ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่ามรักคนพาล

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่1 เมียตีทะเบียน 4

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 64


    ล่ามรักคนพาล
    มีวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book แล้วค่ะ

    หนังสือสามารถซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์นะคะ








           โมกข์กระตุกยิ้มกับการเก็บไม้เก็บมือของหญิงสาว เธอไม่ได้เอื้อมมือกอดแต่กลับพยายามทรงตัวนั่งหลังตรงหลีกเลี่ยงการโดนตัวอย่างเห็นได้ชัด

           ไม่กอดก็จับเสื้อไว้นัยน์ตาคมมองอากัปกริยาผ่านกระจก เห็นเจ้าตัวเลื่อนสายตามองชั่วครู่ก่อนที่โมกข์จะรับรู้ได้ถึงแรงดึงบริเวณสีข้าง จับดีๆ ตกไป ผมคงไม่ใจดีวนไปรับ

           คนปากแบบนี้น่ะเหรอ ที่เธอเคยพลั้งใจไปหลงรัก ไม่รู้ว่าตอนนั้นหน้ามืดหรือมีอะไรบังตา

           โลกช่างตลกร้ายที่สุดท้ายชีวิตคนสองคนกลับต้องโคจรมาอยู่ร่วมกัน มัสยาคิดว่าทั้งเธอและเขาคงมีเรื่องที่ต้องตกลงกันอีกเยอะ

           คนไม่ได้รักกัน...จะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ?

           แปะ ! แปะ ! แปะ !

           เสียงเม็ดฝนตกกระทบดังขึ้นยิ่งคนขับเร่งความเร็วเท่าไหร่ อาการแสบๆ คันๆ เกิดขึ้นตามแขนยิ่งทวีคูณ เหมือนตอนนี้เรากำลังวิ่งเข้าหาฝนมากกว่า

           ขณะที่หยาดพิรุณยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา มัสยาเลื่อนอ้อมแขนกอดเกี่ยวเอวคนเป็นสามีไว้อย่างจำใจ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้กลิ้งตกรถตามที่เขาปรามาศ

           สุดท้ายโมกข์จำต้องยอมหักเลี้ยวเข้ามาหลบฝนในปั๊มน้ำมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ จอดรถได้ก็พากันวิ่งหาที่พักพิงเนื้อตัวเปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำ

           ดูเหมือนโมกข์จะหัวเสียไม่น้อยที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่เขาตั้งไว้ หัวคิ้วขมวดมุ่นยามที่นัยน์ตาคมจ้องมา  เตือนก็แล้วการที่ฝนตกมันความผิดเธอที่ไหน

           เสื้อคุณเปียกชายหนุ่มตีเสียงขรึม พลางถอดเสื้อหนังสีน้ำตาลตัวนอก

           ค่ะ ก็ฝนตกนี่คะ เราเปียกด้วยกันทั้งคู่ ฝนไม่ว่าแต่ลมพัดแรงด้วยนี่สิ สองแขนโอบกอดตัวเองหวังคลายความหนาวเหน็บ แต่กลับช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่

           เห็นไปถึงไหนต่อไหนสิ้นเสียงแกมตำหนิความมืดก็ปกคลุม โมกข์จับเสื้อตัวที่ถอดออกคลุมศีรษะเธอ จะเรียกว่าจับก็ไม่ถูกน่าจะเหมาะกับคำว่าโยนใส่มากกว่า รู้ว่าฝนจะตก ยังใส่เสื้อสีขาว

           “…”

           “จงใจอ่อยหรือเปล่า ?

           ว่านจำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ

           กระนั้นเธอก็ไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีไปมากกว่าการห่วงสภาพร่างกายตัวเอง ขอบคุณโมกข์ที่ยังมีจิตใจโยนเสื้อให้เธอสวมคลายหนาว ชำเลืองมองคนตัวโตเหมือนว่าเขาไม่ได้สะทกสะท้านต่อลมแม้แต่น้อย

           หิวเสียงเข้มเปรยขึ้น

           มันคือประโยคบอกเล่า หรือประโยคคำสั่งกันแน่

           คุณรออยู่นี่แล้วกันค่ะร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกล แต่จะให้เข้าไปหลบในนั้นคงได้แข็งทื่อ อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ

           “อะไรก็ได้บอกตามตรงว่าเขาเกลียดท่าทีเย่อหยิ่งของมัสยาไม่น้อย บางครั้งสายตาที่หญิงสาวใช้มองกันทำราวกับเขาเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง

           การได้อยู่ห่างจากโมกข์แม้เป็นเพียงไม่กี่นาทีกลับทำให้เธอหายใจโล่งจนน่ามหัศจรรย์ ยอมทนกับความหนาวเมื่อก้าวขาเข้ามาในร้านสะดวกซื้อดีกว่าทนอยู่ใกล้คนจิตใจคับแคบแบบนั้น

           อาหารง่ายๆ ที่ใครหลายคนยกให้เป็นเมนูสิ้นคิดอย่างผัดกะเพราไก่ถูกหยิบขึ้นมา ส่วนตัวเองเลือกกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพราะอยากซดน้ำร้อนๆ มากกว่า

           เดินออกมาฝนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเบาลงสักนิด หวังว่าหลังจากที่ยัดอาหารลงท้องแล้วคงซาๆ ลงไปบ้าง ถึงบ้านคงได้อัดยาพาราแล้วค่อยเข้านอน

           ขอบคุณโมกข์รับกล่องข้าวไปไว้ในมือ ตาก็เพ่งพิศอาหารมื้อเย็นของอีกฝ่าย มาม่า ?

           “ค่ะหน้าตาชายหนุ่มแสดงออกถึงการมีปัญหากับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเธอ ทำไมคะ

           “โซเดียมเยอะคนพูดดูเหมือนชะงักไปชั่วขณะ ตอนที่ย้ายสายตามองของในมือ คงลืมไปว่ากะเพราไก่ตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากของหญิงสาว ช่างเถอะ ไม่ได้กินบ่อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×