ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ถึงครารัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 จันทร์เจ้า 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ย. 64




    นิยาย ถึงครารัก
    มีวางจำหน่ายในรูปแบบอีบุ๊ก 
    และร้านหนังสือนายอินทร์แล้วค่ะ







    1

    จันทร์เจ้า

     

     

                วันนี้เขาก็มา

                มันคือประโยคที่เพื่อนร่วมงานของเธอแวบมาส่งข่าวที่โต๊ะพร้อมกับทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ นรีจันทร์ได้แต่ยิ้มเผล่แล้วตีมึนไม่ตอบคำถามเหล่านั้น เพราะรู้ว่าถึงตอบไป สายเผือก ก็ไม่เชื่อคำพูดเธออยู่ดี

                ไม่ว่าจะกี่วันหรือกี่ปีผ่านไป สภาพแวดล้อมรอบตัวเราก็มักจะมีคนที่ เป็นห่วง เรื่องราวของเรามากกว่าบุพการี บางทีนรีจันทร์นึกอยากมอบโล่รางวัลให้ ใครจะคบหรือเลิกกับใครไม่มีที่คนกลุ่มนี้จะตกข่าว

                เช้ามาสุมหัวจับกลุ่มนินทาพลางตักข้าวเข้าปากไม่ได้สนใจงานที่ค้างคา นี่คือสิ่งที่เธอเห็นอยู่ทุกวันจนเริ่มชินชา ครั้นจะปลีกตัวออกมาก็กลัวโดนเพ่งเล็ง ได้แต่เออออไปตามประสาเรียนรู้การใช้ชีวิตโดยปราศจากศัตรู

                อะไรที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องออกตัวนัก เก็บไว้ในใจและทนเท่าที่จะทนได้

                “น้องจันทร์คงไม่ว่างหรอกมั้ง มีพ่อเลี้ยงมารอรับกลับบ้านทุกวัน

                “แต่ปากแข็งจังน้า ไหนบอกว่าไม่ใช่แฟน

                ยังไม่ทันไรสายเผือกก็ส่งเสียงขึ้นมา คงเห็นว่าเธอเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวเลิกงาน นรีจันทร์ได้แต่หันไปมองแล้วส่งยิ้มจางๆ เหมือนทุกครั้ง

                “จันทร์มีนัดกับเพื่อนแล้วค่ะพี่

                “จ้า พวกพี่แค่แซวเล่น อย่าคิดมากๆ

                วันนี้เธอมีนัดกับเพื่อน ลังเลอยู่ว่าจะกลับไปห้องพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนหรือจะไปสภาพนี้เลย เพราะพัณณิตาบอกว่าไม่ต้องซื้อของเข้าไป ให้มาแต่ตัวก็พอ

                หลังจากเรียนจบเธอได้งานธุรการที่มหาวิทยาลัย จะว่าไปก็ดีเพราะไม่ต้องไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่อื่น เปลี่ยนก็แค่ที่พักเพราะต้องย้ายออกจากหอนักศึกษา

                ทั้งชีวิตมีเพื่อนรักอยู่สองคนคือศรากับพัณณิตาที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมตอนนั้นผมยังสั้นแค่ติ่งหูด้วยซ้ำ ศราเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาดีหล่อเหลาเอาการ ติดตรงเพื่อนเธอไม่ได้ชอบผู้หญิง

                ส่วนพัณณิตาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แถมตอนนี้กลายเป็นคุณแม่ลูกสอง

                นรีจันทร์สอดส่องไปทั่วบริเวณ มองจนแน่ใจว่า ใครคนนั้น ไม่ได้ปักหลักยืนรอเหมือนประจำจึงรีบสาวเท้าวิ่งไปอีกทาง ไม่ได้ใช้ประตูทางออกเดิมเหมือนทุกวัน

                ดูจากเวลาแล้วเธอจึงตัดสินใจได้ว่าคงไม่กลับไปที่ห้อง จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา ริมฝีปากบางแย้มขึ้นเมื่อเห็นร้านน้ำปั่นร้านโปรดยังไม่ปิด

                คอแห้งแบบนี้ต้องจัดเลมอนโซดาสักหน่อย !

                เมื่อถึงร้านแล้วก็พักเหนื่อยบนเก้าอี้ที่ยังว่าง ในใจนึกอยากกลับห้องเอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม แต่อีกใจก็อยากสังสรรค์กับเพื่อนๆ บ้าง เพราะตั้งแต่ต่างคนต่างมีงานการก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน

                พี่ปุ้ม จันทร์เอาเหมือนเดิมนะคะ พอเห็นไม่มีคิวแล้ว เธอเลยสั่งเจ้าของร้าน

                “เลมอนโซดาเหรอ ? พี่ปุ้มตะโกนถามขณะที่ก้มลงหยิบแก้ว นรีจันทร์กำลังจะตอบรับแต่เจ้าตัวกลับต่อประโยคทำเธอต้องขมวดคิ้ว ถ้าเลเมอนโซดา มีคนสั่งไว้ให้แล้ว จ่ายเงินแล้วด้วย

                “คะ ?

                เก้าอี้ตัวข้างๆ ถูกดึงออกก่อนที่จะมีเจ้าของร่างสูงนั่งลง นาทีนี้ลมหายใจของนรีจันทร์สะดุดลงแถมเหงื่อยังตกเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วโดนผู้ใหญ่จับได้

                “มาแล้วเลมอนโซดาสองแก้ว พี่ปุ้มวางน้ำสองแก้วที่โต๊ะ ก่อนขยิบตาให้เธอแล้วบอก นี่ไงสปอนเซอร์

                ดวงตากลมโตเลื่อนมอง สปอนเซอร์ โดยอัตโนมัติ

                อาการแบบนี้มาอีกแล้ว นรีจันทร์ทำตัวไม่ถูกกระทั่งมือยังไม่รู้ว่าควรวางไว้บนโต๊ะเฉยๆ หรือควรหยิบน้ำขึ้นมาดูดอีกอึกสองอึก

                “เมื่อไหร่จะเลิกกลัว เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เขาหยิบแก้วขึ้นไปจิบด้วยท่าทีสบาย มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว ยังไม่ชินอีกเหรอ

                เอาอะไรไปชิน ! นรีจันทร์อยากจะตะโกนบอกดังๆ แต่แค่ คทาธร
    ปรายตามอง แข้งเข่าเธอก็เกือบอ่อนยวบ ไม่ใช่ว่าหลงเสน่ห์ในความหน้าตาดีหรืออะไรหรอกนะ

                เธอก็แค่กลัว

                ผู้ชายคนนี้มีลุคน่าเกรงขาม เหมือนมียันต์แปะหน้าผากมองเห็นในระยะร้อยเมตรว่าไม่ใช่คนที่ควรเข้าใกล้ ซึ่งมาจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาถึงได้มาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเธอ

                “วันนี้พี่รามก็มาบรรยายเหรอคะ เจอกันโดยบังเอิญในมหาวิทยาลัยเมื่อสองเดือนก่อน เขาบอกว่ามีอาจารย์เชิญมาบรรยาย

                แต่หลังจากนั้นเธอก็มักเจอเขาเกือบทุกวันในเวลาพักเที่ยง มีแค่บางวันที่เขาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน มีตอบรับบ้างตามแต่โอกาสเพราะเธอไม่ได้ไปกินคนเดียว แต่ยังพ่วงพี่ๆ ที่ทำงานไปด้วย

                คทาธรคือพี่ชายบุญธรรมของพัณณิตา และตอนนี้ชายหนุ่มก็เป็นคนดูแลกิจการที่ไร่เพียงลำพัง และนี่เป็นเหตุผลที่เขาได้รับเชิญให้มาบรรยายในรั้วมหาวิทยาลัย

                “ไม่มีบรรยาย

                “อ่อค่ะ เธอถามไปสักพักแล้วนะ เขาเว้นช่วงตอบนานเกินไปหรือเปล่า

                “ไม่มีตั้งนานแล้ว ชายหนุ่มเอ่ยตอบเสียงกลั้วหัวเราะ เขานั่งเท้าคางโดยหันหน้าไปทางหญิงสาว ไปเลยไหม ?

                “จันทร์มีนัดกับเพลงค่ะ

                “อืม คนตัวโตพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋าสะพายนรีจันทร์ไปถืออย่างถือวิสาสะ ท่ามกลางความงุนงงของหญิงสาว

    พี่ราม นั่นกระเป๋าจันทร์ ขอคืนด้วยค่ะ เธอหัวเราะแห้งพลางยื่นมือเพื่อขอของคืน แต่เขากลับเลิกคิ้วขึ้นก่อนปฏิเสธ

    ไม่เป็นไร พี่อยากถือให้เธอ เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มผุดยิ้ม เขานึกชอบสีหน้ามึนงงของเธอจริงๆ จะเดินไปเองหรือให้จูงมือ

    นี่คือประโยคคำถามหรือประโยคข่มขู่กันแน่ !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×