คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่2 เธอเชื่อที่พี่พูดหรือเปล่า 1
2
เธอเชื่อที่พี่พูดหรือเปล่า
ความสุขในชีวิตคืออะไร ?
มันเป็นคำถามที่คทาธรสงสัยมาตลอดและยังไม่สามารถตอบได้เลยสักครั้ง อาจเพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเฉียดใกล้กับคำว่า ‘ความสุข’ อย่างแท้จริง
คราแรกเขาคิดว่าการมีทั้งเงินและอำนาจจะนำพาทุกอย่างมาให้ เพราะแบบนั้นชายหนุ่มจึงไม่รีรอที่จะถีบตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุด โดยไม่สนว่าต้องเหยียบหัวใครขึ้นไป
โลกใบนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคนอ่อนแอ คทาธรตั้งปณิธานกับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันแสดงความอ่อนแอ แม้ในวันที่สิ้นหวังก็ตาม
ชีวิตที่ผ่านมาเจอความผิดหวังมาเกือบทุกรูปแบบ หนักสุดคงเป็น ‘ความรัก’ ที่มีให้ใครคนหนึ่งอยู่ฝ่ายเดียว นึกย้อนกลับไปแล้วก็ได้แต่ยิ้มเยาะตัวเองทุกครั้ง
เขาไม่ได้เสียใจที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึกแบบนั้นกับน้องสาวตัวเอง
ใช่…เขาเคยรักพัณณิตา ผู้หญิงที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดสักหยด แม้ครอบครัวหญิงสาวจะอุปการะและให้ชีวิตใหม่แก่เขา แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกทางเดินล้วนมีแต่ขวากหนาม กว่าจะผ่านพ้นมาได้เนื้อตัวก็ถูกหนามแหลมทิ่มแทงจนเกิดเป็นแผลลึกอยู่ในใจ
เวลารักใครเขาทุ่มทั้งใจ
วันนี้น้องมีครอบครัว มีสามีที่รักเธอยิ่งกว่าทุกอย่างบนโลก มีลูกๆ ที่น่ารัก หมดสิ้นความทุกข์ที่จมอยู่หลายปี
ในวันที่ตัดใจได้พร้อมก้าวเดินต่อไปอย่างปล่อยวาง คทาธรถึงรู้ว่าที่ผ่านมาเรื่องราวระหว่างตัวเองกับพัณณิตามันอาจไม่ใช่ความรัก
มันคือความผูกพัน…
‘เพราะพี่รามเอาแต่ตามติดเพลง ลองหันมองสิ่งรอบตัวบ้างสิคะ เลิกยึดติดกับเพลงสักที’
มันคือคำพูดที่พัณณิตาเคยตวาดใส่หน้าเขาครั้งหนึ่งเพื่อเรียกสติ ตอนนั้นคทาธรไม่นึกแม้แต่จะหยิบมันขึ้นมาใส่สมอง เขายังคงหลับหูหลับตาทุ่มเทอย่างผิดที่ผิดทาง
มาคิดได้ก็ตอนนี้…
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมกับยื่นมือไปคว้าแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่เกือบครึ่งมาจรดริมฝีปาก เขาปักหลักอยู่เคาน์เตอร์บาร์ร่วมชั่วโมงแล้ว
ช่วงนี้มีหลายเรื่องให้ต้องขบคิด และมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องที่สามารถเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้
นรีจันทร์…
ผู้หญิงคนที่เป็นเพื่อนสนิทของพัณณิตา เขามักเห็นหญิงสาวตัวติดหนึบกับเพื่อนทั้งสองคน เธอไม่ใช่คนที่สวยจนสะดุดตา อาจเพราะแบบนั้นเขาจึงมองข้ามไปไม่ได้สนใจอยู่หลายปี
คทาธรไม่ปฏิเสธที่ผู้ชายจะชอบมองผู้หญิงสวยๆ เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ชอบมองอาหารตา ก็ถือว่าแฟร์ดีไม่ใช่หรือไง
หลายเดือนก่อนเขาได้รับเชิญให้ไปบรรยายหัวข้อเกี่ยวกับการเกษตรและการบริหารจัดการที่มหาวิทยาลัย ขณะนั้นเขาเห็นคนเรียกใช้นรีจันทร์ทำงานจนหัวหมุน คนนั้นชี้นิ้วสั่งอีกคนก็ป้องปากตะโกนให้ไปหา
ตอนนั้นเขาได้แต่หรี่ตามองราวกับเห็นเรื่องสนุก อยากรู้ว่าเจ้าตัวจะจัดการปัญหาเหล่านั้นยังไง
หากคนเรายอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายก็มักโดนเอารัดเอาเปรียบอยู่ร่ำไป ยกตัวอย่างสิ่งที่กำลังอยู่ในสายตาเขาตอนนั้น นรีจันทร์ยังคงวิ่งวุ่นไม่หยุด ใบหน้าหวานใสเริ่มมีหยาดเหงื่อจนไรผมเปียกชื้น
สุดท้าย…เจ้าตัวกลับถูกไล่ให้กลับไปสำนักงาน
สรุปแล้วคนพวกนั้นเรียกหญิงสาวมาใช้งานเฉยๆ
ก็น่าเอาเปรียบอยู่หรอก ในเมื่อยัยตัวเล็กทำอย่างเดียวไม่มีปากไม่มีเสียง หนำซ้ำยังยิ้มแย้มเหมือนไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไร ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ตัวเอง
แวบหนึ่งคทาธรมีความคิดว่าสาวเจ้าช่างเป็นคนประเภทที่ว่า ‘อะไรก็ได้’ ไม่มีปากไม่มีเสียงกับใครเขา
จะเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นก็ว่าได้ เพราะวันต่อๆ ไปเขาก็ยังเห็นนรีจันทร์ในรูปแบบเดิม พอถึงเวลาเลิกงาน เธอมักจะเดินไปร้านน้ำปั่นทักทายเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม พอมองออกว่าคงเป็นลูกค้าขาประจำ
ทุกครั้งที่เธอแวะซื้อของร้านไหนก็มักจะชวนเจ้าของร้านคุยอย่างไม่ถือตัว วงหน้านวลประดับด้วยรอยยิ้มเสมอ แทบไม่เคยเห็นใบหน้าเธอบึ้งตึงเลยสักครั้งแม้แต่ตอนที่โดนหัวหน้าต่อว่าเรื่องงาน
น่าอิจฉา...ดูเป็นคนใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไรให้กังวล
ความคิดเห็น