คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่1 เมียตีทะเบียน 4
โมกข์กระตุกยิ้มกับการเก็บไม้เก็บมือของหญิงสาว เธอไม่ได้เอื้อมมือกอดแต่กลับพยายามทรงตัวนั่งหลังตรงหลีกเลี่ยงการโดนตัวอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่กอดก็จับเสื้อไว้” นัยน์ตาคมมองอากัปกริยาผ่านกระจก เห็นเจ้าตัวเลื่อนสายตามองชั่วครู่ก่อนที่โมกข์จะรับรู้ได้ถึงแรงดึงบริเวณสีข้าง “จับดีๆ ตกไป ผมคงไม่ใจดีวนไปรับ”
คนปากแบบนี้น่ะเหรอ ที่เธอเคยพลั้งใจไปหลงรัก ไม่รู้ว่าตอนนั้นหน้ามืดหรือมีอะไรบังตา
โลกช่างตลกร้ายที่สุดท้ายชีวิตคนสองคนกลับต้องโคจรมาอยู่ร่วมกัน มัสยาคิดว่าทั้งเธอและเขาคงมีเรื่องที่ต้องตกลงกันอีกเยอะ
คนไม่ได้รักกัน...จะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ?
แปะ ! แปะ ! แปะ !
เสียงเม็ดฝนตกกระทบดังขึ้นยิ่งคนขับเร่งความเร็วเท่าไหร่ อาการแสบๆ คันๆ เกิดขึ้นตามแขนยิ่งทวีคูณ เหมือนตอนนี้เรากำลังวิ่งเข้าหาฝนมากกว่า
ขณะที่หยาดพิรุณยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา มัสยาเลื่อนอ้อมแขนกอดเกี่ยวเอวคนเป็นสามีไว้อย่างจำใจ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้กลิ้งตกรถตามที่เขาปรามาศ
สุดท้ายโมกข์จำต้องยอมหักเลี้ยวเข้ามาหลบฝนในปั๊มน้ำมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ จอดรถได้ก็พากันวิ่งหาที่พักพิงเนื้อตัวเปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำ
ดูเหมือนโมกข์จะหัวเสียไม่น้อยที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่เขาตั้งไว้ หัวคิ้วขมวดมุ่นยามที่นัยน์ตาคมจ้องมา เตือนก็แล้วการที่ฝนตกมันความผิดเธอที่ไหน
“เสื้อคุณเปียก” ชายหนุ่มตีเสียงขรึม พลางถอดเสื้อหนังสีน้ำตาลตัวนอก
“ค่ะ ก็ฝนตกนี่คะ เราเปียกด้วยกันทั้งคู่” ฝนไม่ว่าแต่ลมพัดแรงด้วยนี่สิ สองแขนโอบกอดตัวเองหวังคลายความหนาวเหน็บ แต่กลับช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่
“เห็นไปถึงไหนต่อไหน” สิ้นเสียงแกมตำหนิความมืดก็ปกคลุม โมกข์จับเสื้อตัวที่ถอดออกคลุมศีรษะเธอ จะเรียกว่าจับก็ไม่ถูกน่าจะเหมาะกับคำว่าโยนใส่มากกว่า “รู้ว่าฝนจะตก ยังใส่เสื้อสีขาว”
“…”
“จงใจอ่อยหรือเปล่า ?”
“ว่านจำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ”
กระนั้นเธอก็ไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีไปมากกว่าการห่วงสภาพร่างกายตัวเอง ขอบคุณโมกข์ที่ยังมีจิตใจโยนเสื้อให้เธอสวมคลายหนาว ชำเลืองมองคนตัวโตเหมือนว่าเขาไม่ได้สะทกสะท้านต่อลมแม้แต่น้อย
“หิว” เสียงเข้มเปรยขึ้น
มันคือประโยคบอกเล่า หรือประโยคคำสั่งกันแน่
“คุณรออยู่นี่แล้วกันค่ะ” ร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกล แต่จะให้เข้าไปหลบในนั้นคงได้แข็งทื่อ “อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
“อะไรก็ได้” บอกตามตรงว่าเขาเกลียดท่าทีเย่อหยิ่งของมัสยาไม่น้อย บางครั้งสายตาที่หญิงสาวใช้มองกันทำราวกับเขาเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง
การได้อยู่ห่างจากโมกข์แม้เป็นเพียงไม่กี่นาทีกลับทำให้เธอหายใจโล่งจนน่ามหัศจรรย์ ยอมทนกับความหนาวเมื่อก้าวขาเข้ามาในร้านสะดวกซื้อดีกว่าทนอยู่ใกล้คนจิตใจคับแคบแบบนั้น
อาหารง่ายๆ ที่ใครหลายคนยกให้เป็นเมนูสิ้นคิดอย่างผัดกะเพราไก่ถูกหยิบขึ้นมา ส่วนตัวเองเลือกกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพราะอยากซดน้ำร้อนๆ มากกว่า
เดินออกมาฝนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเบาลงสักนิด หวังว่าหลังจากที่ยัดอาหารลงท้องแล้วคงซาๆ ลงไปบ้าง ถึงบ้านคงได้อัดยาพาราแล้วค่อยเข้านอน
“ขอบคุณ” โมกข์รับกล่องข้าวไปไว้ในมือ ตาก็เพ่งพิศอาหารมื้อเย็นของอีกฝ่าย “มาม่า ?”
“ค่ะ” หน้าตาชายหนุ่มแสดงออกถึงการมีปัญหากับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเธอ “ทำไมคะ”
“โซเดียมเยอะ” คนพูดดูเหมือนชะงักไปชั่วขณะ ตอนที่ย้ายสายตามองของในมือ คงลืมไปว่ากะเพราไก่ตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากของหญิงสาว “ช่างเถอะ ไม่ได้กินบ่อย”
ความคิดเห็น