คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่3 สานสัมพันธ์ 6
หากเป็นผู้หญิงคนอื่นที่พูดคำนี้เขาคงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่การที่นรีจันทร์คิดอย่างนั้นมันทำให้เขาค่อนข้างตกใจที่ในสายตาของเธอแล้วเขาดูเป็นคนแบบนั้น
“อันตรายยังไง น่ากลัว ?” ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่มีใครเคยบอกว่าเขาดูน่ากลัวหรืออันตรายสักคน “หรือพี่เคยทำอะไรไม่ดีกับเธอไว้”
“จันทร์ไม่ได้หมายถึงว่าพี่เป็นคนไม่ดีหรืออะไรนะคะ” คนตัวเล็กรีบยกมือปฏิเสธกลัวเขาจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ “ที่ว่าดูอันตรายเพราะรูปลักษณ์ภายนอกน่ะค่ะ ในสายตาคนนอกพี่รามดูเป็นคนนิ่งๆ ขรึมๆ ตีหน้านิ่ง ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ อาจจะเพราะพี่ตาดุด้วยมั้งคะ แบบว่า…แค่เดินมาก็แผ่รังสีน่ากลัวกระจายเป็นวงกว้างเลยค่ะ”
คทาธรหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางประกอบ “เมื่อก่อนเธอคงนินทาพี่บ่อย”
“อุ๊ย ! ไม่ใช่นะคะ”
“ไม่ทันแล้วจันทร์เจ้า” เขาโน้มตัวไปข้างหน้าใช้หลังมือเคาะหน้าผากมนเบาๆ “โกหกไม่เนียน ระวังจะถูกทำโทษ”
นรีจันทร์ย่นหน้าเล็กน้อย เมื่อกี้ที่เคาะหน้าผากเธอไม่ได้เรียกทำโทษหรือไงกัน…
ไม่รู้ว่าวันนี้เรียกว่าเดตหรืออะไร เพราะเขาไม่ได้เปิดปากพูดเรื่อง ‘จีบ’ สักนิด เหมือนแค่นัดเพื่อนออกมากินข้าวด้วยกันเฉยๆ ที่จริงแล้วคทาธรก็ไม่ใช่คนเงียบขรึมขนาดนั้น บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มมักจะเป็นฝ่ายชวนเธอคุย ส่วนมากก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป ไม่มีสักแวบหนึ่งที่เขาจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดซึ่งมันต่างจากที่คิดมาก
หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็มองร้านขนมหวานที่ห่างออกไปไม่กี่ล็อกแบบตาปรอย ใจนึกอยากแต่กระเพาะน่าจะรับไม่ไหวแล้ว
“กินไหม” ชายหนุ่มถามขึ้นหลังจากเป็นคนจ่ายค่าอาหารที่ก่อนหน้านี้นรีจันทร์ยืนกรานว่าจะหารครึ่งแต่ไม่เป็นผล
“อยากนะคะ แต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ” เธอสั่งข้าวเปล่าไปถึงสองจาน ฟังไม่ผิดหรอกเธอกินข้าวสองจาน อาหารร้านนี้อร่อยสมคำเล่าลือ และมันก็ทำให้เธอเริ่มหนักใจกับคำโอ้อวดของตัวเองเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
“ไว้วันหลัง” ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะทุยเบาๆ “ครั้งหน้าเธอเป็นคนเลี้ยง จะได้แฟร์ๆ”
เขาฉลาดในการวางหมาก ซึ่งถ้าเธอปฏิเสธก็จะดูน่าเกลียดไม่น้อยเพราะอาหารมื้อนี้เขาเป็นคนจ่าย นั่นเท่ากับว่าระหว่างเธอกับคทาธรจะยังมีการนัดหมายในครั้งต่อๆ ไป
“ได้ค่ะ” ไม่ใช่ว่ากลัวเสียมารยาท เพราะเธอเลือกทำตามใจตัวเองเหมือนกัน “แต่ครั้งหน้ายังไม่ใช่เร็วๆ นี้นะคะ”
คทาธรยิ้มในหน้า “แค่เธอตอบตกลงก็พอ”
“จอดตรงนี้ดีกว่าค่ะ จันทร์เดินกลับได้สบายมาก” เวลานี้ลานจอดรถของหอพักของเธอน่าจะมีรถจอดกันเกือบเต็มพื้นที่ ถ้าขับเข้าไปก็จะหาที่วนรถออกยาก
“โอเค” ชายหนุ่มครางรับก่อนตีไฟเลี้ยวจอดเทียบข้างทางแล้วดับเครื่องยนต์
เธอให้เขาจอดรถส่งเธอตรงนี้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เขาจอดแล้วเดินไปส่งด้วยเสียหน่อย นี่เธอควรจะบอกคทาธรอย่างไรดี
“กำลังทำคะแนน พี่ควรเดินไปส่งเธอไม่ใช่หรือไง ?” คนตัวโตว่าเสียงกลั้วหัวเราะคล้ายรู้ทันว่าเธอคิดอะไร
“งั้นให้ติดลบดีไหมคะ”
คทาธรถึงกับหัวเราะชอบใจ โดนอีกฝ่ายมองค้อนแทนที่จะดูน่ากลัวแต่กลับเหมือนลูกแมวน้อยขู่ฟอดๆ มากกว่า
“ดึกแล้ว”
นรีจันทร์นิ่งไปพักหนึ่ง เหลือบดูเวลาที่ตอนนี้ยังถือว่าไม่มืดเท่าไหร่ แต่ก็พอเข้าใจจุดประสงค์ของคทาธรอย่างน้อยเขาก็มีความห่วงใยให้กัน
“ส่งแค่ตรงนี้ก็พอค่ะ” เดินอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตึกหอพักเธอแล้ว นรีจันทร์เงยหน้ามองชายหนุ่มที่มองกันก่อนอยู่แล้ว ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ”
คทาธรปล่อยใจไปกับสายลมพัดผ่าน และปล่อยให้ความเงียบครอบงำอยู่ครู่หนึ่ง
“วันจันทร์พี่มีธุระแถวมหา’ลัย” คนพูดเกาจมูกเหมือนแก้เก้อกับธุระที่เพิ่งคิดได้ “อาจจะเข้าไปในมอ ช่วงเที่ยงถ้าหิวข้าวก็คงหาไรกินแถวนั้น”
ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มตาปริบๆ หัวใจเต้นแรงในฉับพลันกับการรุกของเขาอีกครั้ง และตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่เธอที่ดูเก้ๆ กังๆ หญิงสาวอมยิ้มจนรู้สึกปวดแก้มเมื่อเห็นโหนกแก้มของชายหนุ่มขึ้นสีระเรื่อ
“ถ้าจันทร์ไม่ติดงานด่วนอะไร” นรีจันทร์พูดโดยไม่ได้มองหน้า ทำทีมองเลยไปยังด้านหลัง “พักเที่ยงคงฝากท้องไว้ที่โรงอาหารเหมือนกันค่ะ”
คนเรานี่นะ…ทีอย่างนี้กลับไม่กล้าชวนกันตรงๆ
จะว่าไป…เวลาที่คทาธรเก้อเขินก็ดูแปลกตาไปอีกแบบเหมือนกัน
ความคิดเห็น