คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่1 เมียตีทะเบียน 3
‘กลิ่นเกสร’ เปิดมาราวๆ สามปี ตั้งอยู่ย่านอารีย์เป็นร้านอาหารโดยเน้นอาหารไทยเป็นหลัก มีเครื่องดื่มรวมถึงขนมไทยบ้างประปราย มัสยาหุ้นกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยทุ่มแรงกายแรงใจจนกว่าจะอยู่ตัว ตอนนี้กำลังวางแพลนจะขยายสาขาไปยังห้างสรรพสินค้าเพิ่ม
สมัยนี้ร้านอาหารรวมถึงคาเฟ่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด มีให้คนเลือกเยอะพอๆ กับร้านสะดวกซื้อ สิ่งที่จะทำให้ดำรงอยู่ได้ก็คือคุณภาพ ลงทุนสูงส่วนเรื่องกำไรอย่าเพิ่งไปคาดหวังมาก มัสยามองว่ากำไรทั้งหมดก็อยู่กับข้าวของรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในร้าน
ไม่อยากถูกมองเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ อยากพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเธอสามารถพึ่งพาตัวเองได้ แม้ว่าความจริงเงินทุนที่สร้างร้านนี้ขึ้นมาจะมาจากมารดาส่วนหนึ่ง แต่เธอก็แบ่งเก็บแยกบัญชีไว้จนสามารถคืนเงินต้นทุนทุกบาททุกสตางค์จนครบ
มัสยาค้นพบช่องทางสร้างรายได้หลายทาง และไม่อิดออดที่จะทำมองว่าเราต้องปรับตัวให้เข้ากับอะไรยุคสมัย แต่กว่าร้านจะเริ่มอยู่ตัวมันไม่ใช่เรื่องง่าย บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกท้อจนอยากปิดกิจการ แต่ถ้าปิดแล้วพนักงานที่ร้านจะเป็นยังไง ถึงจะมีไม่กี่คนแต่เธอก็รักเหมือนญาติเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
ช่วงสายๆ ตลอดไปถึงบ่ายลูกค้าทยอยเข้ามา ละแวกนี้มีสำนักงานตั้งอยู่พอสมควร ดังนั้นลูกค้าส่วนมากจะเป็นวัยทำงานมากกว่า หากเป็นช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ก็จะเป็นอีกค้ากลุ่มวัยรุ่นซึ่งพากันมานั่งจับกลุ่มติวหนังสือ หรือนัดพูดคุยถ่ายรูปเช็คอิน
“พี่กลับก่อนนะน้ำมนต์ ฝากปิดร้าน เช็กของให้เรียบร้อยด้วยนะ”
ชลตีเป็นพนักงานคนแรกยื่นใบสมัครกับเธอ อยู่ด้วยกันตั้งแต่เริ่มเปิดร้านจนถึงตอนนี้ น้องยังเป็นนักศึกษาหางานทำส่งตัวเองเรียน แม้จะเป็นพาร์ทไทม์แต่มัสยากลับมองว่าไม่ใช่ปัญหา ถือว่าช่วยๆ กันไป
“ได้เลยค่ะพี่ว่าน” เด็กสาวยิ้มกว้าง “ยินดีอีกครั้งนะคะ”
“จ้ะ” คงหมายถึงเรื่องงานแต่งกระมัง “อย่าลืมเอาของกลับไปกินด้วย ได้ไม่ต้องไปซื้อ”
การจราจรในเมืองค่อนข้างติดขัด ยิ่งเป็นช่วงเย็นตอนคนเลิกงานยิ่งไม่ต้องพูดถึง อีกอย่างบ้านครอบครัวสามีนั้นอยู่แถบชานเมือง ดังนั้นคงต้องใช้เวลาพอสมควรถึงจะฝ่าไปได้
นี่ก็ถึงเวลานัดแล้วแต่โมกข์ยังไม่มา คิดว่ารถคงติดอยู่แถวไหนสักที่กระมัง แรงสั่นบวกกับเสียงร้องของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น คนโทรคือโมกข์อย่างที่คิด มัสยากดรับตั้งใจจะบอกว่าเดี๋ยวเดินไปรอหน้าปากซอย เขาจะได้ไม่ต้องวนรถเข้ามารับมันจะเสียเวลา
ทว่า...ปลายสายกลับพูดขึ้นมาห้วนสั้นแต่กระชับใจความ
“ขวามือ” แค่นั้นสายก็ตัดไป
มัสยามั่นใจว่าเธอมองรอบๆ แล้วแต่ไม่เห็น แต่เมื่อเพ่งมองดีๆ อีกทีถึงได้เข้าใจ
ตอนเช้าขับรถยนต์แล้วเหตุใดตกค่ำถึงควบมอเตอร์ไซด์ มัสยาไม่มีความรู้เรื่องรถเท่าไหร่แต่มองเจ้าเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนสองล้อสีดำนี้ชื่อของมันคงไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
“ขึ้นมา” เขาสั่งเสียงเข้ม แถมยังใช้มือตบเบาะเป็นตัวเร่ง “หรือรอให้ผมปูพรมให้”
“หมวกกันน็อคล่ะคะ” มัสยาไม่ได้มีปัญหาในการซ้อนท้ายเจ้ารถคันนี้ แต่โมกข์ควรมีเครื่องป้องกันให้เธอไม่ใช่หรือไง
“เอาไปใส่เอง” สิ้นคำหมวกนิรภัยหลุดลอยจากมือซึ่งเธอเกือบรับไว้ไม่ทัน มัสยาพยายามระงับอารมณ์ที่เริ่มปะทุในใจ
กับเธอ...โมกข์ไม่เคยเกรงใจคิดจะกระทำกันยังไงก็ได้
“ดูเหมือนฝนจะตกนะคะ” ดวงตากลมเหลือบมองฟ้าที่มีเมฆสีมืดกำลังเคลื่อนตัวรวมกลุ่มเกาะกัน ลมที่พัดผ่านมาดูคล้ายมีแววว่าจะตก
“รู้ดี” คนตัวโตแค่นเสียงเย้ยหยัน
“ว่านดูจากแอปฯ น่ะค่ะ” ไม่กระแนะกระแหนกันสักครั้งคงไม่ใช่โมกข์ มัสยาเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าไปโต้ตอบเขามาก เดี๋ยวจะพาให้เครียดจนปวดหัว
“รีบขึ้นมา” ชายหนุ่มเพิกเฉยต่อคำเตือนนั่น “อย่ามัวแต่ลีลา”
ความคิดเห็น