คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 จันทร์เจ้า 1
1
จันทร์เจ้า
วันนี้เขาก็มา…
มันคือประโยคที่เพื่อนร่วมงานของเธอแวบมาส่งข่าวที่โต๊ะพร้อมกับทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ นรีจันทร์ได้แต่ยิ้มเผล่แล้วตีมึนไม่ตอบคำถามเหล่านั้น เพราะรู้ว่าถึงตอบไป ‘สายเผือก’ ก็ไม่เชื่อคำพูดเธออยู่ดี
ไม่ว่าจะกี่วันหรือกี่ปีผ่านไป สภาพแวดล้อมรอบตัวเราก็มักจะมีคนที่ ‘เป็นห่วง’ เรื่องราวของเรามากกว่าบุพการี บางทีนรีจันทร์นึกอยากมอบโล่รางวัลให้ ใครจะคบหรือเลิกกับใครไม่มีที่คนกลุ่มนี้จะตกข่าว
เช้ามาสุมหัวจับกลุ่มนินทาพลางตักข้าวเข้าปากไม่ได้สนใจงานที่ค้างคา นี่คือสิ่งที่เธอเห็นอยู่ทุกวันจนเริ่มชินชา ครั้นจะปลีกตัวออกมาก็กลัวโดนเพ่งเล็ง ได้แต่เออออไปตามประสาเรียนรู้การใช้ชีวิตโดยปราศจากศัตรู
อะไรที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องออกตัวนัก เก็บไว้ในใจและทนเท่าที่จะทนได้
“น้องจันทร์คงไม่ว่างหรอกมั้ง มีพ่อเลี้ยงมารอรับกลับบ้านทุกวัน”
“แต่ปากแข็งจังน้า ไหนบอกว่าไม่ใช่แฟน”
ยังไม่ทันไรสายเผือกก็ส่งเสียงขึ้นมา คงเห็นว่าเธอเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวเลิกงาน นรีจันทร์ได้แต่หันไปมองแล้วส่งยิ้มจางๆ เหมือนทุกครั้ง
“จันทร์มีนัดกับเพื่อนแล้วค่ะพี่”
“จ้า พวกพี่แค่แซวเล่น อย่าคิดมากๆ”
วันนี้เธอมีนัดกับเพื่อน ลังเลอยู่ว่าจะกลับไปห้องพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนหรือจะไปสภาพนี้เลย เพราะพัณณิตาบอกว่าไม่ต้องซื้อของเข้าไป ให้มาแต่ตัวก็พอ
หลังจากเรียนจบเธอได้งานธุรการที่มหาวิทยาลัย จะว่าไปก็ดีเพราะไม่ต้องไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่อื่น เปลี่ยนก็แค่ที่พักเพราะต้องย้ายออกจากหอนักศึกษา
ทั้งชีวิตมีเพื่อนรักอยู่สองคนคือศรากับพัณณิตาที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมตอนนั้นผมยังสั้นแค่ติ่งหูด้วยซ้ำ ศราเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาดีหล่อเหลาเอาการ ติดตรงเพื่อนเธอไม่ได้ชอบผู้หญิง
ส่วนพัณณิตาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แถมตอนนี้กลายเป็นคุณแม่ลูกสอง
นรีจันทร์สอดส่องไปทั่วบริเวณ มองจนแน่ใจว่า ‘ใครคนนั้น’ ไม่ได้ปักหลักยืนรอเหมือนประจำจึงรีบสาวเท้าวิ่งไปอีกทาง ไม่ได้ใช้ประตูทางออกเดิมเหมือนทุกวัน
ดูจากเวลาแล้วเธอจึงตัดสินใจได้ว่าคงไม่กลับไปที่ห้อง จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา ริมฝีปากบางแย้มขึ้นเมื่อเห็นร้านน้ำปั่นร้านโปรดยังไม่ปิด
คอแห้งแบบนี้ต้องจัดเลมอนโซดาสักหน่อย !
เมื่อถึงร้านแล้วก็พักเหนื่อยบนเก้าอี้ที่ยังว่าง ในใจนึกอยากกลับห้องเอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม แต่อีกใจก็อยากสังสรรค์กับเพื่อนๆ บ้าง เพราะตั้งแต่ต่างคนต่างมีงานการก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน
“พี่ปุ้ม จันทร์เอาเหมือนเดิมนะคะ” พอเห็นไม่มีคิวแล้ว เธอเลยสั่งเจ้าของร้าน
“เลมอนโซดาเหรอ ?” พี่ปุ้มตะโกนถามขณะที่ก้มลงหยิบแก้ว นรีจันทร์กำลังจะตอบรับแต่เจ้าตัวกลับต่อประโยคทำเธอต้องขมวดคิ้ว “ถ้าเลเมอนโซดา มีคนสั่งไว้ให้แล้ว จ่ายเงินแล้วด้วย”
“คะ ?”
เก้าอี้ตัวข้างๆ ถูกดึงออกก่อนที่จะมีเจ้าของร่างสูงนั่งลง นาทีนี้ลมหายใจของนรีจันทร์สะดุดลงแถมเหงื่อยังตกเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วโดนผู้ใหญ่จับได้
“มาแล้วเลมอนโซดาสองแก้ว” พี่ปุ้มวางน้ำสองแก้วที่โต๊ะ ก่อนขยิบตาให้เธอแล้วบอก “นี่ไงสปอนเซอร์”
ดวงตากลมโตเลื่อนมอง ‘สปอนเซอร์’ โดยอัตโนมัติ
อาการแบบนี้มาอีกแล้ว นรีจันทร์ทำตัวไม่ถูกกระทั่งมือยังไม่รู้ว่าควรวางไว้บนโต๊ะเฉยๆ หรือควรหยิบน้ำขึ้นมาดูดอีกอึกสองอึก
“เมื่อไหร่จะเลิกกลัว” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เขาหยิบแก้วขึ้นไปจิบด้วยท่าทีสบาย มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว “ยังไม่ชินอีกเหรอ”
เอาอะไรไปชิน ! นรีจันทร์อยากจะตะโกนบอกดังๆ แต่แค่ ‘คทาธร’
ปรายตามอง แข้งเข่าเธอก็เกือบอ่อนยวบ ไม่ใช่ว่าหลงเสน่ห์ในความหน้าตาดีหรืออะไรหรอกนะ
เธอก็แค่กลัว…
ผู้ชายคนนี้มีลุคน่าเกรงขาม เหมือนมียันต์แปะหน้าผากมองเห็นในระยะร้อยเมตรว่าไม่ใช่คนที่ควรเข้าใกล้ ซึ่งมาจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาถึงได้มาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเธอ
“วันนี้พี่รามก็มาบรรยายเหรอคะ” เจอกันโดยบังเอิญในมหาวิทยาลัยเมื่อสองเดือนก่อน เขาบอกว่ามีอาจารย์เชิญมาบรรยาย
แต่หลังจากนั้นเธอก็มักเจอเขาเกือบทุกวันในเวลาพักเที่ยง มีแค่บางวันที่เขาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน มีตอบรับบ้างตามแต่โอกาสเพราะเธอไม่ได้ไปกินคนเดียว แต่ยังพ่วงพี่ๆ ที่ทำงานไปด้วย
คทาธรคือพี่ชายบุญธรรมของพัณณิตา และตอนนี้ชายหนุ่มก็เป็นคนดูแลกิจการที่ไร่เพียงลำพัง และนี่เป็นเหตุผลที่เขาได้รับเชิญให้มาบรรยายในรั้วมหาวิทยาลัย
“ไม่มีบรรยาย”
“อ่อ…ค่ะ” เธอถามไปสักพักแล้วนะ เขาเว้นช่วงตอบนานเกินไปหรือเปล่า
“ไม่มีตั้งนานแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเสียงกลั้วหัวเราะ เขานั่งเท้าคางโดยหันหน้าไปทางหญิงสาว “ไปเลยไหม ?”
“จันทร์มีนัดกับเพลงค่ะ”
“อืม” คนตัวโตพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋าสะพายนรีจันทร์ไปถืออย่างถือวิสาสะ ท่ามกลางความงุนงงของหญิงสาว
“พี่ราม นั่นกระเป๋าจันทร์ ขอคืนด้วยค่ะ” เธอหัวเราะแห้งพลางยื่นมือเพื่อขอของคืน แต่เขากลับเลิกคิ้วขึ้นก่อนปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร พี่อยากถือให้เธอ” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มผุดยิ้ม เขานึกชอบสีหน้ามึนงงของเธอจริงๆ “จะเดินไปเองหรือให้จูงมือ”
นี่คือประโยคคำถามหรือประโยคข่มขู่กันแน่ !
ความคิดเห็น