คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ความรักของเธอ…เริ่มต้นเมื่อสี่ปีก่อน
ณกรเป็นฝ่ายเดินหน้าสานสัมพันธ์กับเธอด้วยตัวเอง เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก เขาเปรียบเสมือนพี่ชายคนโตของกลุ่ม
เพียงแต่ความรู้สึกของเธอไม่เคยมองเขาเป็น ‘พี่ชาย’ เลยสักครั้ง
และเขาก็ยอมรับว่าตัวเองไม่เคยมองเธอเป็นน้องสาวเหมือนกัน…
“อยู่กับพี่ น้องไหมใจลอยถึงใคร” เสียงแหบพร่ากระซิบถามข้างหู ก่อนที่ริมฝีปากร้อนฉ่าจะกดจูบแล้วลากไล้บริเวณหลังคอนวล
ใยไหมเม้มปากแน่นกระแสความซ่านวิ่งพล่านไปทั่วทั้งกายเมื่อฝ่ามือใหญ่ของคนตัวโตเริ่มอยู่ไม่สุข เธอจำเป็นต้องหยุดยั้งไม่เช่นนั้นวันนี้ทั้งวันคงไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
“อื้อ พี่มาร์ช” หญิงสาวพลิกตัวประจันหน้ากับชายหนุ่ม ช้อนตามองอย่างออดอ้อน “พอแล้วค่ะ ไหมเหนื่อย”
มุมปากหยักยกยิ้มจางๆ ใช้ข้อนิ้วไล้วงหน้างาม ณกรชอบใจยามที่แก้มใสระเรื่อขึ้นยามที่เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตา เมื่อก่อนน้องเป็นอย่างไรทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
น่ารัก ว่าง่าย ไม่เรื่องมาก
“กว่าเราจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน” คนพูดใช้ปลายจมูกคลอเคลียไม่ห่าง “น้องไหมก็รู้รอบเดียวมันไม่พอ”
คนตัวเล็กระบายยิ้มทว่าสวนทางกับความรู้สึกข้างใน หญิงสาวสะกดกลั้นความเจ็บปวดไว้ภายใต้รอยยิ้ม ยกมือลูบแก้มสากเห็นว่าเขาจ้องกันจนเห็นเงาตัวเองสะท้อนในนัยน์ตาคมเข้ม
“แล้วเวลาไหมไม่อยู่ พี่มาร์ชจัดการปัญหานี้ยังไงคะ”
“พี่ก็…” ณกรคว้ามือเล็กมาจูบ “นึกถึงหน้าน้องไหม แม้มันจะทดแทนไม่ได้ก็เถอะ”
“เหรอคะ”
“ไม่เอาน่า ทำไงถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มรั้งหญิงสาวเข้ามากอด “ที่เห็นน้องไหมก็รู้ว่ามันเป็นงาน สังคมกลุ่มลูกค้าพี่มีแต่แบบนั้น”
ครอบครัวของณกรอยู่ที่นี่ก็จริง แต่พอเรียนจบชายหนุ่มก็ร่วมหุ้นลงขันเปิดบริษัทกับเพื่อนที่กรุงเทพฯ ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาจึงอยู่ในเมืองหลวงมากกว่า นานครั้งถึงจะกลับมาที่นี่ที
กลับมาทีไรก็มักนัดเจอกัน โดยที่ไม่มีคนอื่นรับรู้เรื่องนี้
ใช่...เรื่องของเราเหมือนกับความลับ แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงสี่ปีแล้วก็ตาม
“ไหมไม่อยากอยู่แบบนี้” เธอบอกตามสิ่งที่ต้องการ “สี่ปีไหมว่ามันก็เป็นเวลาที่มากพอแล้ว เมื่อไหร่เราจะเลิกหลบๆ ซ่อนๆ เหรอคะ”
คราวนี้ณกรผละตัวออกแล้วลุกขึ้นนั่ง ทว่าสีหน้ายังคงเคลือบด้วยรอยยิ้ม ใยไหมรู้ดีว่ามันคือไม้ตายที่เขาชอบงัดออกมาใช้เพื่อหวังให้อารมณ์คุกรุ่นของเธอสงบลง
เขาคว้ามือเธอไปกุมก่อนจะสอดประสานนิ้วแล้วบีบกระชับ “รู้ใช่ไหมว่าพี่จริงใจ”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มเย็น “สี่ปีที่ผ่านมาพี่มาร์ชพูดคำนี้เกินครึ่งร้อยแล้วมั้ง”
“ตอนนี้พี่กำลังเร่งโพรเจกต์สำคัญ” เขาดึงเรื่องงานขึ้นมาพูด “ถ้างานนี้เรียบร้อยเมื่อไหร่ เราค่อยว่ากัน”
ใยไหมรับฟังอย่างเงียบงัน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้ควรรู้สึกอย่างไร เธอไม่ได้โง่ที่จะตีความหมายไม่ออก ที่ผ่านมาเป็นตัวเธอเองมากกว่าที่ดื้อดึงจับมือเขาไว้
ทั้งที่ฝ่ามือตัวเองมีแต่บาดแผล…
“เอาตามที่พี่มาร์ชว่าก็ได้ค่ะ” เป็นอีกครั้งที่เธอเลือกที่จะส่งยิ้ม “งั้นไหมไปอาบน้ำก่อนนะคะ ใกล้ถึงเวลาที่จองโต๊ะไว้แล้ว”
“โอเคครับ”
คนตัวเล็กลุกจากเตียงเดินเลี้ยวไปยังหัวมุมเพื่อเข้าห้องน้ำ จัดการเปิดน้ำใส่อ่างแล้วเบี่ยงปลายเท้าไปยัง Walk-in Closet เมื่อลืมหยิบผ้าเช็ดตัวติดมือมาด้วย
ทว่าเสียงที่ดังขึ้นในห้องกลับทำให้เธอต้องชะงักฝีเท้า ใยไหมเลือกที่จะทิ้งสะโพกพิงกับโต๊ะเครื่องแป้งรอฟังบทสนทนาด้วยใจที่นิ่งสงบกว่าทุกครั้ง
“มึงอยู่บ้านเปล่าวะวันนี้”
“น้องเร่งรัดกู น่าเบื่อฉิบหาย”
“จองโต๊ะเผื่อกูที คืนนี้อยู่ยาว”
ใยไหมใช้เวลาอาบน้ำราวๆ สิบนาที หญิงสาวต่างตัวเสร็จสรรพตั้งแต่ในห้องน้ำ เพราะไม่ได้สระผมใหม่จึงไม่อยากเวลาสวมแค่ชุดคลุม
คล้ายกับว่าอีกฝ่ายรอเธออยู่ก่อนแล้ว ณกรรีบสาวเท้าเข้ามาพลางรั้งตัวเธอไปกอด ริมฝีปากหนากดจูบพวงแก้มก่อนพ่นคำหวานเหมือนกับทุกครั้ง
“หอมจัง”
ใยไหมระบายยิ้ม ยกมือดันแผงอกออกจากตัว “ไหมเตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ให้แล้วนะคะ”
“เมื่อกี้เพื่อนพี่มันเพิ่งโทรมา” คนพูดมีสีหน้าเคร่งขรึมราวกับตกอยู่ในสภาวะเครียดไม่น้อย “งานที่เสนอลูกค้าไปมีปัญหา มันเรียกประชุมด่วน”
“…” หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเออออไหลตามน้ำไปเรื่อย
“ไม่เอาน่ะ ไว้คราวหน้าพี่จะแก้ตัว พี่จะตามใจไหมทุกอย่าง”
คนเราสามารถให้อภัยคนรักได้กี่ครั้ง ใยไหมเคยตั้งคำถามนี้กับตัวเองจนนับไม่ถ้วน ที่ผ่านมาเธอเลือกที่จะปิดหูปิดตาหลอกตัวเองเพียงเพราะคำว่า ‘รัก’ คำเดียว
รัก…ที่มาพร้อมความไม่มีสติ เหมือนคนตาบอดทั้งที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ทุกครั้งที่ส่องกระจก เธอเห็นแต่ผู้หญิงขี้ขลาดคนหนึ่ง คนที่ไม่กล้าก้าวข้ามผ่านความจริงแต่กลับจมจ่ออยู่กับความเจ็บปวด
แต่ครั้งนี้…มันจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเธอ
ความคิดเห็น