คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1 จันทร์เจ้า 3
ไม่ใช่ว่าไม่แน่ใจ แต่หญิงสาวกำลังหาทางหนีทีไล่ต่างหาก…
เขาไม่พอใจกับคำตอบของเธอ
นรีจันทร์คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะหลังจากที่ชายหนุ่มตอบกลับมาแค่ ‘อืม’ ระหว่างเราก็ไม่มีบทสนทนากันอีก ปล่อยให้เสียงเพลงกอบกู้สถานการณ์ที่แสนอึดอัดนี้ซึ่งดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก
กระทั่งรถยนต์ขับเคลื่อนมาถึงจุดหมาย หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองทั้งศราและพัณณิตายืนรออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อรถจอดสนิทเธอก็กล่าวขอบคุณคทาธร ซึ่งเขาทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น นรีจันทร์รีบเปิดประตูลงไปหาเพื่อนที่พากันส่งสายตาคำถามมาให้
“ยังไงคะเนี่ย” เพื่อนสาวเป็นฝ่ายทักก่อนใคร
“ฉันติดรถพี่รามมา คือเขาบังเอิญเจอฉันพอดี” นรีจันทร์เกาะแขนคุณแม่ลูกสองพร้อมทั้งรีบอธิบายเพราะกลัวเพื่อนจะเข้าใจผิด
“อ๋อ” พัณณิตายกยิ้มมุมปากพลางเหลือบมองพี่ชายตัวเองที่ทำหน้าราวกับแบกโลกทั้งใบเอาไว้
คทาธรถอนหายใจ มองคนตัวเล็กที่ยืนกอดแขนน้องสาวบุญธรรมของเขาไว้แน่น
“ตามนั้น” ชายหนุ่มก็พูดขึ้นทั้งที่เว้นระยะช่วงห่างเกินไป เขาเหยียดยิ้มเล็กน้อย “บังเอิญเจอเฉยๆ”
เจ้าของร่างสูงเดินผ่านหน้าพวกเธอไปแล้วทักทายกับคนอื่นๆ แล้วถึงเข้าไปหาหลานในบ้าน ทิ้งความแคลงใจให้พัณณิตากับศราที่ยังยืนคาดคั้นคนเผยพิรุธออกมาลูกใหญ่
“เล่ามา”
ผู้ปกครองคนที่หนึ่งเริ่มสอบสวน ศราหรี่ตามองทั้งที่นรีจันทร์ตีหน้ายุ่งใส่กัน
“ไม่มีอะไรจริงๆ ก็เจอพี่รามหน้าร้านน้ำปั่น เขาก็แค่ถามว่าวันนี้มาหาเพลงด้วยหรือเปล่า...ก็แค่นั้น”
คนเล่าเรื่องทำเสียงคล้ายออดอ้อน
“ทำไมพวกแกทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออะ”
“สกิลแกไม่พัฒนาเลยนังจันทร์” ศราทำหน้าคล้ายระอา “ตอนที่อยู่ มอหนึ่งที่แกโกหกว่าร้านไอติมปิด แต่สรุปแกหกล้มทำมันหกยังเนียนกว่าตอนนี้อีกรู้ปะ”
“จริง” พัณณิตาเสริม นึกสนุกที่ได้แกล้ง
“ไม่ได้โกหกจริงๆ นะ” นรีจันทร์บอกทั้งปากทั้งมือไม้ด้วยกันปัดไปมา “เหมือนพี่รามมาติดต่องานที่มหา’ลัย อันที่จริงก็เจอหลายครั้งแล้ว มีแค่ครั้งนี้ที่คุยแล้วเขาถามเรื่องจะมานี่”
“มันก็ไม่แปลกเนอะ ทางเดียวกันถือว่าประหยัดน้ำมัน” คุณแม่ลูกสองพยักหนาคล้อยตาม
“ใช่ไหมล่ะ” นรีจันทร์พูดเสียงแผ่ว
“เข้าบ้านเถอะ หิวแย่แล้ว” พัณณิตาบอกยิ้มๆ แล้วส่งสายตาชนิดที่ว่า ‘รู้กัน’ ให้ทางศรา ก็อย่างที่บอกว่าคนอย่างนรีจันทร์โกหกอะไรเป็นที่ไหน ทุกอย่างมักแสดงออกทางสีหน้า
แล้วสายตาเลิ่กลั่กเมื่อครู่นี้น่ะ กระต่ายตื่นตูมชัดๆ
ตอนแรกนรีจันทร์คิดว่าวันนี้จะมีแค่พวกเธอ ที่ไหนได้ยังมีเพื่อนๆ ของพ่อเลี้ยงชิษณุมาเต็มบ้าน เธอไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม แต่รู้สึกไม่ดีที่ไม่มีของติดมือมาสักชิ้น ดีหน่อยที่พี่ๆ ไม่ใช่พวกคิดมากอีกทั้งยังเฮฮาชวนเธอคุยจนไร้ความประหม่า
มีสะดุดแค่บางช่วงเวลาที่คทาธรมองมาเท่านั้น เขาเอาแต่จ้องจนเธอเริ่มทำตัวไม่ถูก
“เป็นปลากัดก็ท้องแล้วไหมวะ” ศราก้มกระซิบบอกเพื่อนรัก “เคยมีคนเคยบอกพี่แกไหมว่าสายตาน่ากลัวมาก”
นรีจันทร์ใช้ศอกถองใส่เพื่อน นี่มันนินทาระยะเผาขนชัดๆ ไม่กลัวอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไงกัน แค่นี้เธอก็ปั้นหน้าไม่ถูกเวลาเห็นรอยยิ้มแบบมีเลศนัยของกลุ่มพี่ๆ โดยเฉพาะพ่อเลี้ยงชิษณุ
ดูเหมือนกลุ่มผู้ชายกำลังจัดอะไรสักอย่าง กระทั่งพวกเธอโดนกวักมือให้เดินเข้าไปหาถึงรู้ว่าพวกเขากำลังจะเล่นเกม ‘พี่ดิน’ เป็นคนอธิบายกติกาคร่าวๆ ซึ่งทำความเข้าใจง่ายไม่ได้ยากเย็นอะไร
มีขวดเบียร์เปล่าๆ หนึ่งขวด ตกลงกันก่อนว่าใครจะเป็นคนหมุนเพราะคนที่หมุนจะเป็นคนตั้งคำถามและตั้งได้ถึงสามข้อ ถ้าปากขวดหยุดที่ใคร คนนั้นต้องเป็นคนตอบ
แต่ถ้าตอบไม่ได้ต้องดื่มเหล้าเพียวๆ ตามที่ตกลงกันไว้
สาธุ ! ขออย่าให้เป็นเธอเลย นรีจันทร์นั่งอธิษฐานในใจ เห็นแบบนี้เธอก็เดินสายมูเตลูเหมือนกัน
คนร่วมเกมนี้มีทั้งหมดแปดคนก็คือเธอ ศรา พัณณิตา พ่อเลี้ยงชิษณุ เจตรินทร์ ธนภัทร ณดล ซึ่งสามคนหลังเป็นคือกลุ่มเพื่อนๆ ของสามีพัณณิตา และคนสุดท้ายก็คือ…คทาธร
“ฉันว่าเกมนี้แกไม่รอดแน่ นังจันทร์” ศรานั่งข้างๆ เธอป้องปากพูด
ความคิดเห็น