ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่ามรักคนพาล

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 64


    ล่ามรักคนพาล
    มีวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book แล้วค่ะ

    หนังสือสามารถซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์นะคะ






    บทนำ



           ดวงตากลมโตมองกลีบกุหลาบสีแดงซึ่งถูกจัดวางเรียงรายเป็นรูปหัวใจบนฟูกขาวอย่างเหม่อลอย มัสยายืนอยู่อย่างนี้มาร่วมห้านาทีเห็นจะได้ ความจุกอกที่ตีตื้นขึ้นมายังคงอยู่ไม่จางลงแม้แต่น้อย

           วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอ...เป็นการแต่งงานที่บ่าวสาวไม่ได้เต็มใจโดยเฉพาะเขา

           หลังจากที่ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรชีวิตคู่ คล้อยหลังจากนั้นไม่นานนักสามีทางนิตินัยก็คว้ากุญแจรถแล้วขับออกไป ทิ้งคำพูดทิ่มแทงหัวใจกันไว้ไม่กี่ประโยค

           คิดว่าผมทำใจทนเข้าห้องหอกับผู้หญิงอย่างคุณได้ ?

          มัสยาไม่ได้ยินดีที่ได้แต่งงานกับโมกข์ เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่ได้มีใจให้กัน ไม่อยากบังคับฝืนใจให้ใครมารับผิดชอบในเรื่องนี้ มันเป็นความจริงที่เมื่อก่อนเธอ เคย แอบรักและเทิดทูนผู้ชายอย่างเขา

           แต่เมื่อโดนคนใจร้ายตอกย้ำกันซ้ำๆ ความรู้สึกที่มีมันเลยเริ่มเลือนหายตามวันเวลา

           มัสยาปัดเรื่องกัดกินใจออกไป เท้าเรียวเบี่ยงทิศทางไปยังห้องน้ำจัดการปลดชุดฟูฟ่องสีขาวนวลด้วยความยากลำบาก เงาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าคือตัวเองทว่าแววตาที่ฉายออกมานั้นเหมือนกำลังย้อนกลับไปในวันวาน

           ไม่อยากนึกถึง ไม่อยากให้มันมีอิทธิพลอีกแล้ว

           ว่านคงรู้ว่าเขาจะเลือกใคร พนันกับพี่ไหมล่ะ

          ไม่ต้องลงทุนเสี่ยงพนันอะไร มัสยารู้ตัวดีว่าโมกข์ไม่มีเลือกคนอย่างเธอ และเพราะรู้คำตอบดีถึงได้ปลีกตัวออกมาอย่างเงียบงัน

           ระยะหลายปีที่ผ่านมาเธอกับโมกข์กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน มีคุยหรือทักทายตามมารยาทยามที่สองครอบครัวพบเจอกันเท่านั้น

           กระทั่งสองเดือนก่อนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่บ้านของสกุณาผู้เป็นย่าของโมกข์ อีกทั้งท่านยังเคยเป็นคนที่เคยอุปการะมารดาของเธอ

    ต่างคนต่างนั่งนิ่งราวกับพยายามทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

           จะเอายังไง มันคือประโยคแรกของโมกข์ หลังจากที่เราตื่นขึ้นมาเผชิญความจริง

           คุณไม่พูด ว่านไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้

          ‘ดี !’

           ต่อให้เราสองคนอยากทำให้เรื่องนี้กลืนหายไปกับคลื่นทะเล แต่หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง อีกทั้งบ้านที่อาศัยซุกหัวนอนมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมาก็เป็นบ้านของครอบครัวโมกข์

           ผู้ใหญ่ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด ประมุขของบ้านเอ่ยสั่งเสียงเฉียบขาดให้โมกข์รับผิดชอบต่อผลการกระทำ

           จบลงที่การแต่งงาน แต่เจ้าบ่าวกลับหนีหายไปหลังจากที่ส่งตัวเข้าเรือนหอ มันน่าขันดีใช่ไหมล่ะ ?

           มัสยารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นจากการนอนแช่น้ำ อันที่จริงการที่โมกข์หุนหันรีบปรี่ออกจากบ้านไปมันเป็นผลดีกับเธอไม่น้อย แต่มันเหมือนการหนีปัญหาเพราะถึงอย่างไรสถานะระหว่างเรามันก็เปลี่ยนไปแล้ว

           และมัสยาคิดว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีสักนิด

           บ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่แถบชานเมืองช่างเงียบเหงา รู้มาว่าเป็นบ้านที่โมกข์ซื้อไว้เมื่อต้นปีไม่คิดว่ามันจะถูกใช้เป็นเรือนหอแบบนี้

           เราจะย้ายออกไปอยู่บ้านอีกหลัง หวังว่าคุณคงไม่ใช่ลูกแหง่ติดพ่อแม่

          ‘ถึงจะแต่งงานกันแล้ว แต่คุณไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตผม   

          ว่านทราบดีค่ะ คุณวางใจเถอะ

          เจ้าของร่างบางในชุดคลุมอาบน้ำหย่อนสะโพกลงเก้าอี้สตูลหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง บรรจงปาดครีมลงบนใบหน้าอย่างใจเย็นไม่สนแม้โทรศัพท์มือถือมีการแจ้งเตือน

           ชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นแบบไม่สวยงามสักนิด ทั้งเธอทั้งโมกข์ต่างจำใจแต่งงานกันเพียงเพราะความต้องการของผู้หลักผู้ใหญ่ สองครอบครัวเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่วูบหนึ่งมัสยากลับมองเห็นแววตาพึงพอใจของคนเป็นพ่อ

           อาไม่ว่า หากโมกข์กับน้องจะรักหรือคบหากัน แต่ถึงอย่างไรโมกข์ก็ควรให้เกียรติน้องบ้าง

          ‘ผมจะรับผิดชอบว่านเอง คุณอาไม่ต้องห่วง

          มัสยารู้ดีการแต่งงานของเธอกับโมกข์ในสายตาคนอื่นนั้น ไม่ได้ต่างอะไรจากการจับผู้ชายเพราะหวัง ต่อเงินให้กับธุรกิจครอบครัว

           น้อยคนที่จะยินดี อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ตัวบ่าวสาวก็ไม่ได้ชื่นใจกับการสมรสสักนิด

           สิ่งที่ทำให้เธอขุ่นข้องใจนั้นมีหลายเรื่อง อย่างแรกก็คือเหตุใดทั้งเธอและโมกข์ถึงไปอยู่ในห้องนอนบนเตียงเดียวกันสภาพเปลือยเปล่า

           และสอง...ทำไมเขาถึงได้ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย หากจะพูดว่าโมกข์มีใจพิศวาสให้แก่กันก็น่าขันเกินไป

           ถ้าเป็นผู้หญิงอีกคนก็ว่าไปอย่าง...คนที่กระหน่ำส่งไลน์และโทรเข้ามานี่ไง       

           ปาลิดาเป็นลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นลูกติดมาจากสามีของคุณอากมล เท่ากับว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ปาลิดาย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับเธอหลังจากที่คุณอากมลกับสามีจากไปด้วยอุบัติเหตุ แม้จะโตมาด้วยกันแต่มัสยาไม่ใช่คนโง่ที่จะอ่านสายตาคู่นั้นไม่ออก

           มัสยาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนโลกแคบ ไม่ได้คิดไปเองความรู้สึกมันบอกแบบนั้น เช่นอะไรที่เธอมี อีกไม่นานของเหล่านั้นปาลิดาจะมีในครอบครองเช่นกัน ทุกอย่างจะเริ่มด้วยจากของเล็กๆ น้อยๆ พวกของใช้ต่างๆ

           รวมไปถึง...เรื่องความรัก

           เธอยอมถอยออกมาไม่ใช่ว่าอ่อนแอ แต่เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะไปบังคับกะเกณฑ์เรื่องหัวใจกับใครได้ แต่ใครจะไปรู้ว่ายิ่งหนียิ่งเจอ

           กลายเป็นบ่วงพันธนาการที่ไม่อาจหลีกหนี...

           อันที่จริงเธอมีอีกหลายๆ เรื่องที่อยากตกลงกับโมกข์ เพียงแต่เขาแทบไม่มาให้เจอหน้า ขนาดวันนี้ชายหนุ่มยังมาก่อนเริ่มงานไม่กี่นาทีทำเอาคนเป็นแม่ใจหายใจคว่ำ

           ปาลิดากับโมกข์มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบไหนมัสยาไม่อาจรู้ แต่คาดคะเนจากสายตามองอย่างไรก็รู้ว่าสองคนนั้นมีใจให้กัน แล้วเหตุใดไม่คบหากันให้รู้แล้วรู้รอด ข้อนี้เป็นสิ่งที่มัสยาข้องใจมาโดยตลอด

           นัยน์ตาดำขลับเหลือบมองหน้าจอที่สว่างโร่ขึ้นอีกครั้ง ตัดสินใจคว้าขึ้นมาปลายนิ้วสไลด์เพื่อรับสาย มุมปากกระตุกขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นประโยคที่มัสยาคิดไว้ก่อนแล้วว่าคงลงเอยอีหรอบนี้

           ค่อยยังชั่ว ว่านเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ทั้งไลน์ทั้งโทรแต่ว่านไม่รับเลย

           หากเป็นเมื่อก่อนมัสยาคงตอบโต้กลับไปด้วยน้ำคำเจ็บแสบ และเพราะแบบนั้นเธอถึงถูกมองในแง่ลบอยู่เสมอ การกระทำเหล่านั้นช่างโง่เขลาราวกับคนไม่มีความอดทน

           ต้องขอบคุณพี่สาวต่างสายเลือดที่ทำให้เธอรู้จักมุมมองใหม่ๆ

           ว่านบำรุงผิวอยู่ค่ะ รอครีมซึมเข้าหน้าเลยไม่อยากเอามือไปจับอะไร เขาว่ากันว่าโทรศัพท์เชื้อโรคเยอะ วางสายนี่ว่านคงต้องหาเช็ดแอลกอฮอล์เหมือนกัน

           ดีแล้วอีกฝ่ายว่าเสียงกลั้วหัวเราะ จากนั้นจึงเริ่มเข้าประเด็น อ้อ พี่จะบอกว่านว่าโมกข์นั่งดื่มอยู่ที่คลับ ไม่ได้ไปสำมะเลเทเมาที่ไหน ไม่ต้องเป็นห่วง

           “ขอบคุณที่อุตส่าห์โทรมาบอกนะคะมัสยาบอกเสียงเรียบ ไม่ได้รู้สึกยินดีหรือยินร้ายอะไร โมกข์จะไปไหนหรือทำอะไรกับใคร มันไม่ใช่เรื่องที่เธออยากรู้

           เราต่างรู้หน้าที่ตัวเองดีว่าอะไร ควรหรือ ไม่ควร

           “พี่ต้องโทรบอกว่านอยู่แล้ว เอาเป็นว่าพี่จะรูดซิปปาก ไม่บอกใครว่าคืนนี้โมกข์แอบโดดจากเรือนหอมานั่งซดเหล้ามัสยาถึงกับส่ายหน้ายิ้มเยาะ ฟังดูแล้วเหมือนคนที่ห่วงใยเธอในฐานะพี่สาวจริงๆ ใช่ไหม

           “ยังไงว่านก็ให้เวลาเขาหน่อย คงยัง...ไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว

           “คงงั้นมั้งคะเจ้าสาวหมาดๆ เหลือบมองเข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าใกล้เข้าวันใหม่ไปแล้วทุกที ฝากพี่ฝันบอกให้เขาค้างที่นั่นไปเลยแล้วกันค่ะ ว่านจะนอนแล้วเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่อยากตื่นกลางดึกลงไปเปิดประตูให้ใคร

           “…”

           “แล้วก็...ถ้าจะแอบลักกินขโมยกิน ว่านอยากให้ระมัดระวังให้มากกว่าเดิมนะคะมัสยาไม่เว้นช่องว่างให้อีกฝ่ายโต้กลับ รู้ใช่ไหมคะว่าตอนนี้คุณโมกข์จดทะเบียนสมรสแล้ว ว่านไม่กลัวคนตราหน้าว่าผัวทิ้งตั้งแต่แต่งงานวันแรก ห่วงก็แต่คนที่จะถูกตราหน้าว่ากลายเป็นมือที่สาม

           “ว่าน !” ดูเหมือนการควบคุมอารมณ์ของปาลิดาจะมีน้อยกว่าที่คิดเอาไว้ ถึงได้หลุดเสียงแข็งมาแบบนี้

           “อย่าหาว่าสอนเลยนะคะ ว่านแค่พูดด้วยความเป็นห่วง ยังไงก็ฝันดีแล้วกันค่ะเท่าที่ผ่านมามัสยาคิดว่าตัวเองเพิกเฉยมานานเกินพอ

           ถ้าปาลิดาไม่คิดจะหยุด...เธอจะทำให้อีกฝ่ายรู้ซึ้งว่าการที่ริอ่านล้ำเส้นนั้นผลลัพธ์มันเป็นยังไง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×