ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่ามรักคนพาล

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1 เมียตีทะเบียน 2

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 64


    ล่ามรักคนพาล
    มีวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book แล้วค่ะ

    หนังสือสามารถซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์นะคะ








          “อาหารไม่อร่อยเหรอคะสาบานได้ว่าตัวเองถามอย่างนุ่มนวล แต่กลับได้รับสายตาฟาดฟันกลับมาเป็นคำตอบ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางเบา หรือมันไม่ถูกปาก

           โมกข์แค่นหัวเราะยกมือกอดอกปรายตามองหญิงสาว วันเวลาผ่านไปไม่คิดว่ามัสยาจะเปลี่ยนแปลงราวกับเป็นคนละคน หรือแท้จริงมันเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่ง

           ใช่เสียงทุ้มติดเย้ยหยันดังขึ้น ไม่อร่อย ไม่ถูกปาก

           ถ้อยคำเจ็บแสบไม่ได้สร้างความสะเทือนให้แก่มัสยาแต่อย่างใด หากเทียบกับเมื่อก่อนยังถือว่าเบามาก หนักกว่านี้เธอก็ผ่านมาแล้ว คิดไปคิดมาก็คงต้องขอบคุณโมกข์ที่สอนให้เธอได้สัมผัสกับความเจ็บปวดมาก่อน

           “แปลกนะคะ มัสยาคลี่ยิ้มจางๆ คุณคงไม่ค่อยได้กลับบ้าน ถึงจำรสชาติอาหารฝีมือของพี่พรไม่ได้

           นี่คือตัวอย่างของคนที่จ้องแต่จะหาเรื่องกัน โมกข์มีอคติต่อเธอสูงจนเกือบเท่าภูเขา ขอแค่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่หรือรู้สึกเจ็บปวด เขาก็จะรู้สึกบรรลุเป้าหมาย

           แต่ถ้าถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหม เมื่อก่อนอาจจะใช่

    แต่ตอนนี้ไม่แล้ว

           คุณโมกข์จะหาทานข้างนอกบ้านก็ได้นะคะ ว่านไม่ซีเรียส

           กำลังกระแนะกระแหนผม ?คิ้วดกดำเลิกขึ้น มองแล้วดูยียวนในสายตาหญิงสาว

           ที่ว่านบอกแบบนั้น เพราะว่านรู้ว่าคุณโมกข์ไม่ชอบฝืนตัวเอง ยิ่งถ้ามันไม่อร่อยไม่ถูกปาก การที่ซื้อข้างนอกทานมันก็เป็นวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอคะ

           “อ้อโมกข์แค่นหัวเราะ นี่ถือว่ากำลังชี้โพรงให้กระรอกหรือเปล่า ?

           “เรากำลังคุยเรื่องอาหารกันอยู่ใช่หรือเปล่าคะมัสยาส่งยิ้ม ขณะที่อีกคนจ้องตากลับมาอย่างดุดัน เอาเป็นว่าเรื่องอาหาร คุณโมกข์คงไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหมคะ

           “ตามนั้นโมกข์กัดฟันตอบ เดี๋ยวนี้มัสยามีชั้นเชิงมากขึ้น นอกจากจะไม่โวยวายเขาเรื่องเมื่อคืนเจ้าตัวยังไม่ปริปากถามสักคำ

           ดีเหมือนกัน ถือว่าเธอรักษากฎที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรก มัสยาไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเขา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม !

          

           คนที่บอกอาหารไม่ถูกปากสุดท้ายก็นั่งกินจนข้าวหมดจาน มัสยาลอบสังเกตแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร

           วันใหม่หลังการแต่งงานทั้งโมกข์ทั้งเธอยังคงดำรงชีวิตตามปกติ เขาเข้าบริษัทส่วนเธอก็ต้องเข้าไปดูแลร้านตัวเองเช่นกัน แม้สถานะสามีและภรรยาจะได้มาแบบผูกมัด แต่มัสยาไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าขาดตกบกพร่องในเรื่องของหน้าที่ศรีภรรยา ลำพังตัวเธอเองนั้นไม่เท่าไหร่แค่กลัวว่ามันจะไปกระทบถึงผู้หลักผู้ใหญ่

           ตื่นแต่เช้าตระเตรียมของให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีก่อนลงมา ทั้งเสื้อผ้า เนคไท หรือแม้กระทั่งบีบยาสีฟัน เพียงแต่การแต่งกายของโมกข์ในวันนี้ไม่ใช่ชุดเดียวกับที่เธอจัดให้

           เท่านี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่า...เขาไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอ

           มัสยาหาได้ใส่ใจ คิดแค่ว่าทำๆ ไปดีกว่าให้เขามาว่าลับหลังได้ เธอทำได้หมดเว้นแต่เรื่องบนเตียง

           สายแล้วเธอต้องรีบออกไปดูแลกิจการร้านค้าตัวเอง ทว่ายังไม่ทันได้สอดตัวเข้าไปนั่งกลับมีฝ่ามือใหญ่ยันค้ำไว้กับขอบประตูรถเสียก่อน

           โมกข์สบตาเธอชั่วขณะ ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งเธอเคยปรารถนาและอยากครอบครองผู้ชายคนที่กำลังเหยียดยิ้มอย่างร้ายกาจในตอนนี้

           เย็นนี้ต้องไปกินข้าวที่บ้านเขาบอกเจตนารมณ์ที่ลงทุนเดินมาบอกกันอย่างนี้

           ค่ะมัสยาตอบรับยิ้มๆ กี่โมงคะ

           “ไปด้วยกันดูคล้ายกับว่าโมกข์ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

           คำว่า ไปด้วยกันถ้าขยายใจความก็คงประมาณว่าให้เธอไปรถคันเดียวกับโมกข์ เขาคงไปส่งที่ร้านแล้วพอตกเย็นก็ตรงมารับเธอไปกินข้าวที่บ้านใหญ่ ตัดปัญหาการตอบคำถามผู้ใหญ่ว่าเหตุใดถึงแยกกันมา

           มัสยาเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ เธอไม่ต่อล้อต่อเถียงจึงปิดประตูรถแล้วล็อคเสร็จสรรพ โดยที่โมกข์เดินไปรอที่รถอีกคัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×