอกาสแบบนี้หามองที่ไร่ยังไม่ได้ถึงที่ไร่จะเยอะแต่มันไม่เหมือนที่นี่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ดวงดาวที่ส่องแสงลงมา แม้ไม่สว่างเท่าดวงจันทร์แต่มันกลับทำให้ท้องฟ้ามีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“ว้าย !” มือบางรีบปิดปากตัวเองเมื่อเผลอสะดุดหินจนเกือบจะล้มหน้าคะมำ ดีที่มีอ้อมแขนของคนข้างๆ มาคว้าเอาไว้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นเธอได้กลิ้งไปกับพื้นแน่ๆ เพราะมันค่อนข้างชันพอสมควร
“เวลาเดินหัดมองทางบ้างสิ จะแหงนมองฟ้าอะไรนักหนา ค่อยไปดูตรงจุดชมวิวก็ได้อย่าสร้างปัญหาให้มากนัก ล้มไปเสียงก็ดังจะพลอยให้คนอื่นเขาตกใจจนตื่น” เสียงเข้มตำหนิเป็นชุด ทำเหมือนกับว่าเธอไปทำเรื่องอะไรร้ายแรงมาอย่างนั้นแหละ
“...” พัทราวีเม้มปากเข้าหากันแน่นบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องน้อยใจ มันเจ็บแปลบๆ ที่เขายังมองว่าเธอคือตัวปัญหาแบบนี้ ทั้งที่มันเกิดมาจากเรื่องเล็กๆ เท่าขี้มดแต่ต่อว่าเหมือนเธอไปฆ่าใคร
“ตามมาดีๆ อย่าซุ่มซ่ามอีก” คราวนี้เขาเลื่อนมากุมมือเธอเอาไว้แน่น ก่อนจะกระตุกเล็กน้อยเพื่อให้เธอเดินตาม
แต่ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่ข้อเท้าเหมือนมันพลิกเมื่อครู่
“เป็นอะไรอีก” ธนภัทรถามเสียงเข้มเหมือนเหนื่อยหน่ายกับคนอย่างเธอแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็คนมันเจ็บแค่จะก้าวขายังปวดจนน้ำตาเล็ด
“ขอโทษค่ะ เหมือนข้อเท้าจะพลิก” เธอตอบเสียงแผ่ว “ผิงเจ็บ...” มือบางกำเข้าหากันแน่นเมื่อรู้สึกว่าเมื่อครู่เสียงตัวเองช่างสั่นไหว ไม่รู้เพราเจ็บเท้าหรือเพราะอะไรกันแน่
“ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เธอนี่มัน...ตัวปัญหาชัดๆ” ถ้อยคำที่ฟังชัดแถมยังตอกย้ำลงกลางใจ ทำให้หญิงสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ขอบคุณความมืดที่ทำให้เธอมีโอกาสเช็ดน้ำตาบ้าบอนี่ออกไป เพราะอีกไม่กี่วินาทีต่อไปแสงสว่างจากไฟฉายในมือของชายหนุ่มกำลังสาดส่องมาที่เธอ
“ถือไว้ซะ” เธอรับมันมาถืออย่างว่าง่าย
“พี่พี...”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่ารำคาญ จะนอนตรงนี้หรือไงล่ะ” คนถูกตำหนิได้แต่อึ้ง ปล่อยให้ร่างสูงจัดการช้อนตัวเธออุ้มขึ้นอย่างง่ายดาย “โตจนป่านนี้แล้ว ยังทำตัววุ่นวายไม่เปลี่ยน ใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นได้ยังไงตั้งห้าปี ฉันถามจริงๆ”
“ผิงใช้ชีวิตแบบปกติทั่วๆ ไปค่ะ ไม่ได้...”
“เงียบซะรำคาญ ! แล้วก็ช่วยส่องไฟฉายดีๆ ด้วย” เขาดุเธอเสียงเข้มจนต้องรีบหุบปาก ไม่ใช่เพราะกลัวหรอกนะแต่เพราะตอนนี้เธอทำตัวไม่ถูกต่างหาก ปกติแล้วธนภัทรไม่ใช่คนใจดีถึงขนาดจะยอมลดตัวมาอุ้มเธอแบบนี้สักหน่อย
“อย่าคิดไปไกลล่ะ ฉันแค่สงสารคนขาเดี้ยงอย่างเธอเฉยๆ” เขาไขข้อกระจ่างให้เธอฟัง คงคิดว่าเธอจะคิดอะไรเข้าข้างตัวเองอย่างนั้นสินะ
ไม่หรอก...ใครจะกล้าคิด เธอไม่อยากควักหัวใจตัวเองออกมาให้ผู้ชายคนนี้เหยียบย่ำเล่นอีกแล้ว ก็แค่สงสารไม่ก็สมเพชแค่นั้น อย่าคิดอะไรเกินกว่านี้เลยพัทราวี...
“ขอบคุณค่ะ ผิงไม่กล้าคิดอย่างที่พี่พีพูดหรอก” จะรู้บ้างไหมว่าพูดไปก็เจ็บไป ไม่ได้อยากจะอยู่ในอ้อมกอดของเขาสักนิด เพราะความจริงแล้วอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้มันไม่ใช่ของเธอ เป็นของลดาวัลย์ต่างหาก เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเก็บเอาไปฝันด้วยซ้ำ
“ถ้าไอ้เจตต์เป็นคนอุ้มคงจะดีกว่าฉันสินะ”
พูดซะเสียงขึ้นจมูก ถ้าไม่ติดว่าก่อนหน้านี้เขาบอกอย่าคิดเข้าขางตัวเอง เธอคงคิดว่าธนภัทรกำลังหึงเธอกับเจตรินทร์
“ใครอุ้มที่ไม่ใช่พี่พีก็ดีหมดค่ะ เพราะพี่มีแฟนแล้วมันดูไม่ดี อีกอย่างแฟนของพี่ก็เคยเป็นเพื่อนของผิง”
“เคยเป็นเพื่อนงั้นเหรอ อ้อ...หรือเลิกคบกับฟางเพราะว่าเขาเป็นแฟนฉัน ทำไมล่ะ...ทำใจไม่ได้เหรอ” เพราะแฟนของเขามันเป็นพวกตีสองหน้าต่างหาก ถึงลดาวัลย์ไม่ได้เป็นคนรักของธรภัทรแต่เธอมาเจอนิสัยแบบนี้เข้าก็เลิกคบเหมือนกันแหละ
“ไม่เกี่ยวกับพี่พีหรอกค่ะ” กลายเป็นว่าตอนนี้เธอกำลังต่อปากต่อคำกับธนภัทรไม่หยุดหย่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเอาแต่นั่งน้อยใจที่โดนเขาพูดแรงๆ ใส่
ธนภัทรไม่ตอบอะไรกลับมาคงเพราะว่าตอนนี้กำลังวางเธอลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวๆ ตอนเช้าคนคงเยอะน่าดูเพราะพระอาทิตย์จะขึ้นฝั่งนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะตื่นทันไหมเพราะนี่ก็แทบไม่ได้นอนเลย ถ้ากลับเข้าไปในเต็นท์ก็คงหลับยาว
ไฟฉายดับลงด้วยมือของพัทราวี แอบมองชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังเอนตัวนอนลงบนพื้นไม้ โดยไม่กลัวว่าเสื้อผ้าจะเปื้อนดินสักนิด เห็นแบบนั้นเธอจึงนอนลงบ้างเพื่อจะได้มองเห็นดาวชัดๆ เท่ากับว่าตอนนี้เธอนอนอยู่สูงกว่าคนตัวโต ดีเหมือนกันถ้าต้องนอนข้างๆ เขา ความตั้งใจที่จะมาดูดาวคงเป็นหมันเพราะคงไม่มีสมาธิ
ในวันที่ชีวิตมืดมนเราจะเห็นแสงสว่างได้ชัดจริงๆ เหรอ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ ก็ยังมองเห็นใช่ไหมเหมือนกับตอนนี้ ดวงดาวที่กำลังทอแสงส่องประกายลงมาทำให้เธอคลายความเศร้าลงไปได้บ้าง
อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆ
ความคิดเห็น